Heart Project : ปริศนาความทรงจำ
10.0
เขียนโดย PnPn
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.
17 ตอน
0 วิจารณ์
18.05K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
8)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 8
เช้าวันจันทร์
หญิงสาวสองคนเดินกับหนุ่มหนึ่งคน ทั้งสามเดินออกจากสถานีรถไฟเพื่อไปเรียนคาบเช้าในวิทยาลัยสายพลัง
“ยังเช้าอยู่เลยแท้ๆทำไมรีบปลุกจัง” เอมท่าทางงัวเงียหันไปคุยกับนิสา
“ไม่เช้าแล้วนะจ๊ะ แถมวันนี้มีคาบปฏิบัติช่วงเช้าด้วย ขืนไปช้าจะมีปัญหาเอา” นิสาตอบกลับ “นี่ชิตแล้วดรีมอะ ยังไม่กลับมาอีกหรอ”
“เมื่อคืนโทรมาแล้วเห็นว่าให้เจอที่อาคารเรียนเลย” ชิตตอบกลับ
ทันใดนั้นก็มีรถหรูสีดำมาจอดตรงหน้าพวกเขาจากนั้นก็มีคนเปิดประตูลงจากรถลงซึ่งเอม ชิตและนิสาก็เดาไม่ว่าว่าคนที่ลงมาจากรถหรูคือดรีมนั้นเอง
“ไงดรีม” ทั้งสามคนกล่าวทักทาย
“สวัสดีทุกคน มะรืนขอโทษทีนะโดนทางบ้านใหญ่เรียกตัวด่วน” ดรีมตอบรับและถอยหายใจ
มันเป็นเรื่องปรกติแล้วที่อยู่ๆว่าที่ผู้นำตระกูลเรนฟอร์ชมักจะถูกคุณปู่จากบ้านใหญ่ของตระกูลเรียกตัวเสมอ และดรีมเองก็มักจะเอาเรื่องหนักใจทางบ้านใหญ่มาระบายให้เพื่อนๆฟังเสมอซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน
“โดนเรียกตัวด่วนคราวนี้มีอะไรอีกละ” เอมเริ่มถามก่อน(ความส.ต้องยกให้)
“เรื่องใหญ่ซะด้วยซิ” ดรีมแสดงท่าทีหงุดหงิด “เราถูกคุณปูจับคู่แล้วนะสิ”
“โหว..” ชิตอุทานขึ้นมา “แล้วมันไม่ดียัง? เผลอไปขัดใจปูรึไงเลยเรื่องยาว”
“ก็ไม่เชิงหรอ” ดรีมตอบกลับ “ไอเราก็ไม่กล้าขัดอยู่แล้ว แต่ดันมีคนขัดขึ้นมานะสิเรื่องเลยยาว”
“ใครหรอ ปรกติคำสั่งของปู่ดรีมถือเป็นเด็ดขาดไม่ใช่หรอ” นิสาถามขึ้น
“ก็พี่ริวนะสิ ที่เป็นรุ่นพี่สมัยม.ปลายของเธอไง” ดรีมตอบนิสา “ขัดแบบหลังชนฝาด้วยไม่ยอมท่าเดียวเลย แถมยังบอกว่าถ้าคิดเอาผู้หญิงคนนี้มาจับคู่กับเราได้เกิดเรื่องใหญ่แน่ จากนั้นก็ทะเลาะกับคุณปู่” ดรีมถอนหายใจ
“จะว่าไปผู้หญิงที่มาจับคู่กับนายเป็นใครหรอ?” นิสาถาม
“เห็นว่าเธอเป็นคนของคนตระกูลระดับสูงจากประเทศแบยุโรปนะ” ดรีมพูดจบก็เปิดภาพผู้หญิงให้ดู
“คนนี่!!” เอมถึงกับอุทานและหันคุยกับนิสา “น้องสาวของไวท์ไม่ใช้หรอ”
“เอ๊ะ!!” ดรีมตกใจจึงขอรูปน้องสาวไวท์จากนิสามาเปรียบเทียบ “ถึงว่าหน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน”
“ดีนะ ไวท์ไม่ได้มาพร้อม ไม่งันเกิดเรื่องแน่” นิสาพูดขึ้นมา
“ยังไงหรอนิสา” ดรีมถามนิสา
“พวกนายคงไม่ลืมที่ไวท์หมั่นกับน้องสาวหรอนะ” นิสาพูดและทุกคนก็พยักหน้า “จะว่าไงดีถึงสองคนนั้นจะไม่มีทีท่าว่าจะได้กัน แต่ความเป็นพี่น้องของสองคนนั้นเหนียวแน่นมาก โดยเฉพาะไวท์ที่มีอาการซิสค่อนระยะสุดท้ายอยู่”
“ซิสค่อนระยะสุดท้าย?” ดรีม เอมและชิตต่างทำหน้างง
“ใช้ซิสค่อนระยะสุดท้าย ก็ประมาณว่าใครแตะน้องสาวตรู มรึงตาย” นิสาแสดงสีหน้าจริงจัง
“ขนาดนั้นเลย???” ดรีมถามกลับ
“ไม่เชื่อใช่ไหม” นิสายังคงทำหน้าจริงจัง “ดรีม นายมาจากตระกูลใหญ่คงจำข่าวนี้ได้ใช่ไหม เมื่อ 5-6 ปีก่อนมีตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งถอนตัวออกจากวงการกะทันหัน”
“อ่า...จำได้สิ” ดรีมตอบกลับ “เห็นว่าตอนนั้นคุณปู่ก็ยังอึ้งกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่เพราะเป็นปัญหาภายในไม่ใช่หรอที่ทำให้ต้องถอนตัวออกไปนะ รู้สึกว่าคนในตระกูลทำสงครามภายในจนพวกผู้บริหารตระกูลนั้นเสียชีวิตกันเกือบหมดนิรวมถึงผู้นำตระกูลก็พบกลายเป็นศพในสภาพดูไม่ได้ด้วยนิ แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยละ”
“นายไม่รู้อะไรเลยสินะ” นิสาตอบกลับ “ก็สาเหตุที่แท้จริงนะดันไปจับคู่น้องสาวไวท์กับลูกชายผู้นำตระกูลนะสิ ซึ่งทางคุณพ่อคุณแม่ไวท์เองก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่ทางนั้นดื้อดึงและถึงกับลักพาตัวน้องสาวไวท์ไปเลยละ”
ดรีม เอมและชิตฟังที่นิสาเล่าอย่างใจจดใจจ่อ
“ตอนนั้นไวท์โกรธมาเลยละ ก็เลยบุกเดี่ยวไปถล่มตระกูลนั้นเลยซะยับจนเอาตัวน้องสาวกลับมา” นิสาเล่า
“จริงๆก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่สำหรับนิสากับไวท์แล้วมันก็อดเชื่อไม่ได้” ดรีมพูดออกมา
นิสาทำหน้ายิ้มออกมาทันใดนั้นเองก็มีผู้ชายรูปร่างสูงผมยาวมักผมเป็นหางม้าเดินมาดักหน้าทั้งสี่คน
“เธอขอคุยด้วยหน่อยสิ” ชายคนนั้นเรียกนิสาแยกไปคุย นิสาก็เดินไปคุยกับเขา
ทางอีกด้านดรีมก็บอกว่าคนที่มาทักนิสาคือพี่ริวที่ดรีมพูดถึงและก็เรียนอยู่ปี 4 ที่วิทยาลัยแห่งนี้ จนถึงตอนนี้ดรีมได้ตระหนักจริงจังแล้วว่าไม่ควรไปยุ่งกับน้องสาวของไวท์เด็ดขาดเพราะถึงขนาดพี่ริวที่เป็นหนึ่งในผู้บริหารตระกูลลงมาคุยด้วยตัวเองซึ่งถ้ามองผ่านๆอาจคิดได้แค่ว่าคงเป็นแค่การคุยระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องธรรมดาแต่เมื่อดูจากสีหน้าจริงจังของพี่ริวที่ปรกติเป็นคนยิ้มแย้มทำให้รู้ได้ทันทีว่าเขามาในสถานะของผู้บริหารตระกูลแน่นอน
“ไปคุยกับพี่ริวเรื่องอะไรหรอ” เอมถามนิสา
“ก็เรื่องนั่นหละ” นิสาตอบ “พี่ริวเขามาขอโทษที่ครอบครัวเข้าทำเรื่องนั้นขึ้นนะสิเลยมาหาชั้นเพื่อให้ไม่เอาเรื่อง ช่างเถอะชั้งเองก็ตอบไปว่าให้ลืมๆไปซะคิดว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น พวกเราเองก็หยุดคุยเรื่องนี้ดีกว่าก่อนไวท์จะมาได้ยิน”
เอม ชิตและดรีมก็เห็นด้วย
“แต่ว่าไปหมู่นี้พวกปี 3 ปี 4 มาวิทยาลัยกันเยอะนะโดยเฉพาะการใช้สนามฝึกตารางนี่แน่นเลยจนผมต้องแปลกใจ” ชิตสงสัยและเปลี่ยนเรื่องคุย
“อ่าวชิตลืมไปแล้วหรอว่าเร็วๆนี้จะมีงานจัดอันดับพลังทั่วประเทศนะ วิทยาลัยเราเป็นเจ้าภาพด้วยนะ” เอมตอบชิต “นี่ละคือเหตุผลที่ชั้นไปใช้สนามฝึกที่ศูนย์วิจัยไง ช่วงนี้จองสนามฝึกไม่ได้เลย”
งานจัดอันดับพลังทั่วประเทศเป็นการจัดอันดับฝีมือการต่อสู้ของนักศึกษาสายพลังจากมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศมีทั้งประเภททีมและประเภทเดี่ยว ถือว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีเลยก็ว่าได้ ทางวิทยาลัยที่พวกเอมอยู่ก็เปิดโอกาสให้ตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 ขึ้นไปลงสมัครได้แต่สำหรับพวกปี 3 และ 4 แล้วนี่คือใบเบิกทางสำหรับงานในสายนี้เลยถ้าทำผลงานได้เข้าตาหน่วยงานต่างๆทั้งของรัฐและเอกชน
“นี่ๆ พวกเธอสนใจไหมเราน่าจะลงประเภททีมด้วยกัน” เอมเสนอความคิดขึ้นมา
“ก็น่าสนใจดีนะ พวกเราจะลงประเภทไหนดีทีมสามไหม” ดรีมเสนอต่อ
“แต่พวกเรามีสี่คนนะ”ชิตแทรกขึ้นมา“แบบนี้ก็มีใครคนหนึ่งที่ไม่ได้ลงสิมันดูไม่ค่อยโอเคนะ”
“ชั้นขอเป็นคนไม่ลงแล้วกัน” นิสาตอบชิต
“ทำไมละ” ชิตถามกลับ “นิสาเองก็อยากสู้อะไรประเภทนี้อยู่แล้วนิ”
“ก็ชั้น.....” นิสาทำท่าอ้ำอึ้ง“ชั้น...สมัครไปก่อนแล้วนะสิ แบบว่าไวท์เป็นคนชวนด้วยก็เลยตอบตกลงทันที”
ถึงตอนนี้ เอม ชิตและดรีมก็ทำหน้ามองบนแล้วถอนหายใจพร้อมกัน (แหม่......)
เวลา 15.30 น.
ทั้งสี่คนรีบมุ่งหน้าไปศูนย์วิจัยเพื่อใช้สนามฝึก แน่นอนทั้งสี่คนทำใจไว้แล้วว่าอาจโดนให้ทดสอบของอะไรแปลกและตามที่คาดไว้ศาสตราจารย์อรชุนและคณะได้เตรียมหุ่นทดสอบเอาไว้ให้พวกเข้าแล้ว ทั้งนี้ทั้งสี่คนก็เริ่มรู้สึกแปลกมาตั้งแต่พันตรีไวท์กลับศูนย์ไปก่อนแล้ว (ก็นะ...อุตส่าห์จะมีคนมาใช้งานสนามฝึกในศูนย์วิจัยทั้งที่ก็จัดบริการหน่อย)
เมื่อทั้งสี่คนมาถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาอุปกรณ์เสริมพลังก็มุ่งหน้าไปที่สนามฝึกที่อยู่หลังหอพักทันที เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จัก(ถึงรู้จักแต่ก็ไม่กล้ามาใช้) ทำให้ไม่มีใครมาใช้เลยอีกทั้งสนามก็มีขนาดใหญ่มากและส่วนมากถ้าไม่เอามาเป็นห้องเรียนปฏิบัติที่นานๆจะมีครั้งก็ใช้เป็นสถานที่ทดสอบสิ่งประดิษฐ์แปลกๆที่พวกศาสตราจารย์และคณะสร้างขึ้นมา ทั้งนี้ยังไม่พอยังมีสนามทดสอบอีกหลายแห่งในเขตศูนย์วิจัยแห่งนี้
“นั่นมันตัวอะไรครับ” ดรีมถามพี่ศรเมื่อเหลือบไปเห็นหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายคนยืนอยู่กลางสนามสองตัว
“นี่คือหุ่น GD-00s เป็นรุ่นที่เราพัฒนาอยู่ตอนนี้” พี่ศรตอบกลับไป “เป็นหุ่นที่มีระบบควบคุมระยะไกลสามารถควบคุมได้ด้วยมืออักทั้งยังมีระบบเอไอสำหรับใช้งานแบบอัตโนมัติ ตัวหุ่นมีขนาดและรูปร่างเหมือนคนทำให้มีความคล่องตัวสูง ทั้งยังสร้างด้วยวัสดุเวทย์มนต์ทำให้มีความทนทานสูง ขอคุยไว้เลยหุ่นตัวนี้ไม่พังง่ายๆเหมือนหุ่นรักษาการกระจอกๆที่อยู่ข้างนอกหรอกนะ”
“ดูท่าหุ่นตัวนี้จะมีอะไรหลายๆอย่างด้วยละ” ชิตพูดขึ้นมา
“จะว่าไป ถ้าหุ่นพวกนี้จะถูกพังไปมันไม่เป็นไรหรอคะ” เอมถามพี่ศร
“ไม่ต้องห่วงหรอกมีในสต็อกเป็นพันตัว” พี่ศรตอบ ศาสตราจารย์อรชุนกับคุณซิลเวอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้ารับ
หลังจากนั้น พวกศาสตราจารย์อรชุนกับคณะจะขึ้นไปบังคับหุ่นโดยห้องบังคับจะอยู่ที่ชั้นสองของสนามฝึกส่วนในสนามก็จะมี เอม ชิตและดรีมมาฝึกการใช้พลังโดยใช้หุ่นยนต์มาเป็นคู่ซ้อมและให้นิสากับไวท์มาดูแลความปลอดภัยและมาเป็นโค้ชให้
“วันนี้เราจะมาเริ่มด้วยพลังที่พวกนายมีแล้วกัน” ไวท์พูด “รู้สึกว่าพวกนายก็ฝึกการทำงานเป็นทีมในคาบเรียนมาแล้วด้วย งั้นก็มาเริ่มกันเลย” นิสาส่งสัญญาณให้ศาสตราจารย์เริ่มเดินเครื่องหุ่น
ทีมสามคนของเอม ชิต ดรีมจะทำงานเป็นระบบดังนี้ให้ชิตเป็นโจมตีระยะประชิต เอมเป็นฝ่ายสนับสนุนและให้ดรีมเป็นฝ่ายโจมตีระยะไกลซึ่งระบบนี้เขาทั้งสามคนใช้ในคาบเรียนประจำ
เริ่มจากเอมจะให้นกสายฟ้าโจมตีด้วยสายฟ้าเป็นวงกว้างเพื่อให้ศัตรูเกิดการสับสนแล้วให้ชิตกับดรีมโจมตีพร้อมกันแบบไม่ได้ทันตั้งตัว แต่ผลที่เกิดตรงหน้าคือหุ่นตัวแรกที่มีลายสีฟ้าสามารถรับดาบของชิตได้และหุ่นตัวที่สองที่มีลายสีแดงก็สามารถหลบการโจมตีของดรีมได้
จากนั้นหุ่นที่มาลายสีแดงพุ่งเข้าไปโจมตีใส่เอมโดยชักดาบที่อยู่ข้างเอวมาฟัน เอมจึงต้องเรียกกิ้งก่ามาเกาะที่แขนแล้วใช้หางที่เป็นมีดสั้นรับการโจมตี ดรีมที่รอจังหวะก็ใช้มือมาแตะตัวของหุ่นสีแดงขณะที่กำลังปะทะกับเอม “ผนึก” สิ้นเสียงคำที่ดรีมกล่าวก็มีโซ่สีขาวมามันตัวของหุ่นสีแดงเอาไว้แล้วใช้ปืนยิงรัวซ้ำเข้าไปจนควันฟุ้ง เมื่อควันจางลงเอมและดรีมก็เห็นวงแหวนเวทย์ที่น่าจะเป็นเวทย์ป้องกัน(shield guard) ทำให้เอมกับดรีมต้องตกใจที่หุ่นจะใช้เวทย์ได้
ตัดมาทางชิตที่ปะดาบกับหุ่นสีฟ้าผลัดกันรุกผลัดกันรับ ชิตเห็นว่ามีคลื่นออกมาจากตัวหุ่นและออกมามากขึ้นเรื่อยๆรวมถึงที่บริเวณเท้าของหุ่นก็เกิดวงแหวนเวทย์เกิดขึ้นเป็นแสงสีขาวออกมา “Holy charge” สิ้นเสียงคำประกาศเวทย์ก็เกิดแรกผลักจากหุ่นสีฟ้าทำให้ชิตต้องถอยออกมารวมกับเอมและชิต
“เอาจริงดิ นี่มันหุ่นประเภทไหนนะ” ดรีมพูดขึ้นมา
“นี่พวกนายเปลี่ยนรูปแบบไหม” เอมทักดรีมกับชิต
“น่าลองดูนะ” ชิตตอบส่วนดรีมก็พยักหน้ารับ
รูปแบบใหม่ที่ว่าคือให้เอมเป็นฝ่ายโจมตีระยะใกล้ให้ดรีมเป็นฝ่ายสนับสนุนและให้ชิตคุ้มกันการโจมตีจากด้านหลังจากนั้นเอมให้กิ้งก่ากับนกสายฟ้ากลับไปก่อนจะเรียกสิงโตน้ำแข็งกับกระทิงไฟออกมาแทน
“โห...มีอะไรน่าสนใจให้ดูแล้วสิ ว่าไหม” นิสาที่ยืนมองอยู่ไกลๆพูดออกมา
“ชักจะเร่าร้อนแล้วสิ” ไวท์ที่ยืนอยู่ข้างนิสาพูด
ผ่านไป 15 นาที
หุ่นยนต์อันน่าภาคภูมิใจของศาสตราจารย์อรชุนและคณะก็กลายเป็นซากทำศาสตราจารย์ที่ควบคุมอยู่ข้างบนถึงกับหัวเสียแต่ก็เป็นข้อมูลที่ดีในการพัฒนาหุ่นพวกนี้ต่อไป
เสียงปรบมือดังมาจากด้านหนึ่งของสนามฝึกจนทำให้เอม ชิตและดรีมที่พึ่งล้มหุ่นได้ต้องหันไปมอง นั้นคือเสียงปรบมือของนิสากับไวท์นั่นเอง
“เล่นซะเครื่องร้อนเลยนะพวกนาย ตอนแรกก็ว่าจะไม่ยุ่งด้วยอยู่แล้วแต่จากที่พวกนายทำมันก็คันไม้คันมือทันทีเลย” ไวท์พูดขึ้นพร้อมเดินเข้ามาหาเอม ชิตและดรีม
“หายากนะคนที่ล้มหุ่นพวกนี้ได้ งั้นขอขยับระดับการฝึกของพวกเธอขึ้นมาหน่อยก็แล้วกัน” นิสาพูดออกมาภายใต้รอยยิ้มอันแสนน่ารักของเธอ
เอม ชิตและดรีมก็เริ่มรับรู้ได้ว่าจะต้องเจอของหนักแน่ เอมก็นึกถึงในคืนที่มาเห็นไวท์กับนิสาสู้กันได้ว่าทั้งสองมีพลังมากแค่ไหนเลยเตือนชิตกับดรีมให้ระวังตัวไว้
“ชิต ดรีม คู่เลิฟซีนกำลังมาแล้วเตรียมการป้องกันไว้ด้วย” เอมทักชิตกับดรีม “ชิตตรวจสอบทีว่าคู่นั้นมีพลังขนาดไหน” เอมสั่งการ
“ไม่มี” ชิตตอบกลับไปทำให้ดรีมกับเอมถึงกับสงสัยและให้ชิตอธิบาย “ก็ไม่มีไง...ไม่มีอะไรออกมาจากคู่นี้เลย ตรวจสอบอะไรไม่ได้ ”
“เห้ยๆ…ชิต อย่าอำกันนะโว้ย” ดรีมพูดกับชิตจากนั้นดรีมก็หยิบอุปกรณ์อย่างหนึ่งออกมารูปร่างคล้ายแวนตา “หึๆๆ ชิต เราว่าตานายอาจเริ่มล้าจนมองอะไรผิดๆถูกๆแล้วละ เรามีนี่นวัตกรรมของตระกูลเราเองแว่นตาสำหรับตรวจสอบพลัง”
ชิตกับเอมถึงกับร้อง ”ว้าว!!” และให้ดรีมทดสอบให้ดูโดยให้วัดพลังของชิตกับเอมก่อน
“พลังของชิตหืม...ใช้ได้เลยจัดว่ามีพลังสูงโดยเฉพาะดาบของนายมีพลังมากกว่าที่คิดนะ ส่วนเอมก็...พลังเวทย์ค่อนข้างใช้ได้สมกับเป็นผู้ใช้สัตว์อัญเชิญ ต่อไปก็นิสากับไวท์ละ” ดรีมหันไปทางนิสากับไวท์ที่กำลังเดินมาและทำท่าตกใจ “บ้าน่า...ทำไมมันไม่ขึ้นอะไรเลย ตรวจวัดไม่ได้เลย” ดรีมเริ่มไม่มั่นใจในอุปกรณ์จนต้องหันมาทางเอมกับชิตแต่ก็วัดพลังได้ปรกติ
“ชิต เพื่อนเอ้ยเมื่อกี้เราขอโทษเรื่องว่าตาของนายนะ” ดรีมหันไปคุยกับชิต “ดูท่านายจะพูดจริง”
“เลิกพูดได้แล้วพวกนาย” เอมทักแทรกขึ้นมา “เตรียมการตั้งรับ!!!!”
เช้าวันจันทร์
หญิงสาวสองคนเดินกับหนุ่มหนึ่งคน ทั้งสามเดินออกจากสถานีรถไฟเพื่อไปเรียนคาบเช้าในวิทยาลัยสายพลัง
“ยังเช้าอยู่เลยแท้ๆทำไมรีบปลุกจัง” เอมท่าทางงัวเงียหันไปคุยกับนิสา
“ไม่เช้าแล้วนะจ๊ะ แถมวันนี้มีคาบปฏิบัติช่วงเช้าด้วย ขืนไปช้าจะมีปัญหาเอา” นิสาตอบกลับ “นี่ชิตแล้วดรีมอะ ยังไม่กลับมาอีกหรอ”
“เมื่อคืนโทรมาแล้วเห็นว่าให้เจอที่อาคารเรียนเลย” ชิตตอบกลับ
ทันใดนั้นก็มีรถหรูสีดำมาจอดตรงหน้าพวกเขาจากนั้นก็มีคนเปิดประตูลงจากรถลงซึ่งเอม ชิตและนิสาก็เดาไม่ว่าว่าคนที่ลงมาจากรถหรูคือดรีมนั้นเอง
“ไงดรีม” ทั้งสามคนกล่าวทักทาย
“สวัสดีทุกคน มะรืนขอโทษทีนะโดนทางบ้านใหญ่เรียกตัวด่วน” ดรีมตอบรับและถอยหายใจ
มันเป็นเรื่องปรกติแล้วที่อยู่ๆว่าที่ผู้นำตระกูลเรนฟอร์ชมักจะถูกคุณปู่จากบ้านใหญ่ของตระกูลเรียกตัวเสมอ และดรีมเองก็มักจะเอาเรื่องหนักใจทางบ้านใหญ่มาระบายให้เพื่อนๆฟังเสมอซึ่งครั้งนี้ก็เช่นกัน
“โดนเรียกตัวด่วนคราวนี้มีอะไรอีกละ” เอมเริ่มถามก่อน(ความส.ต้องยกให้)
“เรื่องใหญ่ซะด้วยซิ” ดรีมแสดงท่าทีหงุดหงิด “เราถูกคุณปูจับคู่แล้วนะสิ”
“โหว..” ชิตอุทานขึ้นมา “แล้วมันไม่ดียัง? เผลอไปขัดใจปูรึไงเลยเรื่องยาว”
“ก็ไม่เชิงหรอ” ดรีมตอบกลับ “ไอเราก็ไม่กล้าขัดอยู่แล้ว แต่ดันมีคนขัดขึ้นมานะสิเรื่องเลยยาว”
“ใครหรอ ปรกติคำสั่งของปู่ดรีมถือเป็นเด็ดขาดไม่ใช่หรอ” นิสาถามขึ้น
“ก็พี่ริวนะสิ ที่เป็นรุ่นพี่สมัยม.ปลายของเธอไง” ดรีมตอบนิสา “ขัดแบบหลังชนฝาด้วยไม่ยอมท่าเดียวเลย แถมยังบอกว่าถ้าคิดเอาผู้หญิงคนนี้มาจับคู่กับเราได้เกิดเรื่องใหญ่แน่ จากนั้นก็ทะเลาะกับคุณปู่” ดรีมถอนหายใจ
“จะว่าไปผู้หญิงที่มาจับคู่กับนายเป็นใครหรอ?” นิสาถาม
“เห็นว่าเธอเป็นคนของคนตระกูลระดับสูงจากประเทศแบยุโรปนะ” ดรีมพูดจบก็เปิดภาพผู้หญิงให้ดู
“คนนี่!!” เอมถึงกับอุทานและหันคุยกับนิสา “น้องสาวของไวท์ไม่ใช้หรอ”
“เอ๊ะ!!” ดรีมตกใจจึงขอรูปน้องสาวไวท์จากนิสามาเปรียบเทียบ “ถึงว่าหน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหน”
“ดีนะ ไวท์ไม่ได้มาพร้อม ไม่งันเกิดเรื่องแน่” นิสาพูดขึ้นมา
“ยังไงหรอนิสา” ดรีมถามนิสา
“พวกนายคงไม่ลืมที่ไวท์หมั่นกับน้องสาวหรอนะ” นิสาพูดและทุกคนก็พยักหน้า “จะว่าไงดีถึงสองคนนั้นจะไม่มีทีท่าว่าจะได้กัน แต่ความเป็นพี่น้องของสองคนนั้นเหนียวแน่นมาก โดยเฉพาะไวท์ที่มีอาการซิสค่อนระยะสุดท้ายอยู่”
“ซิสค่อนระยะสุดท้าย?” ดรีม เอมและชิตต่างทำหน้างง
“ใช้ซิสค่อนระยะสุดท้าย ก็ประมาณว่าใครแตะน้องสาวตรู มรึงตาย” นิสาแสดงสีหน้าจริงจัง
“ขนาดนั้นเลย???” ดรีมถามกลับ
“ไม่เชื่อใช่ไหม” นิสายังคงทำหน้าจริงจัง “ดรีม นายมาจากตระกูลใหญ่คงจำข่าวนี้ได้ใช่ไหม เมื่อ 5-6 ปีก่อนมีตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งถอนตัวออกจากวงการกะทันหัน”
“อ่า...จำได้สิ” ดรีมตอบกลับ “เห็นว่าตอนนั้นคุณปู่ก็ยังอึ้งกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น แต่เพราะเป็นปัญหาภายในไม่ใช่หรอที่ทำให้ต้องถอนตัวออกไปนะ รู้สึกว่าคนในตระกูลทำสงครามภายในจนพวกผู้บริหารตระกูลนั้นเสียชีวิตกันเกือบหมดนิรวมถึงผู้นำตระกูลก็พบกลายเป็นศพในสภาพดูไม่ได้ด้วยนิ แล้วมันเกี่ยวอะไรด้วยละ”
“นายไม่รู้อะไรเลยสินะ” นิสาตอบกลับ “ก็สาเหตุที่แท้จริงนะดันไปจับคู่น้องสาวไวท์กับลูกชายผู้นำตระกูลนะสิ ซึ่งทางคุณพ่อคุณแม่ไวท์เองก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่ทางนั้นดื้อดึงและถึงกับลักพาตัวน้องสาวไวท์ไปเลยละ”
ดรีม เอมและชิตฟังที่นิสาเล่าอย่างใจจดใจจ่อ
“ตอนนั้นไวท์โกรธมาเลยละ ก็เลยบุกเดี่ยวไปถล่มตระกูลนั้นเลยซะยับจนเอาตัวน้องสาวกลับมา” นิสาเล่า
“จริงๆก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่สำหรับนิสากับไวท์แล้วมันก็อดเชื่อไม่ได้” ดรีมพูดออกมา
นิสาทำหน้ายิ้มออกมาทันใดนั้นเองก็มีผู้ชายรูปร่างสูงผมยาวมักผมเป็นหางม้าเดินมาดักหน้าทั้งสี่คน
“เธอขอคุยด้วยหน่อยสิ” ชายคนนั้นเรียกนิสาแยกไปคุย นิสาก็เดินไปคุยกับเขา
ทางอีกด้านดรีมก็บอกว่าคนที่มาทักนิสาคือพี่ริวที่ดรีมพูดถึงและก็เรียนอยู่ปี 4 ที่วิทยาลัยแห่งนี้ จนถึงตอนนี้ดรีมได้ตระหนักจริงจังแล้วว่าไม่ควรไปยุ่งกับน้องสาวของไวท์เด็ดขาดเพราะถึงขนาดพี่ริวที่เป็นหนึ่งในผู้บริหารตระกูลลงมาคุยด้วยตัวเองซึ่งถ้ามองผ่านๆอาจคิดได้แค่ว่าคงเป็นแค่การคุยระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้องธรรมดาแต่เมื่อดูจากสีหน้าจริงจังของพี่ริวที่ปรกติเป็นคนยิ้มแย้มทำให้รู้ได้ทันทีว่าเขามาในสถานะของผู้บริหารตระกูลแน่นอน
“ไปคุยกับพี่ริวเรื่องอะไรหรอ” เอมถามนิสา
“ก็เรื่องนั่นหละ” นิสาตอบ “พี่ริวเขามาขอโทษที่ครอบครัวเข้าทำเรื่องนั้นขึ้นนะสิเลยมาหาชั้นเพื่อให้ไม่เอาเรื่อง ช่างเถอะชั้งเองก็ตอบไปว่าให้ลืมๆไปซะคิดว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น พวกเราเองก็หยุดคุยเรื่องนี้ดีกว่าก่อนไวท์จะมาได้ยิน”
เอม ชิตและดรีมก็เห็นด้วย
“แต่ว่าไปหมู่นี้พวกปี 3 ปี 4 มาวิทยาลัยกันเยอะนะโดยเฉพาะการใช้สนามฝึกตารางนี่แน่นเลยจนผมต้องแปลกใจ” ชิตสงสัยและเปลี่ยนเรื่องคุย
“อ่าวชิตลืมไปแล้วหรอว่าเร็วๆนี้จะมีงานจัดอันดับพลังทั่วประเทศนะ วิทยาลัยเราเป็นเจ้าภาพด้วยนะ” เอมตอบชิต “นี่ละคือเหตุผลที่ชั้นไปใช้สนามฝึกที่ศูนย์วิจัยไง ช่วงนี้จองสนามฝึกไม่ได้เลย”
งานจัดอันดับพลังทั่วประเทศเป็นการจัดอันดับฝีมือการต่อสู้ของนักศึกษาสายพลังจากมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศมีทั้งประเภททีมและประเภทเดี่ยว ถือว่าเป็นงานใหญ่ประจำปีเลยก็ว่าได้ ทางวิทยาลัยที่พวกเอมอยู่ก็เปิดโอกาสให้ตั้งแต่ชั้นปีที่ 2 ขึ้นไปลงสมัครได้แต่สำหรับพวกปี 3 และ 4 แล้วนี่คือใบเบิกทางสำหรับงานในสายนี้เลยถ้าทำผลงานได้เข้าตาหน่วยงานต่างๆทั้งของรัฐและเอกชน
“นี่ๆ พวกเธอสนใจไหมเราน่าจะลงประเภททีมด้วยกัน” เอมเสนอความคิดขึ้นมา
“ก็น่าสนใจดีนะ พวกเราจะลงประเภทไหนดีทีมสามไหม” ดรีมเสนอต่อ
“แต่พวกเรามีสี่คนนะ”ชิตแทรกขึ้นมา“แบบนี้ก็มีใครคนหนึ่งที่ไม่ได้ลงสิมันดูไม่ค่อยโอเคนะ”
“ชั้นขอเป็นคนไม่ลงแล้วกัน” นิสาตอบชิต
“ทำไมละ” ชิตถามกลับ “นิสาเองก็อยากสู้อะไรประเภทนี้อยู่แล้วนิ”
“ก็ชั้น.....” นิสาทำท่าอ้ำอึ้ง“ชั้น...สมัครไปก่อนแล้วนะสิ แบบว่าไวท์เป็นคนชวนด้วยก็เลยตอบตกลงทันที”
ถึงตอนนี้ เอม ชิตและดรีมก็ทำหน้ามองบนแล้วถอนหายใจพร้อมกัน (แหม่......)
เวลา 15.30 น.
ทั้งสี่คนรีบมุ่งหน้าไปศูนย์วิจัยเพื่อใช้สนามฝึก แน่นอนทั้งสี่คนทำใจไว้แล้วว่าอาจโดนให้ทดสอบของอะไรแปลกและตามที่คาดไว้ศาสตราจารย์อรชุนและคณะได้เตรียมหุ่นทดสอบเอาไว้ให้พวกเข้าแล้ว ทั้งนี้ทั้งสี่คนก็เริ่มรู้สึกแปลกมาตั้งแต่พันตรีไวท์กลับศูนย์ไปก่อนแล้ว (ก็นะ...อุตส่าห์จะมีคนมาใช้งานสนามฝึกในศูนย์วิจัยทั้งที่ก็จัดบริการหน่อย)
เมื่อทั้งสี่คนมาถึงศูนย์วิจัยและพัฒนาอุปกรณ์เสริมพลังก็มุ่งหน้าไปที่สนามฝึกที่อยู่หลังหอพักทันที เนื่องจากสถานที่แห่งนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จัก(ถึงรู้จักแต่ก็ไม่กล้ามาใช้) ทำให้ไม่มีใครมาใช้เลยอีกทั้งสนามก็มีขนาดใหญ่มากและส่วนมากถ้าไม่เอามาเป็นห้องเรียนปฏิบัติที่นานๆจะมีครั้งก็ใช้เป็นสถานที่ทดสอบสิ่งประดิษฐ์แปลกๆที่พวกศาสตราจารย์และคณะสร้างขึ้นมา ทั้งนี้ยังไม่พอยังมีสนามทดสอบอีกหลายแห่งในเขตศูนย์วิจัยแห่งนี้
“นั่นมันตัวอะไรครับ” ดรีมถามพี่ศรเมื่อเหลือบไปเห็นหุ่นยนต์รูปร่างคล้ายคนยืนอยู่กลางสนามสองตัว
“นี่คือหุ่น GD-00s เป็นรุ่นที่เราพัฒนาอยู่ตอนนี้” พี่ศรตอบกลับไป “เป็นหุ่นที่มีระบบควบคุมระยะไกลสามารถควบคุมได้ด้วยมืออักทั้งยังมีระบบเอไอสำหรับใช้งานแบบอัตโนมัติ ตัวหุ่นมีขนาดและรูปร่างเหมือนคนทำให้มีความคล่องตัวสูง ทั้งยังสร้างด้วยวัสดุเวทย์มนต์ทำให้มีความทนทานสูง ขอคุยไว้เลยหุ่นตัวนี้ไม่พังง่ายๆเหมือนหุ่นรักษาการกระจอกๆที่อยู่ข้างนอกหรอกนะ”
“ดูท่าหุ่นตัวนี้จะมีอะไรหลายๆอย่างด้วยละ” ชิตพูดขึ้นมา
“จะว่าไป ถ้าหุ่นพวกนี้จะถูกพังไปมันไม่เป็นไรหรอคะ” เอมถามพี่ศร
“ไม่ต้องห่วงหรอกมีในสต็อกเป็นพันตัว” พี่ศรตอบ ศาสตราจารย์อรชุนกับคุณซิลเวอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้ารับ
หลังจากนั้น พวกศาสตราจารย์อรชุนกับคณะจะขึ้นไปบังคับหุ่นโดยห้องบังคับจะอยู่ที่ชั้นสองของสนามฝึกส่วนในสนามก็จะมี เอม ชิตและดรีมมาฝึกการใช้พลังโดยใช้หุ่นยนต์มาเป็นคู่ซ้อมและให้นิสากับไวท์มาดูแลความปลอดภัยและมาเป็นโค้ชให้
“วันนี้เราจะมาเริ่มด้วยพลังที่พวกนายมีแล้วกัน” ไวท์พูด “รู้สึกว่าพวกนายก็ฝึกการทำงานเป็นทีมในคาบเรียนมาแล้วด้วย งั้นก็มาเริ่มกันเลย” นิสาส่งสัญญาณให้ศาสตราจารย์เริ่มเดินเครื่องหุ่น
ทีมสามคนของเอม ชิต ดรีมจะทำงานเป็นระบบดังนี้ให้ชิตเป็นโจมตีระยะประชิต เอมเป็นฝ่ายสนับสนุนและให้ดรีมเป็นฝ่ายโจมตีระยะไกลซึ่งระบบนี้เขาทั้งสามคนใช้ในคาบเรียนประจำ
เริ่มจากเอมจะให้นกสายฟ้าโจมตีด้วยสายฟ้าเป็นวงกว้างเพื่อให้ศัตรูเกิดการสับสนแล้วให้ชิตกับดรีมโจมตีพร้อมกันแบบไม่ได้ทันตั้งตัว แต่ผลที่เกิดตรงหน้าคือหุ่นตัวแรกที่มีลายสีฟ้าสามารถรับดาบของชิตได้และหุ่นตัวที่สองที่มีลายสีแดงก็สามารถหลบการโจมตีของดรีมได้
จากนั้นหุ่นที่มาลายสีแดงพุ่งเข้าไปโจมตีใส่เอมโดยชักดาบที่อยู่ข้างเอวมาฟัน เอมจึงต้องเรียกกิ้งก่ามาเกาะที่แขนแล้วใช้หางที่เป็นมีดสั้นรับการโจมตี ดรีมที่รอจังหวะก็ใช้มือมาแตะตัวของหุ่นสีแดงขณะที่กำลังปะทะกับเอม “ผนึก” สิ้นเสียงคำที่ดรีมกล่าวก็มีโซ่สีขาวมามันตัวของหุ่นสีแดงเอาไว้แล้วใช้ปืนยิงรัวซ้ำเข้าไปจนควันฟุ้ง เมื่อควันจางลงเอมและดรีมก็เห็นวงแหวนเวทย์ที่น่าจะเป็นเวทย์ป้องกัน(shield guard) ทำให้เอมกับดรีมต้องตกใจที่หุ่นจะใช้เวทย์ได้
ตัดมาทางชิตที่ปะดาบกับหุ่นสีฟ้าผลัดกันรุกผลัดกันรับ ชิตเห็นว่ามีคลื่นออกมาจากตัวหุ่นและออกมามากขึ้นเรื่อยๆรวมถึงที่บริเวณเท้าของหุ่นก็เกิดวงแหวนเวทย์เกิดขึ้นเป็นแสงสีขาวออกมา “Holy charge” สิ้นเสียงคำประกาศเวทย์ก็เกิดแรกผลักจากหุ่นสีฟ้าทำให้ชิตต้องถอยออกมารวมกับเอมและชิต
“เอาจริงดิ นี่มันหุ่นประเภทไหนนะ” ดรีมพูดขึ้นมา
“นี่พวกนายเปลี่ยนรูปแบบไหม” เอมทักดรีมกับชิต
“น่าลองดูนะ” ชิตตอบส่วนดรีมก็พยักหน้ารับ
รูปแบบใหม่ที่ว่าคือให้เอมเป็นฝ่ายโจมตีระยะใกล้ให้ดรีมเป็นฝ่ายสนับสนุนและให้ชิตคุ้มกันการโจมตีจากด้านหลังจากนั้นเอมให้กิ้งก่ากับนกสายฟ้ากลับไปก่อนจะเรียกสิงโตน้ำแข็งกับกระทิงไฟออกมาแทน
“โห...มีอะไรน่าสนใจให้ดูแล้วสิ ว่าไหม” นิสาที่ยืนมองอยู่ไกลๆพูดออกมา
“ชักจะเร่าร้อนแล้วสิ” ไวท์ที่ยืนอยู่ข้างนิสาพูด
ผ่านไป 15 นาที
หุ่นยนต์อันน่าภาคภูมิใจของศาสตราจารย์อรชุนและคณะก็กลายเป็นซากทำศาสตราจารย์ที่ควบคุมอยู่ข้างบนถึงกับหัวเสียแต่ก็เป็นข้อมูลที่ดีในการพัฒนาหุ่นพวกนี้ต่อไป
เสียงปรบมือดังมาจากด้านหนึ่งของสนามฝึกจนทำให้เอม ชิตและดรีมที่พึ่งล้มหุ่นได้ต้องหันไปมอง นั้นคือเสียงปรบมือของนิสากับไวท์นั่นเอง
“เล่นซะเครื่องร้อนเลยนะพวกนาย ตอนแรกก็ว่าจะไม่ยุ่งด้วยอยู่แล้วแต่จากที่พวกนายทำมันก็คันไม้คันมือทันทีเลย” ไวท์พูดขึ้นพร้อมเดินเข้ามาหาเอม ชิตและดรีม
“หายากนะคนที่ล้มหุ่นพวกนี้ได้ งั้นขอขยับระดับการฝึกของพวกเธอขึ้นมาหน่อยก็แล้วกัน” นิสาพูดออกมาภายใต้รอยยิ้มอันแสนน่ารักของเธอ
เอม ชิตและดรีมก็เริ่มรับรู้ได้ว่าจะต้องเจอของหนักแน่ เอมก็นึกถึงในคืนที่มาเห็นไวท์กับนิสาสู้กันได้ว่าทั้งสองมีพลังมากแค่ไหนเลยเตือนชิตกับดรีมให้ระวังตัวไว้
“ชิต ดรีม คู่เลิฟซีนกำลังมาแล้วเตรียมการป้องกันไว้ด้วย” เอมทักชิตกับดรีม “ชิตตรวจสอบทีว่าคู่นั้นมีพลังขนาดไหน” เอมสั่งการ
“ไม่มี” ชิตตอบกลับไปทำให้ดรีมกับเอมถึงกับสงสัยและให้ชิตอธิบาย “ก็ไม่มีไง...ไม่มีอะไรออกมาจากคู่นี้เลย ตรวจสอบอะไรไม่ได้ ”
“เห้ยๆ…ชิต อย่าอำกันนะโว้ย” ดรีมพูดกับชิตจากนั้นดรีมก็หยิบอุปกรณ์อย่างหนึ่งออกมารูปร่างคล้ายแวนตา “หึๆๆ ชิต เราว่าตานายอาจเริ่มล้าจนมองอะไรผิดๆถูกๆแล้วละ เรามีนี่นวัตกรรมของตระกูลเราเองแว่นตาสำหรับตรวจสอบพลัง”
ชิตกับเอมถึงกับร้อง ”ว้าว!!” และให้ดรีมทดสอบให้ดูโดยให้วัดพลังของชิตกับเอมก่อน
“พลังของชิตหืม...ใช้ได้เลยจัดว่ามีพลังสูงโดยเฉพาะดาบของนายมีพลังมากกว่าที่คิดนะ ส่วนเอมก็...พลังเวทย์ค่อนข้างใช้ได้สมกับเป็นผู้ใช้สัตว์อัญเชิญ ต่อไปก็นิสากับไวท์ละ” ดรีมหันไปทางนิสากับไวท์ที่กำลังเดินมาและทำท่าตกใจ “บ้าน่า...ทำไมมันไม่ขึ้นอะไรเลย ตรวจวัดไม่ได้เลย” ดรีมเริ่มไม่มั่นใจในอุปกรณ์จนต้องหันมาทางเอมกับชิตแต่ก็วัดพลังได้ปรกติ
“ชิต เพื่อนเอ้ยเมื่อกี้เราขอโทษเรื่องว่าตาของนายนะ” ดรีมหันไปคุยกับชิต “ดูท่านายจะพูดจริง”
“เลิกพูดได้แล้วพวกนาย” เอมทักแทรกขึ้นมา “เตรียมการตั้งรับ!!!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ