ปกรณัมลูกเจี๊ยบจอมมาร
-
เขียนโดย lastcomet
วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 04.35 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
3,635 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2561 04.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
1)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1
สายลมมากมายไหลผ่านไปพร้อมกับความทรงจำ และเมื่อความทรงจำขับเคลื่อนพวกเราก็จะมีชีวิต ทั้งรอยยิ้มและน้ำตาเสียงหัวเราะมากมายคือทุกสิ่งที่ได้รับจากการเดินทาง แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่ยิ้มให้กับอดีตของตัวเองและเขาก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นเช่นนั้น หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาอย่างเชื่องช้าไปทั่วทั้งผืนป่าท่ามกลางลมหนาวเย็นยะเยือกของมันมีชายคนหนึ่งเดินฝ่าหิมะที่หนาจนถึงหัวต้นขามาอย่างช้าๆแสงสว่างจางๆจากตะเกียงคอยนำทางชายคนนั้นเอาไว้ไม่ให้หลงทิศทาง เสียงคำรามจากสัตว์ป่าดังขึ้นเรียกความสนใจจากชายคนนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น ดวงตาของแพะยักษ์ราวกับปราสาทจ้องมองลงมายังมนุษย์ตัวจ่อยที่ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ในสายตามันเขานั้นคงมิต่างจากหนูตัวจ่อยเลยสินะ...
“ข้าไม่มีธุระกับเจ้าอสูรร้าย...”
ชายคนนั้นดึงผ้าคลุมหัวออกแสดงให้เห็นผมสีขาวที่ยาวประบ่าหนวดเครายาวราวกับเป็นนักรบผู้แข็งแกร่งเขาดึงลูกศรออกมาจากในกระเป๋าก่อนจะชี้มาทางอสูรแกะนั่น ถ้าหากมีนักรบมาเห็นการกระทำเช่นนี้คงได้แต่สร้างหลุมรอฝังเขาแล้วแต่ว่าคงจะเป็นไปไม่ได้เพราะในป่าแห่งนี้นั้นไม่มีทางที่จะมีคนอยู่ได้เลยเพราะว่ามันคือป่าแห่งอสูร สถานที่ฆ่าตัวตายยอดฮิตที่หนึ่งเลย
แบ๊ะๆ!!
เสียงคำรามของแพะนั่นดั่งสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณและเงียบลงในชั่วพริบตาต่อมา “หนวกหูถ้าหากเจ้าว่างมาตะโกนโชว์ข้านักก็เอาเวลาพาข้าไปส่งที่ทางออกเสียจะคุ้มชีวิตของเจ้ามากกว่านะ” ทุกสิ่งกลับมาเงียบสงบอีกครั้งพร้อมกับร่างของมันที่ล้มลงกองกับพื้นหิมะสีขาว “เป็นหลุมศพที่สวยดีนี่...”
“นี่พวกเจ้าได้ยินเสียงของแพะเหมันต์รึเปล่า มันคำรามขึ้นเมื่อสองวันก่อนหน้านี้น่ะ” ชายร่างใหญ่พุ่งเข้ามาพลางตะโกนกลางโต๊ะอาหาร ที่ร้านแห่งนี้นั่นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลายแบบอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมารวมกันได้ทั้งนักรบที่จับคู่ดื่มเหล้ากับนักบวชหรือจะเป็นนักเวทย์ที่แสนจะหาตัวจับยากยังมานั่งอ่านหนังสืบเงียบที่โต๊ะด้วย “อัลเมียร์ เจ้าจะตะโกนหาอะไรไม่ทราบ มันตะโกนแล้วทำไมเล่ามีใครตายเพราะมันตะโกนรึไง”
“ก็ไม่มีหรอกแต่ว่ามันน่ากลัวมากเลยนะนั่นถ้าหากว่า...”
“งั้นก็หาอะไรกินอุดปากเจ้าชะ!”
ชายร่างใหญ่ก็ได้แต่ยอมนั่งลงแม้หน้าจะยังคงแสดงใบหน้าน้อยใจออกมาอย่างซัดเจนก็ตาม “ก็ได้งั้นข้าจะกินให้หมดโต๊ะเลย ฮ่าๆ” ไม่นานนักแก้วเหล้าก็ถูกดื่มจนหมดอย่างรวดเร็ว
“โอ้! สมกับเป็นกิลด์นักพจญภัยมีแต่คนมีฝีมือทั้งนั้นเลย” เสียงตะโกนของชายแก่ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ปลิวมาราวกับกระดาษ “ไม่อาจจะเทียบกับคุณไม่ได้หรอก ‘ราเอียน’ คุณนะเป็นทั้งอาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันศึกษาและยังเป็นอดีตนักพจญภัยระดับสีดำด้วยนะ คนบนโลกนี้จะมีสักกี่คนกันละที่จะสู้คุณได้” ชายที่ยืนเช็ดแก้วอยู่เอ่ยขึ้นดูเหมือนจะไม่โกรธเรื่องประตูเลยแม้แต่น้อยทำให้ชายแก่ยืนยิ้มแล้วเดินมานั่งตรงหน้าเขาอย่างอารมณ์ดี “จะรับอะไรดีละครับคุณลูกค้า?”
“ฮ่าๆ!! งั้นข้าขอรับคนเก่งไปช่วยงานก็แล้วกัน เวลานี้มันก็ใกล้ถึงช่วงที่เหล่านักเรียนข้าจะทำพันธะสัญญาแล้วแต่ว่าคนในสถาบันมันไม่พอข้าเลยมาขอให้นักพจญภัยไปช่วยป้องกันนะ”
“เข้าใจแล้วจะติดป้ายประกาภารกิจให้จำนวนเงินรางวัลละ”
“ก็สัก ‘หนึ่งหมื่นเวล’ ต่อปาร์ตี้โอเคไหมละ”
“มากขนาดนั้นเลยงั้นสินะระดับความยากละ”
“หนึ่งถึงห้าดาวไปเลย ตามนั้นและเพราะได้แต่หวังว่าพวกเด็กจะไม่อัญเชิญตัวอันตรายออกมา”
แสงของวันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น ‘วันแห่งพันธะ’ แม้จะเป็นวันที่ดูสำคัญแต่ทว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเป็นเวลาที่แน่ซัดบางครั้งก็ถูกจัดขึ้นในฤดูหนาวบางคราก็ฤดูใบไม้ร่วงสาเหตุก็ยังคงไม่แน่ซัดแต่ที่คนทั่วไปรู้คือตามอารมณ์ของอาจารย์ใหญ่เขาแล้ววันแห่งพันธะในครั้งนี้นั้นเป็นครั้งที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่สถาบันนี้ถูกสร้างขึ้น “เอาละทุกคนดูตัวอย่างนะ” เสียงของอาจารย์ใหญ่ดังขึ้นไปทั่วทั้งลานกว้างที่มีนักเรียนเกือบห้าร้อยกว่าคนที่อยู่และต้องการจะเป็นนักอัญเชิญ “เอาละๆ คุณเพคดร้า อินดรากุน ก้าวออกมาคะ” เสียงของอาจารย์หญิงที่ยืนอยู่หน้าคนนับร้อยดังขึ้น เด็กสาวในชุดนักเรียนหนาๆเพื่อกันอากาศหนาก็ก้าวออกมาอย่างสง่างามเธอเปรียบเสมือนบุคคลอัจฉริยะที่ร้อยปีมีครั้ง ทำให้ชื่อเสียงเธอโด่งดังมากในหลายๆอาณาจักรและยังเป็นบุตรของขุนนางผู้ปกครองเมืองนี้ด้วย “เอาละคุณเพดดร้า หวังว่าจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังนะไม่ต้องเกรงทำตัวตามสบายเพียงแค่ปล่อยพลังเวทไปในวงเวทแล้วทุกสิ่งที่ออกมามันคือสิ่งที่ทำพันธะสัญญากับคุณ”
หญิงสาวพยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วก้มลงไปแตะวงเวทขนาดยักษ์ที่สลักอยู่บนลาน ทันใดนั้นแสงสว่างหลากสีก็ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับสายลมที่รุนแรงอย่างมาก
ตึง!
เสียงเท้าที่กระทืบลงพื้นนั้นสะเทือนไปจนถึงก้นบึงหัวใจของทุกคนจนแม้แต่เหล่านักพจญภัยที่ยืนอยู่รอบนอกยังต้องรีบซักอาวุธออกเตรียมสู้ “ฮ่าๆ สุดยอดๆไปเลยแรงกดดันเช่นนี้สัตว์อสูรระดับตำนานสินะสมแล้วที่เป็นลูกของเจ้าอิกเทีย ไหนๆ ข้าอยากจะรู้จริงๆว่ามันคือตัวอะไร” แสงสีขาวปล่อยออกมาจากตัวมันเสียงกีบเท้าที่กระทืบลงพื้นและร่างที่ใหญ่โตราวกับมังกรยักษ์ ‘ม้าทูตสวรรค์’
“ยินดีด้วยอนาคตๆที่เธอจะเป็นนักอัญเชิญระดับสุดยอดมันอยู่ไม่ไกลหรอกนะ ระดับของอสูรตนนี้คือสีขาว”
“ขอบคุณ...ค่ะ”
“บอกให้มันย่อขนาดตัวลงด้วยละยัยหนูมันลำบากคนอื่นเขา!!”
เสียงตะโกนของราเอียนดังขึ้นถึงกับทำให้หญิงสาวสดุ้งและพยักหน้าทำตามทันทีและคนต่อๆมาก็ไม่มีใครต่างจากเธอมากนักบางคนถึงกับเอามักกรออกมาได้ด้วยแต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สัตว์อสูรระดับต่ำจนน่าใจหาย จนมาถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เสียงผู้คนล้วนเปลี่ยนไปจากเสียชื่นชมหรืออิจฉากลายเป็นเสียงหัวเราะเยาะที่มองดูตัวตลกคนหนึ่งชายผู้อ่อนแอที่สุดในยุดที่ทุกอย่างตัดสินด้วยพลังและเขาก็ไร้ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าพลัง เด็กหนุ่มผมสีทองยืนตัวสั่นหน้าวงเวทอย่างน่าสมเพชแต่เหล่าอาจารย์ก็ยังคงยืนนิ่งไม่มีท่าทีจะห้ามการหัวเราะเยาะหรือการแกล้งกันของเหล่านักเรียนเลยแม้แต่น้อย “คุณเพนเร็วเขาสิมีคนต่อจากคุณอีกนะ”
“ครับ...แต่ว่าผม”
“เฮ้ยหลบไปเลยไป ไสหัวไปอยู่เป็นคนสุดท้าย...ชะ”
ตึกๆ
เสียงคำรามของสัตว์มากมายดังขึ้นทันทีแม้แต่เจ้าม้ายังหันไปมองด้านหลังด้วยความหวาดกลัวแม้มันจะไม่กลับคืนร่างขนาดจริงก็ตาม ชายในเสือคลุมสีดำยืนอยู่บนกำแพงของโรงเรียนเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาแต่ละก้าวนั้นล้วนดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานกว่างสัตว์ที่ระดับก็กลัวจนหนีไปต่างจากสัตว์ใกล้ๆระดับตำนานที่ยืนอยู่หน้าเจ้านายของมัน “หลบไปชะ...”
นักพจญภัยมากมายรวมไปถึงราเอียนนั้นรีบมุ่งตรงมายืนตรงหน้าชายในเสือคลุมดำนั่น “ไม่มีทางหรอกนะ นี่แกฝ่าบาเรียป้องกันเข้ามาได้ยังไงกัน” เหล่าเด็กนักเรียนก็เริ่มวุ่นวายกันมากขึ้นเรื่อยๆเพราะคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้บุกเข้ามาในโรงเรียนของพวกเขา “พวกน่ารำคาญ” ชายในเสื้อคลุมดึงลูกศรออกมารับมัดขนาดยักษ์เอาไว้ได้แล้วใช้ตีเข้าไปที่ต้นคอจนมันสลบไป “วิธีใช้ลูกธนูบ้าอะไรละนั่นเป็นนักธนูแน่งั้นรึ”
“หลีกไปไอ้อย่างงี้มันพูดด้วยไม่รู้เรื่องหรอก”
หอกยาวเล่มหนึ่งพุ่งตรงแทงใส่ชายในเสื่อคลุมแต่ก็ไม่อาจจะแตะต้องแม้แต่ปลายผ้าคุมได้เลยแม้แต่น้อย “น่ารำคาญ...” ชายคนนั้นกลับหายไปจากตรงหน้าพวกเขาทั้งหมด ราวกับเป็นภูติผีเห็นจะมีแต่ราเอียนที่รูตัวแล้วรีบหันหลังกลับไปมองก็เห็นชายคนนั้นที่กำลังเดินตรงเข้าไปหาวงเวทอัญเชิญ “ทุกคนหยุดหมอนั่นเอาไว้!” นักพจญภัยและอาจารย์ทั้งหมดรวมไปถึงเหล่าสัตว์อสูรพุ่งเข้าใส่ชายคนนั้นทันที “...มันสายไปแล้ว” เขาโยนเด็กหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าวงเวทไปทางนักพจญภัยที่พุ่งตรงมาแล้วก้มลงไปแตะวงเวท เสียงของสายฟ้านับร้อยดังขึ้นต่อเนื่องราวกับฟ้าจะถล่มลงมาอย่างน่าตกตะลึง บางสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์ในตำนานกำลังจะออกมาพลังความมืดที่แผ่ขยายออกมาจากวงเวทนั้นทำให้เหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายกลัวจนตัวสั่นไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ที่แข็งแกร่งอย่างราเอียนยังอดสั่นไม่ได้
“ข้าออกมาได้แล้ว ฮ่าๆ วันนี้คือวันพินาศของพวกเจ้าไอ้มนุษย์”
“เงียบปากเจ้าชะข้ามารับตัวเจ้าแล้วจะไปทำธุระต่อไม่มีเวลาเล่นด้วยหรอกนะ”
“งั้นเจ้าก็ตาย...แอ๊ก!!”
เมื่อสิ้นเสียงก็มีแรงลมมหาสารปล่อยออกมาพร้อมกับร่างของลูกเจี๊ยบที่อยู่ในมือของชายคนนั้น “เป็นแค่ลูกเจี๊ยบยังคิดจะฆ่าข้างั้นรึอยากกลับไปในความมืดมากเลยสินะ...เอาละไปกันได้แล้ว” ร่างของราเอียนล้มลงนอนกับพื้นแล้วหายใจออกมาราวกับพึ่งสู้กับทหารนับหลังจากทีชายคนนั้นเดินออกจากรูกำแพงไปที่แห่งนี้คงมีเพียงเขาที่เห็นการกระทำทั้งหมดนั่นที่เกิดขึ้นภายในเสียววินาทีสินะ “หมอนั่นต่อยกับลูกเจี๊ยบงั้นเหรอ...นี่เราอ่อนแอขนาดนี้เลยงั้นเหรอ” คำถามที่ถามตัวเองนั้นมันดูแปลกประหลาดสำหรับชายที่ถูกจัดว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกเช่นเขาแต่ทว่ามันคือความจริง ลูกเจี๊ยบนั่นกับชายในผ้าคลุมต่อยกันจนโรงเรียนแห่งนี้พินาศในไม่กี่วิ หอคอยรอบๆก็พังครืนลงมาทันทีโรงเรียนเกือบครึ่งได้พังลง...เหลือเพียงซาก
สายลมมากมายไหลผ่านไปพร้อมกับความทรงจำ และเมื่อความทรงจำขับเคลื่อนพวกเราก็จะมีชีวิต ทั้งรอยยิ้มและน้ำตาเสียงหัวเราะมากมายคือทุกสิ่งที่ได้รับจากการเดินทาง แต่ว่ามันก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกนะที่ยิ้มให้กับอดีตของตัวเองและเขาก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นเช่นนั้น หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาอย่างเชื่องช้าไปทั่วทั้งผืนป่าท่ามกลางลมหนาวเย็นยะเยือกของมันมีชายคนหนึ่งเดินฝ่าหิมะที่หนาจนถึงหัวต้นขามาอย่างช้าๆแสงสว่างจางๆจากตะเกียงคอยนำทางชายคนนั้นเอาไว้ไม่ให้หลงทิศทาง เสียงคำรามจากสัตว์ป่าดังขึ้นเรียกความสนใจจากชายคนนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น ดวงตาของแพะยักษ์ราวกับปราสาทจ้องมองลงมายังมนุษย์ตัวจ่อยที่ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะขาว ในสายตามันเขานั้นคงมิต่างจากหนูตัวจ่อยเลยสินะ...
“ข้าไม่มีธุระกับเจ้าอสูรร้าย...”
ชายคนนั้นดึงผ้าคลุมหัวออกแสดงให้เห็นผมสีขาวที่ยาวประบ่าหนวดเครายาวราวกับเป็นนักรบผู้แข็งแกร่งเขาดึงลูกศรออกมาจากในกระเป๋าก่อนจะชี้มาทางอสูรแกะนั่น ถ้าหากมีนักรบมาเห็นการกระทำเช่นนี้คงได้แต่สร้างหลุมรอฝังเขาแล้วแต่ว่าคงจะเป็นไปไม่ได้เพราะในป่าแห่งนี้นั้นไม่มีทางที่จะมีคนอยู่ได้เลยเพราะว่ามันคือป่าแห่งอสูร สถานที่ฆ่าตัวตายยอดฮิตที่หนึ่งเลย
แบ๊ะๆ!!
เสียงคำรามของแพะนั่นดั่งสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณและเงียบลงในชั่วพริบตาต่อมา “หนวกหูถ้าหากเจ้าว่างมาตะโกนโชว์ข้านักก็เอาเวลาพาข้าไปส่งที่ทางออกเสียจะคุ้มชีวิตของเจ้ามากกว่านะ” ทุกสิ่งกลับมาเงียบสงบอีกครั้งพร้อมกับร่างของมันที่ล้มลงกองกับพื้นหิมะสีขาว “เป็นหลุมศพที่สวยดีนี่...”
“นี่พวกเจ้าได้ยินเสียงของแพะเหมันต์รึเปล่า มันคำรามขึ้นเมื่อสองวันก่อนหน้านี้น่ะ” ชายร่างใหญ่พุ่งเข้ามาพลางตะโกนกลางโต๊ะอาหาร ที่ร้านแห่งนี้นั่นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลายแบบอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมารวมกันได้ทั้งนักรบที่จับคู่ดื่มเหล้ากับนักบวชหรือจะเป็นนักเวทย์ที่แสนจะหาตัวจับยากยังมานั่งอ่านหนังสืบเงียบที่โต๊ะด้วย “อัลเมียร์ เจ้าจะตะโกนหาอะไรไม่ทราบ มันตะโกนแล้วทำไมเล่ามีใครตายเพราะมันตะโกนรึไง”
“ก็ไม่มีหรอกแต่ว่ามันน่ากลัวมากเลยนะนั่นถ้าหากว่า...”
“งั้นก็หาอะไรกินอุดปากเจ้าชะ!”
ชายร่างใหญ่ก็ได้แต่ยอมนั่งลงแม้หน้าจะยังคงแสดงใบหน้าน้อยใจออกมาอย่างซัดเจนก็ตาม “ก็ได้งั้นข้าจะกินให้หมดโต๊ะเลย ฮ่าๆ” ไม่นานนักแก้วเหล้าก็ถูกดื่มจนหมดอย่างรวดเร็ว
“โอ้! สมกับเป็นกิลด์นักพจญภัยมีแต่คนมีฝีมือทั้งนั้นเลย” เสียงตะโกนของชายแก่ดังขึ้นพร้อมกับประตูที่ปลิวมาราวกับกระดาษ “ไม่อาจจะเทียบกับคุณไม่ได้หรอก ‘ราเอียน’ คุณนะเป็นทั้งอาจารย์ใหญ่แห่งสถาบันศึกษาและยังเป็นอดีตนักพจญภัยระดับสีดำด้วยนะ คนบนโลกนี้จะมีสักกี่คนกันละที่จะสู้คุณได้” ชายที่ยืนเช็ดแก้วอยู่เอ่ยขึ้นดูเหมือนจะไม่โกรธเรื่องประตูเลยแม้แต่น้อยทำให้ชายแก่ยืนยิ้มแล้วเดินมานั่งตรงหน้าเขาอย่างอารมณ์ดี “จะรับอะไรดีละครับคุณลูกค้า?”
“ฮ่าๆ!! งั้นข้าขอรับคนเก่งไปช่วยงานก็แล้วกัน เวลานี้มันก็ใกล้ถึงช่วงที่เหล่านักเรียนข้าจะทำพันธะสัญญาแล้วแต่ว่าคนในสถาบันมันไม่พอข้าเลยมาขอให้นักพจญภัยไปช่วยป้องกันนะ”
“เข้าใจแล้วจะติดป้ายประกาภารกิจให้จำนวนเงินรางวัลละ”
“ก็สัก ‘หนึ่งหมื่นเวล’ ต่อปาร์ตี้โอเคไหมละ”
“มากขนาดนั้นเลยงั้นสินะระดับความยากละ”
“หนึ่งถึงห้าดาวไปเลย ตามนั้นและเพราะได้แต่หวังว่าพวกเด็กจะไม่อัญเชิญตัวอันตรายออกมา”
แสงของวันใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น ‘วันแห่งพันธะ’ แม้จะเป็นวันที่ดูสำคัญแต่ทว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเป็นเวลาที่แน่ซัดบางครั้งก็ถูกจัดขึ้นในฤดูหนาวบางคราก็ฤดูใบไม้ร่วงสาเหตุก็ยังคงไม่แน่ซัดแต่ที่คนทั่วไปรู้คือตามอารมณ์ของอาจารย์ใหญ่เขาแล้ววันแห่งพันธะในครั้งนี้นั้นเป็นครั้งที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่สถาบันนี้ถูกสร้างขึ้น “เอาละทุกคนดูตัวอย่างนะ” เสียงของอาจารย์ใหญ่ดังขึ้นไปทั่วทั้งลานกว้างที่มีนักเรียนเกือบห้าร้อยกว่าคนที่อยู่และต้องการจะเป็นนักอัญเชิญ “เอาละๆ คุณเพคดร้า อินดรากุน ก้าวออกมาคะ” เสียงของอาจารย์หญิงที่ยืนอยู่หน้าคนนับร้อยดังขึ้น เด็กสาวในชุดนักเรียนหนาๆเพื่อกันอากาศหนาก็ก้าวออกมาอย่างสง่างามเธอเปรียบเสมือนบุคคลอัจฉริยะที่ร้อยปีมีครั้ง ทำให้ชื่อเสียงเธอโด่งดังมากในหลายๆอาณาจักรและยังเป็นบุตรของขุนนางผู้ปกครองเมืองนี้ด้วย “เอาละคุณเพดดร้า หวังว่าจะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังนะไม่ต้องเกรงทำตัวตามสบายเพียงแค่ปล่อยพลังเวทไปในวงเวทแล้วทุกสิ่งที่ออกมามันคือสิ่งที่ทำพันธะสัญญากับคุณ”
หญิงสาวพยักหน้ารับเล็กน้อยแล้วก้มลงไปแตะวงเวทขนาดยักษ์ที่สลักอยู่บนลาน ทันใดนั้นแสงสว่างหลากสีก็ถูกปลดปล่อยออกมาพร้อมกับสายลมที่รุนแรงอย่างมาก
ตึง!
เสียงเท้าที่กระทืบลงพื้นนั้นสะเทือนไปจนถึงก้นบึงหัวใจของทุกคนจนแม้แต่เหล่านักพจญภัยที่ยืนอยู่รอบนอกยังต้องรีบซักอาวุธออกเตรียมสู้ “ฮ่าๆ สุดยอดๆไปเลยแรงกดดันเช่นนี้สัตว์อสูรระดับตำนานสินะสมแล้วที่เป็นลูกของเจ้าอิกเทีย ไหนๆ ข้าอยากจะรู้จริงๆว่ามันคือตัวอะไร” แสงสีขาวปล่อยออกมาจากตัวมันเสียงกีบเท้าที่กระทืบลงพื้นและร่างที่ใหญ่โตราวกับมังกรยักษ์ ‘ม้าทูตสวรรค์’
“ยินดีด้วยอนาคตๆที่เธอจะเป็นนักอัญเชิญระดับสุดยอดมันอยู่ไม่ไกลหรอกนะ ระดับของอสูรตนนี้คือสีขาว”
“ขอบคุณ...ค่ะ”
“บอกให้มันย่อขนาดตัวลงด้วยละยัยหนูมันลำบากคนอื่นเขา!!”
เสียงตะโกนของราเอียนดังขึ้นถึงกับทำให้หญิงสาวสดุ้งและพยักหน้าทำตามทันทีและคนต่อๆมาก็ไม่มีใครต่างจากเธอมากนักบางคนถึงกับเอามักกรออกมาได้ด้วยแต่ก็มีไม่น้อยที่ได้สัตว์อสูรระดับต่ำจนน่าใจหาย จนมาถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง เสียงผู้คนล้วนเปลี่ยนไปจากเสียชื่นชมหรืออิจฉากลายเป็นเสียงหัวเราะเยาะที่มองดูตัวตลกคนหนึ่งชายผู้อ่อนแอที่สุดในยุดที่ทุกอย่างตัดสินด้วยพลังและเขาก็ไร้ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าพลัง เด็กหนุ่มผมสีทองยืนตัวสั่นหน้าวงเวทอย่างน่าสมเพชแต่เหล่าอาจารย์ก็ยังคงยืนนิ่งไม่มีท่าทีจะห้ามการหัวเราะเยาะหรือการแกล้งกันของเหล่านักเรียนเลยแม้แต่น้อย “คุณเพนเร็วเขาสิมีคนต่อจากคุณอีกนะ”
“ครับ...แต่ว่าผม”
“เฮ้ยหลบไปเลยไป ไสหัวไปอยู่เป็นคนสุดท้าย...ชะ”
ตึกๆ
เสียงคำรามของสัตว์มากมายดังขึ้นทันทีแม้แต่เจ้าม้ายังหันไปมองด้านหลังด้วยความหวาดกลัวแม้มันจะไม่กลับคืนร่างขนาดจริงก็ตาม ชายในเสือคลุมสีดำยืนอยู่บนกำแพงของโรงเรียนเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาแต่ละก้าวนั้นล้วนดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานกว่างสัตว์ที่ระดับก็กลัวจนหนีไปต่างจากสัตว์ใกล้ๆระดับตำนานที่ยืนอยู่หน้าเจ้านายของมัน “หลบไปชะ...”
นักพจญภัยมากมายรวมไปถึงราเอียนนั้นรีบมุ่งตรงมายืนตรงหน้าชายในเสือคลุมดำนั่น “ไม่มีทางหรอกนะ นี่แกฝ่าบาเรียป้องกันเข้ามาได้ยังไงกัน” เหล่าเด็กนักเรียนก็เริ่มวุ่นวายกันมากขึ้นเรื่อยๆเพราะคนแปลกหน้าที่ไหนไม่รู้บุกเข้ามาในโรงเรียนของพวกเขา “พวกน่ารำคาญ” ชายในเสื้อคลุมดึงลูกศรออกมารับมัดขนาดยักษ์เอาไว้ได้แล้วใช้ตีเข้าไปที่ต้นคอจนมันสลบไป “วิธีใช้ลูกธนูบ้าอะไรละนั่นเป็นนักธนูแน่งั้นรึ”
“หลีกไปไอ้อย่างงี้มันพูดด้วยไม่รู้เรื่องหรอก”
หอกยาวเล่มหนึ่งพุ่งตรงแทงใส่ชายในเสื่อคลุมแต่ก็ไม่อาจจะแตะต้องแม้แต่ปลายผ้าคุมได้เลยแม้แต่น้อย “น่ารำคาญ...” ชายคนนั้นกลับหายไปจากตรงหน้าพวกเขาทั้งหมด ราวกับเป็นภูติผีเห็นจะมีแต่ราเอียนที่รูตัวแล้วรีบหันหลังกลับไปมองก็เห็นชายคนนั้นที่กำลังเดินตรงเข้าไปหาวงเวทอัญเชิญ “ทุกคนหยุดหมอนั่นเอาไว้!” นักพจญภัยและอาจารย์ทั้งหมดรวมไปถึงเหล่าสัตว์อสูรพุ่งเข้าใส่ชายคนนั้นทันที “...มันสายไปแล้ว” เขาโยนเด็กหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่หน้าวงเวทไปทางนักพจญภัยที่พุ่งตรงมาแล้วก้มลงไปแตะวงเวท เสียงของสายฟ้านับร้อยดังขึ้นต่อเนื่องราวกับฟ้าจะถล่มลงมาอย่างน่าตกตะลึง บางสิ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์ในตำนานกำลังจะออกมาพลังความมืดที่แผ่ขยายออกมาจากวงเวทนั้นทำให้เหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายกลัวจนตัวสั่นไม่เว้นแม้แต่มนุษย์ที่แข็งแกร่งอย่างราเอียนยังอดสั่นไม่ได้
“ข้าออกมาได้แล้ว ฮ่าๆ วันนี้คือวันพินาศของพวกเจ้าไอ้มนุษย์”
“เงียบปากเจ้าชะข้ามารับตัวเจ้าแล้วจะไปทำธุระต่อไม่มีเวลาเล่นด้วยหรอกนะ”
“งั้นเจ้าก็ตาย...แอ๊ก!!”
เมื่อสิ้นเสียงก็มีแรงลมมหาสารปล่อยออกมาพร้อมกับร่างของลูกเจี๊ยบที่อยู่ในมือของชายคนนั้น “เป็นแค่ลูกเจี๊ยบยังคิดจะฆ่าข้างั้นรึอยากกลับไปในความมืดมากเลยสินะ...เอาละไปกันได้แล้ว” ร่างของราเอียนล้มลงนอนกับพื้นแล้วหายใจออกมาราวกับพึ่งสู้กับทหารนับหลังจากทีชายคนนั้นเดินออกจากรูกำแพงไปที่แห่งนี้คงมีเพียงเขาที่เห็นการกระทำทั้งหมดนั่นที่เกิดขึ้นภายในเสียววินาทีสินะ “หมอนั่นต่อยกับลูกเจี๊ยบงั้นเหรอ...นี่เราอ่อนแอขนาดนี้เลยงั้นเหรอ” คำถามที่ถามตัวเองนั้นมันดูแปลกประหลาดสำหรับชายที่ถูกจัดว่าแข็งแกร่งที่สุดในโลกเช่นเขาแต่ทว่ามันคือความจริง ลูกเจี๊ยบนั่นกับชายในผ้าคลุมต่อยกันจนโรงเรียนแห่งนี้พินาศในไม่กี่วิ หอคอยรอบๆก็พังครืนลงมาทันทีโรงเรียนเกือบครึ่งได้พังลง...เหลือเพียงซาก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ