พลิกฟ้าล้างปฐพี
เขียนโดย WCSD
วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.10 น.
แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 22.02 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) เจ้ามันแค่ขยะไร้ค่า (เปิดภาคปฐมบท)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากตื่นนอนเทียนฟงลุกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความกระฉับกระเฉงแม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อที่แม้แต่เจ้าตัวก็ยังจำไม่ได้มาก็ตาม เขาเริ่มนั่งทำสมาธิด้วยความสุขุมและกำหนดลมหายใจเข้าออกเพื่อฝึกจุดชีพจร เวลาผ่านไปเพียงไม่นานเขาลืมตาขึ้นพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง"จุดชีพจรแปดจุดเปิดพร้อมกันทั้งหมด นี่มันชั่งน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก จุดตันเถียนของข้าก็เบิกกว้าง ไม่น่าเชื่อข้าหลับไหลไปเป็นเวลาสามปีโชคร้ายที่ระดับฝึกปราณค่าลดถอยลงราวกับคนไร้ค่าแต่มันก็แลกเปลี่ยนกับการที่จุดชีพจรของข้าได้เปิดออกทั้งหมด"เทียนฟงคิดอยู๋ในใจด้วยความตื่นเต้น "เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับแม้แต่กับท่านปู่ของข้าเองหรือท่านอาสามก็มิอาจจะบอกได้ ไม่งั้นอันตรายอาจจะมาถึงตัวข้า"เขารำพึงในใจ ระหว่างที่เขากำลังดีใจอยู่นั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินตรงมาที่หน้าห้องของเขา ทำให้เขาต้องปรับเปลี่ยนท่าทางการนั่งเพื่อไม่ให้มันเป็นที่น่าสงสัย
"ฟงน้อย ข้าทำน้ำซุปจากโสมหิมะมาให้เจ้าเพื่อให้เจ้าบำรุงร่างกาย"เสียงแหลมเล็กเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่สดใส นั่นคือท่านอาสามของเทียนฟงแน่นอน
"ครับ"เทียนฟงขานรับ เด็กสาวเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับถือถ้วยน้ำแกงถ้วยหนึ่งแล้วค่อยๆวางลงบนโต๊ะกินข้าวตรงกลางห้อง
"ท่านอาสามมีธุระอะไรหรือปล่าวทำไมถึงทำน้ำซุปมาให้ข้าแต่เช้า"เทียนฟงลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งบนโต๊ะกลางห้องอย่างคล่องแคล่วทำให้เด็กสาวรู้สึกแปลกใจทั้งที่เมื่อวานร่างกายเขายังอ่อนแออยู่เลย หล่อนตรวจสอบดูลักษณะภายนอกของเทียนฟงยิ่งทำให้แปลกใจเข้าไปใหญ่เมื่อในวันนี้เทียนฟงกลับมีรูปร่างที่สมบูรณ์ใบหน้าดูเอิบอิ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาราวกับสาวบริสุทธิ์ไม่ซูบผอมเหมือนกับคนที่หลับไหลมาเป็นเวลานาน หล่อนมองดูหน้าเทียนฟงทำให้ใบหน้าที่ขาวดั่งหยวกกล้วยมีสีแดงก่ำเกิดขึ้นบนแก้ม
"ที่หน้าข้ามีอะไรติดอยู่หรือเปล่า"เทียนฟงถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นหล่อนจ้องอยู่นาน
"ปะ เปล่า ไม่มีอะไร แค่รู้สึกแปลกใจที่เห็นเจ้ารู้สึกสดชื่นหลังจากได้ยินข่าวร้ายเมื่อวาน"เด็กสาวหลบสายตาลง
"งั้นเหรอ อ้อจริงสิ ระหว่างที่ข้าหลับไปท่านดูแลข้าตลอดเลยงอย่างงั้นเหรอ"เมื่อเห็นอาการของเด็กสาวเทียนฟงก็เริ่มพูดแหย่
"ใช่ เป็นข้าเอง"หล่อนพูดอย่างมั่นใจ
"งั้นตอนที่ท่านเช็ดตัวให้ข้าท่านก็เห็นของข้าหมดแล้วหละสิ"เทียนฟงพูดหยั่งเชิง
"เจ้า เจ้า พูดบ้าอะไร"เมื่อฟังคำพูดของเทียนฟงแก้มของเจ้าหล่อนยิ่งแดงขึ้นไปอีก
"ฮ่าๆ ข้าล้อท่านเล่น ท่านดูแลข้าตั้งแต่เด็กถึงแม้ว่าเราจะมีอายุเท่ากันแต่ท่านก็ดูแลข้าแทนท่านแม่ของข้ามาเสมอ ท่านดีต่อข้ายิ่งนัก หากเราไม่ได้มีสายเลืดเดียวกันข้าคงจะขอท่านแต่งงานเป็นเมียแน่แท้"เทียนฟงแลดูอาการของเด็กสาว
"เจ้า...ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว"หญิงสาวไม่พูดอะไรต่อจากใบหน้าที่ขาวดุจหยวกตอนนี้อาบไปด้วยสีแดงระเรื่อง "หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ท่านพ่อให้ข้ามาดูอาการเจ้าวันนี้ตระกูลเรามีจัดงานนัดพบหากเจ้าแข็งแรงท่านพ่อก็อยากให้เจ้าออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง ข้าไปหละ เห็นเจ้าแข็งแรงดีแล้ว ทานน้ำซุบเสร็จเจ้าก็รีบแต่งตัวแล้วออกไปพบกับท่านพ่อโดยเร็ว"พูดเสร็จเด็กสาวก็รีบเดินออกจากห้องไปในทันที
"ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก"เทียนฟงยิ้มกรุ้มกริ่ม
ณ ตึกใหญ่ของตระกูลกู่เหล่าผู้คนเดินเข้าออกอย่างคับคั่งวันนี้คือวันพบปะของผู้คนในตระกูลกู่ไม่ว่าจะเป็นคนของตระกูลเล็กหรือตระกูลสาขาซึ่งจะจัดในทุกปี และในปีนี้ก็ได้ถือโอกาสจัดเลี้ยงฉลองใหญ่เนื่งด้วยนายน้อยแห่งตระกูลกู่ กู่เทียนฟงได้ฟื้นคืนจากการหลับไหลมาเป็นเวลานาน ผู้คนเริ่มจับจองที่นั่งภายในตึกด้วยความคึกคัก
"ท่านประมุข ขอแสดงความยินดีด้วยครับที่นายน้อยได้ลืมตาตื่นขึ้นจากการนิทรามาเป็นเวลานาน"เหล่าผู้คนที่เดินเข้ามาในตึกต่างเดินมาคารวะชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ ขณะที่ผู้คนกำลังทักทายกันก็ได้มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาประชิดหน้าตึกใหญ่ของตระกูลกู่
"นั่นหรือว่า"ชายชรารีบลุกขึ้นเดินออกไปหน้าประตู
"ข้าหลานชง คารวะผู้อาวุโสกู่หนานชิง"แขกผู้มาเยือนรีบยกมือแสดงความเคารพเมื่อเห็นชายชราเดินออกมาหา
"ก็นึกว่าใครที่ไหนกัน ที่แท้ก็เป็นเจ้านั่นเอง ลมอะไรพัดมาหละเจ้าถึงได้มาที่นี่"ชายชราเอ่ยปากถามแขกผู้มาเยือน
"ข้าได้ข่าวมาว่าหลานเทียนฟงได้ฟื้นคืนจากการป่วย จึงรีบมาแสดงความยินดีกับท่านและได้พาลูกสาวของข้าหลิวอิงมาเพื่อที่จะได้พูดถึงเรื่องการแต่งงานของทั้งสองที่เราได้เคยตกลงกันไว้อีกด้วย"แขกผู้มาเยือนกล่าวด้วยเสียงดังกังวานราวกับต้องการให้ผู้คนที่มาในงานได้ยิน เมื่อแขกในงานได้ยินชื่อของหลิวอิงทุกคนต่างตื่นตกใจด้วยความยินดีและไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง หากพูดถึงเมิ่งหลิวอิง หล่อนคือเทพธิดาอันดับหนึ่งของเมืองฉางอันแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นในด้านรูปโฉมหรือการฝึกปราณ กล่าวกันว่าหากหล่อนได้นั่งตกปลาในทะเลสาปเมื่อเหล่าฝูงมัจฉาเห็นรูปโฉมของหลิวอิงต่างก็พากันแหวกว่ายทวนกระแสน้ำเพื่อมายลโฉมของเจ้าหล่อนเลยทีเดียว และในด้านการฝึกปราณหล่อนได้ทะลวงเข้าสู่ระดับปราณก่อร่างได้ทั้งที่อายุได้เพียงสิบหกปีเท่านั้น หากเรื่องที่หลานชงกล่าวมาเป็นความจริงเมื่อตระกูลกู่และตระกูลเมิ่งได้เกี่ยวดองกันภายในเมืองฉางอันนี้ก็ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดแล้ว
"ข้าน้อยหลิวอิงคารวะท่านปู่หนานชิง"หญิงสาวเดินออกมาจากด้านหลังของหลานชง เป็นดังคำที่ผู้คนล่ำลือใบหน้าของหล่อนเรียกได้ว่าไร้ที่ติสวยงามสมกับเป็นเทพธิดาอันดับหนึ่งของเมืองรูปร่างที่อรชรอ้อแอ้นแต่แฝงไปด้วยปราณที่แข็งแกร่ง "ไม่ทราบว่าเทียงฟงอยู่ที่ใดกันท่านปู่หนานชิง"หล่อนถามชายชราด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
"ข้าอยู่นี่ ไม่ทราบว่าสาวงามที่ใดกันถามถึงข้า"ชายหนุ่มรูปงามและท่าทางองอาจในชุดผ้าไหมสีฟ้าเดินออกมาจากด้านหลัง
"เป็นท่าน"หญิงสาวถามด้วยความสงสัย
"เชิญๆพวกท่านตระกูลเมิ่ง เชิญเข้ามานั่งข้างในก่อน"หนานชิงเชื้อเชิญแขกเข้าไปด้านใน
"ไม่จำเป็น หากเป็นเขาที่จะมาเป็นคู่หมั้นข้า ข้าคงไม่อาจอยู่รบกวนท่านปู่หนานชิงนาน"หญิงสาวผู้มาเยือนปฏิเสธเสียงแข็งนั่นทำให้หนานชิงรู้สึกราวกับโดนตบหน้า
"เป็นข้าแล้วทำไม ข้าไม่คู่ควรกับเจ้าตรงไหน เจ้าคือสาวงามอันดับหนึ่งของเมือง หน้าตาของข้าก็ไปไม่ได้ขี้เหร่ หากจะกล่าวว่าข้าคือชายที่หล่อเหลาที่สุดในเมืองก็คงจะไม่กล่าวเกินจริง"เทียนฟงกล่าวยกยอตัวเองหากพิจารณาหน้าตาของเขาจากที่เขาพูดมานั้นไม่ได้เกินจริงแม้แต่น้อย
"หึ พูดจาชื่นชมตัวเองไม่สมกับเป็นยอดยุทธเหมือนที่ข้าได้ยินมา ความจริงที่ข้าตามท่านพ่อมาในวันนี้ก็เพื่อจะมายกเลิกคำมั่นสัญญาที่จะให้ข้าแต่งงานกับเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าถามมาว่าเจ้าไม่คู่ควรกับข้าตรงไหนข้าจะบอกกับเจ้าก็ได้ จากที่ข้าได้ยินมาก่อนที่เจ้าจะกลายเป็นเจ้าชายนิทราเจ้าได้อยู่ในระดับเกิดปราณขั้นที่หก แต่เมื่อเจ้าฟื้นคืนขึ้นมาจากที่พิจารณาดูพลังปราณที่ออกมาจากตัวเจ้าคงไม่เกินระดับสองเป็นแน่แท้ หากจะให้พูดเจ้าไม่ต่างจากขยะไร้ค่าแม้แต่น้อยเลย เจ้ายังจะพูดว่าคู่ควรกับข้าอีกอย่างงั้นเหรอ"หลิวอิงมองเทียนฟงด้วยสายตาหยามเหยียด
"แม้จะรูปร่างหน้าตาสวยงามแต่คำพูดชั่งต่ำยิ่งนัก เจ้าคงจะชอบเหยีดหยามผู้คนที่อ่อนแอกว่าเจ้าสินะ ดี วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแม้เจ้าจะทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อปราณแล้วก็ตาม รับมือ"เทียนฟงทำสีหน้าจริงจังพร้อมกับวิ่งเข้าหาหลิวอิงหมาจะใช้หมัดซัดเจ้าหล่อนให้รู้สำนึก หลิวอิงไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย หล่อนยืนจ้องมองเทียนฟงวิ่งเข้ามาเมื่อหมัดของเทียนฟงไกล้จะถึงตัวหล่อน หล่อนจึงปล่อยพลังปราณที่เยือกเย็นออกมา "ปราณน้ำแข็ง ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก"ผู้คนในงานเลี้ยงต่างตกตะลึง ปราณของหลิวอิงพุ่งเข้าหาเทียนฟงโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว ปราณนั้นเกาะกุมขาของเขาทำให้เขาขยับไปข้างหน้าไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
"อ่อนแอสิ้นดี ขยะยังไงก็คือขยะ เจ้าไม่คู่ควรกับข้า ข้าจะสั่งสอนเจ้า"หลิวอิงยกมือขวาขึ้นกลุ่มก้อนพลังงานปราณมารวมกันที่ฝ่ามือของหล่อน
"หยุดการกระทำอันโง่เขลา"ชายชราที่ยืนดูเหตุการณ์พูดขึ้นด้วยเสียงที่เยือกเย็น"เจ้าทำแบบนี้ก็เหมือนกับไม่เห็นข้าในสายตายเลยสินะเมิ่งหลิวอิง"ชายชราถลึงตาใส่หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า เขาปลดปล่อยพลังงานปราณออกมาจากร่างกาย
"ผู้อาวุโสหนานชิงท่านนั่นแหละที่ต้องหยุดการกระทันอันโง่เง่า"ผู้เป็นพ่อของหลิวอิงพูดขึ้นสอด"ตอนนี้หลิวอิงได้เป็นศิษย์ของสำนักบูรพาไร้พ่ายแล้ว หากท่านลงมือทำร้ายนางคิดเหรอว่าพวกเขาจะปล่อยตระกูลของท่านไป"หลานชงกล่าวด้วยความใจเย็น
"เจ้ากล้าขู่ข้า"ชายชรายิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
"ท่านปู่พอเถอะ ท่านอับอายเพราะข้ามาพอแล้ว"เทียนฟงพูดเพื่อเตือนสติหนานชิง"ข้ายอมแพ้ ข้าไม่คู่ควรกับเจ้าอย่างที่เจ้าได้พูด"พอได้ฟังคำพูดของเทียนฟงหลิวอิงจึงคลายปปราณของหล่อนออกจากขาของเทียนฟงทำให้เทียนฟงนั่งทรุดลงกับพื้น "ฮ่าๆ ข้าอ่อนแอลงจริงๆ แต่ข้าจะแข็งแกร่งขึ้นข้าจะทำให้พวกเจ้าเสียใจที่ปฏิเสธการแต่งงานกับข้า"
"กลับกันเถอะท่านพ่อ ข้าขี้เกียจฟังเจ้าขยะนี่พูดแล้ว"หลิวอิงรีบเดินหรีบออกไปพร้อมกับหลานชงและคนของตระกูลเมิ่งที่มากับพวกเขา
"ข้าจะจำเหตุการ์ในวันนี้ไว้"ชายชราพูดอย่างผูกใจเจ็บ"หลานฟงเจ้าเป็นอะไรรึเปล่า"ชายชราหันมาประคงเทียนฟงลุกขึ้นยืน
"หึ หึ ขยะไร้ค่างั้นเหรอ แล้วเจ้าจะเสียใจ"เทียนฟงพูดเบาๆ
*************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ