ดิษยาข้ามภพ

8.7

เขียนโดย Onnicha

วันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.31 น.

  7 chapter
  2 วิจารณ์
  8,381 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กันยายน พ.ศ. 2561 16.08 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) คุณหญิงจันทร์แก้ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 4
คุณหญิงจันทร์แก้ว
 
 
“โอ้ยยยยยย!” ดิษยาหลับตาปี๋ คิดว่าจะต้องแขนหัก หรือก็ขาหักแน่ๆตกจากบันไดสูงขนาดนั้น
‘แต่เอ๊ะ ไม่ยักกะเจ็บมากมาย’
“เจ้าก็ตกจากอ้อมแขนพี่แต่เพียงเท่านี้ จะร้องเอะอะไปใย มิอายบ่าวไพร่มันรึ?” ชายเจ้าของใบหน้าคมคายในชุดไทยโบราณ ยืนเอามือไพล่หลัง ขวมดคิ้วมองมาที่เธอเป็นเชิงดุ
“นาย!” เขาอีกแล้ว ตาคนตาดุที่อุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนเมื่อคราวนั้น “นายทำอะไรฉัน” ดิษยาที่ตอนนี้นั่งจุมปุ๊กอยู่ที่พื้นสำรวยร่างกายตัวเองว่ามีอะไรบุบสลายหรือไม่
“ใครจะไปทำอะไรเจ้า จักมีก็แต่ เจ้านั้นน้อยใจคู่หมายตัวเอง หมายจะเรียกร้องความสนใจจึงได้ปืนขึ้นบนต้นกันเกรานี้อย่างไรเล่า” เขาชี้ไปที่ต้นกันเกราซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าถูกปลูกได้ไม่นาน เพราะตอนนี้ต้นสูงแค่เพียงสองสามเมตรเท่านั้น
“ฉันเนี่ยนะ ปีนขึ้นไป?” เธอเอานิ้วชี้หน้าตัวเอง ก่อนจะมองไปรอบๆ
บัดนี้เธอไม่ได้อยู่ที่เรือนไทยของเธอที่อยุธยาอีกแล้ว ที่สำคัญยังเป็นตอนกลางวันไม่ใช่ตอนกลางคืนอย่างตอนที่เธอตกบันได
‘ตกบันได! อย่าบอกนะจะข้ามเวลามาได้จะต้องตกอะไรซักอย่างน่ะ บ้าไปแล้ว อย่างนี้ฉันไม่ต้องเจ็บตัวทุกครั้งรึไงยะ!’
รอบตัวเธอรายล้อมไปด้วยบรรดาผู้ชายผู้หญิงวัยเด็ก วัยแก่นุ่งโจงกระเบนสีมอซอราวเจ็ดแปดคนเห็นจะได้
“เจ้านั่นแลที่ปีนขึ้นไป หากพี่มิรับไว้ คงได้มีคนขาพลิกแพลงกันบ้างดอกหนา”
“ไอ้เติม บ่าวของแม่แพรอยู่ที่ใด ใยจึงปล่อยให้แม่นายมันมาปีน--” คนตาดุหันไปถาม ชายผิวคล้ำนุ่งโจงกระเบนสีมอซอที่คุกเข่าอยู่ข้างๆ
“แม่นาย แม่นายเจ้าขา แม่นาย!!!!!!”  เสียงแหลมปรี๊ดระคายหูดังมาจากด้านหลัง ไม่นานเจ้าของเสียงดังกล่าวก็มาคุกเข่าอยู่ข้างๆเธอ “แม่นาย เป็นอันใดรึไม่เจ้าคะ ใยหนีบ่าวมาเล่าเจ้าคะ” เธอที่เข้ามาใหม่ดูเหมือนจะเป็นสาวใช้ของแม่แพรผู้นี้ที่เธอย้อนเวลามาเป็น เอ๊ะ หรือมาอยู่ในร่าง แม่แพรอะไรนี่คงไม่ใช่แค่ตกต้นไม้แล้วตายหรอกนะ แต่ตาคนตาดุนี่รับเธอเอาไว้นี่นา
เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นี่มันเรื่องราวต่อจากครั้งก่อนที่เธอตกเตียงนี่นา ตกเตียงที่โน่น มาตกต้นไม้ที่นี่ แล้วตาคนตาดุนี่ก็มารับเธอไว้ แล้วเธอก็ดิ้นจนหล่นจากอ้อมแขนเขาอีกรอบ ถึงได้กลับมาที่ที่เธอตกเตียง
แล้วเมื่อครู่เธอตกบันได ก็กลับมาตอนที่กำลังตกจากอ้อมแขนตานี่น่ะเหรอ
ดูเหมือนทุกครั้งที่เธอตกจากอดีต ทุกอย่างจะถูกหยุดไว้ รอจนกว่าเธอจะกลับมาอีก
“แม่แพร!” หญิงสาววงหน้ารูปไข่ รูปร่างผอมบาง ผมดำยาวถึงกลางหลัง ด้านหน้าจับปีกเป็นทรงมหาดไทย สวมสไบสีเขียวสด มีสีหน้าแตกตื่นเมื่อเห็นดิษยานั่งอยู่ที่พื้น “เจ้ากระโดดจากต้นไม้ลงมาจริงรึ...จริงรึคะคุณพี่เหม”
‘ตาคนหน้าดุนี่ชื่อเหมแฮะ แล้วคนสวยๆที่เพิ่งมานี่ใครนะ’
“แม่พลอย เจ้าพยุงเพื่อนของเจ้าขึ้นไปบนเรือนเถิด แล้วจักได้ลาคุณป้าเสียด้วยเลย...พวกเอ็งมองกระไร งานการมิมีทำรึ” เขาตวาดเสียงเข้ม ทำเอาบ่าวไพร่กระจายไปในพริบตา
“ไปเถิดแม่แพร ลุกไหวรึไม่ อีอิ่ม ช่วยข้าพยุงแม่นายเอ็งขึ้นเร็ว”
“ฉัน...เอ่อ ข้าลุกได้ ไม่เป็นไรมากค่ะ คุณเหมช่วยฉันไว้” ดิษยาลุกขึ้นยืนด้วยตัวเองก่อนจะปัดเศษฝุ่นออกจากเสื้อผ้าตัวเอง ตอนนี้เองที่เธอสังเกตุว่าบัดนี้ผิวพรรณของเธอไม่ได้ขาวซีดอย่างเก่า แต่ขาวเหลืองแถมยังอวบเกือบอ้วนอีกตะหาก
‘อวบ?’  ทันทีที่นึกขึ้นได้เธอก็เอามือสัมผัสหน้าอกตัวเองไป มาพร้อมทั้งขยำเพื่อความแน่ใจ
“ว๊าวววว อย่างต่ำก็คัพบี อาจจะถึงคัพซีนะเนี่ย ว๊าววววว”
การกระทำดังกล่าวของเธออยู่ในสายตาของคนที่เธอเพิ่งเรียกว่า คุณเหม ตลอด
“เจ้าทำกระไร! หยุดประเดี๋ยวนี้!” เขาตวาด ดวงตาดุทำให้เธอต้องหยุดมือที่กำลังสำรวจหน้าอกตัวเองโดยพลัน “แม่พลอย พี่ขึ้นไปลาคุณป้าก่อนหนา...หากพี่อยู่ต่อ คงจักได้วิปลาสตามแม่แพรเป็นแน่”
ตาเหม เดินเอามือไพล่หลังนำไปลิ่วๆ ไม่หันกลับมามองเธอเลยแม้แต่น้อย อะไรกันหลอกด่ากันแล้วก็รีบหนีไปเฉย
“ขึ้นเรือนเถิดแม่แพร จักได้ให้อีอิ่มมันหาหยูกยาทาให้ ป่านนี้คุณป้าจันทร์แก้วเป็นห่วงเจ้าแล้วกระมัง”
ดิษยาพยักหน้าให้แม่พลอยก่อนจะพากันเดินไปที่เรือนไทยโบราณขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปสักยี่สิบเมตรเห็นจะได้ ตอนนี้เองที่เธอรู้สึกว่าบริเวณบ้านนี้กว้างขวางมากทีเดียว บริเวณสวนที่เธอเพิ่งเดินจากมาก็ร่มรื่น มองไปอีกทางก็เป็นแม่น้ำ
‘แม่น้ำเหรอ? จะเป็นแม่น้ำเดียวกับที่ไหลผ่านข้างบ้านไม้ของเธอมั้ยนะ?’
 
ดิษยาเดินขึ้นเรือนมาพร้อมกับแม่พลอยและอิ่มได้เพียงครู่เดียว ก็มีบ่าวอีกคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับอิ่มมาคุกเข่าตรงหน้าเธอ
“อะไรรึแม่” อิ่มว่า อ้อ เป็นแม่ของอิ่มนี่เอง ถึงว่าล่ะ หน้าคล้ายกันจริง
“คุณหญิงเรียกหาเจ้าค่ะ ว่าให้ไปเอายาเจ้าค่ะ”
“คุณหญิงเหรอคะ” เอิบเงยหน้าขึ้นมามองดิษยาเล็กน้อย เหมือนเธอจะหูฝาดที่ได้ยินแม่นายพูดเพราะว่าที่เคย “เจ้าค่ะ คุณแม่เรียกหาเจ้าค่ะ” ทันทีที่ได้ยินคำว่า คุณแม่ หัวใจของดิษยาก็เต้มตูมตาเหมือนว่าจะหลุดออกมาจากอก แต่เธอก็ต้องห้ามความรู้สึกนี้ไว้เมื่อรู้ตัวว่า ตัวเองนั้น ตอนนี้ไม่ใช่ดิษยาแต่เป็นแม่แพร ดังนั้นคุณหญิงคนนี้เป็นแม่ของแม่แพรตะหาก ไม่ใช่คุณแม่แก้วตาของเธอ
เมื่อคิดได้ดังนั้นแววตาของเธอก็อ่อนลง
ดิษยาไม่ร็ว่าต้องเดินไปตรงไหน เธอจึงทำเป็นปล่อยให้แม่พลอยเดินนำ ดูเหมือนเธอจะรู้จักเรือนหลังนี้ดี ส่วนเธอก็มองสำรวจเรือนหลังนี้ไปเรื่อยตามประสาคนเพิ่งเคยมาครั้งแรก
“มาแล้วรึ แม่ตัวดี” หญิงวัยกลางคนนั่งพับเพียบอยู่บนตั่ง เอนตัวไปด้านหนึ่งพิงหมอนอิงสามเหลี่ยม ด้านข้างมีบ่าวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอคอยพัดวี แต่นั่นก็ไม่ได้สำคัญเท่ากับใบหน้าของคที่เรียกเธอว่า แม่ตัวดี เมื่อครู่ นั้นเหมือนกับคนที่เธอรักมากที่สุดในชีวิต
“แม่..” หัวใจของเธอเต้นโครมครามไม่หยุด
“ก็แม่น่ะซี จะเป็นใครไปได้ล่ะเจ้า อยากโดนหวายรึถึงได้--” ยังไม่ทันที่คุณหญิงจันทร์แก้วจะได้พูดจบประโยค ดิษยาก็วิ่งมานั่งที่ตั่ง แล้วโถมตัวกอดคุณหญิงจันทร์แก้วเสียแน่น
“คุณแม่ขา...แม่แก้วจริงๆด้วย ฮือออ...” ฉับพลันเธอก็ร้องไห้เป็นเผาเต่า น้ำตาจากไหนไม่รู้ไหลออกมาไม่หยุด หนึ่งปีมาแล้วที่เธอเสียแม่และยายไป ไม่มีซักวันที่เธอจะไม่คิดถึง
“แม่แพร เจ้าร้องไห้โยเยไปไย แม่มิได้จักลงหวายเจ้าจริงดังว่าหรอกหนา” คุณหญิงจันทร์แก้วปาดน้ำตาให้ดิษยาอย่างเบามือ พร้อมกับลูบหัวเธอเป็นการปลอบประโลม
“ฮึก คุณแม่มาอยู่นี้ได้ยังไงคะ แล้วคุณยายไปไหนคะ” ดิษยากุมมือทั้งสองของแม่แก้วของเธอไว้
“แม่ก็เพิ่งกลับมาจากวัดน่ะซี ส่วนยายของเจ้านั่นก็ไปถือศีลอีกเดือนกว่าถึงจักกลับอย่างไรเล่า”
“ดีจัง” เธอพึมพำกับตัวเอง มาที่นี่นอกจากเธอจะมีแม่แล้วเธอก็ยังมีคุณยายอีก เธอสงสัยจังว่ายายของแม่แพรจะหน้าเหมือนกับคุณยายจวงของเธอมั้ย
“กระผมกับน้องกลับก่อนนะขอรับคุณป้า”
“ไปเถิดพ่อเหม ฝากขอบใจแม่มณีด้วย ดู๊ อุตส่าห์เอาผลหมากรากไม้มาฝากป้า”
“ขอรับ” คนตัวสูงที่นั่งอยู่บนตั่งอีกตัวยกมือไหว้ คุณหญิงจันทร์แก้วเองก็ยิ้มรับ
“ข้าไหว้เจ้าค่ะ...แม่แพรข้าไปก่อนนะ เจ้าก็อย่าน้อยใจไปเลย” แม่พลอยลาคุณหญิงจันทร์แก้วก่อนจะหันมาพูดกับดิษยา เธอก็ยิ้มตอบแม้จะไม่รู้ว่าน้อยใจเรื่องอะไร
“ไหว้พี่เค้าสิลูกแม่แพร นั่งมือหนักไปใย” คุณหญิงเหล่มองไปที่ลูกสาว
“เอ่อ ข้าไหว้ค่ะ” เธอยกมือไหว้
“เจ้าค่ะ” คุณหญิงจันทร์แก้วแก้คำพูดผิดๆถูกๆของลูกสาว
“ข้าไหว้เจ้าค่ะ คุณเหม” เธอยกมือไหว้อีกหน
“คุณพี่”
“ข้าไหว้เจ้าค่ะ คุณพี่” เธอยกมือไหว้หนที่สาม ดูเป็นที่ขบขันของบ่าวไพร่ที่นั่งมอง
“พอแล้ว พี่มิใช่พระ จักไหวสามสี่หนทำกระไร” คุณเหมเหล่มองเธอเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป
พอพ่อเหมและแม่พลอยเดินออกไปพ้นระยะสายตา เธอก็หันมากอดคุณหญิงจันทร์แก้วของเธออีกรอบก่อนจะหอมแก้มซ้ายแก้มขวาให้หายคิดถึง
“พอแล้วเจ้า ทำเป็นเด็กๆไปได้หนา”
“แม่แก้วของหนู” แต่ดิษยาก็ไม่ฟัง อย่าน้อยในโลกนี้ก็มีอย่างนึงแล้วที่ทำให้เธอไม่อยากกลับไปอนาคต เห็นทีว่าเธอจะต้องเดินให้ระมัดระวังเป็นพิเศษซะแล้วล่ะ ไม่งั้นถ้าเธอกลับไปที่เรือนไทยของเธออีก ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะได้กลับมาเจอแม่แก้วของเธออีก
 
 
ตกเย็นอิ่มพาดิษยาไปอาบน้ำที่ท่าน้ำและช่วยขัดตัวให้ ตัวเธอเองก็ไม่ได้เคอะเขินเวลาที่อิ่มสัมผัสตัวเธอหรือเห็นอะไรต่อมิอะไร เพราะเวลาที่เธอเดินแบบแล้วต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านหลัง ก็แทบจะเห็นกันหมดอยู่แล้ว ระหว่างอาบน้ำเธอก็สำรวจผิวพรรณของแม่แพรผู้นี้ เป็นผิวขาวเหลืองค่อนข้างแห้ง แถมยังอวบอ้วนอีก แต่ของแถมก็หนีไม่พ้นหน้าอกอวบอิ่มนี่
“ปกติฉันกินเยอะเหรออิ่ม ทำไมอ้วน”
“ก็เยอะเจ้าค่ะ แม่นายไม่ต้องไปฟังเสียงนกเสียงกาดอกเจ้าค่ะ อย่างไรแม่นายก็งามสำหรับบ่าวเจ้าค่ะ คนมีบุญดอกเจ้าค่ะถึงอ้วนพลีได้ มีกินมีใช้” ดูเหมือนอิ่มจะเทินทูนเธอเหลือเกิน อะไรๆก็ว่าดี
“งามเหรอ?”
“เจ้าค่ะ” ดิษยาไม่แน่ใจนักว่าเธองาม เพราะตั้งแต่เธอมานี่ก็ยังไม่ได้เห็นหน้าตัวเองในกระจกเลยแม้แต่น้อย
“สงสัยว่าฉันต้องกินให้น้อยลง แล้วก็ต้องคาร์ดิโอให้เยอะขึ้นแล้วล่ะอิ่ม” ดิษยาเคยชินกับการที่รูปร่างที่ดี และสุขภาพแข็งแรง พอเธอมาอยู่ในร่างนี้เธอเดินขึ้นลงบันไดนิดหน่อยเธอก็เหนื่อย แถมยังเคลื่อนไหวร่างกายไม่ค่อยสะดวกอีก
“ปลาชะโดรึเจ้าค่ะ แม่นายจะเอาไปทำกระไรเจ้าคะ” อิ่มทวนคำแม่นายตัวเองอย่างไม่แน่ใจ
“คาร์ดิโอจ้ะ ออกกำลังกาย ออกแรงน่ะ”
“แม่นายจะออกแรงไปใยเจ้าคะ ประเดี๋ยวก็เป็นลมเป็นแล้งไป”
“ก็จะได้หุ่นดีแบบอิ่มไงจ๊ะ” ดิษยาจีบปากจีบคอ ทำเอาอิ่มเขินจนบิดตัวไปมา
อาบน้ำเสร็จอิ่มก็พาแม่นายของตนขึ้นเรือน แล้วจัดแจงช่วยนุ่งผ้าให้งดงามดั่งเช่นทุกวัน และไม่ลืมที่จะช่วยซับนี้ที่เส้นผมอย่าเบามือ
“อิ่ม ฉันน้อยใจคู่หมาย เลยไปกระโดดจากต้นกันเกรา” ดิษยาพูดขึ้นมาระหว่างที่อิ่มกำลังหวีผมให้เธอ เธอได้ยินตาเหมพูดถึงเรื่องว่าเธอน้อยใจคู่หมาย จึงไปกระโดดต้นกันเกราเพื่อเรียกร้องความสนใจ ก็เลยลองหลอกถามกับอิ่ม
“แม่นายมิต้องน้อยใจหนาเจ้าคะ ประเดี๋ยวก็ได้หมั้นได้แต่ง รอก็แต่เพียงเวลาเจ้าค่ะ”
“นี่ฉัน รอมานานเท่าไหร่แล้วน้า”
“เจ็ดขวบปีแล้วเจ้าค่ะ”
“หะ! เจ็ดปีแล้วยังรออยู่เหรอ บ้าไปแล้ว หล่อมากรึไงคู่หมายฉันน่ะ” พอได้ยินว่าแม่แพรคนนี้โดนทิ้งให้รอมาสามปี เธอถึงกับตกใจ เผลอถามคำถามออกไป
“มิได้ขี้เหร่ แต่นิสัยมิดี แลมีเมียบ่าวแล้วถึงสามคน แต่แม่นายก็เอาแต่รอด้วยว่าหมื่นพิทักษ์เทวานั้นเคยเกี้ยวแม่นายเมื่อคราวเด็ก แลเคยบอกว่าอยากได้แม่นายเป็นขวัญเรือน”
“อิ่มจ๊ะ ฉันตกมาจากต้นกันเกราแรงมาก จำอะไรไม่ค่อยได้เลย โอ๊ยปวดหัวจริง” ดิษยาแสดงละครได้แข็งซะยิ่งกว่าหิน
“ปะ ปวดหัวรึเจ้าคะ บ่าวไปเอายามาให้เจ้าค่ะ” แต่อิ่มไม่ยักกะดูออก อาจเป็นเพราะตัวเธอนั้นรักและเป็นห่วงแม่นายพิมพ์แพรของตนซะยิ่งกว่าอะไร
“ไม่ต้อง” ดิษยาดึงมืออิ่มไว้ให้นั่งลงด้วยกัน “เดี๋ยวได้นอนคงหาย แต่ฉัน-เอ้ย ข้าถามหน่อยสิ ตาหมื่นอะไรนี่เกี้ยวฉันเพราะชอบฉัน แล้วทำไมไม่ยอมมาขอซะทีล่ะ ไหนอิ่มว่าข้าสวยไง”
อิ่มถอนหายใจเฮือกนึงก่อนจะตอบ “ตอนแม่นายอายุสิบสามนั้น งามที่สุดในคุ้งน้ำเจ้าค่ะ แต่พอเติบใหญ่”
“เติบใหญ่ทำไม? ไม่สวยเหรอ?”
“งามเจ้าค่ะ งาม”
“ทำไมห้องนี้ไม่มีกระจกล่ะ ขอกระจกหน่อย”
“มะ แม่นาย”
“อิ่มไปเอากระจกมาเถอะจ้ะ ฉันแค่อยากรู้ว่าหน้าตาฉันตอนนี้ เป็นยังไงแค่นั้นแหละ” ดิษยายิ้ม แต่ที่จริงแล้วเธอก็กลัวเหมือนกันว่าตัวเองจะหน้าตาหน้าเกลียดมากจริงๆขนาดที่ว่าหมอยันฮีไม่รับทำ
อิ่มไปเอากระจกใบใหญ่ออกมาจากหลังตู้ ดิษยายังไม่อยากมองไปที่กระจกจนกว่าอิ่มจะเอามาวางไว้ตรงหน้าเธอให้เรียบร้อยเสียก่อน เธอนับถอยหลังในใจก่อนจะลืมตา
สาม
สอง
หนึ่ง
“Shitttt!!!!” เธอมองหน้าตัวเองในกระจก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆอีกที่เพื่อดูให้ถนัด
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา