เถื่อนร้ายบัญชารัก
เขียนโดย Phaky
วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.31 น.
แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 08.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
“ใกล้หายแล้วค่ะแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะพิ้งค์ก็คิดถึงแม่ค่ะ”
สนทนาผ่านโทรศัพท์มือถือกับคนป่วยร่วมครึ่งชั่วโมงจนสบายใจ คุณมณีจึงยอมวางสายเพื่อให้บุตรสาวได้พักผ่อนจากอาการไข้หวัดเล่นงานขณะวิ่งออกกำลังกายรอบสวนสาธารณะของคอนโดฯแล้วโดนละอองฝน ใช่! นั่นคือเหตุผลที่แพรชมพูใช้แก้ตัวกับมารดาถึงสาเหตุที่ทำให้ท่านไม่สามารถติดต่อกับเธอได้ ซ้ำในขณะที่พูดคุยกับคุณมณี แพรชมพูยังต้องแสร้งปั้นเสียงสดใส ฝืนหัวเราะกลบเกลื่อนความทุกข์โศกที่เกาะกินใจเพื่อไม่ให้มารดาต้องเป็นกังวล โดยที่คุณมณีหารู้ไม่เลยว่าในขณะที่บุตรสาวส่งเสียงหัวเราะผ่านตามสาย น้ำตาหยดใสๆมันเอ่อขึ้นมาคลอจนกระบอกตาร้อนผ่าว
‘พิ้งค์ขอโทษค่ะแม่’
รู้สึกผิดไม่น้อยที่โกหกท่านแบบนั้น แต่ให้ทำอย่างไรได้ จะให้บอกความจริงว่าที่เธอหายเงียบเป็นเพราะถูกผู้ชายใจทรามย่ำยีสามวันสามคืนติดกันงั้นหรือ หากคุณป๋ากับแม่รู้เข้าคงใจสลายเป็นแน่แพรชมพูถอนหายใจลากยาว เพื่อรักษาความรู้สึกของคนเป็นบุพการีเธอต้องทำ จากนั้นใบหน้าหมองเศร้าก็ผินหน้ามองออกไปยังประตูกระจกใสหลังห้องพัก วิวข้างนอกคือสวนหย่อมคลาคล่ำไปด้วยดอกไม้ออกดอกสะพรั่งหลากสีสัน แต่ภาพที่สะท้อนกลับมายังดวงตาหม่นเศร้ากลับเป็นใบหน้าของผู้ชายใจโฉดคนนั้น คนที่ย่ำยีเธออย่างโหดร้าย และเขากำลังมองเธอกลับมาด้วยสายตายิ้มเยาะดูแคลน
เพียงแค่นั้นหยดน้ำตาที่คลอขังก็หยดเลอะแก้มนวลเป็นทาง แพรชมพูซบใบหน้าร่ำไห้กับเข่าเนียนที่นั่งชัน สองวันแล้วที่เธอหลุดพ้นจากขุมนรกแต่ความอัปยศกลับตามหลอกหลอนไม่คลาย ทุกครั้งที่สมองนึกถึงก็เหมือนมีตัวตนของเขาแทรกอยู่กลางร่างพร้อมเรือนกายสูงใหญ่ตามแนบชิด ไม่ว่าจะพยายามลืมสักเท่าไรก็ไม่เคยทำสำเร็จ มิหนำซ้ำร่องรอยความป่าเถื่อนโหดร้ายที่ทิ้งไว้ตามเนื้อตัวของเธอยังเจ็บร้าวระบมจนจับไข้ต้องนอนซมอยู่บนเตียง จำไม่ได้ว่าเธอกลับมาที่คอนโดฯได้อย่างไร ความทรงจำสุดท้ายคือตอนที่ฟรานซิสโก้ลงโทษเธอตรงผนังหน้าห้องน้ำ หลังจากปลดปล่อยความสุขสมจนสมองขาวโพลน แผ่นหลังของเธอก็ค่อยๆรูดครูดผนังลงมา สติดับวูบไร้การประคองตัว รู้สึกตัวอีกทีเธอก็กลับมานอนอยู่บนเตียงนอนสีชมพูในคอนโดฯของตัวเอง มองไปรอบห้องก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนชั่ว จะมีก็แต่...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“หมอขออนุญาตเข้าไปนะคะ”
ภวังค์ความโศกเศร้าถูกรบกวนด้วยเสียงเคาะประตูห้อง ตามมาด้วยใบหน้าแจ่มใสของคุณหมอใจดีที่ชะโงกเข้ามาแล้วขออนุญาต แพรชมพูยกมือปาดน้ำหูน้ำตาแล้วยิ้มรับ พลางคิดว่าจริงๆคุณหมอไม่ต้องทำเช่นนั้นก็ได้ เพราะระหว่างที่เธอป่วยไม่ได้สติ คุณหมอขวัญก็เข้ามาดูอาการของเธอวันละสามครั้ง แสดงว่าคุณหมอต้องมีกุญแจห้องพักของเธอติดตัว พยายามสอบถามว่าใครเป็นคนส่งคุณหมอมาก็ไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ หมอขวัญบอกเพียงมีหน้าที่ดูแลจนกว่าเธอจะหายเป็นปกติ เท่านี้ก็เพียงพอว่าคงเป็นไอ้มารล้างผลาญพรหมจรรย์นั่นแน่ พอรู้ว่าใครที่เจ้ากี้เจ้าการก็แทบพาลไล่หมอกลับ แต่ทว่าสังขารมันย่ำแย่เกินจะช่วยเหลือตัวเองได้ เลยจำใจต้องรับความช่วยเหลือของไอ้บ้านั่น
“เป็นยังไงบ้างคะวันนี้ รู้สึกดีขึ้นบ้างไหม ยังปวดศีรษะอยู่ไหมคะ”
คุณหมอวัยยี่สิบเจ็ดปีเอ่ยถามพลางทรุดตัวนั่งลงข้างคนป่วย สีสันบนใบหน้าหวานของแพรชมพูทำให้หมอขวัญยิ้มกว้าง ก็เมื่อสองวันก่อนสภาพของแพรชมพูดูแทบไม่ได้ ร่องรอยแดงช้ำตามเนื้อตัวโดยเฉพาะใต้ร่มผ้าฟ้องชัดว่าหญิงสาวพบเจออะไรมา และเดาว่าตัวการคงเป็นผู้ชายชาวต่างชาติตัวสูงหน้าหล่อคมเข้มที่ยืนกอดอกคอยสอบถามอาการของคนป่วยอยู่ข้างเตียงด้วยใบหน้าเครียดๆ แต่หลังจากเธอรายงานอาการให้ฟังพร้อมวิธีการรักษา ไม่นานเขาก็หายไป เหลือไว้เพียงลูกน้องสองคนที่คอยไปรับไปส่งเวลาเธอมาตรวจอาการของแพรชมพู เหมือนอย่างตอนนี้ที่พ่อหนุ่มสองคนในชุดสูทสากลสีดำสนิทยืนรอเธออยู่หน้าห้องพัก และเมื่อพวกเขาพาเธอกลับไปถึงคลินิก เธอก็มีหน้าที่เขียนรายงานเรื่องอาการป่วยของแพรชมพูอย่างละเอียดฝากการ์ดสองคนนั้นนำไปให้เจ้านายของเขาอีกที
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ วันนี้พิ้งค์ลุกเดินไปมาไม่ค่อยเวียนหัวแล้ว”
“เป็นคำตอบที่หมอชอบมากค่ะ งั้นขอวัดไข้หน่อยนะคะ ไหนดูสิ ไข้ลดหรือยังน๊า”
ปรอทแท่งแก้วถูกสอดเข้ามาในปาก ทิ้งไว้ประมาณสามนาทีคุณหมอจึงดึงออกไปอ่านผล รอยยิ้มของหมอทำให้คนป่วยใจชื้น นี่แสดงว่าไข้ที่ขึ้นสูงเกือบสี่สิบองศาเมื่อวันก่อนลดลงมาเป็นปกติแล้วใช่หรือไม่
“เก่งมากค่ะ ไข้ลดแล้ว อีกไม่กี่วันคุณพิ้งค์ก็หายเป็นปกติแล้วนะคะ”
“พิ้งค์ก็อยากหายไวๆค่ะ เบื่อนอนเต็มที”
“เบื่อก็ต้องทนไปก่อนค่ะ ถ้าหมอรู้ว่าคุณพิ้งค์ซนจนไข้กลับ หมอจะจับฉีดยาหลายๆเข็มเลย”
“อย่านะคะ พิ้งค์ไม่อยากโดนฉีดยา”
“งั้นก็ต้องทานยาให้ครบตามที่หมอสั่ง ว่าแต่...คุณพิ้งค์ทานข้าวกลางวันหรือยังคะมียาหลังอาหารต้องทานด้วย ห้ามลืมเลย”
คำถามของคุณหมอทำให้ใบหน้าของแพรชมพูหันขวับไปมองตู้เย็นทันที มือบางกำเข้าหากันเมื่ออยู่ๆก็รู้สึกเหมือนไอเย็นของน้ำแข็งมันนาบอยู่กับผิวจนขนในกายลุกซู่ นั่นเพราะตอนนี้ตู้เย็นของเธออัดแน่นไปด้วยอาหาร ทุกกล่องจะมีป้ายกำกับไว้อย่างละเอียดว่าเป็นอาหารของวันและมื้อไหน เท่าที่ตรวจเช็ค เสบียงที่เตรียมไว้สำหรับหนึ่งสัปดาห์พอดี อีกทั้งยังมีน้ำดื่มและขนมทานเล่นมากมายจนในตู้เย็นไม่มีช่องว่างให้ยัดอะไรได้อีก นี่คงเตรียมไว้เพราะรู้ว่าเธอป่วยหนักจนออกไปไหนไม่ได้กระมัง เมื่อลองพิจารณาดีๆจึงรู้ว่าอาหารและขนมเหล่านั้นสั่งตรงมาจากโรงแรมหรูย่านทองหล่อ มั่นใจมากด้วยว่าไม่ใช่ของคุณหมอขวัญ เพราะคนเป็นหมอคงแนะนำให้เธอทานแต่ข้าวต้มหรือไม่ก็อาหารอ่อนๆ มากกว่าจะเป็นพวกสเต๊กเนื้อนุ่มหรือพาสต้าหลากหลายรสชาติ แต่คนที่จัดเตรียมไว้ให้คงเป็น...
‘คนที่คุณก็รู้ว่าใคร!’
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
สาวๆพอจะเดากันออกไหมล่ะว่าใครหนอช่างใจดีกับหนูพิ้งค์เยี่ยงนี้ ใครกันๆ?
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ