รักของนายเอกหนังโป๊ [20+]

-

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.03 น.

  7 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,258 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561 20.18 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ตอนที่ 7 ผู้ชายขี้อาย
 
 
     ตั้งแต่ที่บาดเจ็บมาผมก็ยังไม่ได้มีโอกาสออกมาหาอะไรทานนอกบ้านอย่างนี้เลย ตอนที่ยังไม่หายนั้นจะได้ออกจากบ้านแต่ละทีก็เพราะมีเรื่องตลอด แต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่าร่างกายของผมนั้นมันได้หายดีเป็นปกติแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสออกมาหาอะไรอร่อย ๆ ทานนอกบ้านในวันที่ผมสุดแสนจะว่างแสนว่างเช่นวันนี้
 
     ส่วนเรื่องเด็กป้องน่ะหรือ ตอนนี้ผมกับเด็กนั่นสนิทกันมากขึ้น เพราะหลังจากวันนั้นมาผมกับเด็กนั่นมีโอกาสได้คุยกันมากขึ้น ป้องเองก็ถือว่าเป็นน้องที่นิสัยดีคนหนึ่งเลยทีเดียว เมื่อได้ทำความรู้จักกันจริง ๆ จัง ๆ ทำให้ผมได้รู้ว่าป้องเป็นคนที่ชีวิตน่าสงสารมากเลยนะ จากที่ป้องเล่าให้ผมฟัง ที่ป้องต้องยอมมีอะไรกับพ่อเลี้ยงจนกลายเป็นที่มาของคลิปหลุดนั้น เพราะพี่สาวของป้องกับพ่อเลี้ยงนั้นแอบลักลอบมีความสัมพันธ์ลับกันแล้วไอ้พ่อเลี้ยงสารเลวคนนั้นก็แอบถ่ายคลิปตอนที่กำลังมีอะไรกับพี่สาวของป้องเอาไว้
 
     และมันก็ใช้คลิปนั้นเพื่อข่มขู่ป้อง หากว่าป้องไม่ยอมมีอะไรกับมัน มันขู่ว่าจะเอาคลิปของพี่สาวป้องนั้นไปให้แม่ของป้องที่กำลังป่วยกระเสาะกระแสะได้ดู พร้อมทั้งจะเอาคลิปไปโพสลงโซเชียลเน็ตเวิร์คให้ทั่ว ป้องรักพี่สาวและแม่มากและด้วยวุฒิภาวะของป้องในตอนนั้นที่ยังไม่ได้เข็มแข็งและเด็ดเดียวมากพอ เด็กนั่นกลัวพี่สาวจะต้องอับอายผู้คน และกลัวอาการป่วยของแม่จะยิ่งทรุดหนักหากได้เห็นคลิปนั้น เขาจึงจำใจยอมให้ในสิ่งที่มันต้องการ โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองก็ได้ถูกไอ้สารเลวคนนั้นแอบถ่ายคลิปเอาไว้เหมือนกัน
 
     และสุดท้ายในวันที่พ่อเลี้ยงสวะตัวนั้นทิ้งแม่ของป้องไปคลิปวีดีโอลับเหล่านั้นก็ถูกปล่อยออกมาทั้งของป้องและพี่สาว และสิ่งที่ป้องกลัวที่สุดมันก็ได้กลายเป็นจริง เมื่อแม่ของป้องได้เห็นคลิปที่ลูกทั้งสองมีอะไรกับอดีตสามีของตัวเองอาการป่วยของท่านก็ทรุดหนักลงไปจริง ๆ
 
     ป้องต้องกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัวเพื่อเลี้ยงดูแม่ที่ป่วยหนักและพี่สาวที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย เงินที่ได้จากการทำงานพาร์ทไทม์แค่เป็นค่าใช้จ่ายในบ้านแต่ละวันยังแทบจะไม่พอแล้วยังต้องปันไปเป็นค่ารักษาพยายบาลแม่อีก สุดท้ายป้องจึงตัดสินใจที่จะเข้าสู่วงการหนังผู้ใหญ่ เพราะเคยได้ยินมาว่าได้เงินดี และป้องก็คิดว่าตัวเองก็ไม่เหลืออะไรที่จะเสียหรือจะต้องอายอีกแล้ว เพราะอย่างไรเสียคนก็ได้เห็นคลิปลับของเขาไปแล้ว
 
     ในวันนั้นผมยังคงนั่งรออยู่ที่หน้าสตูดิโอจนมีทีมงานออกมาบอกว่าถ่ายทำเสร็จแล้ว ตามกฎของค่ายในขณะที่กำลังถ่ายทำนั้นนอกจากนักแสดงก็จะมีแค่ทีมที่เกี่ยวข้องจริง ๆ ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับอนุญาตให้อยู่ข้างในได้ แม้คุณรามจะไม่ได้ว่าอะไรถ้าหากผมจะอยู่ข้างในด้วย แต่ผมขอเลือกที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบดีกว่า และทางฟรองค์เอง เขาก็ไม่อยากให้ผมเห็นตอนที่เขามีอะไรกับคนอื่นด้วย
 
     หลังจากที่ถ่ายทำจนเสร็จเด็กนั่นก็ดูมีอาการอิดโรยและซึมหนักจนน่าเวทนา ฟรองค์เองก็ดูลำบากใจ ผมก็เข้าใจเพราะที่ฟรองค์ทำก็เพราะเป็นงานและป้องก็ยินยอมที่จะแสดงเอง ป้องบอกผมว่าที่ยอมรับงานนั้นในตอนแรกเพราะคิดว่าตัวเองจะทำใจได้และอยากจะได้เงินไปจุนเจือครอบครัวเร็ว ๆ แต่พอเอาเข้าจริงเมื่อเริ่มถ่ายทำจริง ๆ ภาพบาดแผลในอดีตมันก็เข้ามาตอกย้ำจนเขาถึงกับสติแตกไปในคราวแรก ขนาดเด็กนั่นสภาพน่าสงสารออกขนาดนั้นคุณรามก็ยังจะกล้าหาว่าเด็กนั่นสำออยได้ลงคอ ผมล่ะเชื่อเขาเลยจริง ๆ อยากรู้นักว่าจิตใจเขานั้นมันทำด้วยอะไร
 
 
☼☼☼☼☼☼
 
 
     นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะไม่รู้ว่าหนังที่ฟรองค์และป้องแสดงนั้นได้วางขายไปหรือยัง เพราะผมเองก็ไม่ได้ตามข่าว วันนี้ผมออกมาทานผัดไทยกุ้งสดที่ร้านตรงหน้าปากซอยบ้าน เพราะเจ้าสองเคยซื้อไปให้ทานที่บ้านแล้วรสชาตินั้นอร่อยถูกปากผมมาก วันนี้ผมก็เลยออกมาทานเองถึงร้าน
 
     “ป้าครับ เอาผัดไทยสามที่นะครับ ทานที่นี่หนึ่งที่ อีกสองขอห่อกลับบ้านครับ อ่อ ห่อหนึ่งไม่ใส่ถั่วงอกนะครับ” ผมไม่ลืมที่จะสั่งกลับบ้านไปฝากแม่และเจ้าสอง ห่อที่ว่าไม่ใส่ถั่วงอกนั้นน่ะสำหรับเจ้าสองโดยเฉพาะ เพราะเจ้าเด็กนี่เกลียดถั่วงอกและผักอีกหลายชนิดมาแต่ไหนแต่ไร ต่างจากผมที่ชอบทานผักทุกชนิด
 
     ส่วนผมขอเลือกที่จะทานอยู่ที่ร้านเลย เพราะอยากจะลิ้มรสตอนที่เพิ่งทำเสร็จร้อน ๆ จากเตา มันคงจะอร่อยกว่าใส่ห่อไปทานที่บ้านเป็นไหน ๆ เพราะกว่าผมจะเดินกลับไปถึงบ้านมันก็คงจะเย็นหมดแล้วและรสชาติก็คงจางลงพอดี และตอนนี้แม่กับเจ้าสองก็ออกไปตลาดกันถ้าให้ผมหิ้วกลับไปทานที่บ้านคนเดียวก็คงเหงาแย่
 
     “จ้า นั่งรอก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวป้าทำให้” คุณป้าคนขายนั้นแม้จะยังง่วนอยู่กับการทำผัดไทยให้ลูกค้าคนก่อนหน้า แต่เธอก็ยังไม่ลืมที่จะหันมายิ้มรับออเดอร์จากผม เพราะอาหารอร่อยและคนขายอัธยาศัยดีนี่เองถึงได้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอย่างนี้
 
     ผมกวาดสายตามองไปด้านในร้านที่ไม่ค่อยจะมีโต๊ะว่างเหลือสักเท่าไหร่ เพื่อหาที่นั่งในทำเลที่ถูกใจที่ยังพอจะเหลือว่างอยู่ จนสายตาของผมไปสะดุดที่โต๊ะ ๆ หนึ่ง มันไม่ใช่โต๊ะที่ว่างหรอกนะ มีผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างใจจดใจจ่อนั่งจับจองอยู่ก่อนแล้ว ผู้ชายที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี
 
     “ขอนั่งด้วยคนนะครับ” ผมเดินตรงเข้าไปลากเก้าอี้และนั่งลงตรงหน้าผู้ชายคนนั้นที่โต๊ะเดียวกันนั่นแหละ
 
     “เชิญครับ” เขาตอบรับผมโดยที่สองตายังคงเอาแต่เพ่งมองหนังสือการ์ตูนในมือ ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่รู้นะว่าผมเป็นใคร
 
     “เอาแต่โทรมาบอกว่าเป็นห่วง แต่ไม่เคยคิดจะมาเยี่ยมกันบ้างเลย ใจร้ายจัง” ผมแกล้งทำพูดกระเซ้าอย่างทีเล่นทีจริงเพื่อให้คนตรงหน้านี้รู้ตัวสักที
 
     และก็ดูเหมือนว่าเขาจะรู้ตัวแล้วจริง ๆ เมื่อผมทักออกไปแบบนั้น ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองผมที่อยู่ตรงหน้าของเขา
 
     “คุณหนึ่ง!” ก็ไม่รู้ว่าเขาจะตกใจอะไรขนาดนั้น แค่เห็นว่าผมอยู่ตรงหน้าเขาก็ถึงกับหน้าเหวอและอุทานออกมาเป็นชื่อผมเสียงดังลั่น หนังสือการ์ตูนในมือนั้นก็เป็นอันหลุดร่วงลงพื้น คุณโชนก็ยังคงเป็นคุณโชนจริง ๆ เลย
 
     ผมได้แต่เอานิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ปากและส่งเสียงชู่วว์เพื่อเตือนให้เขาลดเสียงลงหน่อย เพราะเสียงที่ดังสนั่นของเขาเมื่อครู่นี้นั้นทำเอาคนอื่น ๆ ในร้านเป็นอันต้องหันมามองที่พวกเราเป็นตาเดียว
 
     “ขะ คุณหนึ่ง หะ หายดีแล้วเหรอครับ” เขาถามผมอย่างตะกุกตะกัก เมื่อไหร่อาการตื่นเต้นของเขาเวลาคุยกับผมนี่จะหายสักทีนะ
 
     “หายดีแล้วครับ ผมก็เพิ่งจะบอกคุณไปทางโทรศัพท์เมื่อคืนเองนี่ ว่าแต่คุณเถอะผ่านมาแถวบ้านผมทั้งทีไม่คิดจะเข้าไปทักทายกันเลยหรือไง” ผมก็พูดเย้าเขาเล่นไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้น้อยใจอะไรหรอก เขาจะมาเยี่ยมผมหรือไม่มามันก็คือสิทธิ์ของเขา ผมก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขามากมายสักหน่อย
 
     “เอ่อ คือว่า.... เอ่อ ผะผัดไทยน่าทานจังเลยนะครับ” คุณโชนเขาทำเหมือนจะหลบสายตาผม ผมยังไม่ทันจะได้ฟังว่าเขาจะตอบผมว่าอะไร คุณป้าเจ้าของร้านก็ยกจานผัดไทยมาเสิร์ฟตรงหน้าพวกเราเสียก่อน เขาก็เลยได้โอกาสทำทีเบี่ยงเบนประเด็นและความสนใจของผมไปที่ผัดไทยในจานตรงหน้านั้นแทน อย่าคิดว่าผมรู้ไม่ทันนะ
 
     “แหม พ่อหนุ่มมาทานทุกวันอยู่แล้วจะทำเป็นตื่นเต้นอะไรจ๊ะ” ผมถึงกับเลิกคิ้วไปกับคำที่คุณป้าเขาพูดกระเซ้าคุณโชน พลางมองเขาอย่างนึกสงสัยนี่เขามาแถวบ้านผมทุกวันเลยอย่างนั้นหรือ
 
     คุณป้ากลับไปประจำอยู่ที่เตาแล้วหลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จ ปล่อยให้คุณโชนนั่งหน้าเหวอและอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่อย่างนั้น
 
     “นี่คุณมาทำอะไรแถวบ้านผมทุกวัน”
 
     “เอ่อ คือว่า.....” เขาก้มหน้าก้มตาดูเหมือนกับว่าจะไม่กล้ามองหน้าผม สองมือของเขาถูกยกขึ้นมาถูกันไปมาเสมือนกับว่าทำเพื่อแก้เก้อไปอย่างนั้น อะไรของเขากันนะ ผ่านมาแถวบ้านผมทุกวันแต่ไม่คิดจะเข้าไปดูดำดูดีผมเลยหรือไง โกรธดีไหมนี่
 
     “คือว่า ผมอยากจะมาหาคุณหนึ่งที่บ้าน แต่ผมก็รวบรวมความกล้าได้ไม่ถึงสักที กลัวว่าจะทำให้คุณหนึ่งรำคาญหรือลำบากใจ เลยได้แค่มองหลังคาบ้านคุณหนึ่งแล้วก็กลับ”
 
     “คุณ.....” ผมรู้สึกหวิว ๆ ไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น นี่เขาแอบมามองหลังคาบ้านผมทุกวันเลยหรือนี่ โถ พ่อเด็กน้อย ตอนนี้เขาทำหน้าหงอเสียจนดูน่าสงสารเชียว
 
     “ถ้าครั้งต่อไปคุณอยากมาหาผม คุณก็มาได้เลยนะ ไม่ต้องใช้ความกล้าอะไรทั้งนั้น เพราะผมอยากให้คุณมา” ผมว่าพลางอมยิ้มให้กับคุณโชน ผมไม่ได้กำลังอ่อยเขาอยู่หรอกนะ ผมก็แค่พูดไปตามที่ใจคิด ก็เวลาที่มีคนเป็นห่วงเรา อยากจะมาเยี่ยมเรา เราก็ต้องดีใจและอยากให้เขามาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่
 
     คุณโชนค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองผมด้วยท่าทีที่ดูกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนที่เขาจะอมยิ้มที่แฝงไปด้วยความเหนียมอายจนเห็นได้ชัดให้กับผม เฮ้อ ก็อย่างที่ผมว่า คุณโชนก็คือคุณโชน แต่ว่าคุณโชนที่เป็นคุณโชนแบบนี้ก็น่ารักดีนะ ก็นี่แหละเสน่ห์ของเขาล่ะ
 
     “เอ่อ คุณหนึ่งครับ” ผมเหลือบตามองเขาแทนประโยคคำถาม เมื่ออยู่ ๆ เขาก็ทักขึ้นมาในขณะที่ผมกำลังจะตักผัดไทยใส่ปาก
 
     “พอดีผมมีตั๋วละครเวทีอยู่สองใบ มะรืนคุณหนึ่งพอจะว่างไปดูละครกับผมไหมครับ” เขาดูเหมือนจะต้องรวบรวมความกล้าอยู่มากกว่าจะกล้าเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมา แต่เอาอีกแล้ว เขาก้มหน้าหลบสายตาผมอีกแล้ว แล้วผมนี่ก็ไม่รู้เป็นบ้าอะไรถึงยิ้มไปกับท่าทางแบบนั้นของเขาได้ทุกที
 
     “นี่คุณกำลังจะชวนผมไปเดทเหรอ” เห็นเขาดูเหมือนกำลังเขินมากผมก็เลยนึกอยากแกล้งเล่นสักหน่อย ผมก็พูดกระเซ้าเขาเล่นไปอย่างนั้น ไม่ได้คิดอะไรหรอก เพราะผมก็รู้อยู่แล้วว่าเขาก็คงแค่มีบัตรละครเวทีแต่ไม่มีเพื่อนไปดูก็เลยมาชวนผมเท่านั้นเอง
 
     “เอ่อ คือว่า............. ถ้าคุณหนึ่งไม่ว่าอะไร................. ปะไป.....เดทกับผมได้ไหมครับ” ประโยคที่เขาพูดเมื่อสักครู่นี้เขาไม่ได้พูดแบบติด ๆ กันหรอกนะ เขาพูดไปพลางเว้นวรรคยาว ๆ เหมือนหยุดคิด พลางแอบชำเลืองตามองผมเหมือนหยั่งเชิง ราวกับว่าใจหนึ่งก็อยากจะชวน แต่อีกใจก็ยังไม่ค่อยกล้า แต่ผมก็ไม่ได้คิดว่าเขาจะรับมุกผมอย่างนี้เลยนะ
 
     ยิ่งเห็นท่าทีของเขาเป็นแบบนั้นก็ผมยิ่งนึกสนุก ถ้าอย่างนั้นก็ขอแกล้งอีกสักหน่อยก็แล้วกันนะ
 
     “แล้วถ้าผมบอกว่าไม่ไปล่ะ” ผมตอบเขาพลางแสร้งทำหน้าจริงจัง
 
     โถ แค่ผมตอบกลับไปแบบนั้นคุณโชนก็หน้าเศร้าไปในทันที แค่ผมไม่ไปดูละครด้วยมันทำให้เขาหมดอาลัยตายอยากขนาดนั้นเชียวหรือ เล่นเสียผมรู้สึกผิดไปเลย ไม่แกล้งแล้วก็ได้
 
     “เอาเป็นว่ามะรืนนี้คุณมารับผมที่บ้านก็แล้วกัน”
 
     “จริง ๆ นะครับ!!” คุณโชนเงยหน้าขวับขึ้นมาในทันที เมื่อผมพยักหน้ายืนยันในคำตอบตาของเขาก็ดูเป็นประกาย และฉีกยิ้มร่าอย่างมีความสุขมากมาย ผมว่าเขาชักจะเล่นใหญ่เกินไปแล้ว ก็แค่ผมจะไปดูละครเวทีด้วยไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรขนาดนั้นสักหน่อย
 
     “ขอบคุณนะครับคุณหนึ่ง!!”
 
 
☼☼☼☼☼☼
 
 
     ผมยืนบิดไปบิดมาอยู่หน้ากระจกเช็คความเรียบร้อยบนร่างกายอยู่นานสองนาน หลังจากที่ลองเสื้อแล้วเปลี่ยนไปถึงหกตัวกว่าจะเลือกเสื้อที่ถูกใจได้ ผมก็ไม่รู้ว่าผมเป็นบ้าอะไรเหมือนกัน แค่จะไปดูละครเวทีทำไมจะต้องตื่นเต้นอะไรขนาดนี้ด้วยนะ
 
     ผมละสายตาจากเงาของตัวเองในกระจกเพื่อหันมองตามเสียงแง้มประตูที่ใครบางคนแอบเปิดเข้ามาจากด้านนอก ที่แท้ก็เป็นเจ้าสองที่กำลังยืนพิงขอบประตูมองมาที่ผมด้วยสีหน้าเหมือนกำลังแอบหัวเราะทำเอาผมถึงกับสูญเสียความมั่นใจไปมาก นี่ผมแต่งตัวดูตลกอย่างนั้นหรือ และจะว่าเจ้าน้องตัวแสบไม่มีมารยาทที่ไม่เคาะประตูก็ไม่ได้ด้วย เพราะนี่ก็เป็นห้องเจ้าสองเหมือนกัน
 
     “มีอะไร” ผมแสร้งทำหงุดหงิดกลบเกลื่อน และพยายามเบี่ยงตัวหลบสายตาเจ้าเล่ห์ของเจ้าน้องตัวแสบ
 
     “พี่โชนเขามารออยู่ข้างล่างน่ะ” ผมพยักหน้ารับคำเจ้าสอง แต่ก็ยังแอบคิดในใจว่าทำไมคุณโชนถึงได้มาไวอย่างนี้นะ ผมยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับการแต่งตัวของตัวเองตอนนี้เลย ก็เป็นเพราะเจ้าสองนั่นแหละ
 
     “พี่ชายสองนี่เสน่ห์แรงจริงนะ ทั้งพี่ฟรองค์ พี่โชน ไหนจะไอ้คุณรามอีก คนมาจีบเยอะขนาดนี้เลือกได้หรือยัง ว่าจะรับรักจากใคร แต่บอกก่อนนะพี่ฟรองค์กับพี่โชนน่ะสองโอเค แต่ห้ามเลือกไอ้คุณรามเด็ดขาดสองเกลียดมัน” เจ้าสองดูท่าทางอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีเมื่อเจ้าตัวพูดถึงคุณราม เจ้าสองดูเกลียดคุณรามเข้าไส้แม้จะยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณรามจริง ๆ จัง ๆ เหมือนที่ได้ทำความรู้จักกับฟรองค์และคุณโชนเลยสักครั้ง
 
     สาเหตุที่เป็นแบบนั้นก็มาจากวันที่คุณสร้อยเธอมาอาละวาดที่หน้าบ้านผมนั่นแหละ ทีแรกผมก็ตั้งใจที่จะไม่บอกแม่และเจ้าสองเพราะไม่อยากให้พวกเขาเป็นห่วงและไม่อยากโกหกก็เลยเลือกที่จะไม่ให้พวกเขารู้เลยดีกว่า แต่คุณป้าข้างบ้านน่ะสิกลับเอาเรื่องนั้นมาเล่าให้แม่ผมฟัง เมื่อถูกแม่และน้องซักถามผมก็จำต้องเล่าความจริงทุกอย่างให้พวกเขาฟังอย่างละเอียดเพราะผมไม่อยากโกหกคนในครอบครัว ทั้งเรื่องคุณสร้อย และเรื่องที่คุณรามพยายามที่จะเอาผมไปเป็นของเขาให้ได้
 
     ตอนแรกที่รู้เรื่องเจ้าสองที่กำลังอารมณ์เดือดแทบจะบุกไปเอาเรื่องทั้งคุณสร้อยและคุณรามเสียเดี๋ยวนั้น ผมต้องพยายามปรามน้องชายสุดกำลังกว่าเจ้าสองจะอารมณ์เย็นลงได้ เพราะผมไม่อยากจะให้เป็นเรื่องใหญ่และอิทธิพลของคุณรามก็มีไม่ใช่น้อย ผมไม่อยากให้เจ้าสองไปมีเรื่องหรือไปยุ่งเกี่ยวกับคนพันธุ์นั้น
 
 
     เจ้าสองเริ่มมองผมด้วยแววตาแปลก ๆ ราวกับกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง ก่อนที่เจ้าน้องตัวแสบจะเดินตรงเข้ามาหาผม เจ้าสองยื่นจมูกเข้ามาใกล้ ๆ ตัวผมและทำท่าสูดดมอย่างกับสุนัขตำรวจ นี่เจ้าสองกำลังทำบ้าอะไรอยู่นะ
 
     “แค่มีนัดกับพี่โชนนี่ถึงกับต้องฉีดน้ำหอมฟุ้งขนาดนี้เลยเหรอ แล้วยังจะเซ็ตผมเสียหล่อเชียว” เจ้าสองว่าพลางยื่นนิ้วมาจิ้มตรงกลุ่มเส้นผมแถวหน้าของผมที่ถูกเซ็ตให้เข้ารูปด้วยเจล ผมได้แต่เหลือบมองนิ้วมือของเจ้าน้องตัวแสบอย่างเคือง ๆ กว่าจะได้แบบนี้มันไม่ได้เซ็ตกันได้ง่าย ๆ นะ
 
     “สองว่า สองคงไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะมั้งว่าใครจะมาเป็นพี่เขยสอง” เจ้าสองยิ้มทะเล้นเมื่อหันไปเห็นกองเสื้อผ้าที่ผมเพิ่งจะลองและถอดทิ้งไปโยนกองไว้บนเตียง ก่อนที่เจ้าน้องตัวแสบจะว่าประโยคที่ทำเอาผมถึงกับรู้สึกหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อครู่
 
     “พี่ขงพี่เขยบ้าบออะไรกัน เพื่อนกันทั้งนั้น” ผมรีบแก้ตัว เอ้ย ไม่ใช่สิ ต้องเรียกว่าแก้ต่างถึงจะถูก ผมรีบแก้ต่างให้ตัวเองอย่างทันควัน ก็จริงนี่ตอนนี้ไม่ว่าฟรองค์หรือคุณโชนก็เป็นแค่เพื่อนของผมทั้งนั้น ยิ่งคุณรามยิ่งห่างไกล เจ้าสองเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว
 
     “ถ้าแค่เพื่อนแล้วทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ” เจ้าสองว่าทั้งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จนผมเผลอยกมือขึ้นมาจับแก้มทั้งสองข้างตามคำที่เจ้าสองท้วงให้ ผมว่าผมก็ไม่ได้หน้าแดงสักหน่อย เจ้าสองแกล้งผมอีกแล้วแน่ ๆ เลย
 
     “เลิกแกล้งพี่ได้แล้วน่า ไป ๆ ลงไปบอกให้คุณโชนรออีกเดี๋ยว พี่กำลังจะรีบตามลงไป” ผมว่าพลางพยายามดันหลังเจ้าน้องร่างสูงใหญ่ให้ออกไปจนพ้นประตูห้อง ขนาดปิดประตูใส่แล้วก็ยังได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังอยู่หน้าประตู ฮึ่ย เจ้าน้องบ้านี่ อยู่ ๆ ก็มาทำให้ผมหัวเสียได้
 
 
☼☼☼☼☼☼
 
 
     ฝากให้เจ้าสองไปบอกว่าให้รอแค่อีกเดี๋ยว แต่เอาเข้าใจจริงผมกลับปล่อยให้คุณโชนต้องรออยู่พักใหญ่ เพราะผมมัวแต่ใช้เวลาอยู่กับการจัดการสภาพตัวเองใหม่ทั้งหมด ทั้งอาบน้ำและสระผมใหม่เพื่อล้างคราบเจลปล่อยให้เส้นผมด้านหน้าลงมาปิดหน้าผากตามเดิมและเพื่อเจือจางกลิ่นน้ำหอมให้ได้มากที่สุด เสื้อเชิ้ตโก้ ๆ หรือเสือแจ็คเก็ตเท่ ๆ ก็เป็นอันต้องโละทิ้งทั้งหมดเปลี่ยนมาใส่แค่เสื้อยืดแขนยาวสีเทาที่ไร้ลวดลายกับกางยีนส์ปอน ๆ ก็เพราะเจ้าสองนั่นแหละที่มาทำให้ผมเสียความมั่นใจกับลุคเมื่อสักครู่
 
     และอีกอย่างตอนที่ผมจะต้องไปไหนมาไหนกับฟรองค์ผมก็ไม่ได้แต่งตัวอะไรมากไปกว่านี้ ก็ผมเป็นคนพูดเองนี่ว่าทั้งฟรองค์และคุณโชนป็นแค่เพื่อนเหมือนกันไม่มีใครพิเศษไปกว่ากัน เพราะอย่างนั้นผมก็ไม่เห็นจะต้องปฏิบัติตัวกับคุณโชนพิเศษไปกว่าที่ปฏิบัติกับฟรองค์เลยนี่
 
     “คุณโชนครับ ขอโทษนะครับที่ปล่อยให้รอนาน” ผมทักทายคุณโชนที่กำลังคุยกับเจ้าสองอย่างดูสนุกสนานในห้องรับแขก พร้อมทั้งกล่าวขอโทษเขาไปด้วย ก็ผมเล่นปล่อยให้เขารออยู่ตั้งหลายนาที ว่าแต่เจ้าสองนี่ดูจะเข้าได้ดีกับทั้งฟรองค์และคุณโชนเลยนะ
 
     ทำเอาผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก เมื่อคุณโชนหันมาตามเสียงเรียกของผม แล้วเขาก็หยุดมองผมเสียตาเยิ้มอย่างกับในละครที่พระเอกมองนางเอกแล้วเคลิ้มอยู่ในภวังค์ อย่ามามองผมอย่างนั้นนะวันนี้ผมแต่งตัวปอน ๆ ไม่ได้มีอะไรน่ามองไปกว่าปกติสักหน่อย
 
     แต่ว่าการแต่งตัวของคุณโชนนี่สิ เขากลับแต่งมาเสียเท่เชียว ทั้งแจ็คเก็ตหนังที่ดูน่าจะราคาไม่น้อย ไหนจะเซ็ตผมเสริมความหล่อ แล้วยังฉีดน้ำหอมคลุ้งเสียจนกลิ่นหอม ๆ นั้นลอยมาเตะจมูกผมถึงตรงนี้ เห็นแล้วทำเอาผมแทบอยากจะกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดอีกรอบเสียเดี๋ยวนั้นเลย
 
     “อ้าว พี่หนึ่งทำไมถึงได้เปลี่ยนชะ…..” เป็นเจ้าสองที่กำลังจะท้วงผมเรื่องเปลี่ยนชุด แต่เพราะผมหันไปทำหน้าดุใส่เสียก่อน เจ้าน้องตัวแสบเลยชะงักไป แต่ก็ยังแอบเหล่มองผมด้วยแววตาที่สุดแสนจะเจ้าเล่ห์
 
     แต่ก็เพราะเสียงของเจ้าสองที่ทำให้คุณโชนถึงกับสะดุ้ง และดูเหมือนเขากำลังพยายามทำตัวให้เป็นปกติ ก่อนที่เขาลุกจะเดินตรงมาหาผม หลังจากที่เมื่อครู่นี้เขาเหม่ออะไรของเขาก็ไม่รู้
 
     “วันนี้คุณหนึ่ง น่ะ...น่ารักจังเลยนะครับ” มาถึงบ้านผมขนาดนี้แล้วไม่รู้ว่าเขายังจะสั่นอะไรอีกนะ แล้วยังจะมายกยอผมแบบนั้นอีก ทั้งที่วันนี้ผมก็ไม่ได้ต่างไปจากวันอื่น ๆ สักหน่อย แต่ถ้าเปลี่ยนคำชมจากน่ารักเป็นหล่อได้ก็จะขอบคุณมาก
 
     “น่ารักอะไรกัน วันนี้ผมก็ไม่ได้ต่างไปจากวันอื่น”
 
     “ก็คุณหนึ่งน่ารักทุกวันไงครับ” คุณโชนหยอดคำหวานที่ทำเอาผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าว คำหวานที่ตัวคนพูดเองยังดูขัดเขินและดูอายที่จะสบตาผม จนเผลอแป๊บเดียวเขาก็ก้มหน้าก้มตาหลบสายตาผมไปอีกแล้ว แต่เอาเถอะเพราะอย่างไรเสียเขาก็ดูกล้าขึ้นมากแล้วที่พูดอะไรแบบนั้นออกมาได้
 
     ผมหันไปทำหน้าดุใส่เจ้าน้องตัวแสบที่ส่งเสียงโห่ฮิ้วตามคำหวานของคุณโชนมาติด ๆ เจ้าสองชะงักและทำท่าเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะ ถึงจะทำดุใส่แต่จริง ๆ แล้วผมก็แอบดีใจนะที่เจ้าสองเป็นแบบนี้ได้ เพราะเมื่อสมัยก่อนเจ้าสองก็ชอบแกล้งเย้าแหย่กวนประสาทผมอย่างนี้เป็นประจำ เจ้าสองกลับมาเป็นแบบนี้ได้มันก็เหมือนยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกชื่นใจว่าอะไร ๆ มันได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วจริง ๆ
 
     “เอ่อ เรารีบไปกันเถอะครับคุณโชนนี่ก็หกโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวจะดูละครไม่ทัน” ผมรีบตัดบทด้วยการรบเร้าให้คุณโชนพาผมออกไปเร็ว ๆ ก่อนที่เจ้าน้องตัวแสบจะกวนประสาทผมหนักไปกว่านี้
 
     คุณโชนและเจ้าสองโบกมือร่ำลากันอย่างดูสนิทสนม ทีกับผมนะมองหน้าทีก็หลบสายตาที ก่อนจะออกจากบ้านไปผมหันไปทำหน้าดุใส่เจ้าสองที่ยังไม่เลิกยิ้มกรุ้มกริ่มอีกรอบ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าน้องตัวแสบจะไม่ได้สลดเลยสักนิด มันจะรู้บ้างไหมว่ามันทำให้พี่มันเสียความมั่นใจขนาดไหน
 
 
☼☼☼☼☼☼
 
 
     ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกันผมชวนคุณโชนพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระจนเขาดูผ่อนคลายลงมาก แต่เมื่อมาถึงโรงละครกับเป็นผมเองที่เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจและมีความกังวลเข้ามาเยือน ใช่ว่าจะไม่เคยอยู่กับคุณโชนสองคนในที่สาธารณะ แต่ครั้งก่อน ๆ มันก็แค่บังเอิญเจอกัน แต่คราวนี้เรามาด้วยกันอย่างโจ้งแจ้ง ผมรู้สึกกังวลเพราะไม่รู้ว่าคุณโชนจะถูกคนอื่นมองอย่างไรกับการที่มาดูละครเวทีกับดาราหนังโป๊อย่างผม
 
     “ทำไมไม่เข้าไปล่ะครับ” คุณโชนทักขึ้นเมื่อเห็นผมยื่นชะงักนิ่งอยู่ตรงประตูทางเข้าไม่ยอมก้าวเท้าเข้าไปด้านในสักที เห็นผู้คนมากมายขวักไขว่อยู่ด้านในผมก็ยิ่งรู้สึกประหม่า จริงอยู่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรู้จักผมหรือจำผมได้ แต่คนที่จำได้ก็มีไม่น้อยเหมือนกันนี่
 
     “คุณไม่อายเหรอที่จะเข้าไปพร้อมผม” ผมถามเขาตามตรงด้วยความรู้สึกที่ยังอดกังวลไม่ได้
 
     ไม่มีคำพูดใด ๆ เป็นประโยคคำตอบกลับมาจากปากคุณโชน เขาเพียงแค่ยิ้มให้ผมก่อนจะสอดมือของเขาเข้ามาสอดประสานจับกันกับมือของผม และจูงมือผมเข้าไปด้านในอย่างไม่แคร์สายตาใคร ในตอนนี้คุณโชนแทบจะไม่เหลือคราบหนุ่มน้อยขี้อายในแบบคุณโชนที่เป็นคุณโชนเลย ตอนนี้เขาดูเป็นคุณโชนที่เท่และอบอุ่นมาก ปกติแล้วในทุก ๆ ครั้งจะต้องเป็นเขาที่เป็นฝ่ายสั่นไปทั้งตัวเมื่อเราอยู่ใกล้กัน แต่คราวนี้กลับเป็นผมเองที่มือไม้สั่นไปหมดแล้ว
 
     ผมเผลออมยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเมื่อก้มมองมือของเราสองคนที่จับกันอยู่ การกระทำของเขามันให้คำตอบผมได้ดีกว่าคำพูดใด ๆ เสียอีก
 
     ขอบคุณนะครับคุณโชนที่ไม่รังเกียจคนอย่างผม
 
 
 
     TBC
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา