ดิษยาข้ามภพ

8.7

เขียนโดย Onnicha

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.31 น.

  7 chapter
  2 วิจารณ์
  8,566 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 16.08 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) อิสระของสาวเทื้อ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 5

อิสระของสาวเทื้อ

 

 

“Shit!!!”

ใบหน้าของพิมพ์แพรเต็มไปด้วยสิว เหมือนที่เธอเองก็เคยเป็นสมัยเมื่อยังวัยรุ่น ต่างกันตรงที่แม่แพรนี้มีเยอะกว่ามาก อย่างนี้นี่เองทำไมอีตาหมื่นนั่นถึงไม่มาขอ พอแม่แพรโตขึ้นเข้าวัยสาวก็เป็นสิวจนดูไม่ได้อย่างนี้นี่เอง

ให้ตายเถอะ คนอื่นเค้าย้อนเวลามาสวยกันทั้งนั้น ทำไมดิษยาคนสวย 2018 ต้องย้อนเวลามาเป็นสาวอ้วนหน้าสิวด้วยล่ะเนี่ย ตัวก็เตี้ยกว่าเธอตั้งหลายเซ็นต์ แถมยังโดนผู้เทอีก

แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่แม่แพรอีกต่อไปแล้ว

 

‘เธอคือ ดิษยา ดุสิตาลักษณ์ บิวตี้บล็อกเกอร์ ดีเจ และนางแบบ’

‘เธอเชื่อมั่นว่าความสวยมีอยู่ในตัวผู้หญิงทุกคน’

‘และเธอเนี่ยแหละ จะทำให้แม่แพรสวยจนตาหมื่นนั่นเสียดายไปเลย’

 

“อิ่ม ฉันจะไม่รอตาหมื่นนั่นแล้วล่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปบอกแม่แก้ว” ดิษยายิ้มให้กับตัวเองในกระจก

“แม่นาย แน่ใจรึเจ้าคะ” อิ่มคลานเข้ามาใกล้ ดิษยาไม่ตอบ แต่พยักหน้าให้

คนสมัยอยุธยานั้นนอนเร็วมาก อาจเพราะว่าไม่มีไฟฟ้าใช้ การทำกิจกรรมต่างๆในตอนกลางคืนนั้นจึงเป็นเรื่องยาก ดิษยาเองยังรู้สึกไม่ง่วงเท่าไหร่จึงให้อิ่มหากระดาษกับดินสอมาให้เธอ เพื่อที่จะได้เขียนเมนูอาหารสำหรับการลดน้ำหนัก และร่างตารางออกกำลังกายสำหรับหนึ่งอาทิตย์ขึ้นมา โชคดีที่อิ่มพอจะอ่านออกเขียนได้อยู่บ้าง แม้ว่าเธอจะอายุย่างเข้ายี่สิบห้า ซึ่งมากกว่าพิมพ์แพรถึงห้าปี แต่ก็มีโอกาสเรียนอ่านเขียน เพราะต้องช่วยสอนและทบทวนให้กับพิมพ์แพรตั้งแต่ยังเด็ก

“ข้าฝากหาของพวกนี้ให้ข้าด้วยสิพี่อิ่ม” เมื่อรู้ว่าที่จริงแล้วอิ่มอายุมากกว่าเธอถึงห้าปี จึงเปลี่ยนคำเรียก อิ่มถึงกับเผลอยิ้มออกมา เพราะแม่นายของเธอไม่ได้เรียกเธอว่าพี่อิ่มมานานเป็นสิบปีแล้ว

“กระไรรึเจ้าคะ” อิ่มรับกระดาษมาอ่าน “แม่นายจะทำกับข้าวรึเจ้าคะ”

“ไม่บอกหรอก เดี๋ยวก็รู้” ดิษยากระพริบตาข้างนึงให้อิ่ม ก่อนจะเดินไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอน อยากให้ถึงพรุ่งนี้ไวๆ

 

 

แม่แก้วขา~” ดิษยากึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามากอดคุณหญิงจันทร์แก้วที่เพิ่งตักบัตรที่ท่าน้ำเสร็จ

“แม่แพร เจ้าจะเอะอะมะเทิ่งไปใย จักให้ได้ยินกันไปทั่วคุ้งน้ำฤๅ” คุณหญิงจันทร์แก้วดุ แต่ก็กอดตอบ

ตั้งแต่เมื่อวาน ลูกสาวของเธอจากที่ไม่ค่อยจะเดินเหินไปไหน อยู่ก็แต่ในเรือนเพราะอายที่หน้าเป็นสิว จึงได้อ้วนพีขึ้นเรื่อยๆ กับกลายเป็นร่าเริงสดใสขึ้น แถมยังเรียกเธอว่าแม่แก้วอย่างตอนเด็กๆอีก

“เปล่าค่ะ”

“เจ้าค่ะ” คุณหญิงแก้คำ ก่อนจะส่ายหัวเล็กน้อย “โตแล้วใยใช้คำผิดอีก”

“เปล่าเจ้าค่ะ ข้าแค่มีเรื่องจะคุยกับแม่แก้วเจ้าค่ะ” ดิษยายิ้มแฉ่ง เดินจูงมือคุณหญิงจันทร์แก้วขึ้นเรือน

“นังเอิบ เอาของไปเก็บไป๊ แล้วค่อยยกสำรับตามข้าขึ้นไป” คุณหญิงจันทร์แก้วหันหลังไปสั่งบ่าวคนสนิท

 

 

แม่แก้วไม่ว่าอะไรหนู เอ้ย ลูกใช่หรือไม่เจ้าคะ”

ดิษยาเล่าเรื่องที่ว่าเธอไม่ต้องการจะเป็นคู่หมายของหมื่นพิทักษ์เทวาอีกต่อไปแล้ว ด้วยว่าเธอรอมานานและเห็นว่าฝ่ายนั้นไม่มีทีท่าว่าจะมาขอ เธอจึงไม่อยากเสียเวลาและไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องขุ่นข้องหมองใจของทั้งสองฝ่าย เธอจึงอยากทำให้มันเป็นเรื่องเป็นราวโดยการบอกกล่าวกันตรงๆ

“เจ้าจักมิไปกระโดดต้นกันเกราอีกแน่หนา”

“ไม่กระโดดแน่เจ้าค่ะ ลูกอยากมีอิสระ ไม่อยากจะผูกมัดกับคนที่ไม่ได้รักลูกหรอกเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็รอพ่อเจ้ากลับมาจากราชการที่ละโว้เมื่อใด ค่อยไปเรือนหลวงวิจิตรเลขา แม่ก็มิอยากดองกับบ้านนั้นเช่นกัน มีเมียเล็กเมียน้อยเป็นสิบๆคนตั้งแต่รุ่นทวดแล้วหนา”

“หูว”

“เยอะใช่หรือไม่เล่า” คุณหญิงจันทร์แก้วถอนหายใจก่อนจะสะบัดพัดจีนในมือรัวๆ

“แล้วคุณพ่อจะกลับเมื่อไหร่เจ้าคะ” เธอถาม ในโลกของเธอเธอไม่เคยรู้เลยว่าพ่อของเธอเป็นใคร แม่แก้วของเธอก็ไม่ยอมบอก บอกแต่ว่าเป็นคนดี เมื่อแม่ของเธอในยุคนี้หน้าเหมือนแม่ของเธอที่โน่น เธอก็หวังลึกๆว่าพ่อของพิมพ์แพรจะเป็นพ่อของเธอเหมือนกัน พ่อที่หน้าเหมือนกับพ่อแท้ๆของเธอ

“อีกห้าวันเห็นจะได้”

“ห้าวันเลยหรือเจ้าคะ ต้องรอถึงห้าวันเลยหรือเจ้าคะกว่าลูกจะได้เป็นอิสระ” ดิษยาทำปากยื่นไม่พอใจ เธอกะจะไปเทท่านหมื่นอะไรนั่นก่อนจะเปลี่ยนตัวเองซะหน่อย ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็เริ่มภารกิจของตัวเองไม่ได้น่ะสิ

“คุณหญิงเจ้าขา” เอิบคลานเข้ามาใกล้ ก่อนจะกระซิบที่หูของคุณหญิงจันทร์แก้ว

“ไปเตรียมน้ำท่าแลหีบผ้ามาไป” เอิบรีบรุดออกไปทันทีตามที่แม่นายของเธอสั่ง “ไหนๆก็ไหนๆแล้ว แม่จักทำธุระให้เจ้าเสียวันนี้เลยก็แล้วกัน มิต้องรอพ่อเจ้าให้วุ่นวายดอก”

ไม่นานหีบขนาดกลางสามหีบก็ถูกขนเข้ามาที่โถงกลางเรือน บริเวณที่ดิษยาและคุณหญิงจันทร์แก้วนั่งอยู่ ดิษยาใคร่อยากรู้ว่าด้านในมีอะไร แต่ก็ไม่กล้าถามเพราะคิดว่าอย่างอย่างไรเสีย แม่แก้วของเธอก็คงจะเปิดมันออกในไม่ช้า ไม่เช่นนั้นคงไม่สั่งให้คนขนออกมา

“คุณหญิงจันทร์แก้ว”

“คุณหญิงทิพย์”

หญิงวัยกลางคนสวมเสื้อเสื้อผ้าลักษณะคล้ายคลึงกับแม่แก้วของเธอ ต่างกันตรงสร้องทองเส้นใหญ่มหึมาที่ห้อยอยู่ที่คอ เดินยิ้มขึ้นเรือนมาพร้อมกับบ่าวคนสนิท ก่อนจะมานั่งลงข้างๆคุณหญิงจันทร์แก้ว

“ข้าไหว้เจ้าค่ะ คุณหญิง” คุณหญิงทิพย์ที่แม่แก้วของเธอเรียกชื่อเมื่อครู่ ก้มหัวไหว้ซะจนเธอคิดว่าจะกราบแทบตักแม่แก้วซะแล้ว “ออกมาจากห้องด้วยรึวันนี้ แม่แพร” ดิษยาเกือบจะชอบความมั่นหน้ามั่นโหนกของคุณหญิงทิพย์ผู้นี้อยู่แล้วเชียว แต่คุณหญิงนี่ดันหันมาทักทาย เอ๊ะ! ไม่ใช่สิ ค่อนแคะเธอซะก่อน

 

‘ยายป้านี่ ไม่ชอบแม่แพรแหงๆ ต้องจำหน้าเอาไว้’ ดิษยาทำหน้าตึงใส่ จนคุณหญิงทิพย์สะบัดหน้าไปหาแม่แก้วของเธอแทน

 

“มาเลือกผ้ารึแม่ทิพย์” คุณหญิงรับไหว้

“เจ้าค่ะ ได้ยินว่าคุณหญิงได้ผ้าใหม่มาจากพวกเจ๊ก พวกแขก แลพวกฝาหรั่งใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“ได้ยินมามิผิดดอก” คุณหญิงจันทร์แก้วพยักหน้าหนึ่งทีให้กับเอิบเป็นการส่งสัญญาณให้เปิดหีบทั้งสาม

เมื่อหีบทั้งสามถูกเปิด ก็เผยให้เห็นถึงผ้าลวดลายวิจิตรมากมาย ดิษยาไม่ค่อยรู้จักผ้ามากนัก แต่ก็พอจะดูออกว่าส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นผ้าไหม

เธอเริ่มจะเดาออกแล้วว่านอกจากรับราชการแล้วครอบครัวของแม่แพรนั้นมั่งคั่งมาได้ก็เพราะการค้าขายและจากที่เธอเห็นผ้าทั้งหลายที่คุณหญิงจันทร์แก้วขนเอามาในวันนี้และความนอบน้อมที่คุณหญิงทิพย์มีให้ก็บอกได้ไม่ยากว่าครอบครัวของพิมพ์แพรนั้นเป็นถึงเซเลบอยุธยา

“งามนัก”

“ได้มาถึงยี่สิบผืน ล้วนแต่งามทั้งสิ้น แม่ทิพย์เชิญเลือกดูได้”

บ่าวของคุณหญิงจันทร์แก้วมาช่วยกันถือและยื่นผ้าที่มีลวดลายวิจิตรพิสดารให้คุณหญิงทิพย์เลือกทีละผืน การที่ได้มองและสัมผัสผ้าเหล่านั้นอย่าใกล้ชิดทำให้คุณหญิงทิพย์พอใจอย่างมาก ถึงกับเลือกผ้าไปถึงสี่ผืน

“คุณหญิงจะคิดเท่าไหร่เล่าเจ้าคะ หากข้าจักเอาสี่ผืนนี้”

“หากมิใช่คนกันเองข้าจักคิดเป็นห้าสลึง แต่นี่แม่ทิพย์มาหาถึงเรือนข้าจักเอาแม่ทิพย์เพียงหนึ่งบาทเท่านั้นหนา”

“จริงรึคะคุณหญิง” คุณหญิงทิพย์ยิ้มจนเห็นฟันสีชมพูเพราะเคี้ยวหมาก

“จริง...แต่ข้าอยากจักขอแม่ทิพย์สักเรื่อง...เป็นเรื่องของแม่แพรกับพ่อหมื่นพิทักษ์เทวาลูกของเจ้า--”

“ข้าจักไปบังคับลูกให้มาสู่ขอก็มิได้ดอกเจ้าค่ะคุณหญิง” แม่แก้วของเธอยังพูดไม่ทันจบประโยค ยายป้าทิพย์นี่ก็ชิงตัดบทซะก่อน “หากแม่แพรอยากจักตบแต่ง ข้าก็จนใจ”

“ใครจะไปอยากแต่งกับลูกชายป้าไม่ทราบ?” ดิษยาพูดเสียงเย็น พลางเลิกคิ้วใส่ แน่นอนว่าเธอไม่พอใจที่คุณหญิงทิพย์พูดอย่างกับว่าแม่ของเธอนั้นกำลังอ้อนวอนขอให้ยายป้านี่ยกลูกชายตัวเองให้มาแต่งงานกับเธออย่างนั้นแหละ คนอย่างดิษยาไม่เคยง้อผู้ชายหน้าไหน

“เจ้ามิใช่ฤๅ ที่รอพ่อเทพมาตั้งแต่เด็กยันสาว แต่สาว ยันสาวเทื้อ

“สาวเทื้อ!” ดิษยากำหมัดแน่น อยากจะชกปากเน่าๆของยายป้าทิพย์ แต่ก็ทำไม่ได้เหตุด้วยคุณหญิงจันทร์แก้วแม่ของเธอส่งสายตาห้ามปราบไว้

“เป็นสาวเทื้อแล้วจักหาผัวยากแล้วหนา แลใบหน้าเจ้าตอนนี้” คุณหญิงทิพย์หัวเราะพลางเอาผ้าซับน้ำหมากที่มุมปาก

“ใบหน้าฉันทำไมไม่ทราบ”

“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว” คุณหญิงจันทร์แก้วว่า “ที่ข้าจะพูดไม่ใช่ให้ลูกเจ้ามาขอแม่แพรดอกหนา เพียงแต่จะขอยกเลิกเพราะมิอยากให้ลำบากใจ”

“แล้วฉันก็ไม่ได้ชอบลูกป้าด้วย เลือกมโนได้แล้ว” ดิษยายื่นมือไปดีดนิ้วใกล้ๆใบหน้าคุณหญิงทิพย์ “ตื่นค่ะ!”

“อ๊าย!” คุณหญิงทิพย์หงายหลังหลบ ยังดีบ่าวคนสนิทดึงไว้ไม่ให้หงายลงไปนอนกับพื้น

“คุณหญิงเจ้าขา เป็นอะไรรึไม่เจ้าคะ” บ่าวคนสนิทประคองขึ้น

“ในเมื่อแม่แพรมิปลงใจแลคุณหญิงจะยกเลิกคำมั่นก็ย่อมได้ รอคุณหลวงกลับจากละโว้เมื่อใดก็จะบอกให้ทราบเจ้าค่ะ”

“วานแม่ทิพย์เป็นธุระให้ข้าด้วย แลข้าฝากขอประทานโทษคุณหลวงด้วยเช่นกัน” คุณหญิงจันทร์แก้วโบกพัดในมือไปมา

“เช่นนั้นข้าลาล่ะเจ้าคะ นี่เจ้าค่ะ อัฐ” คุณหญิงทิพย์ยื่นถุงใส่เงินส่งให้ เอิบก็ยื่นตัวมารับก่อนจะหันไปส่งให้คุณหญิงจันทร์แก้วอีกที “ข้าลาล่ะเจ้าค่ะ” คุณหญิงทิพย์ยกมือไหว้ก่อนจะหมุนตัวก้าวฉับๆลงจากเรือนไปไม่ทันรอคุณหญิงจันทร์แก้วยกมือขึ้นมารับไหว้

“แม่แก้วไม่น่าลดราคาให้ยายป้าทิพย์นี่เลยนะเจ้าคะ เอาหนึ่งสลึงนั่นไปบริจาคยังจะดีกว่า”

“ให้เขาน่ะดีแล้ว จักได้จบๆ แลการที่แม่ไม่ได้บอกกล่าวเรื่องนี้กับคุณหลวงเอง ก็นับว่าเสียมารยาทแลไม่รู้ว่าคุณพ่อของเจ้าจะว่ากระไรหรือไม่ที่ไม่บอกก่อน” ดิษยาไม่รู้เลยว่าพ่อของแม่แพรนี้จะเป็นคนนิสัยอย่างไร

“คุณพ่อจะดุลูกมั้ยเจ้าคะ” ดิษยาคลานเข่าเข้าไปใกล้แม่แก้วของเธอพร้อมกับซบลงที่ตัก

คุณหญิงจันทร์แก้วหัวเราะในลำคอก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบผมลูกสาว “ดุแล้วเจ้าจะอยู่ฟังฤๅ?” ดิษยาหัวเราะ

“อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นอิสระแล้วหนา”

“อย่างนี้ต้องฉลองด้วยชาบู!”

“ชาบู บูชา กระไรกันเจ้า”

“เอ่อออ” เธอลืมไปว่าสมัยอยุธยานั้นไม่มีชาบู ถึงจะมีแต่เธอก็ยังกินไม่ได้ เพราะเธอปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะลดน้ำหนักด้วยการเลือกกินและออกกำลังกาย

 

‘คอยดูเถอะ หนึ่งเดินหลังจากนี้ แม่จะหุ่นเหมือนนางฟ้าวิคตอเรียนซีเคร็ตให้ดู!’

 

“ลูกหมายถึง หมายถึง เป็นเรื่องน่ายินดีที่ลูกเป็นอิสระเจ้าค่ะ”

 

“อิสระอันใดกันฤๅขอรับคุณป้า?” เจ้าของใบหน้าคมคายเดินเอามือไขว้หลังอย่างเช่นเคยขึ้นเรือนมา

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ!” ดิษยารีบตอบ เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้ตอนนี้กลัวว่าจะเสียแผนที่วางไว้ “ลูกไปหาพี่อิ่มก่อนนะเจ้าคะ ฝากซื้อของไว้” เธอหอมแก้มซ้ายขวาของแม่แก้วอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบรุดไม่สนใจคำทักทาน

“ลูกคนนี้นี่ ลูกผีลูกคนจริงๆ” คุณหญิงจันทร์แก้วส่ายหัว “มีกระไรรึพ่อเหม?”

 

 

 

ดิษยามานั่งรออิ่มที่โรงครัวแต่ก็ไม่เห็นวี่แว่วว่าอิ่มจะมาซักที จึงฝากบ่าวไพร่ที่ทำงานในโรงครัวไว้ว่าหากอิ่มมาให้เดินไปหาเธอที่โรงเรือนด้านหลัง ดิษยาในชุดสไบสีเหลืองอ่อนนุ่งผ้าจีบหน้านางสีน้ำเงิน เดินเตร็ดเตร่มาเรื่อยตามที่บ่าไพร่เดิน ทุกคนที่กำลังก้มๆเลยๆทำงานกันอยู่มองเธออย่างกับเห็นผี เห็นทีว่าพิมพ์แพรคงไม่ได้เดินลงมาแถวนี้บ่อยๆล่ะมั้ง เมื่อเธอเดินผ่านโรงเลี้ยงม้าก็ไม่ลืมที่จะเข้าไปลูบหัวมันซักทีสองที

“ตัวนี้มันชื่ออะไรจ๊ะ” เธอถามชายแก่ผมขาวที่กำลังหอบหญ้าที่ตัดแล้วมาวางไว้ให้ม้า

“มันชื่อมังคุดขอรับ ออกพระท่านได้มาแต่เมืองพิษณุโลกเมื่อคราวตามเสด็จ” เขาตอบ

“ชื่อน่ารักจัง” เธอลูบเจ้าม้าพลางมองไปรอบๆบริเวณ เจอโรงเรือนที่ตั้งอยู่ไกลๆ “นั่นบ้านใครจ๊ะ”

“บ้านไอ้ยอดขอรับ แก่แล้วเจ็บออดๆแอดๆ อยู่กับหลานมัน มันไม่มีที่ไป ออกพระท่านเลยให้มาช่วยตัดฟืนบ้าง หาปลาบ้างขอรับ”

“ข้าเดินไปได้มั้ยจ๊ะ”

“ได้ขอรับ แต่แม่นายระวังงูเงี้ยวเขี้ยวขอสักหน่อยเถิดขอรับ” คุณตาคนนี้พูดซะเธอไม่กล้าเดินไป

แต่ว่าไหนๆเธอก็เดินมาแล้ว แถมอิ่มยังไม่มีที่ท่าว่าจะตามมาซะด้วย เดินไปดูหน่อยคงไม่เสียหาย เพราะนี่ก็ยังเป็นบริเวณบ้านเธออยู่นี่นา อีกอย่างจะได้เป็นการออกกำลังกายไปในตัว

ดิษยาเดินอย่างระวัดระวังไปตามรอยเกวียนที่ใช้ขนฟืน ไม่ลืมที่จะหยิบไม้ข้างทางมาถางหญ้ารกๆด้านหน้าก่อนจะเดิน เธอเดินมาถึงหน้าบ้านไม่เห็นว่ามีใครอยู่ด้านนอกจึงจะหันหลังกลับเพราะไม่อยากบุกรุกบ้านคนอื่น แต่สักพักก็ได้ยินเสียงคนกำลังผ่าฟืนดังออกมาจากหลังบ้านจึงเปลี่ยนใจแอบย่องเข้าไปดู

แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ ชายหนุ่มรูปร่างดีสูงโปร่งนุ่งเพียงโจงกระเบนสีมอ กำลังหยิบฟื้นอันแล้วอันเล่าขึ้นมาวางไว้บนตอไม้ใหญ่ก่อนจะลงมือผ่าเป็นสองซีก

 

‘คุณพระ อีต้น ทำไมแกไม่มาอยู่กับฉันตอนนี้นะ แกต้องเป็นลมแน่ๆ’ ดิษยามองแผ่นหลังชายตรงหน้าพลางนึกถึงเพื่อนเก้งของตัวเอง

 

มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ไม่ทันได้ระวังตัว ชายหนุ่มเจ้าของแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยหยดเหงื่อก็หันมาเจอดิษยาซะแล้ว

“แม่นาย” ดิษยาอึ้งไปเมื่อชายหนุ่มหันหน้ามาแล้วก็เรียกขานเธอ ไม่ได้อึ้งเพราะที่เธอถูกจับได้ว่าแอบดู แต่ชายตรงหน้านี้ ไม่ว่าดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนไทยแท้

“แม่นาย!  แม่นายเจ้าขา!” เสียงอิ่มตะโกนเรียกเธอ “อยู่ตรงนี้หรือไม่เจ้าคะ!!!”

ดิษยาทำอะไรไม่ถูกเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเริ่มก้าวเท้าเข้ามาหาเธอ บวกกับที่เธอได้ยินเสียงที่อิ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความที่ว่าเธอเป็นคนในวงการบันเทิงจึงติดการหลบหลีกปาปารัสซี่ที่จะทำให้เธอเป็นข่าวเสียๆหายๆ ถ้าอิ่มมาเห็นเธอยืนมองเด็กหนุ่มที่กำลังไม่ใส่เสื้ออยู่ เธอก็ได้เป็นข่าวน่ะสิ

คิดได้ดังนั้นดิษยาก็รีบวิ่งจุ๊ดไปหาอิ่มที่กำลังตะโกนอยู่ไม่ไกลจากโรงเก็บฟืน แต่ก็ไม่ทันได้ระวัง สะดุดกับตอไม้หน้าโรงเก็บฟืนซะก่อน!

‘ไม่นะดิษยา...อีกแล้วเหรอเนี่ย’

“อร๊าย!”

“แม่นาย!” อิ่มหันหลังกลับมาทันเห็นดิษยากำลังสะดุดพอดี

‘ภาพตัดอีกแล้ว...’

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา