รักของนายเอกหนังโป๊ [20+]

-

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.03 น.

  7 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,416 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561 20.18 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 ผ้านวมสีน้ำเงิน

 

 


     แสงตะวันที่สาดกระทบหน้าเป็นสัญญาณที่บอกให้ผมรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องตื่นนอนแล้ว เฮ้อ ทำไมถึงได้เช้าเร็วอย่างนี้นะร่างกายของผมมันยังไม่พร้อมที่จะพรากจากที่นอนนุ่ม ๆ สุดที่รักเลย

 

     ความรู้สึกแรกที่เข้ามาเยือนผมในเช้าวันนี้ตั้งแต่เริ่มรู้สึกตัวนั่นคืออาการปวดหัวอย่างรุนแรง คงจะเป็นผลมาจากการที่เมื่อคืนผมดื่มเข้าไปอย่างหนักแน่เลย แต่เอ๊ะ ว่าแต่ผมกลับมาถึงห้องได้อย่างไรและกลับมาตั้งแต่ตอนไหนกัน ทำไมผมจำอะไรไม่ได้เลย เท่าที่พอจะนึกออกก็มีแค่ตอนที่ผมกำลังดื่มอยู่แล้วภาพทุกอย่างตัดไปเลย นี่ผมเมาหนักจนเบลอไปได้ถึงขนาดนี้เลยหรือนี่

 

     ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นในสภาพที่ยังงัวเงียและผมก็ได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไปจากที่เคยเป็น ปกติแล้วเตียงนอนของผมชุดเครื่องนอนมันเป็นสีขาวล้วนเลยนี่นา แต่ทำไมผ้าห่มที่คลุมตัวผมอยู่ตอนนี้มันถึงได้กลายเป็นผ้านวมสีน้ำเงินไปได้ ผมว่าผมก็ไม่ได้เมาค้างจนเบลอถึงขั้นที่จะตาฟาดเห็นสีขาวเป็นสีน้ำเงินหรอกนะ

 

     ตาผมเบิกโพลงเพราะความประหลาดใจ ก่อนที่จะรีบดีดตัวลุกขึ้นและมองสำรวจไปรอบ ๆ ห้อง ที่นี่มันไม่ใช่ห้องนอนของผมนี่! ทั้งหลอดไฟ โทรทัศน์ โซฟา หรือแม้แต่ชุดนอนหลวมโพรกที่ผมกำลังใส่อยู่ตอนนี้มันไม่ใช่ของผมเลยสักอย่าง แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และที่นี่มันคือที่ไหน แล้วใครเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผม! ให้ตายเถอะนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่

 

     ผมไม่มีเวลาที่จะคิดหาคำตอบให้กับสารพัดคำถามที่ประดังเข้ามาในหัวพร้อม ๆ กันในเวลานี้ ผมรีบกระโจนลงจากเตียงด้วยความร้อนใจ แต่เดี๋ยวนะ ทำไมผมรู้สึกเหมือนกับว่าจังหวะที่ผมกระโดดลงมานั้นเท้าของผมมันไปสัมผัสเข้ากับวัตถุปริศนาบางอย่าง เป็นวัตถุที่จะว่านิ่มก็ไม่ใช่จะว่าแข็งก็ไม่เชิง ก่อนที่มันจะตามมาด้วยเสียง...

 

     “โอ๊ย!!!” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดจากใครบางคน ทำให้ผมต้องเหลียวหลังกลับไปมองยังจุดเกิดเหตุ

 

     ชายหนุ่มรูปร่างกำยำที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนกำลังนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่ข้างเตียง มือทั้งสองข้างของเขากุมประสานกันอยู่ที่เป้ากางเกงซึ่งคาดว่าน่าจะจุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าไอ้ที่ผมเหยียบเข้าไปเต็มเท้าเมื่อสักครู่นี้มันก็คือ....

 


☼​☼​☼​☼​☼​☼

 

 

     “คุณเป็นใคร แล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้วเสื้อผ้าผมหายไปไหน” ผมยิงคำถามรัวอย่างกับปืนกลในทันทีเมื่อเห็นว่าอาการชายคนนั้นดูน่าจะค่อยยังชั่วขึ้นแล้ว เขาดันตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลสีหน้าของเขายังคงเหยเกโดยที่มือข้างหนึ่งยังกุมไว้อยู่ตรงส่วนที่เพิ่งจะถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงไปเมื่อครู่ ผมเว้นระยะห่างจากเขาประมาณสามถึงสี่ช่วงตัวได้ เผื่อเอาไว้ว่าถ้าเกิดนายคนนั้นเป็นคนร้ายขึ้นมาผมจะได้หาทางหนีทีไล่ได้ทัน

 

     “ที่นี่ห้องผมเอง เมื่อคืนคุณถูกไอ้พวกหื่นกามมันมอมยาแต่คุณไม่ต้องกลัวนะพวกมันยังไม่ได้ทำอะไรคุณ ผมช่วยคุณไว้ได้ทัน แต่ผมไม่รู้จะไปส่งคุณที่ไหนเพราะตอนนั้นคุณไม่ได้สติเลย ก็เลยจำเป็นต้องพาคุณกลับมาด้วย แล้วคุณก็อ้วกรดตัวเอง ผมก็เลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณ” ชายคนนั้นให้คำตอบผมเคล้าไปกับเสียงสูดลมหายใจเข้าออกอย่างโรยรินราวกับว่ากำลังหายใจไม่ทั่วท้องคาดว่าคงยังเป็นผลพวงมาจากการเพิ่งถูกกระทบกระเทือนในส่วนนั้น

 

     แต่ผมถูกมอมยาอย่างนั้นหรือ? แล้วเขาเป็นคนช่วยผมเอาไว้จริง ๆ หรือ ว่าแต่นายคนนี้จะเชื่อถือได้หรือเปล่า แต่ว่าที่ใบหน้าของเขามีรอยบาดแผลและรอยฟกช้ำประทับอยู่เสียหลายรอย หรือว่านั่นจะเป็นผลมาจากการที่เขาเข้ามาช่วยผมไว้จริง ๆ

 

     “เรื่องที่ผมถอดเสื้อผ้าคุณผมขอโทษจริง ๆ แต่ว่าผมไม่ได้ล่วงเกินหรือฉวยโอกาสกับคุณเลยนะ เมื่อคืนผมนอนที่พื้นทั้งคืนเลย” เขารีบแก้ต่างให้ตัวเองหน้าตาตื่นราวกับว่าได้ลืมความเจ็บปวดเบื้องล่างไปแล้ว ผมเอียงหน้ามองเขาพลางพินิจถึงเหตุผลที่เขาอธิบายมา คิด ๆ ดูแล้วเรื่องที่เขาว่ามันก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง

 

     จริง ๆ แล้วผมก็รู้อยู่หรอกนะ ว่าร่างกายของผมไม่ได้มีส่วนใดสึกหรอ หรือถูกล่วงเกินเพราะผมก็ไม่ใช่คนที่ไร้เดียงสาจนถึงขั้นที่จะไม่รู้ตัวว่าอาการหลังจากมีอะไรกับใครมันเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องที่ว่าเขานอนที่พื้นฝ่าเท้าของผมมันก็น่าจะพอเป็นพยานได้ และเรื่องที่เขาถอดเสื้อผ้าผมออกนั้นก็ช่างมันเถอะผมก็ไม่ได้อายอะไร เพราะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายผมคนคงเห็นกันมาเกือบค่อนประเทศกันแล้วล่ะมั้ง

 

     เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนกลัวจะถูกผมเข้าใจผิดของเขาแล้วนี่ผมก็อดที่จะขำไม่ได้จริง ๆ

 

 

☼​☼​☼​☼​☼​☼

 


     ทรัพย์สินทุกอย่างที่ติดตัวผมมาไม่มีสิ่งใดเสียหาย ทั้งกระเป๋าเงินรวมถึงเงินในกระเป๋า โทรศัพท์มือถือ และนาฬิกาข้อมือทุกอย่างยังอยู่ครบในสภาพสมบูรณ์ไม่มีสิ่งใดสูญหายหรือชำรุด เขาเก็บของทุกอย่างไว้ให้ผมเป็นอย่างดี รวมถึงเสื้อผ้าที่ผมทำเลอะเทอะเอาไว้เมื่อคืนเขาก็ยังจัดการทั้งซักและรีดให้ผมอย่างดีด้วย ดู ๆ แล้วเขาก็ดูไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร แถมเขาก็ยัง....

 

     ผมนั่งมองแผ่นหลังของเขาที่กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารมื้อเช้า ดู ๆ แล้วเขาน่าจะสูงกว่าผมราว ๆ สักคืบหนึ่งเห็นจะได้ เขาเป็นคนรูปร่างดีเลยล่ะบ่งบอกถึงวินัยในการออกกำลังกาย แถมหน้าตาก็ยังจัดว่าดูดีใช้ได้ตามสไตล์คนเอเชีย หรือจะเรียกว่าหล่อก็คงได้ เฮ้ย! แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย ประเด็นก็คือเขามีน้ำใจกับผมต่างหาก เพราะถ้าหากเมื่อคืนไม่ได้เขาช่วยไว้ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ผมจะเป็นอย่างไรบ้าง

 

     ในบางครั้งผมก็มักจะถูกคนบางคนมองว่าเป็นของสาธารณะ หลาย ๆ ครั้งที่ผมถูกติดต่อเพื่อขอซื้อบริการทางเพศแต่ผมไม่เคยรับและไม่คิดจะรับ เฉพาะหนังที่ผมเล่นผมก็คิดว่ามันเป็นการบริการทางเพศให้พวกเขามากพอแล้ว ลำพังแค่เป็นนักแสดงอย่างเดียวเจ้าสองมันก็เกลียดผมเข้าไส้แล้ว ถ้าขืนผมทำมากไปกว่านี้ล่ะก็ เห็นทีว่าชาตินี้คงจะได้หมดหนทางที่น้องมันจะยอมกลับมาญาติดีกับผมเป็นแน่

 

     แต่ผมไม่เคยคิดเลยนะว่าผมจะโดนหนักถึงขั้นโดนมอมยาขนาดนี้ เมื่อคืนผมคงจะประมาทมากเกินไป จากที่นายคนนั้นเล่าโชคดีที่เมื่อคืนมีตำรวจเข้าไปตรวจสถานบันเทิงพอดีเขาเลยมีโอกาสพาผมหนีจากพวกนั้นมาได้ ต่อไปนี้ผมคงจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

     “ข้าวต้มกุ้งฝีมือผมเองครับ คุณลองชิมดูก่อนนะ ถ้าไม่ถูกปากเดี๋ยวทำอย่างอื่นให้ทาน” เขาวางชามข้าวต้มหน้าตาน่ารับประทานลงตรงหน้าผมพลางนำเสนอเมนูอย่างดูไม่ค่อยจะมั่นใจในฝีมือของตัวเอง แต่นี่ผมมีอภิสิทธิ์ถึงขั้นที่จะสั่งให้เขาไปทำอาหารมาอย่างอื่นมาให้ผมทานถ้าหากข้าวต้มชามนี้ไม่ถูกปากเลยหรือนี่

 

     “ถ้าคุณกลัวว่าผมจะผสมอะไรไม่ดีลงไป ให้ผมทานให้ดูก่อนก็ได้นะ” ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเลยว่าเมื่อสักครู่เขาพูดว่าอะไร รู้สึกตัวอีกทีก็ตักข้าวต้มในชามเข้าปากไปแล้วหลายคำ อื้ม รสชาติก็อร่อยจะตายไม่เห็นจะต้องทำท่าทางไม่มั่นใจขนาดนั้นเลย

 

     ข้าวต้มชามนั้นมันอร่อยถูกปากผมมากเสียจนเผลอแป๊บเดียว ผมก็ตักเข้าปากจนถึงคำสุดท้ายแล้ว ผมเพลินกับการกินจนผมเกือบจะลืมอะไรบางอย่างไปเสียแล้วสิ

 

     “เอ่อ แผลที่หน้าคุณ ให้ผมช่วยทายาให้ไหม” มากินข้าวบ้านเขาจนอิ่ม แต่ดันเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าที่หน้าเขายังมีรอยแผลฟกซ้ำที่คาดว่าน่าจะได้มาจากการที่ให้ความช่วยเหลือผมเมื่อคืนอยู่เลย

 

     “จะดีเหรอครับ” เขาตอบผมด้วยท่าทีที่ดูเหมือนเกรงใจ แต่จริง ๆ แล้วผมหรือเปล่าที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายเกรงใจเขา ทั้งเป็นต้นเหตุให้เขาเจ็บตัว แถมมาแย่งที่นอนเขาและยังต้องให้เขาทำอาหารให้ทานอีก แค่ทำแผลให้เพื่อตอบแทนน้ำใจของเขา เล็ก ๆ น้อย ๆ มันจะไปหนักหนาอะไร

 

     “เอ่อ กล่องยาอยู่ในตู้ข้างทีวีครับ” เขาบอกพิกัดที่เก็บกล่องยาหลังจากที่ผมพยักหน้ายืนยันในข้อเสนอของตัวเอง ผมเดินตรงไปยังตู้ที่เขาบอกในทันที

 

     “เอ่อ คุณ!” เสียงที่เขาเรียกผมราวกับว่าเขากำลังจะทักท้วงอะไรบางอย่าง บางทีเขาอาจจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านอกจากกล่องยาแล้วยังมีบางสิ่งที่เขาอาจจะไม่อยากให้ผมเห็นถูกเก็บอยู่ในตู้นั้นด้วย


     แต่คงไม่ทันเสียแล้วล่ะ เพราะตอนที่เขาท้วงขึ้นมานั้นผมได้เปิดประตูตู้ใบนั้นออกมาแล้ว และผมก็ได้พบกับสิ่งหนึ่งที่มันสะดุดตาผมมากจนผมต้องหยิบมันขึ้นมาดูให้แน่ใจ มันสะดุดตาผมเสียยิ่งกว่ากล่องยาสามัญประจำบ้านที่ผมตั้งใจจะมาหยิบมันตั้งแต่แรกเสียอีก เพราะสิ่งนั้นมันคือกล่องเก็บสะสมดีวีดีภาพยนตร์ที่ผมแสดงนับสิบเรื่องตั้งแต่สมัยที่เข้าวงการใหม่ ๆ จนถึงเรื่องล่าสุดที่เพิ่งวางจำหน่ายเมื่ออาทิตย์ก่อน ไม่มีหนังที่ผมไม่ได้แสดงแทรกมาแม้แต่แผ่นเดียว รวมไปถึงโฟโต้บุ๊คอัลบั้มภาพแนววาบหวิวที่ผมเคยถ่ายไว้ก็น่าจะมีอยู่ครบทุกเล่ม เอ่อ แบบนี้เขาเรียกว่าแฟนพันธุ์แท้ได้หรือเปล่า

 

     ถึงผลงานพวกนี้จะเป็นสิ่งที่ถ่ายเพื่อตั้งใจให้คนดูอยู่แล้วแต่พอมาเห็นคนที่สะสมทุกผลงานของตัวเองไว้มากมายขนาดนี้ จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้อายหรอกนะ แต่มันก็อดรู้สึกหน้าร้อนผ่าวอยู่เล็ก ๆ ไม่ได้จริง ๆ

 

     ผมเก็บของพวกนั้นกับเข้าที่เดิมก่อนจะคว้าเอากล่องยาและหันกลับไปยิ้มแห้ง ๆ ให้กับเขา เขาเองก็อยู่ในอาการไม่ต่างจากผมนัก ผมก็ไม่รู้ว่าในเวลาแบบนี้ผมหรือเขากันแน่ที่ควรจะต้องเป็นฝ่ายเขิน

 

 

☼​☼​☼​☼​☼​☼

 


     ผมทิ้งสำลีชุบยาสนามแผลชิ้นสุดท้ายลงถังขยะหลังจากที่ทำแผลให้เขาจนเสร็จเรียบร้อย ตลอดเวลาที่ผมนั่งทำแผลให้เขานั้น เขาดูเกร็งมากและดูไม่ค่อยกล้าที่จะมองหน้าผม ไม่รู้เพราะว่ายังเขินหรืออายเรื่องที่ผมไปเจอของที่อยู่ในตู้นั้นเข้าหรือเปล่า

 

     “เอ่อคุณโกรธผมหรือเปล่าครับ” เขาถามคำถามนั้นขึ้นมาหลังทำแผลเสร็จ โกรธหรือ? ทำไมเขาถึงคิดว่าผมจะต้องโกรธเขาด้วย

 

     “ผมจะไปโกรธคุณเรื่องอะไร”

 

     “ก็เรื่องของที่อยู่ในตู้นั้น......” ท่าทางที่ดูวิตกกังวลจนเกือบจะถึงขั้นวิตกจริตของเขานั้น ทำเอาผมกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่จริง ๆ ตอนที่ผมเผลอหลุดขำออกไปเขาก็ยิ่งก้มหน้าก้มตาด้วยท่าทีที่ดูเหมือนสำนึกผิด นี่เขาคิดมากขนาดนั้นเลยหรือ

 

     “ผมจะไปโกรธคุณทำไม ในเมื่อหนังพวกนั้นผมก็ถ่ายเพื่อให้คนดูอยู่แล้ว ผมต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำที่ติดตามผลงานของผมและซื้อของถูกลิขสิทธิ์”

 

     “แล้วก็ต้องขอบคุณสำหรับทุกอย่างเลยนะครับคุณ...... เอ่อ........” ตายละ นี่ผมนอนบนเตียงห้องเขามาทั้งคืนรวมถึงกินข้าวต้มของเขาจนอิ่ม แต่ผมยังไม่รู้จักชื่อเขาเลยนี่นา

 

     “ผมโชนครับ”

 

     “อื้ม ขอบคุณมากนะครับคุณโชน ส่วนชื่อผมคุณคงรู้จักอยู่แล้วเนอะ” เขายิ้มเขินแล้วยกมือขึ้นเกาหัวเหมือนแก้เก้อหลังจากที่ผมพูดออกไปอย่างนั้น ก็จริงนี่นาสะสมผลงานของผมไว้เยอะขนาดนี้ ถ้าจะบอกว่าไม่รู้จักชื่อผมนี่ก็เกินไปแล้ว

 

     “ผมขอยืมโทรศัพท์คุณหน่อยได้ไหม” แม้จะดูงุนงงแต่เขาก็ลุกไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองและยื่นมาให้ผมอย่างว่าง่าย ผมรับมันมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์สิบตัวลงไปก่อนจะกดโทรออก ผมแอบเห็นเขาหน้าแดงระเรื่อเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าดังขึ้นที่โทรศัพท์มือถือของผม เขานิ่งแต่ดูเหมือนจะพยายามนิ่งเพื่อเก็บซ่อนอาการบางอย่างมากกว่า เมื่อผมหันมองหน้าเขา เขาก็รีบก้มหน้าก้มตาหนีสายตาผมอย่างพัลวันอย่างกับว่าเขาไม่กล้าที่จะสบตาผมอย่างนั้นแหละ ผู้ชายกล้ามโต ๆ อย่างเขาเวลาเขินนี่ก็น่ารักดีชอบกล

 

     ผมยื่นโทรศัพท์คืนให้กับเขา ในจังหวะที่เขารับโทรศัพท์คืนไปนั้นมือของผมได้สัมผัสกับมือของเขา ตอนนั้นมือเขาเย็นมากแค่ผมให้เบอร์แค่นี้จะต้องตื่นเต้นขนาดนี้เลยหรือ

 

     “นี่เบอร์โทรผมนะ ถ้ามีอะไรอยากให้ผมช่วย ติดต่อมาได้ตลอดนะ แล้วเจอกันนะครับคุณโชน”

 

 

☼​☼​☼​☼​☼​☼​ 

 


     การทำงานตรงนี้ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ นักแสดงหนังโป๊ทุกคนจะต้องตรวจเลือดและตรวจร่างกายกันอย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีที่ละเอียดแม่นยำที่สุดโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ ในองค์กรของพวกเราไม่ว่าจะค่ายต้นสังกัดของผมหรือค่ายไหน ๆ มีกฎว่าหากนักแสดงคนใดมีเชื้อหรือโรคติดต่อที่เป็นอันตรายต่อคู่แสดงจะต้องถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายชนิดที่เรียกได้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัวกันเลย ทุกคนจึงดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นการมีอะไรกับนักแสดงด้วยกันจึงถือว่าค่อนข้างปลอดภัยมาก และในประเทศของผมก็ไม่เคยมีนักแสดงหนังโป๊คนไหนได้รับเชื้อหรือโรคติดต่อที่เป็นอันตราย จากการมีเพศสัมพันธ์กับนักแสดงด้วยกัน

 

 

     วันนี้ผมเข้าบริษัทเพราะมีถ่ายงาน ตอนที่เข้ามาก็มีกลุ่มแฟนคลับมารอขอถ่ายรูปที่หน้าบริษัทด้วย ก็อย่างที่บอกครับเพราะมันเป็นสิ่งถูกกฎหมายในประเทศของผม ถึงจะมีคนบางส่วนที่รับไม่ได้ แต่คนที่รับได้และให้การสนับสนุนติดตามผลงานของพวกเราก็มีไม่น้อยเช่นกัน กลุ่มแฟนคลับเหล่านี้พวกเขาให้เกียรติผมและนักแสดงทุกคน ไม่เคยฉวยโอกาสหรือล่วงเกินใด ๆ และยังคอยให้กำลังใจและสนับสนุนผลงานเรื่อยมา

     

     ผมตรงเข้าไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อในห้องแต่งตัวนักแสดง เสื้อยืดคอกว้างที่ผมกำลังใส่อยู่ตอนนี้มันช่างดูเปราะบางและขาดง่ายเสียเหลือเกิน แต่จริง ๆ แล้วมันก็ถูกออกแบบมาเพื่อให้ถูกฉีกขาดได้ง่าย ๆ นั่นแหละ หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยก็เข้าสู่กันตอนของการแต่งหน้าทำผม ก่อนจะมาคุยเรื่องบทกับผู้กำกับและนักแสดงร่วม จริง ๆ แล้วบทมันก็ไม่ได้อะไรมากนักหรอก ก็แค่เกริ่นหัวนิดหน่อยก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงที่ต้องมีอะไรกันเท่านั้นเอง

 

     คู่แสดงของผมในวันนี้คือฟรองค์เพื่อนของผมเอง ถ้าจะบอกว่าฟรองค์เป็นพระเอกคู่ขวัญของผมก็คงจะไม่ผิดอะไร เพราะฟรองค์ก็เป็นพระเอกในค่ายที่ผมร่วมงานด้วยบ่อยที่สุด เพราะหนังทุกเรื่องที่เราเล่นคู่กันมักจะเป็นที่นิยมและทำรายได้ให้กับบริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำในทุกครั้งที่วางจำหน่าย สปอนเซอร์ก็เลยเรียกใช้งานพวกเราคู่กันอยู่บ่อยครั้ง

 

     ฟรองค์เองก็จัดได้ว่าเป็นพระเอกลำดับต้น ๆ ของค่าย ด้วยหุ่นที่ล่ำสันและหน้าตาที่หล่อเหลาอย่างกับดาราแถวโซนยุโรป และอาจจะเพราะด้วยความที่ฟรองค์เป็นลูกครึ่งขนาดตรงนั้นก็เลยดูมหึมาเหมือนไซด์เดียวกับที่เราเห็นได้บ่อยในหนังโป๊ของฝรั่ง รวมไปถึงท่วงท่าในการแสดงที่แสนเร้าร้อน แล้วไหนจะน้ำเสียงนุ่ม ๆ หล่อ ๆ ของเขาที่เวลาส่งเสียงครวญครางแต่ละทีมันช่างฟังดูเซ็กซี่ขยี้ใจ ฟรองค์ก็เลยยิ่งเป็นที่ถูกตาถูกใจของแฟน ๆ มาก เพราะเขามีครบทุกอย่างที่แฟน ๆ ต้องการรับชม

 

     ด้วยรอยสักที่ถูกวาดทับบนแขนซ้ายของเขาซึ่งกล้ามแขนของเขานั้นก็ยิ่งส่งเสริมให้รอยสักนั้นดูสวยและมีมิติมากบวกกับคาแรคเตอร์ที่ได้รับอยู่บ่อยครั้งในการแสดง หลายคนเลยอาจจะติดภาพไปว่าฟรองค์เป็นผู้ชายที่ดิบ ๆ เถื่อน ๆ แรง ๆ แต่จริง ๆ แล้วไม่เลยตัวจริงของฟรองค์เป็นคนที่สุภาพและอ่อนโยนมาก และเขาก็ให้เกียรติผมเสมอ


     เมื่อถึงเวลาถ่ายทำจริง ๆ ทีมงานคนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องจะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในบริเวณนั้น จะเหลือแค่เพียงนักแสดง ผู้กำกับ ตากล้องสองคน และคุณรามเจ้าของค่ายเท่านั้น เมื่อสิ้นเสียงสิ้นสั่งเริ่มการแสดงจากผู้กำกับ ฟรองค์ในสภาพที่เปลือยท่อนบนโชว์รอยสักและมัดกล้ามสวย ๆ กระชากผมที่ถูกจับมัดมือไพล่หลังเข้าไปจูบปากบดขยี้อย่างดุเดือด ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมแฟนหนังของผมหลาย ๆ คนถึงชอบให้ผมเล่นบทแนวถูกรังแกกันนัก หรือว่ามันอาจจะทำให้ผมดูไร้เดียงสาในสายตาพวกเขาอย่างนั้นหรือ ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกัน

 

     ฟรองค์กลายร่างจากผู้ชายที่แสนอ่อนโยนเป็นผู้ชายหื่นกามในชั่วพริบตา เขาซุกไซร้ไปตามร่างกายของผมอย่างหื่นกระหายอย่างสมบทบาทที่ได้รับ เสื้อผ้าของผมที่มันถูกออกแบบมาเพื่อให้ถูกฉีกขาดง่ายอยู่แล้วมันขาดจนหวิ่นตามแรงกระชากของฟรองค์ไวกว่าที่ผมคิดเสียอีก

 

     ผมสวมบทบาทเป็นหนุ่มน้อยผู้แสนบอบบางและถูกรังแกต้องขัดขืนการกระทำของฟรองค์อย่างเต็มแรง แต่จริง ๆ แล้วก็ได้ขัดขืนแค่เพียงช่วงแรกเท่านั้นแหละ เพราะตามบทแล้วอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ผมจะต้องถูกฟรองค์เล้าโลมจนเคลิบเคลิ้มและสมยอมเขาด้วยความเต็มใจไปเองในที่สุด

 

     ในส่วนของฉากที่จะต้องมีอะไรกันนั้นผู้กำกับและคุณรามวางโครงและกำหนดท่าทางและเวลาที่ต้องการมาคร่าว ๆ ที่เหลือให้ผมและฟรองค์ไปด้นสดกันเอง ฟรองค์จับผมโยนลงบนที่นอนหนานุ่มขนาดห้าฟุตก่อนที่เขาจะทำการปลดเปลื้องเจ้ากางเกงยีนส์ขาด ๆ ที่เป็นอาภรณ์เพียงชิ้นเดียวที่ปกปิดเรือนร่างของเขาอยู่ออก และตามลงมาทาบทับบนตัวผมสวมบทชายหื่นซุกไซร้ตามร่างกายผมต่อไปอย่างสมบทบาท คงจะเป็นเพราะความชำนาญของเขา ฟรองค์เลยรู้วิธีที่จะทำให้ผมมีอารมณ์ร่วมไปกับเขาในฉากร่วมรักและการสอดใส่ได้แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่การทำงาน หางตาผมปลายมองไปทางคุณรามที่กำลังมองดูพวกเราอย่างพึงพอใจ ในการดำดิ่งถึงบทบาทที่ได้รับอย่างถึงพริกถึงขิงของผมและหรองค์

 

 

☼​☼​☼​☼​☼​☼​

 


     สิ้นเสียงสั่งยุติการแสดงและคำชื่นชมในผลงานของพวกเราจากผู้กำกับ ฟรองค์ผละออกจากตัวผมทันทีและเขายังรีบจัดแจงเอาผ้าห่มมาห่อคลุมร่างเปลือยเปล่าของผมที่กำลังอยู่ในสภาพเหนื่อยหอบ แววตาของฟรองค์ที่มองผมในเวลานี้ดูเป็นแววตาที่แสนอ่อนโยน จนแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเลยว่าเขาคือคนเดียวกันกับผู้ที่สวมบทบาทชายหื่นเมื่อสักครู่นี้

 

     “หนึ่งโอเคนะ” ฟรองค์ว่าพลางช่วยเช็ดคราบน้ำขาวขุ่นที่เปรอะเปื้อนบนใบหน้าของผม ที่ตัวเขาเพิ่งปลดปล่อยมันออกมาจนเลอะทั้งหน้าและตัวผมเมื่อครู่

 

     ผมพยักหน้าแทนคำตอบเพราะในเวลานี้ผมอยู่ในสภาพที่แทบจะสิ้นไร้เรี่ยวแรง แม้แต่แรงที่จะออกเสียงยังแทบจะไม่เหลือ การแสดงคู่กับฟรองค์นั้นทำให้ผมสูญเสียพลังงานในร่างกายไปไม่น้อยได้ทุกครั้งจริง ๆ

 

 

☼​☼​☼​☼​☼​☼

 


     จนถึงตอนนี้ผมยังรู้สึกเพลียและยังติดอาการหอบเล็ก ๆ อยู่เลย หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนกลับมาใส่เสื้อผ้าของตัวเองเพื่อเตรียมตัวจะกลับ แต่ดูท่าว่าผมคงจะไม่ได้กลับง่าย ๆ เสียแล้ว เมื่อผมถูกใครบางคนจู่โจมเข้ามาทางด้านหลังในระหว่างที่ผมกำลังเก็บของใส่ล็อคเกอร์ส่วนตัว สองแขนที่เต็มด้วยมัดกล้ามกอดรัดผมแน่น มือหนาของคน ๆ นั้นลูบไล้ไปทั่วแผ่นอกและหน้าท้องของผม ชายร่างสูงด้านหลังนั้นยังคงซุกไซร้ พรมจูบและใช้ตอหนวดแข็ง ๆ เสียดสีไปตามต้นคอและหัวไหล่ของผมอย่างอยู่ไม่สุข

 

     “ห้องแต่งตัวนักแสดงห้ามคนที่ไม่ใช่แสดงเข้ามา กฎนี้คุณเป็นคนตั้งเองจำไม่ได้เหรอครับ คุณราม” แม้จะยังไม่ได้เห็นหน้าแต่ก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนที่จะกล้ามาทำรุ่มร่ามกับผมถึงขนาดนี้ในห้องแต่งตัวจะเป็นใครไปได้ ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละ

 

     ผมคลายอ้อมกอดของเขาและหันไปเผชิญหน้ากับคนที่ผมคาดเดาไว้ไม่ผิด ผมดันตัวเขาให้ออกห่างจากผมเล็กน้อยเพื่อเว้นระยะห่าง

 

     “แต่ที่นี่มันบริษัทของผม ผมจะไปไหนมาไหนก็ได้ตามใจผมอยู่แล้วไม่เห็นใจจะต้องสนใจกฎอะไรเลย”

 

     “ผมต้องการคุณมากนะหนึ่ง เห็นใจผมเถอะ อย่าทรมานผมอีกเลย” น้ำเสียงและแววตาที่วิงวอนแบบนั้น ผมไม่รู้ว่าเขาเคยใช้กับใครแล้วได้ผลหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ มันไม่ได้ผลกับผมแน่นอน

 

     “ผมเคยบอกคุณแล้วไงตราบที่ยังไม่มีใบหย่ามาวางตรงหน้าผม ความสัมพันธ์ของเราก็ไปได้ไกลสุดแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นแหละครับ” ผมกล้าพูดแบบนั้นเพราะผมรู้ว่าคนอย่างเขาไม่มีวันกล้าหย่ากับภรรยาอย่างแน่นอน

 

     ใช่ คุณรามเขามีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว และยังมีลูกชายวัยขวบเศษเป็นพยานรัก แต่เขาก็ยังมาพยายามที่จะเอาผมไปเป็นบ้านเล็กของเขา แม้ผมจะไม่เคยเล่นด้วยแต่เขายังตามตื้อผมมาตลอด คนแบบนี้ผมว่ามันน่ารังเกียจสิ้นดี

 

     “โธ่ หนึ่ง ผมก็เคยบอกคุณหลายครั้งแล้วไงว่าผมไม่ได้รักเขา อีกไม่นานผมก็กำลังจะหย่ากับเขาอยู่แล้ว ตอนนี้ผมต้องการแค่คุณคนเดียวเท่านั้น ขอผมชื่นใจหน่อยไม่ได้เหรอครับ”

 

     “กำลังจะหย่า ก็แปลว่ายังไม่ได้หย่า ไม่ว่าจะรักหรือไม่รักตอนนี้คุณก็คือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขา และผมก็เป็นพวกไม่ชอบยุ่งกับคนมีเจ้าของ”

 

     “คุณจะให้ความสำคัญอะไรกับกระดาษแค่แผ่นเดียว พวกพระเอกที่แสดงกับคุณบางคนมันก็มีแฟนแล้ว คุณยังยอมมีอะไรกับพวกมันได้เลย ทำไมกับผมคุณถึงดื้อนัก ถ้าคุณยอมเป็นของผม ผมสัญญาว่าผมจะตามใจคุณทุกอย่างและผมจะดูแลคุณและครอบครัวของคุณอย่างดี ผมรู้นะว่าคุณไม่อยากเล่นหนังแล้วถ้าคุณยอมเป็นของผม ผมจะยกเลิกสัญญาให้คุณทันที ผมรักคุณนะหนึ่ง” คำว่ารักของเขาผมฟังแล้วแสลงหูชอบกล ผมก็ยอมรับว่าข้อเสนอของเขามันน่าสนใจมาก เพราะผมก็อยากจะลาวงการนี้เต็มแก่แล้ว แต่ถ้าจะต้องแลกกับการที่ผมจะต้องไปทำลายครอบครัวของใครผมยอมทนเล่นหนังต่อไปจนสัญญาหมดไปเองดีกว่า

 

     ผมรู้ดีว่าถ้าผมยอมเขาชีวิตผมคงจะไม่มีวันได้พบกับความสุขอีกเลย น้ำคำจากคนอย่างเขาที่ว่ารักผมและจะดูแลผมอย่างดีมันเชื่อถือได้ด้วยหรือ ขนาดคู่ชีวิตที่แต่งงานกันมาหลายปีเขายังคิดที่จะทรยศได้ นับประสาอะไรกับผม หากวันหน้าเขาเจอคนอื่นที่ถูกใจมากกว่าผม ผมก็คงต้องตกอยู่ในสถานะเดียวกับภรรยาของเขาในตอนนี้ เพราะฉะนั้นอย่าเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขานอกเหนือจากเรื่องงานเป็นการดีที่สุด

 

     “พระเอกพวกนั้นที่คุณพูดถึงการที่ผมมีอะไรกับพวกเขามันคือการทำงานครับ นั่นเป็นสปิริตของนักแสดง ถ้าไม่ได้อยู่ในงานก็หมดสิทธิ์และคุณก็ไม่ใช่คู่แสดงของผม เพราะฉะนั้นขอตัวนะครับ” ก็อย่างที่ผมว่านั่นแหละ การที่ผมมีอะไรกับคู่แสดงของผมนั่นคือการทำงานและทุกอย่างจบแค่ในฉาก เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่เกินเลยต่อกันนอกจอ แฟนของพวกเขาก็รับรู้และเข้าใจ แต่สำหรับภรรยาของคุณรามเธอคงจะไม่แฮปปี้แน่ ๆ ถ้ารู้ว่าสามีของตัวเองมาตามก้อร่อก้อติกกับนักแสดงในสังกัดแบบนี้

 

     ผมปิดล็อคเกอร์ ก่อนจะเดินเลี่ยงผ่านเขาไปอย่างไม่ใยดี ถึงอาชีพที่ผมทำบางคนอาจจะมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่มีศักดิ์ศรี แต่ในใจของผมมันยังมีศักดิ์ศรีมากพอที่จะไม่ยอมเป็นเมียน้อยของใคร

 

     “คุณจะทำอะไร หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ผมส่งเสียงออกมาด้วยดวามตกใจ มันไม่ง่ายอย่างที่ผมคิด เมื่อผมเดินจากมาเพียงไม่กี่ก้าวคุณรามก็พุ่งเข้ามาจู่โจมผมอย่างไม่ทันที่ผมจะมีโอกาสได้ตั้งตัว เขาจับผมกดตรึงกับตู้ล็อคเกอร์และพุ่งเข้ามาพยายามที่จะปลุกปล้ำผมอย่างไม่สนใจในศีลธรรม

 

     สองแขนของผมถูกเขาจับตรึงไว้กับผนังตู้ ผมพยายามที่จะดิ้นรนอย่างสุดแรง แต่การที่จะหลุดพ้นจากการพันธนาการของคนที่ตัวโตกว่าเรามากโขนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย เมื่อยิ่งขัดขืนคุณรามก็ยิ่งจู่โจมผมหนักขึ้นเรื่อย ๆ

 

 

     “อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของใครบางคนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้องนี้ ทำให้การกระทำของคุณรามต้องหยุดชะงักลง เขาผละออกจากตัวผมไปด้วยสีหน้าที่ดูสุดแสนจะเสียดาย และก็เป็นฟรองค์ที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องแต่งตัวนักแสดงในตอนนี้ นับว่ายังเป็นโชคดีของผมที่ฟรองค์เข้ามาได้ทันเวลาก่อนที่อะไร ๆ มันจะเลยเถิดไปไกลกว่านี้

 

     “มีอะไรกันหรือเปล่าครับ พอดีผมจะมารับหนึ่งไปส่งที่บ้าน”

 

     “ไม่มีอะไรฟรองค์เราแต่งตัวเสร็จพอดี ไปกันเถอะ”

 

     ผมรีบจัดระเบียบเครื่องแต่งกายที่หลุดลุ่ยจากการที่คุณรามพยายามจะถอดมันเมื่อครู่ ก่อนจะรีบดึงแขนฟรองค์ออกไปโดยไม่หันมองหรือให้ความสนใจคนน่ารังเกียจที่ยังยืนอยู่ในห้องนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาจะฝังใจอะไรกับผมนักหนา เขาทั้งรวยแถมยังหน้าตาดูดีคมเข้มมีนักแสดงในค่ายอีกมากมายที่พร้อมจะถวายตัวให้กับเขาโดยไม่สนเรื่องที่เขามีลูกเมียอยู่แล้ว แต่นั่นไม่ใช่ผม

 

 


TBC

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา