Wish you were here : อยู่กับผมนะที่รัก
-
เขียนโดย chivaru
วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 07.50 น.
21 ตอน
3 วิจารณ์
19.60K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561 11.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เหตุผลที่ 5 ตั้งใจ(แอบ)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเหตุผลที่ 5 ตั้งใจ(แอบ)
= เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว =
“พี่หมอ ตาลอยากกินขนมเทียนไส้หวาน”
“ร้านไหนจะมีขาย มันหายากนะ”
“มีสิร้านขนมไทยคุณนาย ใกล้ๆ บ้านเราไง”
“โอเคๆ จะได้ไปเยี่ยมพ่อกับแม่ด้วย”
“เย้! ตาลอยากไปหาเทียนด้วย พี่หมอพาไปหน่อยสิ”
“ไปก็ไม่เคยจะเจอ ยังจะไปอีกหรอ”
“น่า...นะ เผื่อเจอไง สักครั้งก็ยังดี”
“ตามใจเถอะ แต่ตัวเล็กอย่าเดินไปไหนมาไหนเองนะ มันอันตราย บอกพี่ก่อน”
“รับทราบค่ะ คุณพี่~”
หลังจากถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาฉันพยายามขอพี่พากลับบ้านตลอด ได้กลับบ้างไม่ได้กลับบ้าง บางครั้งพี่ก็ติดงาน บางครั้งฉันก็อาการทรุดลงจนกระดิกไปไหนไม่ได้เลย ร่างกายฉันอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ห่างจากพี่หมอ
วันที่ไปร้านขนมไทยฉันก็โดนดุไม่หยุด เพราะรีบเดินเข้าร้านจนหัวเกือบได้โขกกับประตู ขาเกือบสะดุดเก้าอี้หน้าร้าน ก็คนมันอยากกินขนมเทียนไส้หวานนิ มีแค่ร้านนี้เท่านั้นละ ที่ทำขนมเทียน เพราะมันเป็นชื่อลูกชายคนโตของเจ้าของคนปัจจุบัน
หลังจากกลับจากร้าน ฉันก็รู้สึกมีไข้เล็กน้อย พอถึงบ้านพ่อกับแม่ก็มารออยู่แล้ว พี่หมอให้กินยาลดไข้ แล้วฉันก็หลับไป ตื่นมาอีกทีก็ดึกแล้ว
“กี่โมงแล้วพี่” ฉันลืมตาขึ้น แต่ยังคงนอนอยู่กับที่
“สามทุ่มแล้ว” พี่หมอประคองตัวฉันที่พยายามลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงแทบไม่มี
“เทียน... พี่ ตาลอยากเจอเทียน พาไปหน่อย” ฉันเอ่ยชื่อคนรักเสียงแผ่วเบา หันไปขอร้องพี่หมอที่กำลังจะลุกออกไปจากห้อง
“อืม...อย่าซ่าเหมือนเมื่อเช้าอีกนะ ไม่งั้นพี่จะไม่พาตัวเล็กไปไหนอีก” พี่หมอกำชับเสียงแข็ง แหะๆ ก็คนมันอยากกินนี่นา~
“แหะๆ รับทราบค่ะ” ฉันหัวเราะเสียงแห้งกลบเกลื่อนความผิดเล็กน้อย พี่หมออุ้มฉันจากเตียงไปนั่งวีลแชร์ คันสีชมพูอ่อนลายพิกเล็ต พร้อมทั้งหยิบตุ๊กตาพิกเล็ตตัวโปรดมาให้ฉันกอดไปด้วย เสื้อกันหนาวตัวหนา หมวกไหมพรมก็มา บางทีฉันก็ไม่เข้าใจว่านี่ป่วยหรืออยู่เมืองนอก พร็อพเต็มมาก
พี่หมอเข็นวีลแชร์โดยมีฉันนั่งกอดตุ๊กตามาหยุดอยู่หน้าบ้านเทียน ตอนแรกเหมือนจะปิดบ้านกันแล้ว แต่พี่หมอบอกว่ามีคนกลับมาพอดี
“ตาล!! ตาลเป็นไงบ้าง” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของเทียน ฉันจำเสียงเทียนได้ดี
“ฉันโอเค ขนมชั้นละ เพิ่งกลับมาหรอ” ขนมชั้น เพื่อนรุ่นเดียวกันกับฉัน เป็นน้องชายของเทียน
“ผมสบายดี เพิ่งกลับจาก ม. พี่เทียนคิดถึงตาลมากนะ ตาลหายไปไหนมา” ขนมชั้นเริ่มยิงประโยคคำถาม
“เอ่อ... ขนมชั้น แล้ว... เทียนไม่อยู่หรอ” ฉันเลี่ยงไม่ตอบประเด็นการหายไปของฉัน
“ห้องไม่เปิดไฟ ไม่น่าจะอยู่ ออกไปหาเพื่อนละมั่ง” มันคือนิสัยของเทียน เขามักจะนอนดึกเสมอ แต่นี่เพิ่งจะสามทุ่มกว่าเอง
“อะ...อืม ฝากบอกเทียนดูแลตัวเองด้วยนะ เราคิดถึงเขาเหมือนกัน …”
“ได้เวลากลับแล้วตัวเล็ก” พี่หมอขัดขึ้นก่อนที่ฉันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
“ค่ะ..” ฉันพยักหน้าตอบรับน้อยๆ
“ไปก่อนนะขนมชั้น ฝากสวัสดีคคุณน้าทั้งสองท่านด้วยน่ะ”
“อืม ได้สิ กลับดีๆ นะ”
……………….............................
- [โรงพยาบาล] -
“อือ~” เสียงร้องแผ่วเบาจากความเจ็บปวดทั้งหัว ทั้งตา ฉันตื่นมาพร้อมกับดวงตาบอบช้ำผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วงของเมื่อวาน ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนอนไหน
“ตื่นละหรอ ตัวเล็ก ลุกไหวมั้ย” พี่หมอที่ยังอยู่ข้างเตียงลุกขึ้นจัดการปรับเตียงให้กึ่งนั่งกึ่งนอน
“กี่โมงแล้ว” ฉันถามเสียงงัวเงีย
“เที่ยงแล้ว ลุกกินข้าวกินยาก่อน เย็นนี้ถ้าดีขึ้นจะพาไปเยี่ยมคนที่ตัวเล็กอยากเจอ”
“เทียน!” อยากจะเบิกตากว้างแต่สังขารไม่อำนวยเลยฉัน
“เขาปลอดภัยแล้วนะ แต่อาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา”
“…!! ...” ฉันพูดอะไรไม่ออก แต่ได้ทำหน้าอึ้งใส่พี่หมอ
“กินข้าวกินยา เดี๋ยวช่วงเย็นพี่มาหาอีกที” พี่หมอจัดการปรับเตียงให้สามารถนั่งทานอาหารได้สะดวก เลื่อนโต๊ะที่วางอาหารรสชาติจืดชืดสองสามอย่าง พร้อมแก้วพลาสติกใสใบเล็ก บรรจุยาหลายชนิด มาไว้หน้าที่ด้านของฉัน
จัดการอาหารที่กินไม่เคยหมด เบื่อกับรสชาติที่จำใจต้องกิน กรอกยาหลากชนิดเข้าปาก กระดกน้ำตามอย่างว่องไว ยาขมชะมัดเลย ไม่กินก็ไม่ได้ เกิดอาการกำเริบตอนนี้จะไปหาเทียนไม่ได้ ฉันเบื่อร่างกายตัวเองจริงๆ
﹀
﹀
﹀
ฉันอาการดีขึ้นจากเมื่อเช้า ลืมตาขึ้นตามเสียงเรียกของพี่หมอ มือหนาอุ้มฉันขึ้นจากเตียงพาลงมานั่งวีแชร์ตัวเดิม พร้อมตุ๊กตาตัวโปรดพี่หมอเข็นรถไปตามทาง หยุดอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยในชั้นเดียวกันแต่อยู่คนละฝั่งกัน
พี่หมอบอกว่าวันธรรมดาจะมีแค่พยาบาลพิเศษเท่านั้นที่ดูแล ส่วนทางบ้านจะให้ลูกชายคนเล็กเขามาเฝ้าในวันหยุดแทนพยาบาลพิเศษ ส่วนพ่อกับแม่เขาจะแวะเข้ามาเป็นครั้งคราว เพราะต้องกลับไปทำงานต่อ
“พี่มีใครอยู่มั้ย” ฉันเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ ไม่อยากให้ทางบ้านเทียนรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่
“ไม่มี วันนี้มีแต่พยาบาลพิเศษ” พี่หมอตอบเสียงนิ่ง
พี่หมอพาฉันเข้ามาในห้องพัก ก็พบว่าไม่มีใครอยู่จริงๆ มีเพียงพยาบาลพิเศษที่จะเข้ามาเป็นระยะๆ
“เดี๋ยวผมดูต่อเอง ไปพักก่อนก็ได้ครับ” พี่หมอหันไปคุยกับพยาบาลพิเศษ
“ค่ะคุณหมอ” พยาบาลพิเศษตอบรับอย่างว่าง่าย
พี่หมอเข็นวีลแชร์ที่มีฉันนั่งอยู่มาอยู่ข้างเตียง จับมือฉันขึ้นมาวางไว้บนมือเทียน และไปนั่งคอยฉันอยู่ที่โซฟา
“เทียน...” น้ำตาหยดใสหล่นใส่หลังมือของเทียน เขาผอมลงจริงๆ ฉันลูบฝ่ามือหนาที่ตอนนี้บางลงเล็กน้อย แขนเขาเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
“ตาลขอโทษ ตาลคิดถึงเทียน เทียน…” ฉันได้แต่พูดพร่ำอยู่คนเดียว ในเมื่อคนตรงหน้ายังคงหลับใหลมานานกว่า 3 วันแล้ว
ฉันจะแอบมาหาเทียนแบบนี้ทุกครั้งที่พี่หมอบอกว่าไม่มีใครอยู่ มักจะคลุกตัวอยู่แต่ในห้องพักผู้ป่วยของเทียน พี่หมอไม่ว่าอะไรเพราะพี่คอยมาดูฉันเป็นระยะๆ ถ้าไม่ว่างก็จะฝากพี่พยาบาลไว้ หากมีใครมาเยี่ยมเทียน ให้พาฉันออกจากห้องก่อนทุกครั้ง
นี้ก็ผ่านมา 10 วันแล้วเทียนก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ฉันพยายามเรียกเขาบ่อยๆ พูดคุยกับเขาเรื่อยๆ เผื่อวันหนึ่งเขาจะลืมตามาคุยกับฉันบ้าง ฉันเข้าใจแล้วจิตใจของคนที่รอ รอว่าเขาจะตื่นขึ้นจากหลับใหล รอว่าเขาจะหายจากอาการบาดเจ็บ รอว่าเขาจะกลับมา ฉันเข้าใจแล้วว่า...มันทรมาน มากนะ
“ตะ...ตาล” เทียนเริ่มรู้สึกตัวกระดิกนิ้วและมือตามลำดับเล็กน้อย
“เทียน...” ฉันถอดมือที่กุมมือเทียนอยู่ออกอย่างจำใจ ป้องปากเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา ฉันรีบกดปุ่มเรียกพยาบาลย้ำๆ ทั้งพี่หมอและพยาบาลพากันเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยของเทียน
ช่วงชุลมุนพี่หมอหันไปสั่งพยาบาลพาฉันกลับห้องด่วน แล้วโทรแจ้งอาการของเทียนให้ญาติฝั่งเทียนรับทราบ ฉันที่ผละออกมาจากห้องผู้ป่วยเทียน ยังคงได้ยินเสียงเทียนเรียกตามหลังมาสองสามครั้ง
ฉันกลับมาถึงห้องพัก พร้อมน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่เคยสัมผัสกับมือเทียนยังคงความอุ่นที่ได้จากเจ้าของมือหนา ฉันกุมอกข้างซ้ายแน่น รู้สึกทั้งดีใจที่เขาฟื้น เจ็บปวดที่ไม่สามารถอยู่ข้างๆ ได้
“ฮรือออ...เทียน....ฮรืออ” ฉันที่อดกลั้นเสียงคร่ำครวญไม่ไหว ปล่อยโฮใหญ่เสียงลั่นห้อง ที่มีเพียงฉันอยู่คนเดียวในตอนนี้...
= เมื่อ 3 เดือนที่แล้ว =
“พี่หมอ ตาลอยากกินขนมเทียนไส้หวาน”
“ร้านไหนจะมีขาย มันหายากนะ”
“มีสิร้านขนมไทยคุณนาย ใกล้ๆ บ้านเราไง”
“โอเคๆ จะได้ไปเยี่ยมพ่อกับแม่ด้วย”
“เย้! ตาลอยากไปหาเทียนด้วย พี่หมอพาไปหน่อยสิ”
“ไปก็ไม่เคยจะเจอ ยังจะไปอีกหรอ”
“น่า...นะ เผื่อเจอไง สักครั้งก็ยังดี”
“ตามใจเถอะ แต่ตัวเล็กอย่าเดินไปไหนมาไหนเองนะ มันอันตราย บอกพี่ก่อน”
“รับทราบค่ะ คุณพี่~”
หลังจากถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาฉันพยายามขอพี่พากลับบ้านตลอด ได้กลับบ้างไม่ได้กลับบ้าง บางครั้งพี่ก็ติดงาน บางครั้งฉันก็อาการทรุดลงจนกระดิกไปไหนไม่ได้เลย ร่างกายฉันอ่อนแอเกินกว่าจะอยู่ห่างจากพี่หมอ
วันที่ไปร้านขนมไทยฉันก็โดนดุไม่หยุด เพราะรีบเดินเข้าร้านจนหัวเกือบได้โขกกับประตู ขาเกือบสะดุดเก้าอี้หน้าร้าน ก็คนมันอยากกินขนมเทียนไส้หวานนิ มีแค่ร้านนี้เท่านั้นละ ที่ทำขนมเทียน เพราะมันเป็นชื่อลูกชายคนโตของเจ้าของคนปัจจุบัน
หลังจากกลับจากร้าน ฉันก็รู้สึกมีไข้เล็กน้อย พอถึงบ้านพ่อกับแม่ก็มารออยู่แล้ว พี่หมอให้กินยาลดไข้ แล้วฉันก็หลับไป ตื่นมาอีกทีก็ดึกแล้ว
“กี่โมงแล้วพี่” ฉันลืมตาขึ้น แต่ยังคงนอนอยู่กับที่
“สามทุ่มแล้ว” พี่หมอประคองตัวฉันที่พยายามลุกขึ้น แต่เรี่ยวแรงแทบไม่มี
“เทียน... พี่ ตาลอยากเจอเทียน พาไปหน่อย” ฉันเอ่ยชื่อคนรักเสียงแผ่วเบา หันไปขอร้องพี่หมอที่กำลังจะลุกออกไปจากห้อง
“อืม...อย่าซ่าเหมือนเมื่อเช้าอีกนะ ไม่งั้นพี่จะไม่พาตัวเล็กไปไหนอีก” พี่หมอกำชับเสียงแข็ง แหะๆ ก็คนมันอยากกินนี่นา~
“แหะๆ รับทราบค่ะ” ฉันหัวเราะเสียงแห้งกลบเกลื่อนความผิดเล็กน้อย พี่หมออุ้มฉันจากเตียงไปนั่งวีลแชร์ คันสีชมพูอ่อนลายพิกเล็ต พร้อมทั้งหยิบตุ๊กตาพิกเล็ตตัวโปรดมาให้ฉันกอดไปด้วย เสื้อกันหนาวตัวหนา หมวกไหมพรมก็มา บางทีฉันก็ไม่เข้าใจว่านี่ป่วยหรืออยู่เมืองนอก พร็อพเต็มมาก
พี่หมอเข็นวีลแชร์โดยมีฉันนั่งกอดตุ๊กตามาหยุดอยู่หน้าบ้านเทียน ตอนแรกเหมือนจะปิดบ้านกันแล้ว แต่พี่หมอบอกว่ามีคนกลับมาพอดี
“ตาล!! ตาลเป็นไงบ้าง” เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของเทียน ฉันจำเสียงเทียนได้ดี
“ฉันโอเค ขนมชั้นละ เพิ่งกลับมาหรอ” ขนมชั้น เพื่อนรุ่นเดียวกันกับฉัน เป็นน้องชายของเทียน
“ผมสบายดี เพิ่งกลับจาก ม. พี่เทียนคิดถึงตาลมากนะ ตาลหายไปไหนมา” ขนมชั้นเริ่มยิงประโยคคำถาม
“เอ่อ... ขนมชั้น แล้ว... เทียนไม่อยู่หรอ” ฉันเลี่ยงไม่ตอบประเด็นการหายไปของฉัน
“ห้องไม่เปิดไฟ ไม่น่าจะอยู่ ออกไปหาเพื่อนละมั่ง” มันคือนิสัยของเทียน เขามักจะนอนดึกเสมอ แต่นี่เพิ่งจะสามทุ่มกว่าเอง
“อะ...อืม ฝากบอกเทียนดูแลตัวเองด้วยนะ เราคิดถึงเขาเหมือนกัน …”
“ได้เวลากลับแล้วตัวเล็ก” พี่หมอขัดขึ้นก่อนที่ฉันจะพูดอะไรไปมากกว่านี้
“ค่ะ..” ฉันพยักหน้าตอบรับน้อยๆ
“ไปก่อนนะขนมชั้น ฝากสวัสดีคคุณน้าทั้งสองท่านด้วยน่ะ”
“อืม ได้สิ กลับดีๆ นะ”
……………….............................
- [โรงพยาบาล] -
“อือ~” เสียงร้องแผ่วเบาจากความเจ็บปวดทั้งหัว ทั้งตา ฉันตื่นมาพร้อมกับดวงตาบอบช้ำผ่านการร้องไห้อย่างหนักหน่วงของเมื่อวาน ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปนอนไหน
“ตื่นละหรอ ตัวเล็ก ลุกไหวมั้ย” พี่หมอที่ยังอยู่ข้างเตียงลุกขึ้นจัดการปรับเตียงให้กึ่งนั่งกึ่งนอน
“กี่โมงแล้ว” ฉันถามเสียงงัวเงีย
“เที่ยงแล้ว ลุกกินข้าวกินยาก่อน เย็นนี้ถ้าดีขึ้นจะพาไปเยี่ยมคนที่ตัวเล็กอยากเจอ”
“เทียน!” อยากจะเบิกตากว้างแต่สังขารไม่อำนวยเลยฉัน
“เขาปลอดภัยแล้วนะ แต่อาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา”
“…!! ...” ฉันพูดอะไรไม่ออก แต่ได้ทำหน้าอึ้งใส่พี่หมอ
“กินข้าวกินยา เดี๋ยวช่วงเย็นพี่มาหาอีกที” พี่หมอจัดการปรับเตียงให้สามารถนั่งทานอาหารได้สะดวก เลื่อนโต๊ะที่วางอาหารรสชาติจืดชืดสองสามอย่าง พร้อมแก้วพลาสติกใสใบเล็ก บรรจุยาหลายชนิด มาไว้หน้าที่ด้านของฉัน
จัดการอาหารที่กินไม่เคยหมด เบื่อกับรสชาติที่จำใจต้องกิน กรอกยาหลากชนิดเข้าปาก กระดกน้ำตามอย่างว่องไว ยาขมชะมัดเลย ไม่กินก็ไม่ได้ เกิดอาการกำเริบตอนนี้จะไปหาเทียนไม่ได้ ฉันเบื่อร่างกายตัวเองจริงๆ
﹀
﹀
﹀
ฉันอาการดีขึ้นจากเมื่อเช้า ลืมตาขึ้นตามเสียงเรียกของพี่หมอ มือหนาอุ้มฉันขึ้นจากเตียงพาลงมานั่งวีแชร์ตัวเดิม พร้อมตุ๊กตาตัวโปรดพี่หมอเข็นรถไปตามทาง หยุดอยู่หน้าห้องพักผู้ป่วยในชั้นเดียวกันแต่อยู่คนละฝั่งกัน
พี่หมอบอกว่าวันธรรมดาจะมีแค่พยาบาลพิเศษเท่านั้นที่ดูแล ส่วนทางบ้านจะให้ลูกชายคนเล็กเขามาเฝ้าในวันหยุดแทนพยาบาลพิเศษ ส่วนพ่อกับแม่เขาจะแวะเข้ามาเป็นครั้งคราว เพราะต้องกลับไปทำงานต่อ
“พี่มีใครอยู่มั้ย” ฉันเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ ไม่อยากให้ทางบ้านเทียนรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่
“ไม่มี วันนี้มีแต่พยาบาลพิเศษ” พี่หมอตอบเสียงนิ่ง
พี่หมอพาฉันเข้ามาในห้องพัก ก็พบว่าไม่มีใครอยู่จริงๆ มีเพียงพยาบาลพิเศษที่จะเข้ามาเป็นระยะๆ
“เดี๋ยวผมดูต่อเอง ไปพักก่อนก็ได้ครับ” พี่หมอหันไปคุยกับพยาบาลพิเศษ
“ค่ะคุณหมอ” พยาบาลพิเศษตอบรับอย่างว่าง่าย
พี่หมอเข็นวีลแชร์ที่มีฉันนั่งอยู่มาอยู่ข้างเตียง จับมือฉันขึ้นมาวางไว้บนมือเทียน และไปนั่งคอยฉันอยู่ที่โซฟา
“เทียน...” น้ำตาหยดใสหล่นใส่หลังมือของเทียน เขาผอมลงจริงๆ ฉันลูบฝ่ามือหนาที่ตอนนี้บางลงเล็กน้อย แขนเขาเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
“ตาลขอโทษ ตาลคิดถึงเทียน เทียน…” ฉันได้แต่พูดพร่ำอยู่คนเดียว ในเมื่อคนตรงหน้ายังคงหลับใหลมานานกว่า 3 วันแล้ว
ฉันจะแอบมาหาเทียนแบบนี้ทุกครั้งที่พี่หมอบอกว่าไม่มีใครอยู่ มักจะคลุกตัวอยู่แต่ในห้องพักผู้ป่วยของเทียน พี่หมอไม่ว่าอะไรเพราะพี่คอยมาดูฉันเป็นระยะๆ ถ้าไม่ว่างก็จะฝากพี่พยาบาลไว้ หากมีใครมาเยี่ยมเทียน ให้พาฉันออกจากห้องก่อนทุกครั้ง
นี้ก็ผ่านมา 10 วันแล้วเทียนก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา ฉันพยายามเรียกเขาบ่อยๆ พูดคุยกับเขาเรื่อยๆ เผื่อวันหนึ่งเขาจะลืมตามาคุยกับฉันบ้าง ฉันเข้าใจแล้วจิตใจของคนที่รอ รอว่าเขาจะตื่นขึ้นจากหลับใหล รอว่าเขาจะหายจากอาการบาดเจ็บ รอว่าเขาจะกลับมา ฉันเข้าใจแล้วว่า...มันทรมาน มากนะ
“ตะ...ตาล” เทียนเริ่มรู้สึกตัวกระดิกนิ้วและมือตามลำดับเล็กน้อย
“เทียน...” ฉันถอดมือที่กุมมือเทียนอยู่ออกอย่างจำใจ ป้องปากเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา ฉันรีบกดปุ่มเรียกพยาบาลย้ำๆ ทั้งพี่หมอและพยาบาลพากันเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยของเทียน
ช่วงชุลมุนพี่หมอหันไปสั่งพยาบาลพาฉันกลับห้องด่วน แล้วโทรแจ้งอาการของเทียนให้ญาติฝั่งเทียนรับทราบ ฉันที่ผละออกมาจากห้องผู้ป่วยเทียน ยังคงได้ยินเสียงเทียนเรียกตามหลังมาสองสามครั้ง
ฉันกลับมาถึงห้องพัก พร้อมน้ำตาอาบสองแก้ม มือที่เคยสัมผัสกับมือเทียนยังคงความอุ่นที่ได้จากเจ้าของมือหนา ฉันกุมอกข้างซ้ายแน่น รู้สึกทั้งดีใจที่เขาฟื้น เจ็บปวดที่ไม่สามารถอยู่ข้างๆ ได้
“ฮรือออ...เทียน....ฮรืออ” ฉันที่อดกลั้นเสียงคร่ำครวญไม่ไหว ปล่อยโฮใหญ่เสียงลั่นห้อง ที่มีเพียงฉันอยู่คนเดียวในตอนนี้...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ