รักของนายเอกหนังโป๊ [20+]

-

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.03 น.

  7 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,415 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561 20.18 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตอนที่ 6 สร้อยทอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 6 สร้อยทอง

 

 

     ผ่านมาเกือบสองสัปดาห์แล้วที่ผมเข้าไปพบคุณรามวันนั้น ตอนนี้อาการที่แผลของผมก็ใกล้จะหายดีเกือบจะเป็นปกติแล้ว ก็ยังมีเจ็บอยู่บ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงเป็นปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันอะไรมากมาย เดือนหน้านี้ผมคงจะต้องกลับไปรับงานตามปกติแล้ว เฮ้อ พอนึกได้อย่างนี้แล้วก็อยากจะป่วยนาน ๆ ขึ้นมาทันที

 

     หนังที่ฟรองค์ยอมกลับไปร่วมแสดงก็กำลังจะเปิดกล้องวันมะรืนนี้แล้ว แต่ฟรองค์ยังมีโทรมางอแงกับผมอยู่เลยว่าไม่อยากจะแสดง แต่ผมเชื่อว่าครั้งนี้เขาจะไม่เบี้ยวเหมือนคราวที่แล้ว เพราะเขารับปากกับผมไว้แล้ว ส่วนเรื่องเด็กที่ชื่อป้อง ผมก็ช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้ตามที่รับปากกับพี่แองจี้ไว้ แต่ผมก็ทำได้แค่ต่อสายหาคุณรามเพื่อฝากฝังให้ช่วยพิจารณาเด็กนั่นสักหน่อย ส่วนเขาจะรับหรือไม่รับป้องเข้าทำงานก็คงต้องสุดแล้วแต่เขา

 

 

☼​☼​☼​☼​☼​☼

 

 

     เสียงออดที่หน้าบ้านทำเอาผมต้องดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนอย่างกะทันหัน เวลาลุกแบบพรวดพราดอย่างนี้ก็ยังรู้สึกเสียวแปลบตรงบริเวณที่ถูกแทงอยู่เหมือนกันนะ ตอนนี้ผมอยู่บ้านคนเดียว เจ้าสองไปทำรายงานบ้านเพื่อน ส่วนแม่ออกไปตลาด ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะไปช่วยแม่ถือของที่ตลาดเพราะวันนี้เจ้าสองไม่ได้ด้วย แต่แม่ก็ยังยืนยันว่าให้ผมพักอยู่ที่บ้านดีแล้วเพราะยังไม่หายดี

 

     ไม่รู้เหมือนกันว่าใครคือคนจะมาที่บ้านผมในเวลานี้ เพราะที่อยู่ของบ้านหลังนี้ผมก็ไม่ค่อยจะได้ให้ใครไว้สักเท่าไหร่ แม้แต่คุณรามที่เป็นเจ้านายของผมหรือแม้แต่เพื่อนนักแสดงนอกจากฟรองค์แล้วก็ยังไม่มีใครรู้ที่อยู่บ้านของผมเลย และผมว่าผมก็ไม่ได้สั่งซื้ออะไรไว้สักหน่อย ถ้าเป็นฟรองค์ปกติแล้วฟรองค์ก็ไม่เคยจะกดออดแต่จะโทรมาหาก่อนจะมาถึง หรือถ้าจะเป็นคุณโชน รายนั้นก็ยิ่งไม่น่าใช่เข้าไปใหญ่เพราะตั้งแต่ที่ผมออกจากโรงพยาบาลมาเขาก็ยังไม่เคยมาเยี่ยมผมที่บ้านเลยสักครั้ง ได้แต่โทรมาบอกห่วงใยเป็นประโยคสั้น ๆ อยู่ทุกวี่วัน 

 

     ตั้งแต่เดินลงบันไดมานี้ผมก็ยังคิดไม่ตกว่าใครกันนะที่เป็นผู้มาเยือนคนนั้น หรือว่าจะโดนเด็กแถวนี้มาแกล้งกดออดเล่นกันแน่

 

 

☼​☼​☼​☼​☼​☼​

 

 

     เมื่อผมเปิดประตูบ้านออกมา ผมก็ได้พบกับหญิงสาวรูปร่างดี เธอสวมแว่นตาสีดำและสวมชุดแซกสีดำที่ดูวาบหวิวพอสมควร และเธอยังทาปากด้วยสิปสติกสีแดงสดจนเหมือนสีเลือด เมื่อพินิจมองเธอแล้วผมก็รู้สึกว่าพอจะคลับคล้ายคลับคลาอยู่เหมือนกันนะ แม้จะยังนึกไม่ออกว่าเธอคือใครกันแน่แต่ผมก็ยังคงเดินไปเปิดประตูรั้วให้เธอในฐานะเจ้าของบ้านที่ดี

 

     “คุณสร้อย” ผมเพิ่งจะจำตัวตนของเธอผู้นี้ได้ เมื่อเธอถอดแว่นตาสีดำนั้นออก เพื่อโชว์แววตาที่กำลังมองเหยียดผมอยู่

     ผมเพิ่งจะเคยเจอตัวจริงของเธอเป็นครั้งแรกก่อนหน้านี้ผมเคยเห็นหน้าเธอแค่เพียงผ่านภาพถ่ายในสื่อเท่านั้น เธอชื่อสร้อยทอง เป็นภรรยาของคุณรามและยังเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่รวยติดเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศผมอีกด้วย แต่ตอนนี้ผมคงจะต้องเรียกเธอว่าเป็นอดีตภรรยาของคุณรามแล้วสินะ ก็คุณรามเล่นเอาใบหย่ามาวางโชว์ตรงหน้าผมเสียขนาดนั้น แต่ผมก็ไม่รู้เธอรู้จักบ้านผมได้ยังไง และมีจุดประสงค์อะไรในการมาที่นี่

 

     เพี๊ยะ

 

     “โอ๊ย”  ไม่ทันที่จะพูดพร่ำทำเพลงคุณสร้อยเธอก็ตบหน้าผมอย่างแรงเข้าฉาดใหญ่

 

     “โสเภณีชั้นต่ำอย่างแกกล้ามากนะที่คิดจะมาแย่งผัวฉัน” คำด่าว่าโสเภณีจากคุณสร้อยทำเอาผมถึงกับจุกอก ผมเงยหน้ามองฟ้าเพื่อเก็บซ่อนน้ำตาที่รื้นขึ้นทันทีได้ถูกเรียกด้วยคำ ๆ นั้น ไม่ว่าจะโดนด่าโดนดูถูกมาเท่าไหร่ผมก็ไม่เคยรู้สึกชินชากับคำ ๆ นั้นเลยสักที ผมไม่ได้ดูถูกคนที่ทำอาชีพนั้นเพราะงานที่ผมทำก็ไม่ได้ดูดีไปกว่าพวกเขาเลย แต่ผมแค่ไม่รู้สึกคุ้นชินกับการถูกเรียกแบบนี้จริง ๆ

 

      ผมหันกลับมามองหน้าคุณสร้อยด้วยความพยายามเก็บซ่อนทุกความรู้สึก ไม่ให้มีอารมณ์ใด ๆ แสดงผ่านทางสีหน้า เธอเหยียดยิ้มดูจะกำลังสะใจกับการที่ได้ตบหน้าและด่าทอผมด้วยถ้อยคำที่เสียดแทงเมื่อครู่

 

     “ผมไม่ว่าอะไรหรอกนะครับ ถ้าคุณจะเรียกผมว่าโสเภณี เพราะมันก็คืองานของผม และผมว่ามันก็คงจะดีกว่าผู้หญิงที่นอกใจสามี ไปนอนกับผู้ชายคนอื่นจนไม่รู้ว่าตัวเองท้องกับใคร ผมว่าผู้หญิงแบบนั้นมันน่ารังเกียจและด้อยค่ายิ่งกว่าโสเภณีที่คุณดูถูกเสียอีกนะ” ผมยิ้มให้กับเธอและเอ่ยวาจาด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติให้เธอเข้าใจไปว่าผมไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านใด ๆ ต่อคำด่าทอของเธอ พลางใช้สายตามองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า 

 

     ดูท่าเรื่องที่คุณรามเล่าให้ผมฟังมันคงจะเรื่องจริงเสียแล้วสิ เพราะเธอแสดงอาการร้อนรนออกมาในทันทีเมื่อผมตอบกลับไปเช่นนั้น ซึ่งมันจริงก็อย่างที่ผมพูดนี่ คนที่ขายบริการทางเพศที่เขาต้องทำก็เพราะความจำเป็น เพราะมันคืออาชีพของเขา แต่สำหรับผู้หญิงที่มีเงินทองท่วมฟ้าอย่างคุณสร้อย เธอไม่จำเป็นต้องนอนกับใครเพื่อแลกเงิน และสำหรับผู้หญิงที่มีสามีเป็นตัวเป็นตนแล้วอย่างเธอแต่ยังเที่ยวไปนอนกับชายอื่นฟรี ๆ เมื่อลองช่างน้ำหนักดูแล้วโสเภณีที่เธอดูถูกนั้นอาจจะดูมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมากกว่าพฤติกรรมของผู้หญิงอย่างเธอเสียด้วยซ้ำ

 

     คุณสร้อยเธอตรงเข้ามาตบตีผมอย่างไม่ยั้งมือด้วยท่าทางที่ดูแสนจะเจ็บแค้นขั้นสุด ซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ไม่ว่ายังไงคนอย่างผมก็ไม่ทำร้ายผู้หญิงอยู่แล้ว แต่สำหรับคนอื่นผมไม่รู้....

 

     รถสปอร์ตสีดำของคุณรามที่เคลื่อนที่มาด้วยเร็วสูงเบรคลงอย่างกะทันหันตรงหน้าบ้านผม จนยางรถเสียดสีกับพื้นถนนจนเกิดเสียงดังสนั่น คุณรามลงจากรถด้วยท่าทางร้อนใจในทันที เขาพุ่งตรงเข้ามากระชากตัวคุณสร้อยออกจากตัวผมไปอย่างแรง แล้วเขาก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าเขาจะกล้าทำ จนผมเองถึงกับต้องอึ้งไป

 

     เพี๊ยะ

 

     คุณรามตบหน้าคุณสร้อยอย่างเต็มแรง จนตัวเธอล้มทรุดลงไปกองที่พื้น ผมไม่คิดเลยว่าเขาจะทำได้ถึงขนาดนี้ คุณสร้อยเธอถึงกับเลือดกลบปาก เธอหันกลับมามองหน้าอดีตสามีด้วยแววตาที่แสนจะน้อยเนื้อต่ำใจ

 

     “คุณตบสร้อย เพื่อปกป้องมันเลยเหรอคะราม”

 

     “ไสหัวไปให้พ้น แล้วอย่าให้ฉันรู้ว่าเธอมาระรานคนของฉันอีก ไม่อย่างนั้นอย่ามาหาว่าฉันใจร้าย” คุณรามชี้หน้าและตะคอกใส่คุณสร้อยอย่างไร้เยื้อใย สีหน้าและแววตาของเขาในตอนนั้นมันช่างดูน่ากลัวเหลือเกิน

 

     “ก็ดีในเมื่อคุณกล้าทำแบบนี้กับสร้อย เราก็จะได้เห็นดีกัน สร้อยจะบอกให้คุณพ่อเล่นงานคุณ” คุณสร้อยพ่นคำขู่และดันตัวลุกขึ้นจากพื้นทั้งน้ำตา เธอจ้องหน้าคุณรามแบบท้าตีท้าต่อย แม้ในแววตาของเธอในตอนนั้นจะดูเกรงคุณรามอยู่ไม่น้อยก็ตาม

 

     “เฮอะ จะให้พ่อเธอเล่นงานฉันอย่างนั้นเหรอ” คุณรามเหยียดยิ้มและยักไหล่ดูไม่ได้เกรงกลัวต่อคำขู่ของคุณสร้อยเลยแม้แต่น้อย

 

     “เธอแน่ใจเหรอว่าพ่อเธอจะกล้าทำอะไรฉัน วันที่พ่อรู้ว่าถึงความชั่วช้าของเธอ พ่อเธอแทบจะกราบเท้าอ้อนวอนไม่ให้ฉันเลิกกับเธอกลัวจะเป็นข่าวและเขาจะเสียชื่อ นักธุรกิจใหญ่อย่างพ่อเธอมันห่วงหน้าตาของตัวเองในสังคมยิ่งกว่าห่วงลูกเลว ๆ อย่างเธอเสียอีก ถ้าฉันเอาผลตรวจดีเอ็นเอของฉันกับไอ้มารหัวขนลูกของเธอไปประจานล่ะก็คงได้ฉาวโฉ่กันไปทั่ว คิดว่าพ่อเธอจะกล้าเสี่ยงไหมล่ะ” คุณรามพูดอย่างทะนงตนว่าเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า เขาใช้นิ้วชี้ผลักที่หน้าผากของอดีตภรรยาอย่างแรงจนเธอหน้าหงาย ก่อนที่เขาจะดึงตัวเธอกลับมาด้วยการคว้าเข้าที่คอของเธออย่างไม่เบามือ จนเธอแสดงอาการคล้ายกับว่ากำลังหายใจไม่ออก

 

     “บุญคุณที่พ่อเธอเคยช่วยเหลือฉัน ฉันถือว่าฉันชดใช้ให้จนหมดไปแล้ว ด้วยการที่ฉันทนอยู่กับผู้หญิงแพศยาอย่างเธอมานานเป็นปีทั้งที่รู้ว่าตัวเองโดยสวมเขาแล้ว การที่ฉันกับเธอเลิกกันไปแบบเงียบ ๆ ถือว่าฉันปรานีเธอที่สุดแล้วนะสร้อยทอง ตอนนี้ฉันเจอคนที่ฉันต้องการแล้ว เธอก็ควรไสหัวออกไปจากชีวิตฉันได้แล้ว” ว่าจบคุณรามสลัดคุณสร้อยจากมือของเขาอย่างแรง จนเธอล้มไปกองกับพื้นอีกรอบ ผมเห็นสภาพคุณสร้อยในตอนนั้นแล้วก็อดนึกเวทนาเธอไม่ได้จริง ๆ

 

     เหตุการณ์การที่วิวาทกันนั้นคงจะส่งเสียงดังอยู่ไม่น้อย จนเพื่อนบ้านในละแวกนั้นออกมายืนดูที่หน้าบ้านของตัวเองกันเป็นแถว ส่วนผมขอหันหลังเดินกลับเข้าบ้านก็แล้วกัน เพราะไม่อยากจะรับรู้เรื่องในครอบครัวระหว่างสองผัวเมียนี่อีกแล้ว คุณรามตามเข้ามาประครองผม ผมสลัดตัวออกจากอ้อมแขนของเขาในทันที ยังไงผมก็ไม่รู้สึกสนิทใจกับการที่จะให้ผู้ชายที่น่ากลัวมากคนนี้มาแตะต้องตัวผม

 

     คุณรามยอมที่จะไม่สัมผัสตัวผมแต่เขาก็ยังคงเดินตามผมเข้ามาในบ้าน ผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณหน้าบ้านผม คุณสร้อยเธอคงจะกลับไปแล้ว

 

     “คุณกับคุณสร้อยรู้จักบ้านผมได้ยังไง”

 

     “ผมให้คนตามสืบเรื่องที่อยู่ของคุณมาสักพักแล้วล่ะ ผมแค่ยังไม่อยากจะรีบร้อนบุกมาถึงบ้านคุณ กลัวคุณจะตกใจ แต่สร้อยผมไม่รู้จริง ๆ ว่าเขามาบ้านคุณได้ยังไง” ผมถึงกับเหวอกับคำให้การของเขา นี่เขาถึงขั้นให้คนมาตามสืบหาที่อยู่ของผมเลยหรือนี่ คนอย่างเขานี่มันน่ากลัวกว่าที่ผมคิดไว้มากจริง ๆ

 

     “คุณเจ็บหรือเปล่าหนึ่ง” คุณรามยื่นมือเข้ามาจะสัมผัสตรงร่องรอยบนหน้าผมที่ถูกคุณสร้อยทำร้าย แต่ผมรีบปัดมือเขาออกในทันที ไม่ว่ายังไงคนอย่างเขามันก็น่ารังเกียจอยู่วันยันค่ำ

 

     “คนของผมบังเอิญเห็นรถของสร้อยขับมาทางบ้านคุณ ผมเป็นห่วงก็เลยรีบตามมาดู ผมไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับคุณขนาดนี้ ผมขอโทษจริง ๆ เพราะผมใช้ผลตรวจดีเอ็นเอเป็นข้อต่อรองให้เขายอมเซ็นใบหย่าให้ผม แต่เขาก็ยังตามราวีผมไม่เลิก จนผมเผลอหลุดปากไปว่าผมต้องการคุณ แต่ผมรับปากนะว่าต่อไปนี้ผมจะไม่ปล่อยให้เขามายุ่งกับคุณอีก” อย่าพยายามมาทำน้ำเสียงอ่อนโยนกับแววตารู้สึกผิดอย่างนั้นเลย อย่างไรผมก็ไม่มีทางใจอ่อนหลงผิดคิดจะยอมตกล่องไปปล่องชิ้นไปกับคนอย่างเขาหรอก 

 

     “คุณรังเกียจคุณสร้อยเพราะเธอไปนอนกับผู้ชายคนอื่น แล้วกับผมล่ะด้วยงานของผม ผมก็นอนกับผู้ชายมาแล้วไม่รู้ตั้งกี่คน แล้วคุณจะมาบอกว่าต้องการผมเนี่ยนะ ย้อนแย้งสิ้นดี ถ้าผมยอมเป็นของคุณสักวันหนึ่งคุณก็อาจจะทำกับผมเหมือนที่คุณทำกับคุณสร้อยวันนี้”

 

     “นี่ปล่อยผมนะ” คุณรามฉวยโอกาสเข้ารวบกอดผมจากด้านหลัง ผมพยายามที่จะขยับตัวหลบหนีการจู่โจมจากปากและจมูกของเขาที่พยายามจะซุกไซร้และพรมจูบไปทั่วทั้งต้นคอและใบหน้าของผม การกระทำเช่นนี้ของเขามันทำให้ผมรู้สึกขยะแขยงสิ้นดี

 

     “ก่อนที่คุณจะเป็นของผม คุณจะนอนกับผู้ชายกี่ร้อยกี่พันคน ผมก็ไม่สนใจหรอก แต่ถ้าหลังจากที่คุณเป็นของผมแล้ว คุณต้องเป็นของผมแค่คนเดียวเท่านั้น และคุณไม่ต้องกลัวหรอกนะ ที่สร้อยทองต้องเจอแบบนั้นเพราะเขาทรยศผม แต่ผมเชื่อว่าคุณไม่ใช่คนแบบนั้น”

 

     คุณรามเลื่อนมือลงมาลูบไล้ตรงรอยแผลที่ถูกแทงของผม ก่อนที่เขาจะกระซิบอย่างแผ่วเบาที่ข้างหูผมด้วยน้ำเสียงกระเซ่าจนผมอยากจะอาเจียนว่า

 

     “คุณยังไม่ต้องกลัวหรอกหนึ่ง ตอนนี้คุณยังเจ็บอยู่ผมยังไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้หรอก เอาไว้รอให้คุณหายดีก่อนก็ยังไม่สายเกินไป”

 

 

☼​☼​☼​☼​☼​☼ 

 

 

     ผมกดรับสายโทรศัพท์ที่ส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้นมาในตอนบ่ายของวันที่แสนน่าเบื่อ ก็ยังนึกแปลกใจอยู่เหมือนกันเมื่อเห็นว่าชื่อและเบอร์โทรของบุคคลปลายสายนั้นคือฟรองค์ ทั้งที่ตอนนี้ฟรองค์น่าจะกำลังอยู่ที่สตูดิโอนี่นา

 

     “ว่าไงฟรองค์”

 

     “เอ่อ หนึ่งรู้จักกับน้องที่ชื่อป้องหรือเปล่า” ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนว่าฟรองค์น่าจะกำลังไม่สบายใจกับอะไรบางอย่าง มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่านะ อยู่ ๆ ฟรองค์ก็ถามผมถึงน้องที่ชื่อป้อง และน้องที่ชื่อป้องที่ผมพอจะรู้จักก็น่าจะมีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

 

     “เอ่อ ถ้าป้องที่ฟรองค์หมายถึงเป็นเด็กของแองจี้ที่เพิ่งจะมาออดิชั่นที่ค่าย เราก็เคยเจอนะ มีอะไรกันหรือเปล่า หรือว่า.....” อยู่ ๆ สมองผมมันก็นึกปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้เองโดยไม่ต้องรอคำตอบจากฟรองค์ ก็ในเมื่อตอนนี้ฟรองค์น่าจะกำลังอยู่ที่สตูดิโอเพื่อเตรียมถ่ายหนังเรื่องใหม่ แล้วอยู่ ๆ ฟรองค์ก็โทรมาถามผมถึงเรื่องเด็กคนนั้น พอลองปะติดปะต่อเรื่องราวแล้วมันก็ไม่น่าจะเป็นอื่นไปได้

 

     นี่คุณรามกำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้จับเด็กนั่นเดบิวต์เร็วขนาดนี้เลย

 

 

☼​☼​☼​☼​☼​☼​

 

 

     ผมรีบดิ่งตรงมาที่บริษัทของคุณรามทันทีที่ได้ความจากฟรองค์ เป็นอย่างที่ผมคิดไว้จริง ๆ นายเอกคนใหม่ของฟรองค์คือเด็กป้องจริง ๆ ไม่รู้ว่าคุณรามเขากำลังคิดอะไรของเขาเด็กนั่นเพิ่งจะมาออดิชั่นไปแท้ ๆ กะจะไม่ให้เวลาได้เตรียมตัวเตรียมใจกันเลยหรือไง 

 

     เมื่อประตูลิฟท์เปิดออกยังชั้นที่ใช้เพื่อเป็นสตูดิโอสำหรับถ่ายทำหนังของค่าย ผมก็ได้ยินเสียงคุณรามที่น่าจะกำลังโมโหขั้นสุดตะคอกต่อว่าใครสักคนเสียงดังมาแต่ไกล ตามความที่ได้จากฟรองค์ก็คงจะเป็นเจ้าเด็กป้องนั่นแหละที่ทำให้คุณรามระเบิดอารมณ์ได้ขนาดนี้

 

     “หนึ่ง” ผมหันมองตามเสียงเรียก และก็เป็นฟรองค์ที่ตอนนี้ทั้งตัวเขามีเพียงชุดคลุมอาบน้ำที่ปกปิดร่างกาย กำลังยืนโบกมือให้ผมอยู่ตรงหน้าประตูสตูดิโอที่เป็นต้นทางที่เสียงคุณรามดังลอดออกมา ผมรีบตรงเข้าไปหาฟรองค์ในทันที

 

     “หนึ่งยังไม่หายดี ฟรองค์ไม่น่าเอาเรื่องร้อนใจมาให้หนึ่งเลยอ่ะ พอดีฟรองค์ได้ยินคุณรามพูดตอนที่ดุน้องเขาว่าให้โอกาสน้องเขามาทำงานในค่ายก็เพราะหนึ่ง ฟรองค์ก็เลยลองไปโทรปรึกษาหนึ่งดู” ฟรองค์ว่าด้วยสีหน้าที่ดูรู้สึกไม่สบายใจ ตอนแรกฟรองค์ก็ไม่อยากจะให้ผมมาถึงที่นี่ แต่จะทำอย่างไรได้ ก็ตอนนี้พี่แองจี้ก็ไปต่างประเทศอีกแล้ว และคนอื่น ๆ ที่รู้จักกับเด็กนั่นผมก็ไม่รู้จักเลย จากที่ได้ยินฟรองค์เล่าทางโทรศัพท์เด็กนั่นถึงขั้นสติแตกไปแล้ว และในค่ายนี้นอกจากผมแล้วเด็กนั่นก็ไม่น่าจะรู้จักคนอื่นเลย ในตอนนี้ผมเลยเป็นคนเดียวที่น่าจะพอเป็นที่พึ่งให้กับเด็กนั่นได้ ผมจึงจำเป็นต้องมาด้วยตัวเอง

 

     “ฟรองค์ไม่ต้องคิดมากหรอกเราไม่เป็นอะไรแล้ว ว่าแต่เรื่องเป็นแบบนี้ได้ยังไง”

 

     “ตอนแรก ๆ ซีนกอดจูบธรรมดาน้องเขาก็พอเล่นได้นะ แต่พอถึงตอนที่ฟรองค์ถอดเสื้อผ้าออก น้องเขาก็สติแตกไปเลย ยังร้องไห้ไม่หยุดจนถึงตอนนี้ เลยถ่ายต่อไม่ได้” ฟรองค์เล่าด้วยท่าทางที่ดูลำบากใจ ผมก็รู้ว่าเขาไม่ได้อยากจะเล่าเรื่องตอนที่เขากำลังจะมีอะไรกับคนอื่นให้ผมฟัง แต่ผมฟังแล้วก็ไม่ได้รู้สึกคิดมากหรือหึงหวงอะไรหรอกนะ 

 

     ผมดันประตูเปิดเข้าไปด้านของสตูดิโอทันทีหลังจากที่ฟังฟรองค์เล่า ภาพที่เห็นก็ไม่ได้ต่างจากที่คิดไว้สักเท่าไหร่ เด็กป้องใช้ผ้าห่มคลุมตัวเองและนั่งตัวสั่นร้องไห้ฟูมฟายอยู่บนเตียง โดยมีคุณรามที่ดูกำลังอารมณ์เสียอย่างหนักยืนชี้หน้ากร่นด่าเด็กนั่นด้วยถ้อยคำที่ไม่รักษาน้ำใจกันเลยอยู่ตรงหน้า และทีมงานคนอื่นก็ดูท่าทางเซ็งไปตาม ๆ กัน

 

     แต่ดูเหมือนกับว่าถ้อยคำต่อว่าจากคุณรามอาจจะไม่ได้เข้าหัวเด็กนั่นสักเท่าไหร่เพราะดูท่าแล้วตอนนี้เด็กนั่นกำลังอยู่ในสภาพที่ใกล้จะที่สติแตกอย่างที่ฟรองค์ว่าจริง ๆ 

 

     “หนึ่งมาได้ยังไง ทำไมไม่พักอยู่บ้าน” คุณรามท้วงขึ้นตอนที่เห็นผมเดินเข้าไปเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ แม้เขาจะพยายามปรับเปลี่ยนสีหน้าตอนที่พูดกับผมให้ดูเสมือนว่าใจเย็นลงต่างจากตอนที่กำลังต่อว่าป้องเมื่อครู่ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีความขุ่นเคืองติดมาในน้ำเสียงของเขาอยู่ไม่น้อย คุณรามคงจะโกรธป้องมากจริง ๆ

 

     ผมนั่งลงตรงข้าง ๆ ป้องและจับหัวป้องเข้ามาซบที่ไหล่ผมเพื่อปลอบขวัญ เขากอดที่รอบเอวผมแน่น ตัวของป้องทั้งสั่นและเกร็งไปทั้งตัวดูท่าทางเหมือนจะกำลังขวัญเสียอย่างหนัก เด็กนี่ดูอาการหนักยิ่งกว่าตอนที่ผมเล่นหนังเรื่องแรกหลายเท่าตัวเลยนะ ผมได้แต่ลูบหัวเขาอย่างอ่อนโยน ก็ได้แต่หวังว่าจะพอทำให้เขาใจเย็นลงได้

 

     “คุณคิดอะไรของคุณอยู่คุณราม ทำไมถึงต้องเร่งรัดเดบิวต์ป้องขนาดนี้ เห็นไหมว่าเด็กมันยังไม่พร้อม” ผมว่าพลางมองหน้าคุณรามอย่างไม่ค่อยจะพอใจนัก

 

     โดยปกติแล้วหนังเรื่องแรกสำหรับที่นักแสดงบทนายเอกหน้าใหม่ส่วนใหญ่จะได้แสดงจะไม่ใช่หนังที่มีสตอรี่แบบนี้ แต่จะเป็นการนั่งสัมภาษณ์และจบด้วยการให้พี่แว่นดำเอาของเล่นนานาชนิดมาให้นายเอกใหม่ได้ทดลองอย่างถึงพริกถึงขิงก่อนจะเริ่มมีอะไรกัน หนังสไตล์นี้หลายคนคงจะคุ้นเคยจากหนังจีวีของประเทศญี่ปุ่น สำหรับในประเทศของผมมักจะนิยมเอาหนังแนวนั้นมาใช้สำหรับเดบิวต์นายเอกหน้าใหม่ เพราะไม่ต้องจำบทจำท่าทางหรือมุมกล้องอะไรมากมาย แค่ทำไปตามที่แว่นดำเขาจะกำกับมาเท่านั้น แล้วก็ถือเป็นการได้แนะนำตัวกับแฟน ๆ ไปในตัวด้วย  เรื่องแรกของผมก็เป็นแบบนี้ 

 

     และนักแสดงหน้าใหม่ที่ผ่านการคัดเลือกทุกคนหลังจากตรวจเลือดและเซ็นสัญญาแล้วทางค่ายจะให้เวลาเตรียมตัวและทำความคุ้นกับทีมงานรวมไปถึงเพื่อนนักแสดงจนกว่าเจ้าตัวจะรู้สึกพร้อมจริง ๆ ค่ายถึงจะเริ่มป้อนงานให้ แต่นี่อะไรทั้งแนวทางของหนังและความพร้อมของป้องที่เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าป้องยังไม่พร้อม ผมถึงไม่เข้าใจเลยว่าคุณรามเขาคิดอะไรอยู่

 

     “หนึ่งจะให้ผมทำยังไง พอสปอนเซอร์เขารู้ว่าผมรับเจ้าเด็กนี่เข้าสังกัด สปอนเซอร์เขาก็รีเควสมาว่าอยากให้นายฟรองค์เล่นคู่กับเจ้าเด็กนี่ เพื่อเรียกกระแส เพราะเขาเคยเห็นคลิปหลุดของเด็กนี่แล้วเขาถูกใจ และเด็กนี่ก็เป็นคนรับงานเองนะ”

 

     “คลิปหลุด คลิปหลุดอะไร” ผมเลิกคิ้วอย่างนึกสงสัย เพราะไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของคุณราม หน้าซื่อ ๆ อย่างเจ้าเด็กป้องน่ะหรือจะเคยมีคลิปหลุดมาก่อนหน้านี้

 

     “หนึ่งไม่เคยเห็นหรือไง แชร์กันให้ว่อนทวิตเตอร์เมื่อปีที่แล้ว คลิปที่เด็กนี่นอนกับพ่อเลี้ยงตัวเอง”  อะไรนะ!!

 

   ผมหันมองคนที่กำลังซบไหล่ผมอยู่อย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง จากสิ่งที่คุณรามว่ามาเมื่อสักครู่นี้ เด็กป้องจะทำได้ถึงขนาดนั้นเลยหรือ มีอะไรสามีของแม่ตัวเองเนี่ยนะ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย

 

     แต่พอลองนึก ๆ ดูแล้วผมก็พอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมป้องถึงสติแตกไปได้ขนาดนี้ ก็หนังที่ป้องและฟรองค์กำลังจะแสดงกันอยู่นี้เป็นแนวที่พ่อเลี้ยงและลูกเลี้ยงแอบมีอะไรกันน่ะสิ เฮ้อ สปอนเซอร์นี่ก็นะคิดจะเอาแต่กระแสแต่ไม่สนใจเรื่องมนุษยธรรมบ้างเลยหรือไง คิดได้อย่างไรที่จะตอกย้ำความผิดพลาดในอดีตเด็กนี่ด้วยการให้แสดงในหนังที่เรื่องราวใกล้เคียงกับความผิดพลาดของเขา คุณรามก็อีกคนคิดจะเอาใจสปอนเซอร์เสียจนละเลยทำเนียมที่ค่ายปฏิบัติกันมาไปแล้วหรืออย่างไร

 

     “เปลี่ยนคนได้ไหมครับ คุณก็เห็นว่าป้องไม่พร้อมจริง ๆ” ผมลองเสนอความคิดเห็นที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนที่สุด เพราะก็ยังมีนักแสดงที่โดนดองในค่ายอีกมากที่น่าจะพร้อมมาแสดงแทน

 

     “เราไม่มีเวลาแล้วหนึ่ง แค่ตอนที่นายฟรองค์งอแงสปอนเซอร์เขาก็โกรธมากแล้ว และสปอนเซอร์ก็เลือกมาแล้วว่าถ้าไม่ใช่นายเอกตัวท็อปก็ต้องเป็นเด็กนี่เท่านั้น และพวกตัวท็อปคนอื่นก็เรื่องมากจะตายไม่ยอมมาแสดงแทนหรอก” ฟังคุณรามว่าถึงความจำเป็นแล้ว ผมก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก แล้วผมจะช่วยเจ้าเด็กนี่อย่างไรดีล่ะคราวนี้

 

     “ถ้าอย่างนั้นผมเล่นเอง” จริง ๆ แล้วผมก็รู้ว่าร่างกายของตัวเองมันยังไม่ได้หายดีร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งผมเองก็หนักใจเหมือนกัน แต่ที่พูดออกไปอย่างนั้นก็เพราะมันคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วในเวลานั้น เพราะมันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วที่จะทำให้งานสามารถเดินต่อไปได้โดยที่ทีมงานคนอื่น ๆ ไม่ต้องได้รับผลกระทบไปด้วย

 

     “ไม่ได้นะหนึ่ง หนึ่งยังไม่หายดี” ฟรองค์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ รีบคัดค้านขึ้นมาอย่างทันควัน

 

     “นายฟรองค์พูดถูกยังไงผมก็ไม่ให้คุณเล่น เจ้าเด็กนี่นั่นแหละที่จะต้องถ่ายต่อให้จบ” คุณรามว่าสนับสนุนฟรองค์ และยังดึงดันที่จะให้ป้องถ่ายต่อ แต่ให้ทำอย่างไรล่ะในเมื่อเด็กนี่อยู่ในสภาพแบบนี้จะไปถ่ายต่อได้อย่างไร

 

     “คุณราม ของที่สั่งได้แล้วครับ” เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ ก็มีทีมงานอีกคนที่เพิ่งจะวิ่งมาจากข้างนอกพร้อมกับขวดน้ำเปล่าที่เขาถืออยู่ในมือ เขายื่นน้ำขวดนั้นให้กับคุณราม น้ำเปล่าธรรมดานั่นน่ะหรือคือสิ่งที่บอกว่าเป็นของที่คุณรามสั่งมา ผมชักจะเริ่มรู้สึกแปลก ๆ เสียแล้วสิ น้ำนั่นจะใช่น้ำเปล่าธรรมดาจริง ๆ หรือ

 

     “ดื่มซะ จะได้รีบ ๆ มาถ่ายต่อให้เสร็จ” คุณรามว่าพร้อมกับยัดน้ำขวดนั้นใส่มือป้อง

 

     “นั่นน้ำอะไร” ผมมองหน้าคุณรามอย่างจับผิด และถามเขาด้วยความไม่ไว้วางใจ ขึ้นชื่อว่าของที่คุณรามสั่งมามันไม่น่าจะใช่ของดีแน่ ๆ

 

     “น้ำผสมยาปลุกเซ็กส์” คุณรามตอบผมตามตรง อย่างไม่ได้ดูทุกข์ร้อนอะไร แต่ผมนั้นถึงกับตาเบิกโพลงนี่เขาเล่นอย่างนี้เลยหรือ

 

     “คุณจะบ้าเหรอ น้องมันไม่พร้อมก็คือไม่พร้อม จะเอายาปลุกเซ็กส์มาให้มันกินได้ยังไง” ผมโวยวายขึ้นมาในทันที จริงอยู่ว่าก็มีนักแสดงหลายคนที่มีปัญหาเรื่องอารมณ์ร่วมขณะแสดงจึงต้องใช้ยาช่วย แต่นั่นก็ไม่ใช่กับคนที่ยังไม่พร้อมที่จะแสดงหนังแบบเด็กนี่ อย่างไรเสียผมก็ว่ามันไม่สมควร

 

     “มะ ไม่เป็นไรครับพี่หนึ่ง ผมไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปมากกว่านี้แล้ว” น้ำเสียงที่ยังคงสะอื้นว่าท้วงผมขึ้น

 

     ผมหันมองป้องที่เพิ่งจะละออกจากไหล่ของผมนี้ ตอนนี้ป้องดูอารมณ์เริ่มเย็นลงแล้ว แต่ก็ยังคงมีคงมีอาการสะอื้นอยู่ ดวงตาแดงก่ำที่น้ำตายังไม่หยุดไหลในแววตายังคงเต็มไปด้วยความวิตก เด็กนั่นไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น แต่เขาจัดการเปิดฝาขวดและกระดกน้ำในขวดนั้นเข้าปากไปเสียจนเกือบหมดในคราวเดียว จนผมเองก็ยังตกใจ

 

     “ป้อง”

 

     “ดี ทีมงานเตรียมพร้อมอีกสักพักเราจะเริ่มถ่ายกันต่อ” คุณรามแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ คนอย่างเขานี่ทำได้ทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์จริง ๆ

 

     ผมได้แต่มองป้องอย่างอดห่วงไม่ได้ เฮ้อ แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้วผมก็คงไม่คัดค้านอะไร ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็ยังพอมีข้อดีอยู่เหมือนกันที่พระเอกคนแรกของป้องคือฟรองค์ เพราะเพื่อนนักแสดงและทีมงานทุกคนต่างรู้กันดีว่าฟรองค์เป็นพระเอกที่ไม่เคยฉวยโอกาสเล่นเกินบท และเขาก็ให้เกียรติเพื่อนร่วมงานของเขาทุกคนเสมอ 

 

     ยังไงก็ขอให้โชคดีก็แล้วกันนะป้อง

 

 

 

 

     TBC

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา