พลิกฟ้าล้างปฐพี

-

เขียนโดย WCSD

วันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 19.10 น.

  11 บท
  0 วิจารณ์
  12.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กันยายน พ.ศ. 2561 22.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ไร้วาสนา?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     เด็กหนุ่มรูปงามนั่งอยู่บนเตียงด้วยความผ่อนคลายใบหน้าของเขายิ้มแย้มราวกับว่าได้รับพรจากทูตสวรรค์ขณะได้รับการตรวจจากหมอชราผู้หนึ่ง "ไม่น่าเชื่อว่าข้าจะได้รับโอกาสได้มีชีวิตอีกเป็นครั้งที่สอง ตอนนี้ดวงวิญญาณของข้าและดวงวิญญาณของกู่เทียนฟงได้หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง เจ้าคือข้า ข้าคือเจ้า ไม่แต่ความคิดและคำพูดคำจาของข้าก็ได้เปลี่ยนแปลงไป ความทรงจำของเราทั้งสองก็ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน"เด็กหนุ่มนั่งคิดในใจด้วยความตื่นเต้นในระหว่างรอผลตรวจจากหมอชรา

     "เรียนท่านประมุข เอ่อ คือว่า"หมอชราทำท่าทางอ้ำอึ้งขณะก้มคารวะชายชราที่ยืนข้างเด็กสาว

     "มีอะไรก็รีบบอกเถอะท่านหมอเฉียว"ชายชรารีบท้วงถามเมื่อเห็นหมอชราอ้ำอึ้ง

     "ข้าขอเรียนตามตรง นายน้อยเทียนฟงได้ฟื้นตื่นขึ้นจากการหลับไหลมานานนับสามปีนั้นถือว่าเป็นปาฏิหาริย์อย่างยิ่ง แต่แม้นว่านายน้อยจะมีโชคใหญ่หลวงกลับไร้ซึ่งวาสนายิ่ง ระดับการฝึกปราณของนายน้อยกลับถดถอยลดลงเหลือเพียงระดับเกิดปราณขั้นที่2เพียงเท่านั้น และจุดชีพจรทั้งแปดของเขารวมทั้งจุดตันเถียนได้เสียหายไปอย่างสมบูรณ์ ด้วยระดับปราณเพียงระดับนี้เกรงว่าคงไม่ต่างจากคำว่าไร้ค่าขอรับ"หมอเฉียวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความที่เกรงว่าชายชราที่ถูกเรียกว่าประมุขจะโมโหเพราะคำพูดของเขา

     "บัดซบ อยู่เพียงแค่ระดับเกิดปราณขั้นที่2ก็ไม่ต่างจากเด็กอมมือหนะสิ เทียนฟงอายุ17ปีแล้วหากจะเริ่มฝึกใหม่ทั้งชีวิตคงไม่สามารถเพิ่มระดับไปถึงขั้นปราณก่อร่างได้เป็นแน่แท้ รุ่นเยาว์ในตระกูลเราตอนนี่ต่างไปถึงระดับเกิดปราณขั้นที่8ขั้นที่9กันแล้ว ไม่มีหนทางรักษาแล้วอย่างงั้นเหรอ"ชายชราผู้ถูกเรียกว่าประมุขพูดด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นมัวใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อมองไปยังกู่เทียนฟงที่สีหน้าเเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

     "เกรงว่าแม้แต่หมอเทวดาซานป๋อก็มิอาจรักษาได้ขอรับ"หมอเฉียวกล่าวอย่างเรียบๆ

     จากความทรงจำของกู่เทียนฟงระดับเกิดปราณคือระดับแรกเริ่มของการเริ่มฝึกปราณ เด็กทุกคนที่เกิดมาจุดชีพจรจะเปิดประมาณสองจุดนั่นคือเหมาะสำหรับการฝึกปราณ หากเป็นอัจฉริยะจุดชีพจรจะเปิดทั้งหมดสี่ถึงห้าจุดนั่นคือสามารถรับพลังบริสุทธิ์จากฟ้าดินเพื่อนำมาฝึกปราณได้มากขึ้น หากเป็นคนธรรมดากว่าจะฝึกเลื่อนจากระดับหนึ่งไปยังอีกระดับหนึ่งอาจใช้เวลาเป็นสามถึงสี่ปีเลยทีเดียว

     "ฟงน้อยวาสนาเจ้าช่างอาภัพนัก แต่ไม่เป็นไรข้าจะปกป้องเจ้าเอง"เด็กสาวเดินเข้าไปโอบกอดกู่เทียนฟงด้วยความอ่อนโยนเพื่อพยายามที่จะปลอบใจเขา

     "ท่านอาสาม ท่านปู่ พวกท่านออกไปก่อนเถอะข้าขออยู่คนเดียวซักพัก ข้าอยากพักผ่อน"กู่เทียนฟงพูดน้ำเสียงหมดอาลัยตายอยาก

     "แต่.."เด็กสาวพยายามจะปฏิเสธแต่ก็หยุดพูดไปเมื่อเห็นชายชราส่ายหน้า ทั้งคู่เดินออกจากห้องของกู่เทียนฟงอย่างเงียบๆ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับฟ้าผ่าเมื่อแรกที่เข้ามายังห้องของชายหนุ่มพวกเขาดีใจที่ชายหนุ่มรอดฟื้นขึ้นมาจากความตาย แต่แล้วเมื่อได้รับข่าวร้ายจากหมอเฉียวทั้งคู่กลับคิดว่าหากเป็นเช่นนี้กู่เทียนฟงก็ไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น หากเทียบกับตอนก่อนเด็กหนุ่มจะหลับไหลไปเข้าก้าวขึ้นมาถึงระดับเกิดปราณขั้นที่6แล้วหากไม่ไมีข่าวร้ายตอนนี้เขาคงเกือบจะทะลวงเข้าสู่ขั้นปราณก่อร่างเป็นแน่แท้ เมื่อเหลือเพียงเด็กหนุ่มอยู่ในห้องทุกอย่างก็ดูเงียบสงัดราวกับป่าช้า ดวงตาของเขาค่อยๆมีน้ำตาซึมออกมาอย่างช้าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวัง หากสวรรค์ให้โอกาสเขากลับมามีชีวิตเป็นครั้งที่สองแล้วไฉนจึงกลั่นแกล้งโดยการให้เขาเป็นดั่งคนพิการใช้การไม่ได้เช่นนี้

     "ข้าเริ่มจะไม่ยินดีกับชีวิตที่สองเสียแล้วสิเทียนฟง"เด็กหนุ่มนั่งพึมพำกับตัวเอง เขาเอนตัวลงนอนกับเตียงด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด เปลือกตาเขาเริ่มหนักอึ้งราวกับมันได้แบกน้ำหนักหลายชั่งเขาเกลือบจะผลอยหลับไปแล้วจู่ร่างกายของเขาก็ร้อนขึ้นดั่งไฟจากนรกโลกันต์มาแผดเผาร่างกาย เขาดิ้นทุรนทุรายราวกับสัตว์ที่หนีจากความตาย "อ๊ากก.. ท่านปู่ อาสาม ช่วยข้าด้วย"แม้จะเปล่งเสียงขอความช่วยเหลือแต่ระดับเสียงที่เปล่งออกมาก็ดังราวกับกระซิบ เด็กหนุ่นดิ้นรนทรมารราวหนึ่งก้านธูปดับได้ร่างกายเขาก็เริ่มเย็นลงอย่างช้าๆ มันหายใจหอบโรยรินจากเหตุการณ์ที่ทำให้เกือบตาย กู่เทียนฟงไม่สามารถทนความเหนื่อยล้าได้อีกต่อไปทำให้เขาสลบไป เมื่อเข้าสู่ห้วงนิทราร่างกายของกู่เทียนฟงเบาหวิวดั่งปุยนุ่น "นี่คือที่ไหน ข้าตายแล้วอย่างงั้นเหรอ หรือว่านี่คือความฝัน"เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเอง เขาแหวกว่ายไปทั่วราวกับปลาในท้องทะเลเพื่องค้นหาว่าสถานที่เขาอยู่คือที่ใด และในตอนนั้นเองเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเหมือนเมื่อตอนก่อนที่เขาจะเข้าไปอยู่ในร่างของกู่เทียนฟง ใช่เขาเห็นดวงวิญญาณของกู่เทียนฟงยืนอยู่เบื้องหน้า แต่ว่าตอนนี้เขาฟังกู่เทียนฟงพูดรู้เรื่องแล้ว

     "ท่านผู้มาจากโลกอื่น ข้าคิดว่าท่านคงทรมารไม่น้อยจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้"กู่เทียนฟงพูดด้วยความนอบน้อม

     "ใช่สิ มันราวกับข้าได้ตกนรกทั้งเป็นเลยทีเดียว"กรีชพูดขึ้นด้วยความโมโห

     "ต้องขออภัย มันเป็นเพราะข้าเอง"กู่เทียนฟงโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อกล่าวขอโทษ

     "ว่าไงนะ มันเป็นเพราะเจ้างั้นเหรอ"กรีชวางท่าทางหาเรื่อง

     "ฟังก่อนท่านผู้มาจากโลกอื่น ที่ข้ากระทำไปปนั้นมันเป็นเพราะความจำเป็น " กู่เทียนฟงพยายามกล่อมกรีช

     "จำเป็น? ไหนลองว่ามาซิ"ดูเหมือนกรีชจะยอมสงบลงแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ

     "จริงอยู่ที่ดวงวิญญาณของเราได้หลอมรวมกันแต่นั่นก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวท่านหลอมรวมเพียงแค่ดวงจิตของความทรงจำของข้าเท่านั้น หากแต่จิตวิญญาณที่แท้จริงของข้านั้นไม่สามารถรวมกับจิตที่แท้จริงของท่านได้เพราะจิตวิญญาณของท่านนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่ดวงจิตข้าจะหลอมรวมด้วย จริงทำให้จุดชีพจรทั้งหมดแปดจุดและจุดตันเถียนเสียหาย ข้าจึงได้ถือวิสาสะต่อเส้นชีพจรและจุดันเถียนให้ท่านใหม่ทั้งหมดโดยแลกกับ.."กู่เทียนฟงหยุดพูดอย่างลังเล

     "แลกกับอะไร?"กรีชถามด้วยความร้อนรน

     "แลกกับดวงจิตความทรงจำของท่านทั้งหมดและจิตวิญญาณที่แท้จริงข้านั่นหมายความว่าท่านได้กลายเป็นข้ากู่เทียนฟงโดยสมบูรณ์และข้้าก็้จะเลือนลับหายไปไม่สามารถพูดคุยกับท่านได้เช่นนี้อีกหรือรับรู้ถึงเรื่องราวที่ท่านได้กระทำต่อจากนี้อีกต่อไป"กู่เทียนฟงพูดด้วยรอยยิ้ม

     "นี่เจ้าบ้าไปแล้วอย่างงั้นเหรอ อุตส่าห์ได้โอกาสมีชีวิตครั้งที่สอง แล้วครอบครัวเจ้าหละ ท่านปู่ ท่านอาสามของเจ้า เจ้าจะทำยังไง"กริชพูดด้วยความตื่นตระหนก

     "พบพานถือเป็นวาสนา พูกพันคือโชคชะตา พลัดพลากคือชะตากรรม วาสนาและโชคชะตาของข้านั้นหมดแล้วข้าเพียงได้เห็นท่านปู่กับท่านอาสามอีกครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว นับจากนี้ไปมันจะเป็นโชคชะตาของท่าน ยังไงท่านก็มีความทรงจำทั้งหมดอยู่แล้วและความทรงจำเก่าของท่านก็จะเลือนหายไปเช่นกันรวมถึงความทรงจำในตอนนี้อีกด้วย นั่นคือจากนี้ไปท่านคือกู่เทียนฟง กู่เทียนฟงก็คือท่าน อ่าห์ตอนนี้เวลาที่ลาจากก็ได้มาถึงแล้ว ได้โปรดรักษาสุขภาพด้วย อ้อมีอีกเรื่องที่ข้าอยากบอกหากเจอคนของสำนักเขาทมิฬโปรดล้างแค้นให้ข้าด้วย  หึ จริงด้วยสิ อีกเดี๋ยวท่านก็จำไม่ได้แล้วนี่นา ขอลา"กู่เทียนฟงใช้มือทั้งสองข้างประกบกันเพื่อคารวะเด็กหนุ่มอีกคน

      เด็กหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเขาตื่นจากห้วงนิทราแล้วแน่นอนเขาจำอะไรเกี่ยวกับความฝันเมื่อครู่ไม่ได้ เขาลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆและมองไปรอบๆเพื่อสำรวจรางกายตัวเอง เขาหันไปมองกระจกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะและจ้องลึกลงไป จากนั้นจึงบ่นพึมพำว่า

     "ใช่ ข้าคือกู่เทียนฟง"

 

**************************

ขอบคุณที่ติดตามครับ ช่วยติดตามกันไปตลอดด้วยนะครับ 5555

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา