Sacred Pond อภินิหารบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
-
เขียนโดย ทาเน็น
วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 21.20 น.
4 บท
0 วิจารณ์
5,155 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 22.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) ทาเน็น ดูรันด้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ทาเน็น ดูรันด้า คือชายหนุ่มอายุสิบเก้าปีบริบูรณ์ เขามีชีวิตประจำวันที่ค่อนข้างแปลกแยกจากผู้คนในหมู่บ้านอิสบานอยู่มากโขนัก ในขณะที่ชายหนุ่มในวัยเดียวกับเขาต่างใช้ช่วงเวลาที่ร่างกายยังมีพละกำลังสาละวนอยู่กับการทำไร่และเตรียมออกเรือน แต่ทาเน็นเลือกที่จะฝึกวิชาดาบมากกว่าจะออกไปรับจ้าง ทำไร่ หรือค้าขาย ดังนั้นเขาจึงมักถูกมองว่าเป็นพวกขี้เกียจหรือไม่ก็ถูกมองว่าเป็น”ผู้ชายที่ไม่อาจฝากผีฝากไข้ได้” ในสายตาของชาวบ้านหลายๆคน แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าเขาจะไร้มิตรสหายไปเสียทีเดียว เพราะยังมี ดัสติน และ จัสมิน สองพี่น้อง ตระกูลเฟริกซ์ คอยคบค้าอยู่
เป็นที่รู้กันดีว่าทาเน็นเป็นเด็กกำพร้าที่ตาเฒ่าสติเฟื่อง”บรู๊ค”เก็บมาเลี้ยง มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กน้อยทาเน็นเมื่อครั้งยังเป็นทารกว่าแท้จริงแล้วเขาถูกนำมาทิ้งโดยนักดาบคนหนึ่งเมื่อสิบเก้าปีที่แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าอัศวินผู้นั้นเป็นใครแต่ทุกคนต่างก็มีข่าวลือหลายแหล่ง บ้างเชื่อว่าทาเน็นอาจมีเชื้อสายของขุนนางแห่งโอนิบาน บ้างว่าเขาอาจเป็นลูกของชาวเมืองผู้มีอันจะกินที่อพยพลี้ภัยมาในช่วงสงคราม และบ้างถึงขนาดว่าเขาอาจเป็นลูกยักษ์แห่งดินแดนทางเหนือก็ยังมี แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นไรนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนี้ผู้คนก็ต่างลืมเลือนเรื่องราวต่างๆเสมือนหมอกควันที่สลายไปในอากาศ เพราะทุกคนต่างก็หันไปสนใจข่าวลือใหม่ๆได้ทุกเมื่อเชื่อวัน
ดวงตะวันสีเปลือกส้มยามสายัณห์เริ่มคล้อยตัวต่ำลงบนเนินใหญ่ซึ่งทอดกายอยู่ท้ายหมู่บ้านอิสบาน จากจุดนี้ดัสตินและจัสมินมองเห็นเงาสีดำเคลื่อนไหววูบวาบอยู่เหนือเนินนั้น ทาเน็นกวัดแกว่งดาบหมุนไปมา เขาสามารถเคลื่อนไหวตามกระบวนท่าต่างๆที่จดจำมาจากในคัมภีร์ได้อย่างอย่างคล่องแคล่ว นับเป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่เขาเริ่มจับดาบขึ้นมาฝึก และนั่นทำให้ทาเน็นต้องฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกายไปพร้อมกัน จึงไปใช่เรื่องแปลกที่ ณ เวลานี้ชายหนุ่มกำพร้าผู้นี้จะมีร่างกายสูงใหญ่ แขนและอกของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ทาเน็นดึงดาบกลับมาเมื่อมีเสียงดังขึ้น
“สายัณต์สวัสสหายข้า” ดัสตินตะโกนพร้อมโบกไม้โบกมือ เขาและน้องสาวกำลังมุ่งหน้ามายังเนินที่ทาเน็นฝึกดาบอยู่
ทาเน็นยิ้มรับ เขาปักดาบลงบนพื้นแล้วเดินเข้าไปหาสองพี่น้อง
“สวัสดีดัสติน จัสมิน” ทาเน็นพูดพลางหายใจหอบเหนื่อย เหงื่อไคลไหลเป็นทางไปตามแขนและเปียกชุ่มเสื้อของเขา
ดัสติน เฟริกซ์พูด
“นี่ข้าคิดไปเองหรือเปล่าแค่อาทิตย์เดียวที่ข้าและเจ้าหนูตัวแสบไม่ได้แวะเวียนมาที่นี่ เจ้าตัวใหญ่เป็นกองเลย” ดัสตินผายมือทั้งสองข้างออกไป “หรือว่าเจ้าจะเป็นลูกยักษ์จริงๆเนี่ย”
“อาจจะใช่ และต่อไปข้าคงต้องกินพวกเจ้าเป็นอาหารแล้วสิน่ะ” ทาเน็นกำมือและชูขึ้นเหนือหัว แล้วเบิกตาโพลงพร้อมทั้งอ้าปากกว้าง
ดัสตินแสร้งทำเป็นมีท่าทีหวาดกลัว เขาทำทียกมือขึ้นมาปิดปาก
“โอ้ ไม่น่ะ เจ้ายักษ์ อย่ากินพวกเราเลย พวกเรานั้นมีแต่หนังหุ้มกระดูก แถมเนื้อตัวก็สกปรกเหมือนแม่หมู หากเจ้ากินเรานอกจากจะไม่ได้สารอาหารแล้ว มีหวังเจ้าอาจต้องท้องร่วงจู๊ดๆก็เป็นได้”
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นระหว่างสองสหาย
จัสมินเคาะกำปั้นไปที่หัวฟูๆของพี่ชายของนางไปหนึ่งที
“ไร้สาระน่า พวกท่านไม่ใช่เด็กแล้วน่ะ”
“นี่ข้าเป็นพี่ชายเจ้าน่ะ เคาะซะแรงเชียว”
“และนั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงจะต้องเคาะอีกที” จัสมินกำหมัดพร้อมจะง้าง ดัสตินกระโดดโหยงไปด้านหลังของทาเน็น
“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว” ทาเน็นว่า “พวกเจ้ามีธุระอะไรหรือ ถึงได้มาซะเย็นย่ำขนาดนี้”
“ก็นี่ไง” จัสมินพูดแล้วยื่นห่อผ้าห่อหนึ่งออกมาให้ทาเน็น
ทาเน็นขมวดคิ้ว เขาแก้ห่อผ้าออก มันคือชุดเต้นรำที่ประกอบด้วยเสื้อกั๊ก เสื้อเชิ้ตแขนยาวมีลูกไม้ที่ข้อมือ และกางเกง”
“อีกสามวันที่หมู่บ้านจะมีงานฝักข้าวโพดใหญ่ซึ่งเป็นงานประเพณีประจำปีของอิสบาน และจะมีงานเต้นรำที่ผู้ชายและผู้หญิงที่ถึงวัยจะต้องหาคู่ครอง ข้าและดัสตินเห็นพ้องว่าท่านสมควรถึงแก่เวลาแล้วที่จะต้องมีคู่ครองกับเขาซะที เราจึงอยากให้ท่านไปร่วมงานเต้นรำด้วยกัน” จัสมินอธิบาย
“และชุดนี้คือชุดที่เจ้าหนูตัวแสบนี่ตัดมาให้เจ้า” ดัสตินเสริม
จัสตินก้มหน้า มีสีแดงระเรื่อปรากฎขึ้นที่แก้มขาวๆ นางไม่พูดอะไร
“แต่ เดี๋ยวข้าไม่ได้อยากมีคู่ครอง และข้าจำเป็นต้องฝึกดาบ” ทาเน็นว่า
“มีเวลาอีกทั้งชีวิตให้เจ้าฝึกดาบ แล้วตอนนี้วิชาดาบของเจ้าก็ไม่ช่วยให้เจ้ามีอาหารกิน เพราะตาเฒ่าบรู๊คคงไม่อยู่ค้ำฟ้าหรอกน่ะ และอีกอย่างหนึ่งข้าก็ต้องออกเรือนมีครอบครัวคงไม่มีเวลามาดูแลเจ้าเหมือนก่อนแล้ว ฉะนั้นเราจึงเห็นพ้องกันว่าถึงเวลาเสียทีที่เจ้าจะต้องนึกถึงอนาคตได้แล้ว” ดัสตินพูด
ทาเน็นมองไปยังชุดเต้นรำที่เขาถืออยู่ แล้วมองไปยังสองพี่น้อง
“แต่ข้าไม่ได้ต้องการออกเรือน ชีวิตข้ามีเป้าหมายเดียวคือฝึกดาบแล้วออกท่องไปในโอนิแกรนด์เพื่อตามหาพ่อของข้า และที่สำคัญข้าเต้นรำไม่เป็น”
จัสมินคิ้วขมวด นางมีท่าทีโมโหอย่างชัดเจน
“ท่านนี้มันไม่ได้เรื่องสมกับที่เขาว่ากันจริงๆ”
สาวน้อยหันขวับแล้วจ้ำอ้าวจากไป ทิ้งให้ทาเน็นยืนงงอยู่ตรงนั้น
“นี่จัสมิน เดี๋ยวก่อน....” ทาเน็นกล่าว แต่ไม่ทันซะแล้ว
“ข้าจะไปรอที่รถม้าน่ะ บอกสหายของพี่ด้วยว่าให้เขาอยู่กินกับดาบไปจนตายเถอะ” จัสมินหันมาตะโกน ก่อนจะหายไปหลังแนวพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก
ชายหนุ่มหันไปมองดัสตินที่ตอนนี้เยื้องออกมายืนข้างๆเขา ดัสตินเป็นชายร่างผอมบาง เขามีผมฟูและหยิกหยอง ทุกอย่างดูเล็กไปหมดในชายผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นมือ เท้า ตา เขาสูงเพียงอกของทาเน็นเห็นจะได้ จมูกของเขาเชิ้ดแหลมเหมือนเหล่าภูตพิกซี่ เขายืนกอดอกพลางมองสหายของตนด้วยหางตา
“เจ้านี้มันช่างซื่อนัก แล้วเจ้าก็ไม่รู้จักวิธีคุยกับผู้หญิงเอาเสียเลย ชุดนี้เป็นชุดที่เจ้าหนูตัวแสบนั่นใช้เวลาทั้งอาทิตย์ตั้งใจตัดให้เจ้าโดยเฉพาะ นางมอบมันให้เจ้าเพราะนาง เอ่อ...เอาเป็นว่า ตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว เจ้าเลือกเอาเองล่ะกันว่าจะทำยังไงกับมัน”
ทาเน็นห่อชุดเต้นรำใส่ไว้ในห่อผ้าแล้วมัดไว้ดังเดิม “ฝากเจ้าไปบอกนางด้วยว่าข้าขอขอบคุณความมีน้ำใจของนางนัก เรื่องงานเลี้ยงข้าจะขอคิดดูอีกที”
“เรื่องนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง” ดัสตินพูด “เอาล่ะคราวนี้ก็เป็นธุระของข้ากับเจ้า”
“มีอะไรให้ข้าช่วยรึสหาย หากมันไม่กระทบเวลาของข้ามากนัก ข้าก็พร้อมจะช่วยท่านได้เสมอ”
“อะฮึ่ม เรื่องเวลาฝึกไม่ต้องห่วง คืออย่างนี้ ทาเน็นสหายรักของข้าเอ๋ย ข้าอยากให้เจ้าเข้าเมืองไปกับข้าสักวัน ถ้าเป็นพรุ่งนี้ได้จะดีมากเลย ถ้าเจ้าว่างน่ะ เอาเป็นช่วงเวลาเล็กๆหลังจากเจ้า เอ่อ...” ดัสตินชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่ดาบของทาเน็น “ฝึกเสร็จ ข้าต้องไปพบใครคนหนึ่ง และข้าอยากรบกวนให้เจ้านำมันไปด้วย”
ทาเน็นเหล่ตามองสหายของเขา ปากในกรอบเคราหย่อมเล็กๆของเขาเบ้ไปด้านข้างพร้อมกระตุกหน่อยๆ ประกอบกับร่างกายสูงใหญ่ ผมหยักศกอันยุ่งเหยิงของเขายาวปรกถึงกลางหลัง เวลานี้สีหน้าท่าทางของทาเน็นดูเหมือนยักษ์ขึ้นมาจริงๆ เขาเดินไปหยิบดาบแล้วพูดเสียงเข้ม
“ดัสตินเพื่อนรัก หากท่านหมายถึงถ้าท่านอยากให้ข้าเอาดาบนี้ไปฆ่าใครข้าคงทำอย่างนั้นไม่ได้มันเพราะผิดกฎหมาย และที่สำคัญดาบข้ามีไว้ป้องกันตัวเท่านั้น”
ดัสตินยิ้ม “ไม่ต้องถึงขนาดนั้น คืออย่างนี้น่ะ ตอนนี้มันมีไอ้จิ๊กโก๋คนหนึ่งในชีคบานมันติดเงินข้า” ดัสตินเอนหัวไปมา แล้วอธิบายต่อ “ก็มากโขอยู่ แล้วมันก็ผลัดมาหลายนัดแล้วด้วย ข้าแค่อยากให้เจ้าไปกับข้าเอาดาบของเจ้าไปด้วย แล้วยืนทำท่าทางแบบที่เจ้ากำลังทำอยู่ตอนนี้”
ทาเน็นไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังยืนกอดอกทำหน้าถมึงทึงอยู่ โดยที่มือข้างหนึ่งของเขากุมดาบไว้อยู่
“ดาบนี้มันชื่อว่าทาเท็น มันเป็นดาบที่ถูกพบอยู่ข้างๆข้าตอนตาเฒ่าบรู๊คเก็บข้ามาเลี้ยง...”
ดัสตินกรอกตาไปมาทุกครั้งเมื่อสหายของเขาพล่ามถึงที่มาของดาบ เขารีบตัดบท
“งานนี้ข้ามีส่วนแบ่งให้กับเจ้า”
“ตกลง” ทาเน็นตอบแทบจะในทันที “พรุ่งนี้ตอนสาย ข้าจะไปรอท่านอยู่ที่ถนนสายชีคบานและเวลบาน ท่านก็รู้นี่ งานข่มขู่เป็นอะไรที่ข้าถนัดอยู่แล้ว หากท่านยังจำได้เจ้าบอร์และสมุนตุ้ยนุ้ยของมันเคยรังแกท่านกับจัสมิน ก็เป็นข้าคนนี้นี่แหละที่ไล่ตะเพิดพวกมันซะขวัญกระเจิง ฮ่า ใช่แล้วยังมีอีก...”
ดิสตินส่ายหน้า
“และนั่นคือเหตุผลเดียวที่ข้ากับเจ้าหนูตัวแสบยังคบค้าสมาคมกับเจ้าทึ่มอย่างเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ แล้วเจอกันพรุ่งนี้สหาย ข้าจะเอารถม้ามารับ”
ดัสตินพูด เขารีบเดินจากมา พลางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหายลับไปยังอีกเนิน ปล่อยให้สหายของเขาพล่ามอยู่อย่างนั้น มีเสียงตะโกนไล่หลังเขามาด้วย
“แล้วเจอกันสหาย ข้ารับรองท่านจะไม่ผิดหวัง ท่านจะไม่ผิดหวัง”
..................................................................................................................................................................
มีกระท่อมเล็กๆสองหลังตั้งอยู่ใกล้แนวชายป่าท้ายหมู่บ้านอิสบาน หลังหนึ่งเป็นของทาเน็น อีกหลังเป็นของตาผู้เฒ่าบรู๊ค บรรยากาศในราตรีนั้นช่างแปลกประหลาด นภามืดมิดไร้หมู่ดวงดาว ทุกอย่างเงียบสนิทไร้ซึ่งเสียงสัตว์ป่าและเสียงหรีดเรไร แม้แต่สายลมก็ยังไม่พัดโชยมาเหมือนเฉกเช่นทุกวัน
ทาเน็นโยนฟืนชิ้นโตเข้าไปในกองไฟซึ่งก่ออยู่ระหว่างกระท่อมของเขาและของผู้เฒ่าบรู๊ค พลางตักซุ๊ปข้าวโพดเข้าปาก หลังจากนั้นเขาจึงฉีกเนื้อกวางย่างและเขมือบมันเข้าไปตามอย่างเอร็ดอร่อย ผู้เฒ่าบรู๊คค่อยย่องเข้ามายังกองไฟ แสงไฟสะท้อนร่างงองุ้มของเขาเห็นเป็นเงาขนาดใหญ่ทอดไปทาบกับกระท่อนด้านหลัง
ผู้เฒ่าบรู๊ตเป็นชายชรา เราไม่สามารถคะเนดาอายุของแกได้จากการมองด้วยตา หลังของแกโค้งงอมองดูเหมือนตัวกุ้ง ใบหน้าของแกถูกปกคลุมด้วยผมและเคราสีเทาพันกันยุ่งเหยิง ผู้เฒ่าผู้นี้มักจะสวมชุดคลุมสีเข้มตัวเก่าๆของเขาอยู่เป็นประจำ พร้อมเดินไปไหนมาไหนด้วยไม้เท้ายาวใหญ่
ผู้เฒ่าบรู๊คค่อยๆวางไม้เท้าของเขาลงข้างกองไฟก่อนจะค่อยๆนั่งลง เขายิ้มอ่อนๆให้กับทาเน็น
“ว่ายังไง ไอ้หนูวันนี้ฝึกเป็นไง” ผู้เฒ่าบรู๊คพูด
“ก็เหมือนกับทุกวัน” ทาเน็นพูดแล้วเหม่องมองขึ้นไปบนฟ้า
“มีเรื่องกังวลใจรึ ฟังเรื่องสะพานเต่าที่ของข้าไหมล่ะ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องขำแน่ๆ แม้แต่ข้ายังขำเลย เฮ้อๆๆ” ชายชราหัวเราะพลางเอื้อมมือไปคว้าทัพพีไม้ แล้วตักซุ๊ปข้าวโพดมาใส่ชาม
“ข้าฟังมาเป็นพันเห็นจะได้แล้วมั้ง”
“ถ้างั้นเรื่อง...”
“พอเถอะ ข้าจะขอตัวไปพักผ่อนละ” ทาเน็นทำทีจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องนั่งต่อ เมื่อผู้เฒ่าบรู๊คพูด
“เรื่องแม่สาวน้อยบ้านเฟริกซ์นั่นรึ”
“ท่านรู้ได้อย่างไร”
ผู้เฒ่าบรู๊คเอื้อมมือเล็กๆเหี่ยวๆของเขาไปหยิบก้อนกรวดแล้วขว้างไปที่หัวของทาเน็น ก้อนกรวดพุ่งเร็วและแรงเอาการ
“โอ๊ย” ทาเน็นร้องพร้อมทั้งเอามือกุมศีรษะไว้ “ทำอะไรของท่านเนี่ย เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร”
ผู้เฒ่าบรู๊คหยิบไม้เท้ายันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหยิบกิ่งไม้กิ่งหนึ่งแล้วเดินเข้าไปหาทาเน็นพร้อมฟาดกิ่งไม้นั้นไปที่ร่างของชายหนุ่มรัวๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
“นี่แน่ะ ไอ้เด็กจอมโอหัง เจ้าคิดว่าใครเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เจ้ายังเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก ไม่ใช่ข้าหรือยังไง นี่แน่ะ ถึงข้าจะแก่ สติเลอะเลือน แต่ข้าไม่ได้โง่น่ะ”
“โอ๊ย โอ๊ย พอได้แล้ว” ทาเน็นร้อง
ผู้เฒ่าบรู๊คหายใจหอบ แล้วค่อยๆนั่งลงที่พื้น
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เจ้า เจ้า มันโตแต่ตัว แต่สมองน้อยเหมือนสมองมด เจ้าไม่เคยรู้บ้างหรือไงว่าแม่สาวน้อยบ้านเฟริกซ์นั่นแอบมีใจให้เจ้ามานานแล้ว แฮ่ก แฮ่ก”
ทาเน้นมีสีหน้าแดงก่ำระคนประหลาดใจ เขาได้แต่จ้องมองเข้าไปในกองไฟ
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน นางคอยส่งน้ำส่งอาหาร และหาข้าวของเครื่องใช้ให้กับเจ้า ที่นางทำไปเพราะนางรักเจ้าไง ไอ้สมองทึบ” ผู้เฒ่าบรู๊คร่าย “และข้าก็ดูออกว่าเจ้าก็มีใจให้กับนาง เพียงแต่เจ้าไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง” แกหยุดแล้วพูดต่อ “ข้ารู้เจ้ามีฝันไอ้หนู เจ้าอยากออกเป็นยอดนักดาบ อยากออกไปเผชิญโลกที่กว้างใหญ่ อยากพบครอบครัวที่เจ้าไม่เคยรู้จักซึ่งไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า หรือเขาต้องการเจ้าไหม แต่เจ้าจงหยุดคิด แล้วมองไปรอบๆตัวเถิดลูกเอ๋ย เจ้ามีคนที่หวังดีคอยอยู่เคียงข้าง เจ้ามีทุกอย่างที่เจ้าต้องการแล้วที่นี่ เจ้าจะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้มันไร้ความหมายอย่างนั้นหรือ”
ผู้เฒ่าบรู๊คพูดเสียงสั่นเครือและแผ่วลงจนแทบจะไม่ได้ยิน เขาจ้องมองเข้าไปยังกองไฟเช่นเดียวกับทาเน็น
“คิดทบทวนดีๆล่ะ”
ทาเน็นรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวซึ่งเกิดขึ้นที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขา ก่อนมันจะเอ่อไปด้วยน้ำตา ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืน แล้วหันหลังเดินไปจากกองไฟ เขาก้าวช้าๆไปที่กระท่อม ด้านหน้าชานกระท่อมมีถุงผ้าห่อชุดเต้นรำวางอยู่คู่กับดาบทาเท็นคู่ใจของเขา เขาหยิบห่อผ้าด้วยมือข้างหนึ่งขึ้นมา แล้วหยิบดาบทาเท็นด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ทาเน็นเดินอ้อมกระท่อมแล้วหายเข้าไปในความมืด มีเสียงสะอื้นเล็กๆในความมืดนั้น
ผู้เฒ่าบรู๊คได้แต่จ้องเข้าไปในกองไฟด้วยน้ำตาเอ่อล้นเช่นกัน
............................................................................
เป็นที่รู้กันดีว่าทาเน็นเป็นเด็กกำพร้าที่ตาเฒ่าสติเฟื่อง”บรู๊ค”เก็บมาเลี้ยง มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเด็กน้อยทาเน็นเมื่อครั้งยังเป็นทารกว่าแท้จริงแล้วเขาถูกนำมาทิ้งโดยนักดาบคนหนึ่งเมื่อสิบเก้าปีที่แล้ว ไม่มีใครรู้ว่าอัศวินผู้นั้นเป็นใครแต่ทุกคนต่างก็มีข่าวลือหลายแหล่ง บ้างเชื่อว่าทาเน็นอาจมีเชื้อสายของขุนนางแห่งโอนิบาน บ้างว่าเขาอาจเป็นลูกของชาวเมืองผู้มีอันจะกินที่อพยพลี้ภัยมาในช่วงสงคราม และบ้างถึงขนาดว่าเขาอาจเป็นลูกยักษ์แห่งดินแดนทางเหนือก็ยังมี แต่ไม่ว่าข้อเท็จจริงจะเป็นเช่นไรนั้นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ถึงตอนนี้ผู้คนก็ต่างลืมเลือนเรื่องราวต่างๆเสมือนหมอกควันที่สลายไปในอากาศ เพราะทุกคนต่างก็หันไปสนใจข่าวลือใหม่ๆได้ทุกเมื่อเชื่อวัน
ดวงตะวันสีเปลือกส้มยามสายัณห์เริ่มคล้อยตัวต่ำลงบนเนินใหญ่ซึ่งทอดกายอยู่ท้ายหมู่บ้านอิสบาน จากจุดนี้ดัสตินและจัสมินมองเห็นเงาสีดำเคลื่อนไหววูบวาบอยู่เหนือเนินนั้น ทาเน็นกวัดแกว่งดาบหมุนไปมา เขาสามารถเคลื่อนไหวตามกระบวนท่าต่างๆที่จดจำมาจากในคัมภีร์ได้อย่างอย่างคล่องแคล่ว นับเป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่เขาเริ่มจับดาบขึ้นมาฝึก และนั่นทำให้ทาเน็นต้องฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกายไปพร้อมกัน จึงไปใช่เรื่องแปลกที่ ณ เวลานี้ชายหนุ่มกำพร้าผู้นี้จะมีร่างกายสูงใหญ่ แขนและอกของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ทาเน็นดึงดาบกลับมาเมื่อมีเสียงดังขึ้น
“สายัณต์สวัสสหายข้า” ดัสตินตะโกนพร้อมโบกไม้โบกมือ เขาและน้องสาวกำลังมุ่งหน้ามายังเนินที่ทาเน็นฝึกดาบอยู่
ทาเน็นยิ้มรับ เขาปักดาบลงบนพื้นแล้วเดินเข้าไปหาสองพี่น้อง
“สวัสดีดัสติน จัสมิน” ทาเน็นพูดพลางหายใจหอบเหนื่อย เหงื่อไคลไหลเป็นทางไปตามแขนและเปียกชุ่มเสื้อของเขา
ดัสติน เฟริกซ์พูด
“นี่ข้าคิดไปเองหรือเปล่าแค่อาทิตย์เดียวที่ข้าและเจ้าหนูตัวแสบไม่ได้แวะเวียนมาที่นี่ เจ้าตัวใหญ่เป็นกองเลย” ดัสตินผายมือทั้งสองข้างออกไป “หรือว่าเจ้าจะเป็นลูกยักษ์จริงๆเนี่ย”
“อาจจะใช่ และต่อไปข้าคงต้องกินพวกเจ้าเป็นอาหารแล้วสิน่ะ” ทาเน็นกำมือและชูขึ้นเหนือหัว แล้วเบิกตาโพลงพร้อมทั้งอ้าปากกว้าง
ดัสตินแสร้งทำเป็นมีท่าทีหวาดกลัว เขาทำทียกมือขึ้นมาปิดปาก
“โอ้ ไม่น่ะ เจ้ายักษ์ อย่ากินพวกเราเลย พวกเรานั้นมีแต่หนังหุ้มกระดูก แถมเนื้อตัวก็สกปรกเหมือนแม่หมู หากเจ้ากินเรานอกจากจะไม่ได้สารอาหารแล้ว มีหวังเจ้าอาจต้องท้องร่วงจู๊ดๆก็เป็นได้”
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นระหว่างสองสหาย
จัสมินเคาะกำปั้นไปที่หัวฟูๆของพี่ชายของนางไปหนึ่งที
“ไร้สาระน่า พวกท่านไม่ใช่เด็กแล้วน่ะ”
“นี่ข้าเป็นพี่ชายเจ้าน่ะ เคาะซะแรงเชียว”
“และนั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมข้าถึงจะต้องเคาะอีกที” จัสมินกำหมัดพร้อมจะง้าง ดัสตินกระโดดโหยงไปด้านหลังของทาเน็น
“เอาล่ะๆ พอได้แล้ว” ทาเน็นว่า “พวกเจ้ามีธุระอะไรหรือ ถึงได้มาซะเย็นย่ำขนาดนี้”
“ก็นี่ไง” จัสมินพูดแล้วยื่นห่อผ้าห่อหนึ่งออกมาให้ทาเน็น
ทาเน็นขมวดคิ้ว เขาแก้ห่อผ้าออก มันคือชุดเต้นรำที่ประกอบด้วยเสื้อกั๊ก เสื้อเชิ้ตแขนยาวมีลูกไม้ที่ข้อมือ และกางเกง”
“อีกสามวันที่หมู่บ้านจะมีงานฝักข้าวโพดใหญ่ซึ่งเป็นงานประเพณีประจำปีของอิสบาน และจะมีงานเต้นรำที่ผู้ชายและผู้หญิงที่ถึงวัยจะต้องหาคู่ครอง ข้าและดัสตินเห็นพ้องว่าท่านสมควรถึงแก่เวลาแล้วที่จะต้องมีคู่ครองกับเขาซะที เราจึงอยากให้ท่านไปร่วมงานเต้นรำด้วยกัน” จัสมินอธิบาย
“และชุดนี้คือชุดที่เจ้าหนูตัวแสบนี่ตัดมาให้เจ้า” ดัสตินเสริม
จัสตินก้มหน้า มีสีแดงระเรื่อปรากฎขึ้นที่แก้มขาวๆ นางไม่พูดอะไร
“แต่ เดี๋ยวข้าไม่ได้อยากมีคู่ครอง และข้าจำเป็นต้องฝึกดาบ” ทาเน็นว่า
“มีเวลาอีกทั้งชีวิตให้เจ้าฝึกดาบ แล้วตอนนี้วิชาดาบของเจ้าก็ไม่ช่วยให้เจ้ามีอาหารกิน เพราะตาเฒ่าบรู๊คคงไม่อยู่ค้ำฟ้าหรอกน่ะ และอีกอย่างหนึ่งข้าก็ต้องออกเรือนมีครอบครัวคงไม่มีเวลามาดูแลเจ้าเหมือนก่อนแล้ว ฉะนั้นเราจึงเห็นพ้องกันว่าถึงเวลาเสียทีที่เจ้าจะต้องนึกถึงอนาคตได้แล้ว” ดัสตินพูด
ทาเน็นมองไปยังชุดเต้นรำที่เขาถืออยู่ แล้วมองไปยังสองพี่น้อง
“แต่ข้าไม่ได้ต้องการออกเรือน ชีวิตข้ามีเป้าหมายเดียวคือฝึกดาบแล้วออกท่องไปในโอนิแกรนด์เพื่อตามหาพ่อของข้า และที่สำคัญข้าเต้นรำไม่เป็น”
จัสมินคิ้วขมวด นางมีท่าทีโมโหอย่างชัดเจน
“ท่านนี้มันไม่ได้เรื่องสมกับที่เขาว่ากันจริงๆ”
สาวน้อยหันขวับแล้วจ้ำอ้าวจากไป ทิ้งให้ทาเน็นยืนงงอยู่ตรงนั้น
“นี่จัสมิน เดี๋ยวก่อน....” ทาเน็นกล่าว แต่ไม่ทันซะแล้ว
“ข้าจะไปรอที่รถม้าน่ะ บอกสหายของพี่ด้วยว่าให้เขาอยู่กินกับดาบไปจนตายเถอะ” จัสมินหันมาตะโกน ก่อนจะหายไปหลังแนวพุ่มไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก
ชายหนุ่มหันไปมองดัสตินที่ตอนนี้เยื้องออกมายืนข้างๆเขา ดัสตินเป็นชายร่างผอมบาง เขามีผมฟูและหยิกหยอง ทุกอย่างดูเล็กไปหมดในชายผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นมือ เท้า ตา เขาสูงเพียงอกของทาเน็นเห็นจะได้ จมูกของเขาเชิ้ดแหลมเหมือนเหล่าภูตพิกซี่ เขายืนกอดอกพลางมองสหายของตนด้วยหางตา
“เจ้านี้มันช่างซื่อนัก แล้วเจ้าก็ไม่รู้จักวิธีคุยกับผู้หญิงเอาเสียเลย ชุดนี้เป็นชุดที่เจ้าหนูตัวแสบนั่นใช้เวลาทั้งอาทิตย์ตั้งใจตัดให้เจ้าโดยเฉพาะ นางมอบมันให้เจ้าเพราะนาง เอ่อ...เอาเป็นว่า ตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว เจ้าเลือกเอาเองล่ะกันว่าจะทำยังไงกับมัน”
ทาเน็นห่อชุดเต้นรำใส่ไว้ในห่อผ้าแล้วมัดไว้ดังเดิม “ฝากเจ้าไปบอกนางด้วยว่าข้าขอขอบคุณความมีน้ำใจของนางนัก เรื่องงานเลี้ยงข้าจะขอคิดดูอีกที”
“เรื่องนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง” ดัสตินพูด “เอาล่ะคราวนี้ก็เป็นธุระของข้ากับเจ้า”
“มีอะไรให้ข้าช่วยรึสหาย หากมันไม่กระทบเวลาของข้ามากนัก ข้าก็พร้อมจะช่วยท่านได้เสมอ”
“อะฮึ่ม เรื่องเวลาฝึกไม่ต้องห่วง คืออย่างนี้ ทาเน็นสหายรักของข้าเอ๋ย ข้าอยากให้เจ้าเข้าเมืองไปกับข้าสักวัน ถ้าเป็นพรุ่งนี้ได้จะดีมากเลย ถ้าเจ้าว่างน่ะ เอาเป็นช่วงเวลาเล็กๆหลังจากเจ้า เอ่อ...” ดัสตินชี้โบ๊ชี้เบ๊ไปที่ดาบของทาเน็น “ฝึกเสร็จ ข้าต้องไปพบใครคนหนึ่ง และข้าอยากรบกวนให้เจ้านำมันไปด้วย”
ทาเน็นเหล่ตามองสหายของเขา ปากในกรอบเคราหย่อมเล็กๆของเขาเบ้ไปด้านข้างพร้อมกระตุกหน่อยๆ ประกอบกับร่างกายสูงใหญ่ ผมหยักศกอันยุ่งเหยิงของเขายาวปรกถึงกลางหลัง เวลานี้สีหน้าท่าทางของทาเน็นดูเหมือนยักษ์ขึ้นมาจริงๆ เขาเดินไปหยิบดาบแล้วพูดเสียงเข้ม
“ดัสตินเพื่อนรัก หากท่านหมายถึงถ้าท่านอยากให้ข้าเอาดาบนี้ไปฆ่าใครข้าคงทำอย่างนั้นไม่ได้มันเพราะผิดกฎหมาย และที่สำคัญดาบข้ามีไว้ป้องกันตัวเท่านั้น”
ดัสตินยิ้ม “ไม่ต้องถึงขนาดนั้น คืออย่างนี้น่ะ ตอนนี้มันมีไอ้จิ๊กโก๋คนหนึ่งในชีคบานมันติดเงินข้า” ดัสตินเอนหัวไปมา แล้วอธิบายต่อ “ก็มากโขอยู่ แล้วมันก็ผลัดมาหลายนัดแล้วด้วย ข้าแค่อยากให้เจ้าไปกับข้าเอาดาบของเจ้าไปด้วย แล้วยืนทำท่าทางแบบที่เจ้ากำลังทำอยู่ตอนนี้”
ทาเน็นไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังยืนกอดอกทำหน้าถมึงทึงอยู่ โดยที่มือข้างหนึ่งของเขากุมดาบไว้อยู่
“ดาบนี้มันชื่อว่าทาเท็น มันเป็นดาบที่ถูกพบอยู่ข้างๆข้าตอนตาเฒ่าบรู๊คเก็บข้ามาเลี้ยง...”
ดัสตินกรอกตาไปมาทุกครั้งเมื่อสหายของเขาพล่ามถึงที่มาของดาบ เขารีบตัดบท
“งานนี้ข้ามีส่วนแบ่งให้กับเจ้า”
“ตกลง” ทาเน็นตอบแทบจะในทันที “พรุ่งนี้ตอนสาย ข้าจะไปรอท่านอยู่ที่ถนนสายชีคบานและเวลบาน ท่านก็รู้นี่ งานข่มขู่เป็นอะไรที่ข้าถนัดอยู่แล้ว หากท่านยังจำได้เจ้าบอร์และสมุนตุ้ยนุ้ยของมันเคยรังแกท่านกับจัสมิน ก็เป็นข้าคนนี้นี่แหละที่ไล่ตะเพิดพวกมันซะขวัญกระเจิง ฮ่า ใช่แล้วยังมีอีก...”
ดิสตินส่ายหน้า
“และนั่นคือเหตุผลเดียวที่ข้ากับเจ้าหนูตัวแสบยังคบค้าสมาคมกับเจ้าทึ่มอย่างเจ้ามาจนถึงทุกวันนี้ แล้วเจอกันพรุ่งนี้สหาย ข้าจะเอารถม้ามารับ”
ดัสตินพูด เขารีบเดินจากมา พลางส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหายลับไปยังอีกเนิน ปล่อยให้สหายของเขาพล่ามอยู่อย่างนั้น มีเสียงตะโกนไล่หลังเขามาด้วย
“แล้วเจอกันสหาย ข้ารับรองท่านจะไม่ผิดหวัง ท่านจะไม่ผิดหวัง”
..................................................................................................................................................................
มีกระท่อมเล็กๆสองหลังตั้งอยู่ใกล้แนวชายป่าท้ายหมู่บ้านอิสบาน หลังหนึ่งเป็นของทาเน็น อีกหลังเป็นของตาผู้เฒ่าบรู๊ค บรรยากาศในราตรีนั้นช่างแปลกประหลาด นภามืดมิดไร้หมู่ดวงดาว ทุกอย่างเงียบสนิทไร้ซึ่งเสียงสัตว์ป่าและเสียงหรีดเรไร แม้แต่สายลมก็ยังไม่พัดโชยมาเหมือนเฉกเช่นทุกวัน
ทาเน็นโยนฟืนชิ้นโตเข้าไปในกองไฟซึ่งก่ออยู่ระหว่างกระท่อมของเขาและของผู้เฒ่าบรู๊ค พลางตักซุ๊ปข้าวโพดเข้าปาก หลังจากนั้นเขาจึงฉีกเนื้อกวางย่างและเขมือบมันเข้าไปตามอย่างเอร็ดอร่อย ผู้เฒ่าบรู๊คค่อยย่องเข้ามายังกองไฟ แสงไฟสะท้อนร่างงองุ้มของเขาเห็นเป็นเงาขนาดใหญ่ทอดไปทาบกับกระท่อนด้านหลัง
ผู้เฒ่าบรู๊ตเป็นชายชรา เราไม่สามารถคะเนดาอายุของแกได้จากการมองด้วยตา หลังของแกโค้งงอมองดูเหมือนตัวกุ้ง ใบหน้าของแกถูกปกคลุมด้วยผมและเคราสีเทาพันกันยุ่งเหยิง ผู้เฒ่าผู้นี้มักจะสวมชุดคลุมสีเข้มตัวเก่าๆของเขาอยู่เป็นประจำ พร้อมเดินไปไหนมาไหนด้วยไม้เท้ายาวใหญ่
ผู้เฒ่าบรู๊คค่อยๆวางไม้เท้าของเขาลงข้างกองไฟก่อนจะค่อยๆนั่งลง เขายิ้มอ่อนๆให้กับทาเน็น
“ว่ายังไง ไอ้หนูวันนี้ฝึกเป็นไง” ผู้เฒ่าบรู๊คพูด
“ก็เหมือนกับทุกวัน” ทาเน็นพูดแล้วเหม่องมองขึ้นไปบนฟ้า
“มีเรื่องกังวลใจรึ ฟังเรื่องสะพานเต่าที่ของข้าไหมล่ะ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องขำแน่ๆ แม้แต่ข้ายังขำเลย เฮ้อๆๆ” ชายชราหัวเราะพลางเอื้อมมือไปคว้าทัพพีไม้ แล้วตักซุ๊ปข้าวโพดมาใส่ชาม
“ข้าฟังมาเป็นพันเห็นจะได้แล้วมั้ง”
“ถ้างั้นเรื่อง...”
“พอเถอะ ข้าจะขอตัวไปพักผ่อนละ” ทาเน็นทำทีจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องนั่งต่อ เมื่อผู้เฒ่าบรู๊คพูด
“เรื่องแม่สาวน้อยบ้านเฟริกซ์นั่นรึ”
“ท่านรู้ได้อย่างไร”
ผู้เฒ่าบรู๊คเอื้อมมือเล็กๆเหี่ยวๆของเขาไปหยิบก้อนกรวดแล้วขว้างไปที่หัวของทาเน็น ก้อนกรวดพุ่งเร็วและแรงเอาการ
“โอ๊ย” ทาเน็นร้องพร้อมทั้งเอามือกุมศีรษะไว้ “ทำอะไรของท่านเนี่ย เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร”
ผู้เฒ่าบรู๊คหยิบไม้เท้ายันตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหยิบกิ่งไม้กิ่งหนึ่งแล้วเดินเข้าไปหาทาเน็นพร้อมฟาดกิ่งไม้นั้นไปที่ร่างของชายหนุ่มรัวๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
“นี่แน่ะ ไอ้เด็กจอมโอหัง เจ้าคิดว่าใครเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เจ้ายังเป็นเด็กตัวกระเปี๊ยก ไม่ใช่ข้าหรือยังไง นี่แน่ะ ถึงข้าจะแก่ สติเลอะเลือน แต่ข้าไม่ได้โง่น่ะ”
“โอ๊ย โอ๊ย พอได้แล้ว” ทาเน็นร้อง
ผู้เฒ่าบรู๊คหายใจหอบ แล้วค่อยๆนั่งลงที่พื้น
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก เจ้า เจ้า มันโตแต่ตัว แต่สมองน้อยเหมือนสมองมด เจ้าไม่เคยรู้บ้างหรือไงว่าแม่สาวน้อยบ้านเฟริกซ์นั่นแอบมีใจให้เจ้ามานานแล้ว แฮ่ก แฮ่ก”
ทาเน้นมีสีหน้าแดงก่ำระคนประหลาดใจ เขาได้แต่จ้องมองเข้าไปในกองไฟ
“ตลอดระยะเวลาที่ผ่าน นางคอยส่งน้ำส่งอาหาร และหาข้าวของเครื่องใช้ให้กับเจ้า ที่นางทำไปเพราะนางรักเจ้าไง ไอ้สมองทึบ” ผู้เฒ่าบรู๊คร่าย “และข้าก็ดูออกว่าเจ้าก็มีใจให้กับนาง เพียงแต่เจ้าไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง” แกหยุดแล้วพูดต่อ “ข้ารู้เจ้ามีฝันไอ้หนู เจ้าอยากออกเป็นยอดนักดาบ อยากออกไปเผชิญโลกที่กว้างใหญ่ อยากพบครอบครัวที่เจ้าไม่เคยรู้จักซึ่งไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า หรือเขาต้องการเจ้าไหม แต่เจ้าจงหยุดคิด แล้วมองไปรอบๆตัวเถิดลูกเอ๋ย เจ้ามีคนที่หวังดีคอยอยู่เคียงข้าง เจ้ามีทุกอย่างที่เจ้าต้องการแล้วที่นี่ เจ้าจะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้มันไร้ความหมายอย่างนั้นหรือ”
ผู้เฒ่าบรู๊คพูดเสียงสั่นเครือและแผ่วลงจนแทบจะไม่ได้ยิน เขาจ้องมองเข้าไปยังกองไฟเช่นเดียวกับทาเน็น
“คิดทบทวนดีๆล่ะ”
ทาเน็นรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวซึ่งเกิดขึ้นที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขา ก่อนมันจะเอ่อไปด้วยน้ำตา ชายหนุ่มค่อยๆลุกขึ้นยืน แล้วหันหลังเดินไปจากกองไฟ เขาก้าวช้าๆไปที่กระท่อม ด้านหน้าชานกระท่อมมีถุงผ้าห่อชุดเต้นรำวางอยู่คู่กับดาบทาเท็นคู่ใจของเขา เขาหยิบห่อผ้าด้วยมือข้างหนึ่งขึ้นมา แล้วหยิบดาบทาเท็นด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ทาเน็นเดินอ้อมกระท่อมแล้วหายเข้าไปในความมืด มีเสียงสะอื้นเล็กๆในความมืดนั้น
ผู้เฒ่าบรู๊คได้แต่จ้องเข้าไปในกองไฟด้วยน้ำตาเอ่อล้นเช่นกัน
............................................................................
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ