ดิษยาข้ามภพ

8.7

เขียนโดย Onnicha

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.31 น.

  7 chapter
  2 วิจารณ์
  8,385 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 16.08 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เตรียมตัวสวย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 6
เตรียมตัวสวย
 
 
 
ต้นน้ำพยายามโทรติดต่อหนูนาซึ่งตอนนี้อยู่ที่ฮ่องกงเท่าไหร่ หนูนาก็ไม่ยอมรับสาย เขาประสาทจะกินอยู่แล้วที่คราวนี้เห็นดิษยาหายไปต่อหน้าต่อตา ถึงแม้ในจดหมายที่ดิษยาอ่านจะบอกว่าเธอจะเดินทางข้ามเวลาได้อีกแปดครั้งนั่นหมายความว่าเธอจะกลับมาที่นี่ก็เถอะ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าแต่ละครั้งที่ไปไปนานแค่ไหน ถ้าเธอหายไปคราวละสิบปี การหายตัวไปของดิษยาไม่ทำให้เขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยลักพาตัวดีเจสาว หรือไม่ก็อุ้มฆ่าอำพางเลยเหรอ
เมื่อเห็นว่าหนูนาไม่มีทีท่าว่าจะอ่านข้อความในไลน์ หรือโทรกลับมา ต้นน้ำก็เลยหันไปแกะกล่องข้าวกระเพราไก่กิน อย่างน้อยกองทัพก็ต้องเดินด้วยท้อง หิวไปก็ไม่ช่วยให้เพื่อนของเขาข้ามเวลากลับมาเร็วขึ้น กินข้าวเสร็จก็ตามด้วยเบียร์สามขวดที่ฝากจุ๊บแจง แม่บ้านของดิษยาซื้อมา ดื่มไปได้ขวดครึ่งเขาก็นึกขึ้นได้ว่านอกจากจะการเกิดอุบัติเหตุแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตอนดิษยาข้ามเวลาคือเธอถูกเรียกชื่อ ไม่แน่ว่าถ้าเขาเรียกชื่อเธอ เธออาจจะกลับมาก็ได้ คิดได้ดังนั้นจึงลองเรียกชื่อเพื่อนสนิทดู
“สยา”
“สยา”
ดีเจต้นน้ำลองพยายามเดินไปเรียกเธอบริเวณต่างๆของบ้าน แต่ก็ไร้วี่แว่วของดิษยา เห็นทีว่าคืนนี้ดิษยาคงจะไม่กลับมาแล้ว เขาจึงตัดสินใจดื่มเบียร์ส่วนที่เหลือให้หมดก่อนจะเดินไปนอนในห้องนอนซักห้องของเรือนไม้นี้
 
 
“สยา แกจะกลับเมื่อไหร่ สยา~” ต้นน้ำฝันถึงดิษยา จึงได้นอนละเมอจนถึงเช้า
“อร๊าย!” ดิษยาโผล่มากลางอากาศก่อนจะสะดุดกับดีเจต้นน้ำที่นอนอยู่บนเตียงไม้โบราณในห้องนอนของคุณยายจวง จนเธอล้มเอาหน้าฟาดลงกับพื้นไม้ ยังดีที่เธอเอามือสองข้างปิดตา จมูก ปาก คางของตัวเองเอาไว้ทัน
“อุก!” ดีเจต้นที่โดนดิษยาเตะเข้าให้ที่สีข้างเมื่อครู่รู้สึกตัวตื่น ตามมาด้วยรู้สึกถึงอาการปวด
“โอ้ยยย เจ็บ~” ทั้งสองโอดครวญพร้อมกัน
ดิษยาลุกขึ้นมาจากพื้นพลางกุมหัวตัวเองที่เมื่อครู่กระแทกกับพื้นไม้ดังปั้ก ก่อนจะหมุนตัวกลับไปหันไปมองต้นตาเสียงโอดครวญของเพื่อนรัก
“อีต้น”
“นังฆาตกร” ดีเจต้นว่าก่อนจะดันตัวลุกขึ้นมาช้าๆ มือข้างนึงกุมสีข้างตัวเอง “ฉันจะตายมั้ยเนี่ย”
“ฉันกลับมาแล้วแก”
“คราวหลังไม่ต้องกลับมะ?”
 
หลังจากทั้งสองทำแผลและทายาเสร็จ ต้นน้ำก็ซักไซร้ไล่เรียงดิษยาถามถึงเรื่องว่าเธอไปเจออะไรมาบ้าง ได้เจอกับผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนคุณแม่แก้วของเธอย่างกับแกะรึเปล่า ดิษยาตกใจที่ต้นน้ำทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดของเธอ แม้จะจำได้ลางๆแต่ที่ต้นน้ำพูดออกมานั้นตรงกับที่เธอไปเผชิญมาทั้งสิน
“เท่าที่ฉันจำได้สุดท้ายคือแกเดินไปที่บ้าน ไม่ใช่ดิ กระท่อมหลังเล็กๆ แล้วก็ตื่นมาเพราะโดนแกเตะเข้าให้นี่แหละ”
“แปลว่าแกเห็นแค่บางส่วนเหรอ เหมือนกับที่แกกับหนูนาฝันเห็นฉันตอนที่ฉันข้ามภพไปอดีตครั้งแรก”
“เสียดายที่มันเป็นความฝัน พอตื่นมาบางเรื่องฉันก็จำได้ บางเรื่องก็ไม่ได้นี่สิ” ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างใช้ความคิดก่อนจะสะดุ้ง เพราะตกใจเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของต้นน้ำ
“ฮัลโหลหนูนา” ต้นน้ำรับสายก่อนจะกดเปิดลำโพง “เมื่อคืนแกฝันถึงอะไรแปลกๆรึเปล่าน่ะ?”
“ก็ไม่หนิ หลับสบายดี โรงแรมนี้ระดับไฮคลาส ไม่มีผีหรอกย่ะ....แกแล้วสยากลับมารึยัง โทษทีไม่ได้รับพอดีลืมโทรศัพท์ไว้ที่โรงแรม” หนูนาคงได้ฟังข้อความเสียงที่ต้นน้ำส่งให้ในไลน์แล้ว ถึงได้รีบโทรมาแต่เช้า
“กลับมาแล้ว” ดิษยาพูดใส่โทรศัพท์ “งั้นแสดงว่ามีแค่แกที่ฝันถึงฉันต้น”
“มันต้องเป็นเพราะบ้านนี้แน่ๆ ฉันว่าแล้วมันต้องมีอะไร บ้านเก่า แถมตั้งอยู่ที่อยุธยาอีก”
“เอาแล้วววว.....ฉันว่าใช่ เพราะว่าฉันไม่ได้นอนที่นั่น ฉันก็เลยไม่ฝันถึงแกสยา บ้านหลังนี้มันอาจจะเป็นเหมือนตัวเชื่อมระหว่างอดีตกับปัจจุบันก็ได้” หนูนาให้เหตุผล
 
“มีใครอยู่มั้ยจ๊ะ จุ๊บแจงเองจ้ะ”
จุ๊บแจงมายืนตะโกนอยู่หน้าบ้าน ดูเหมือนเธอจะไม่กล้าโทรเข้าโทรศัพท์มือถือของดิษยาเหมือนเมื่อวาน ดิษยากับต้นน้ำตะโกนตอบ ก่อนจะตัดสายของหนูนาทิ้งพร้อมทั้งสัญญาว่าจะโทรหาใหม่หรือไม่ก็นัดเจอกันที่กรุงเทพหลังจากที่บินกลับมาที่ไทยแล้ว
“ขะ....คุณสยา”
“ทำไมทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้นล่ะ” ดิษยาค้นซองเงินเดือนของจุ๊บแจงในกระเป๋า coach ของเธอ ก่อนจะยื่นมันให้กับจุ๊บแจง “นี่เงินเดือนเดือนนี้จ้ะ”
“โอ้ย ก็เมื่อคืนที่แกตกบันไดน่ะสิ พอดีมันมืดจุ๊บแจงก็เลยนึกว่าแกหายตัวได้” ต้นน้ำพยายามแสดงละคร แม้เขาจะไม่ได้เป็นนักแสดงแต่ก็มั่นใจว่าเล่นเก่งกว่าดิษยาแน่นอน “นี่ฉันก็ตกใจเหมือนกันนะตอนแรก ที่ไหนได้ลงไปนอนที่พื้น ดูซิเนี่ยหัวปูดเชียว” ทำท่าตกใจเอามือทาบอก ก่อนจะจับคางของดิษยาโยกซ้ายขวาไปมา “จะเดินแบบได้มั้ยเนี่ย อย่างเนี้ยะ”
“คุณสยาเป็นมากมั้ยจ๊ะ ไปหาหมอดีกว่ามั้ยจ๊ะ” จุ๊บแจงเริ่มจะเชื่อที่ต้นน้ำบอกว่าเมื่อคืนเธอตาฝาด เมื่อเห็นว่าดิษยาเจ็บตัวอย่างที่ว่า
ดิษยาตอบปฏิเสธเพราะที่เธอเป็นก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร เตียงของคุณยายจวงที่เธอสะดุดลงมาก็ไม่ได้สูงมาก แค่ฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้น แต่รอยฟกช้ำนี่ก็ทำให้เธอไปเดินแบบพรุ่งนี้ไม่ได้จริงๆนั่นแหละ แต่ถึงยังไงวันนี้เธอก็ต้องขับรถกลับกรุงเทพเพื่อไปส่งต้นน้ำให้ทันจัดรายการตอนห้าโมง สองคือเธอต้องการที่จะหาข้อมูลของยุคสมัยที่เธอย้อนไปให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นประโยชน์กับตัวเธอเอง
“แล้วแกย้อนไปสมัยของพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ไหนของอยุธยาล่ะเนี่ย” ต้นน้ำถามขึ้นหลังจากจุ๊บแจงขอตัวไปทำความสะอาดห้องครัว
“ฉันยังไม่รู้เลย”
“เอ๊า นังบ้า! มันควรจะเป็นคำถามแรกๆที่ต้องถามก่อนไม่ใช่รึไงยะ!”
“ก็มัวแต่ดีใจที่ได้เจอแม่แก้ว แล้วก็มัวแต่เสียเวลาทะเลาะกับยายป้าทิพย์อะไรนั่นด้วย...ก็เลยลืมไปเลย” ดิษยายิ้มแห้ง
“สยา...ถ้าแกอยู่ในยุคที่จะเกิดสงครามล่ะก็ แกตายคนแรกแน่ๆ...ดูสิ ขนาดเรียนวิชาประวัติศาสตร์แกยังได้ซีบวก”
“ฉันก็พอรู้หรอกย่ะ”
“งั้นแกรู้จักจตุสดมภ์มะ?”
“Who?” ดิษยาเลิกคิ้วถามเสียงสูง เล่นเอาดีเจต้นน้ำกุมขมับ
“ตาย ตายแน่ๆ” หากใครเป็นเพื่อนสนิทของดิษยาจะรู้ว่าเธอนั้นเป็นคนเรียนเก่งมาก แม้เธอได้เกรดเอทุกวิชา ทว่ายกเว้นวิชาที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ จนทำให้อาจารย์ที่ปรึกษาเธอตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายไปจนถึงอุดมศึกษาต่างพูดว่า เธอจะสามารถเป็นอะไรก็ได้ในโลกนี้ ยกเว้นนักประวัติศาสตร์ แถมเธอนั้นพูดได้เพียงสองภาษา นั่นคือภาษาไทยและภาษาอังกฤษเท่านั้น
‘ฝรั่งเศสนางก็ไม่ได้ ภาษาโปรตุเกสเหรออย่าหวังเลย’ ต้นน้ำหันมามองเพื่อนสาวที่ตอนนี้กำลังเป็นสารถี ขับรถพาเขาเข้ากรุงเทพอยู่
 
ดิษยากลับมานอนเล่นที่คอนโดได้ซักพักหลังจากที่ไปส่งต้นน้ำที่บ้านและโทรไปยกเลิกงานเดินแบบโดยให้เหตุผลว่าเธอตกบันได และหน้าผากเธอก็บวกปูดออกมาด้วย ทางผู้จัดงานก็เข้าใจและไม่ได้ต่อว่าอะไรเพราะเป็นเหตุสุดวิสัย พอพักจนหายเหนื่อยกับการเดินทางแล้วเธอยกแลปท็อปตัวเก่งของเธอขึ้นมาบนเตียงก่อนจะลงมือหาข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์กับเธอที่สุดเมื่อเธอข้ามภพไปเป็นพิมพ์แพร
นั่นคือข้อมูลของสมุนไพรไทยที่จะสามารถช่วยรักษาสิว, ช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หยาบกร้าน และช่วยลดความมันของใบหน้าลงได้
เธอสั่งให้อิ่มเตรียมสมุนไพรบางชนิดที่เธอพอจะนึกออกเมื่อตอนนั้นมาแล้ว แต่ก็จำไม่ค่อยได้เท่าไหร่ว่าอะไรใช้สำหรับอะไร และกูเกิ้ลดูเหมือนจะเป็นทางรอดของเธอ
 
ว่านหางจรเข้ – ช่วยลดการอักเสบ และช่วยให้ผิวชุ่มชื่นกระจ่างใส
หัวไชเท้า – ทำให้สิวแห้งไว ลดจุดด่างดำ ชะลอริ้วรอยแห่งวัย
ใบบัวบก – ฟื้นฟูผิวเสื่อมสภาพ ลดเลือนรอยหมองคล้ำ
มะละกอ – ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว และทำให้ผิวนุ่ม
มะนาว – ทำให้ผิวกระจ่างใส และกระชับรูขุมขน
หอมแดง – ต่อต่านอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบของผิว
มะขามเปียก – ชำระสิ่งอุดตันในรูขุมขน และลดความมัน
ขมิ้น – ต่อต้านแบคทีเรีย
 
“อย่างนี้นี่เอง สมุนไพรไทยนี่มีสรรพคุณเยอะจริงๆเลยน้า” ดิษยายิ้มให้กับโน๊ตที่เธอเพิ่งจะจดลงไปในสมุดไดอะรี่ของเธอ
เมื่อคราวที่เธอเริ่มเข้าวัยสาวเธอก็เคยเป็นสิวที่แก้มทั้งสองข้าง เธอจำได้ว่าคุณยายจวงพยายามหาสมุนไพรพวกนี้มาเตรียมไว้ให้เธอทุกวัน จนในที่สุดเธอก็หายเป็นสิว แต่พอย้ายมาอยู่กรุงเทพเธอไม่ค่อยมีเวลาเหมือนแต่ก่อน การดูแลผิวของเธอก็เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์เคาท์เตอร์แบรนด์มากขึ้น เพราะสะดวกกว่า
“ฮัลโหลค่ะ น้ากิ่ง” เธอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดรับ
น้ากิ่งกาญจน์ของเธอโทรมาเพื่อจะบอกว่าจะขอเลื่อนงานทำบุญครบรอบวันเสียชีวิตของแม่แก้วและคุณยายจวงไปเป็นสิ้นเดือนหน้าเพราะว่า หนูอริส หรืออริโซน่า หลานสาววัยหกขวบของเธอจะปิดเทอมพอดี จะได้มาด้วยกันกับแม่เลย ดิษยาเองก็ไม่มีปัญหาอะไรจึงตอบตกลงและตัวเธอเองก็คิดถึงหลานมากด้วย
“บั๊ยบาย อริส” เธอทำปากจูจุ๊บใส่กล้องมือถือ เพื่อบอกลาหลานสาวผ่านวิดิโอคอล
 
หลังจากเธอท่องจำสรรพคุณของสมุนไพรที่เธอจะใช้รักษาสิวได้ขึ้นใจแล้วจึงหันไปอัดคลิปวิดิโอสอนแต่งหน้าลุคแต่งหน้าแต่เหมือนไม่แต่งที่ถูกรีเควสมาในคอมเมนต์ของช่องยูทูปเธอมากที่สุด อันที่จริงเธอเคยทำลุคนี้มาครั้งนึงเมื่อสองปีที่แล้ว เธอก็เลยคิดว่าลองทำออกมาอีกคลิปแต่ใช้ผลิตภัณฑ์ของสปอนเซอร์น่าจะดี นอกจากนั้นสมัยนี้ผู้หญิงเน้นการแต่งหน้าแบบโชว์ผิวมากขึ้นด้วย คลิปเธอน่าจะมียอดวิวและรายได้เยอะทีเดียว
กว่าที่เธอจะอัดวิดิโอและตัดต่อเสร็จก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน ไหนเธอยังจะต้องจัดกระเป๋าเพื่อจะไปพักที่เรือนไม้ที่อยุธยาอีกอาทิตย์นึง เธอฝากเพื่อนในวงการอีกคนที่มักจะทำหน้าที่เป็นดาราและพิธีกรให้มาเป็นดีเจแทนเธอที่คลื่น Hot Talk ระหว่างที่เธอไม่อยู่
“แกแน่ใจนะว่าไปคนเดียวได้” ต้นน้ำทักแชทมาขณะที่กำลังรอถ่ายรายการที่เขาเป็นแขกรับเชิญ
“สบายมาก ขอบใจนะที่เป็นธุระบอกพี่โปรดิวเซอร์ให้”
“เออไม่เป็นไรหรอก ยัยหนูนาจะฆ่าฉันมั้ยเนี่ยที่ปล่อยแกไปคนเดียว”
“ไม่หรอก เจอกันคราวหน้าเดี๋ยวไปงานพูลปาร์ตี้กัน บัตรอยู่ที่ยัยหนูนาแน่ะ หวังว่าจะกลับมาทัน”
“โอเคๆ”
 
 
ถัดมาอีกวันหลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จ ซักบ่ายสามโมงดิษยาก็ขับรถสปอร์ตคู่ใจมุ่งหน้าไปที่อยุธยาทันที คราวนี้เธอโทรสั่งให้จุ๊บแจงเตรียมพวกอาหารสด ผักและผลไม้ใส่ตู้เย็นไว้ให้เธอจนเต็มตู้ เพราะเธอตั้งใจที่จะไม่ออกไปไหน อีกอย่างจุ๊บแจงจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมเธอไม่เรียกหาให้ช่วยไปซื้อโน่นซื้อนี่อย่างที่เคยทำเนื่องจากเข้าใจว่าเธอทำอาหารกินเอง
ขับรถมาถึงอยุธยาก็เกือบจะห้าโมงเพราะรถติดเนื่องจากมีอุบัติเหตุระหว่างทางทำให้ช่องทางการจารจรไม่สะดวกนัก ดิษยาต้องการจะโทรหาจุ๊บแจงเพื่อบอกว่าสามสี่วันนี้ไม่ต้องมาทำความสะอาดบ้าน เพราะเธอต้องการสมาธิในการอัดวิดิโอลงยูทูป ไม่อยากให้มีเสียงหรืออะไรมารบกวน แต่ทว่าจุ๊บแจงก็ไม่รับสาย เธอจึงเปลี่ยนไปใช้การส่งข้อความหาแทน จากนั้นก็ดับเครื่องรถก่อนจะเดินขึ้นเรือนไป
จุ๊บแจงทำความสะอาดบ้านให้เรียบร้อยเช่นเคย ดิษยาเอานิ้ววาดไปตามหลังตู้แล้วยกขึ้นมาดูก็พบว่าไม่มีฝุ่น เดินไปเปิดตู้เย็นก็พบว่ามีทั้งผัก ผลไม้ เนื้อหมูและเนื้อไก่ตามที่เธอสั่งไว้ ดิษยาเดินเข้าไปในห้องของคุณยายจวงก่อนจะทะยอยเอาของจากกระเป๋าลากของเธอออกมาเก็บในตู้เสื้อผ้าและลิ้นชัก
ทุ่มกว่าๆจุ๊บแจงนึกขึ้นได้ว่าเธอชาร์ตโทรศัพท์ทิ้งไว้ที่เรือนครัวตอนที่ทำความสะอาด จึงขี่มอเตอร์ไซต์คันเก่าของเธอมาจอดหน้าบ้านไม้ของดิษยา เมื่อเห็นว่ารถของดิษยามาจอดที่โรงรถแล้วจึงได้ตะโกนเรียกเธอ เผื่อว่าดิษยาจะต้องการให้เธอทำอะไรหรืออกไปซื้ออะไรอีกหรือไม่
“คุณสยาคะ คุณสยา” เธอเห็นว่าดิษยาไม่ตอบรับ จึงได้ตัดสินใจเดินไปหยิบโทรศัพท์ของเธอที่ลืมทิ้งไว้ที่โรงครัวพร้อมสายชาร์ตที่เสียบอยู่ออกมา
‘ไม่ได้รับ 3 สาย...ข้อความ 1 ข้อความ’ จุ๊บแจงเปิดโทรศัพท์กก็พบว่าดิษยาโทรหาเธอสามสาย แถมส่งข้อความมาว่าไม่ต้องมาทำความสะอาดที่บ้านสามสี่วัน และขอไม่ให้ใครขึ้นมารบกวนเพราะเธอจะอัดคลิปวิดิโอเพื่อลงยูทูป
ด้วยความที่ว่าจุ๊บแจงเองก็เป็นแฟนพันธุ์แท้คนหนึ่งของช่อง Ditsaya Channel เธอจึงเข้าใจว่าทำไมดิษยาถึงไม่ยอมขานตอบ เธอจึงเดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์และขี่ออกไปโดยไม่ได้เรียกหาดิษยาอีก
 
 
หลังจากที่ทำอาหารและทานข้าวเย็นเสร็จ ดิษยาตั้งใจจะไปเอาอัลบัมรูปเก่าๆสมัยเมื่อเธอยังเป็นเด็กมาดูเล่นๆระหว่างรอดูละครเรื่องโปรดที่ฉายทางช่องสามออกอากาศ เธอก้าวเข้าไปในห้องหนังสือและพยายามมองหาอัลบัมภาพปกแข็งสันสีเขียว ไม่นานก็พบว่ามันถูกเก็บไว้บนชั้นบนสุดของชั้นหนังสือ เธอจึงได้เลื่อนเก้าอี้โต๊ะทำงานมาปีนเพื่อหยิบอัลบัมรูปลงมา
พอหยิบได้ก็ยืนเปิดดูรูปไปสามสี่หน้า
“คุณสยาคะ คุณสยา” จนได้ยินเสียงจุ๊บแจงเรียกมาแว่วๆ เธอจึงก้าวขาขวาเพื่อจะหมุนตัวเดินแต่ก็ลืมว่าตัวเองนั้นยืนอยู่บนเก้าอี้ จึงได้แต่ก้าวเหยียบอากาศ
‘เจ็บตัวอีกแล้ว’
 
ดิษยาภาพตัด รู้ตัวอีกทีเธอก้มล้มทรุดลงไปนั่งกับ ’พื้นหญ้า’ ซะแล้ว
“แม่นาย!”  อิ่มรีบวิ่งเข้ามาดูแม่นายของตัวเองที่เพิ่งสะดุดล้มไปเมื่อครู่
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา