My Boss My Angel เจ้านายที่รัก นางฟ้าของผม
เขียนโดย จิณตนากานต์
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.21 น.
แก้ไขเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 17.03 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) คนละชั้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผ่านมาหลายวันผมก็ยังคงเพ้อถึงเธออยู่จนไม่มีกระจิตกระใจจะทำงานผมถึงกับเลิกหางานอื่นและรอคอยเพียงการติดต่อกลับมาจากบริษัทนั้นผมเล่าเรื่อเธอให้แม่ของผมฟังตอนที่เรานั่งทานข้าวด้วยกัน
“เธอต้องสวยมากแน่ๆ” แม่ผมว่าพร้อมกับยิ้มในความเพ้อของผมแม้แม่ผมจะเป็นครูที่ดูดุใจสายตาคนอื่นแต่สำหรับผมแม่คือคนที่ใจดีที่สุดในชีวิตผมเลยถึงผมจะทำอะไรผิดแม่ก็จะนั่งคุยกับผมจนผมยอมรับผิดไปเองแม่ไม่เคยว่าหรือตีผมเลยสักครั้งผมเลยเปิดใจคุยกับแม่ได้ทุกเรื่อง
และไม่นานผมก็ได้รับข่าวดีเมื่อในที่สุดทางบริษัทนั้นก็ติดต่อกลับมาว่าผมผ่านการสัมภาษณ์และถามถึงวันที่ผมสะดวกจะเริ่มงานซึ่งแน่นอนว่าผมพร้อมไปทำงานทุกวินาทีอยู่แล้วผมเลยตอบกลับไปทันทีว่าผมจะเข้าไปในวันรุ่งขึ้น
ผมตื่นเต้นแทบจะนอนไม่หลับเหมือนฝันผมจะกลายเป็นจริงผมจะได้เจอเธออีกครั้งจริงๆแม้จิตใจผมอยากจะมโนไปไกลกว่านั้นแต่ก็ต้องอดใจไว้สวยขนาดเธอก็คงไม่แปลกที่จะไม่โสดแต่ก็ไม่เป็นไรแค่ได้เห็นหน้าเธออีกครั้งผมก็ดีใจแล้วและด้วยความตื่นเต้นจนไม่เป็นอันหลับอันนอนก็ทำให้ผมสะตุ้นตื่นก่อนเวลาที่ตั้งปลุกผมลุกมาอาบน้ำแต่งตัวและลงไปทานมื้อเช้าที่ผมเตรียมไว้เรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนผมลงมาเร็วพอดีกับเวลาที่แม่ผมเพิ่งตื่นทั้งๆที่ปกติผมมักตื่นสายกว่าแม่เสมอผมรีบทานและออกจากบ้านทั้งด้วยความตื่นเต้นและกลัวการจราจรยามเช้าของกรุงเทพและด้วยความตื่นตูมของผมก็ทำให้ผมมาถึงบริษัทก่อนเวลาเกือบชั่วโมงผมเข้าห้องน้ำจัดระเบียบการแต่งตัวและเตรียมใจอยู่สักพักก่อนเข้าไปติดต่อที่แผนกบุคคลแต่มันคงเช้าเกินไปพี่นาคนที่สัมภาษณ์ผมยังไม่เข้าทำงานพนักงานต้อนรับเลยพาผมเข้าไปนั่งรอในห้องรับรองไปพลางๆห้องรับรองที่นี้กว้างขวางพอสมควน่าจะจุคนได้ชัก 20 คนสบายๆผมมองผ่านกระจกกั้นห้องไปยังบริเวณโต๊ะทำงานด้านนอกที่ถูกตกแต่งในโทนเดียวกันโต๊ะเก้าอี้ถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดูสบายตาพนักงานเริ่มเข้าทำงานประปรายใบหน้าแต่ละคนดูสดใสกระปรี่กระเปร่าพวกเขาดูมีความสุขในการทำงานต่างจากมนุษย์เงินเดือนที่ผมพบเจอทั่วๆไปผมกวาดสายตามองสำรวจไปรอบๆห้องบนโต๊ะรับแขกมีนิตยสารวางอยู่ประปรายและผมก็ต้องสะดุดตากับนิตยสารภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งเพราะภาพของเธอปรากฎอยู่บนหน้าปกนิตยสารหรือเธอจะเป็นดาราผมคิดพลางหยิบนิตยสารเล่มนั้นขึ้นมาดูด้วยความรู้ภาษาอังกฤษระดับอนุบาลของผมเพียงอ่านชื่อเธอที่สะกดด้วยภาษาอังกฤษก็เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผม PRAEWWANIT แพรไม่สิแพรว-วา-นิดน่าจะใช่ละมั้ง
“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นฉุดผมกลับมาก่อนที่ผมจะเพ้อล่องลอยไปในวิมานในอากาศพี่นานำสัญญามาให้ผมอ่านและเซ็นรับพร้อมอธิบายระเบียบที่ทำงานและสวัสดิการให้ผมฟังอย่างละเอียดก่อนจะอาสาพาผมไปแนะนำที่แผนกบัญชี
“อ่านคอลัมน์คุณแพรอยู่เหรอคะ” พี่นาถามขึ้นขณะกำลังจะลุกออกจากห้องผมทำหน้างงเหรอหราเธอเลยชี้ไปที่นิตยสารที่ผมเพิ่งหยิบขึ้นมาดูเมื่อครู่นี้
“อ๋อยังไม่ทันอ่านเลยครับ” ผมตอบพลางเก็บหนังสือนั้นเรียงเข้าที่ตามเดิม
“คุณแพรเธอเป็นคนเก่งนะคะเปิดบริษัทกับต่างชาติตั้งแต่อายุยังน้อยตัวจริงนี่น่ารักมากเลยละค่ะ”
“คุณแพรคะ..คือ...” ผมถามแบบกล้าๆกลัวๆจะเออออตามก็กลัวจะตายกลางคันเพราะผมยังปะติดปะต่อเรื่องราวอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“คุณแพรแพรวนิตเป็นบอสของเราค่ะคุณแพรเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทร่วมกับเพื่อนชาวต่างชาติที่เรียนมาด้วยกัน...” พี่นายังคงพูดต่อไปแต่ผมหูดับไปตั้งแต่ได้ยินคำว่าบอสแม้ผมจะโง่อังกฤษแต่คำนี้ผมก็พอเข้าใจเข้าใจมากพอที่จะทำให้ผมตื่นจากความฝันที่ผมพร่ำเพ้ออยู่หลายวันมันคงเป็นได้แค่ฝันลมๆแล้งๆที่ไม่มีวันเป็นจริง
“เธอนั้นสูงเกินจะไฝ่...” สามทุ่มกว่ากว่าผมจะฝ่าการจราจรแออัดยามเย็นมาถึงบ้านด้วยสภาพห่อเหี่ยวหลังจากที่รู้ความจริงผมมันเป็นคนไม่เจียมตัวแอบไปหลงรักบอสไม่รู้ด้วยความบังเอิญหรือสวรรค์กลั่นแกล้งที่ทำให้แม่ผมเปิดรายการที่มีเพลงประกอบเสียดแทงจิตใจเข้าอย่างจัง
“กลับมาแล้วเหรอกินอะไรมาหรือยัง” แม่ผมถามเหมือนทุกครั้งที่ผมกลับบ้านผมยังไม่ได้กินอะไรและก็ไม่มีความอยากอาหารแม้แต่น้อยแต่แม่มักจะทำอะไรไว้เพื่อผมเสมอและเวลากินข้าวเย็นก็เป็นเวลาเดียวที่ผมจะพูดคุยเรื่องราวที่ผมไปพบเจอในแต่ละวันมาให้แม่ฟัง
“ยังเลยครับ” ผมก็ไปแล้วก็เป็นไปตามคาดแม่ผมเตรียมอาหารไม่ได้ผมจริงๆแม้ว่าผมจะไม่หิวเท่าไหร่นักแต่ด้วยอาหารฝีมือแม่ที่ไม่มีใครเทียบได้ก็สามารถทำให้ผมเจริญอาหารได้ไม่ยากนัก
“ที่ทำงานเป็นอย่างไรบ้าง” แม่ถามขณะนั่งดูผมกินข้าว
ผมเผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่โดยไม่รู้ตัว
“บอยไม่ได้เจอเธอคนนั้นเหรอ” แค่ถอนหายใจแม่ก็รู้ว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไรไม่มีใครรู้ใจผมเท่าแม่อีกแล้วจริงๆ
“ผม... คงไม่มีหวังแล้วหรอครับ”
“ทำไมล่ะ”
“เธอไม่ใช่พนักงานบริษัทครับแต่เป็นบอสเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทครับ” ผมตอบอย่างหมดเรี่ยวแรงทั้งกายและใจรู้สึกได้ถึงความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ต้องคิดจะเริ่มต้น
“บอยก็เป็นคนดีนะลูกอย่าเพิ่งหมดหวังสิ”
“ผมคิดว่า... ดีอย่างเดียวคงไม่พอสำหรับบอสหรอกครับ” ความห่อเหี่ยวครอบงำจิตใจผมเกินกว่าที่ผมจะมีแรงไปเห่าเครื่องบินความกระตือรือร้นอยากไปทำงานก็เริ่มเหือดหายจนผมกลายเป็นพนักงานบัญชีน่าเบื่อๆคนเดิมเพิ่มเติมคือความบอบช้ำ T T
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ