Heart Project : ปริศนาความทรงจำ

10.0

เขียนโดย PnPn

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.

  17 ตอน
  0 วิจารณ์
  18.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 7

          เวลาเช้าของวันอาทิตย์

เสียงโวยวายดังขึ้นที่ข้างบ้านของนิสาทำให้เอมที่หลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมาจนหัวโขกกับเตียงชั้นบน เธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ใต้เตียงชั้นบนเหมือนเขียนด้วยดินสอ “Bell <3 W…” ซึ่งส่วนหลังถูกสติ๊กเกอร์แปะทับไว้ แต่เมื่อเธอกำลังจะลอกสติ๊กเกอร์ออก เสียงของคนกำลังโต้เถียงกันไม่หยุดดังมาจากบ้านของไวท์อีกครั้ง ทำให้เอมต้องลุกออกจากที่นอนไปที่ระเบียงเพื่อมองหาต้นเสียงนั้น

“นี่เธอมานอนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“อ้าว...เธอเองหรอ มาปลุกทำไมนี่เพิ่งจะเจ็ดโมงเอง”

“พี่จ๋า ทำอะไรบ้างสิปล่อยให้ยัยเฉิ่มนี่มานอนตรงนี้ได้ไง หรือว่า...มีอะไรกันแล้ว”

“เปล่าน้า...เราไม่ได้มีอะไรกันสักหน่อยนะน้องจ๋า”

“นี่...นายก็บอกๆไปสิว่าเรานะ ก็ๆๆๆกันอยู่”

“อ๊า!!!!!!!!!” เสียงกรี๊ดดังขึ้น “นี่หนูไม่อยู่แค่นี่ พี่จ๋าไปเลือกคบคนแบบยัยแว่นนี่ ทั้งพี่จ๋ามีหนูอยู่ทั้งคนแล้ว”

“แล้วใครล่ะที่ทิ้งพี่จ๋าของเธอไปเมื่อตอนนั้น เมื่อวานก็อุตสาห์ยกทั้งวันให้เธอแล้วด้วย”

“ไม่รู้ไม่ชี้ ยังไงพี่จ๋าก็เป็นของหนู”

“ใจเย็นๆก่อนทั้งสองคน เกลอย่าแกล้งน้องจ๋าสิ แล้วน้องจ๋าจะไปแล้วหรอ”

“ค่ะ หนูจะไปแล้วที่มาหาก็แค่คิดถึงพี่จ๋าเท่านั้นล่ะ”

“ให้พี่ไปส่งที่ท่ายานไหม”

“ไม่เป็นไรค่ะ...เดี๋ยวท่ายานจะระเบิดซะก่อน”

“ท่ายานจะระเบิด?? หมายความว่าไงอะ...นี่มีอะไรปิดบังพี่ชายคนนี้อยู่งั้นหรอ”

          เสียงจากห้องบนชั้นสองของบ้านไวท์ก็เงียบลง แล้วก็ดังขึ้นอีกตรงหน้าบ้าน เอมจึงวิ่งออกมาหน้าบ้านเพราะเธอคิดว่านิสาคงไปโผล่ที่ห้องของไวท์และก่อเรื่องวุ่นอีกแน่นอน

“นี่เรื่องของหนูไม่เกี่ยวกับพี่จ๋า หนูไปก่อนนะ”

“บายนะเธอ...ยังไงก็ฝากพี่จ๋าของเธอไว้ที่ชั้นนี่ล่ะรับรองไม่มีคนอื่นแน่นอน”

“ใครจะไปฝากพี่จ๋ากับคนอย่างเธอ คราวหน้าชั้นจะพาเบลมาถล่มเธอด้วย ไปละ!!”

          หญิงสาวในชุดคลุมมิดชิดขึ้นรถและออกไปทันที

          เอมที่ยืนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดถึงกับทำคิ้วขมวดเลยเดินไปหาเอมกับไวท์ทันที

“นิสาไหนว่าจะไม่ไปโผล่ที่ห้องของไวท์ไง” เอมพูดขึ้น “แล้วเธอใส่ชุดนี้นอนหรอ”เอมตะโกนออกมา

“ตื่นแล้วหรอเอม” นิสาในชุดนอนที่...สวมเสื้อสีขาวค่อนข้างบางเข้ารูปกับสวมกางเกงบางขาสั้นจนถึงต้นขา

“ตอบคำถามของชั้นมาก่อนนิสา..ไหนว่าจะไม่ไปโผล่ที่ห้องของไวท์ไง” เอมย้ำ

“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากแกล้งน้องจ๋าของไวท์นี่แหละ” นิสาตอบกลับมาพร้อมแสดงรอยยิ้มออกมา

“จะว่าไปไวท์ น้องของไวท์มานี่หรอ” เอมหันไปถามไวท์ที่ยืนอยู่ข้างๆนิสา “ทำไมถึงไม่บอกกันบ้างละ นี่มิราเคิล เกิร์ล เลยนะอีกตำนานของเขตนี้เลย!!!” เอมทำหน้าเซ็งๆ

“โทษทีๆ ก็กะจะแนะนำอยู่แล้วไม่คิดว่าน้องเราจะมาไวไปไวขนาดนี้ ไว้คราวหน้าแล้วกัน” ไวท์ตอบกลับมา

“จะยังไงก็เถอะเอมเข้าบ้านไปอาบน้ำกันก่อนดีกว่า แต่งตัวแบบนี้ชั้นรู้สึกอายนิดๆ” นิสาดึงมือของเอมแล้วพาเข้าบ้านนิสาทันที (แล้วทีเมื่อกี้ไม่อายเลยเน๊าะ!)

           ในบ้านของนิสา

“เอมเมื่อวานเป็นไงบ้างเจอตำนานตัวเป็นๆเลยละสิ” นิสาชวนเอมคุย

“ใช่ๆ กะว่าจะคุยเรื่องนี้พอดี เมื่อวานเจอ Mask girl มาด้วย” เอมทำตาลุกวาว “ส่องประกาย สง่างาม แต่แข็งแกร่ง สุดยอดมาก!!! แบบว่าสวยมากในชุดสีขาวบริสุทธิ์” 

“สีขาวหรอ” นิสาแทรกขึ้นมา “เห้ยๆเจอแรร์ไอเทมเข้าให้แล้วไง”

“แรร์ไอเทม??” เอมสงสัย

“รู้ไหมว่ากันว่าใครเห็น Mask girl ในชุดสีขาวแสดงว่าเนื้อคู่อยู่ใกล้ๆแล้ว” นิสาตอบกลับไป“ขนาดชั้นอยู่ที่เขตนี้ยังไม่เคยเห็นเลยนะ”

          เอมถึงกับทำตาลุกวาวอีกครั้ง

“เอ้อ...แล้วเห็นว่าเจอคนท่าทางแปลกๆด้วยนิเป็นยังไงหรอ”

“พวกองค์กรอาร์มเมอร์นะ พวกมันกลับมาแล้ว” เอมชักสีหนาตกลงทันที“พวกมันน่าจะหายไปหมดแล้ว”

“ทำไงได้บางทีการกวาดล้างพวกมันตอนนั้นอาจยังมีบางคนในองค์ที่รอดไปได้” นิสาเข้ามาโอบตัวเอมเอาไว้

“ถ้าเจอพวกมันอีกละก็คราวนี้ไม่ปล่อยไว้แน่” เอมทำหน้าโกรธอยู่อย่างเห็นได้ชัดและตัวเธอเริ่มสั่น

“เอม...อย่าลืมสิข้างบ้านชั้นมียอดฝีมืออย่างพันตรีไวท์อยู่ทั้งคน” นิสาปลอบเอม “งั้นนิสา เธอมานอนหอเกียวกับพวกเราไหมละจะได้ไม่เหงา มีชั้นและไวท์ ทั้งชิตกับดรีมก็ยังอยู่ไม่ไกลด้วย”

“เอาสิ ถ้าชั้นยังอยู่คนเดียวคงคลั่งแน่” เอมตัดสินใจ “แค่รู้ว่าพวกมันต้องชดใช้...”

          หลังจากเอมกับนิสาอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเลยไปที่บ้านของไวท์ที่อยู่ข้างบ้านเพื่อไปทานข้าวเช้าที่พ่อแม่ของไวท์ทำ

          สองสาวเดินเข้าไปในบ้านหลังสีขาวหลังคาสีส้มที่ดูธรรมดาจนอดแปลกใจไม่ได้ว่าที่แบบนี้จะเป็นสถานที่หลบภัยที่แข็งแกร่งที่สุดถึงขนาดระเบิดเฟร์ย่าจะทำอะไรไม่ได้ หรือบางทีเป็นแค่ความโม้ของไวท์ที่ชอบโม้อะไรไว้เยอะมากแต่ทุกเรื่องมันดันเป็นเรื่องจริงนี่สิ(อ้าวว!!)

          สองสาวนั่งที่โต๊ะอาหารทันทีที่มีไวท์และพอแม่ของเขานั่งรออยู่แล้วจากนั้นแม่ของไวท์ก็ตักข้าวใส่จานของสาวทั้งสองกับอาหารบนโต๊ะที่มากมายตามด้วยกลิ่นที่โชยมาชวนกระตุ้นความอยากอาหารทันทีพอข้าวอยู่ตรงหน้าทั้งหมดก็เริ่มรับประทานทันที เพียงแค่ไม่กี่อึกใจอาหารบนโต๊ะก็อันตรธานหายไปราวกับเสกเวทย์เคลื่อนย้ายพริบตา

“เจริญอาหารกันจังเลยน้าพวกลูกๆนี่” แม่ของไวท์กล่าวขึ้นหลังจากอาหารหมด

“มื้อนี้อร่อยมาเลยค่ะ” เอมกล่าวชม

“หนูเอมสนใจจะดูดวงไหมจ๊ะ” แม่ของไวท์ถาม

“ดูดวงกับรู้อนาคตมันไม่เหมือนกันนะ” ไวท์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะพุดแทรกออกมา

“รู้อนาคต??” เอมเข้าไปกระซิบข้างหูของนิสา “แม่นขนาดนั้นเลยหรอ เทียบกับชิตได้ไหม”

“เหนือกว่าชิตหลายขุมเลย แล้วยิ่งถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ดูให้พร้อมกันละก็เห็นอนาคตได้เลย ทั้งสองคนมีโพเทนซีลางสังหรณ์นะเลยทำให้สนับสนุนกันได้อย่างลงตัว” นิสาตอบกลับทำให้เอมถึงกับทึ่งในความสามารถ

“คุณน้าคะ รบกวนด้วยค่ะ” เอมหันไปทางคุณพ่อกับคุณแม่ของไวท์และแสดงสีหน้าจริงจังทันที

 “ได้เลยจะ” คุณพ่อของไวท์ตอบรับและแสดงท่าทางเป็นกันเอง

“งั้นจานบนโต๊ะก็ของฝากลูกชายจ๋ากับหนูเกลด้วยนะ” คุณแม่ของไวท์พูด

          ไวท์กับนิสาจึงเก็บจานบนโต๊ะไปล้างในห้องครัว ส่วนเอมกับพ่อแม่ของไวท์ก็มานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น

          พ่อแม่ของไวท์กางม่านพลังรอบๆพวกเอมจากนั้นร่างกายของเอมเริ่มเรืองแสงออกมาเพียงไม่นานแสงก็ค่อยๆจางลงพร้อมกับม่านพลังที่ค่อยๆหายไป พ่อแม่ของไวท์จึงหันมาคุยกับเอม

“มันจะเป็นเส้นทางที่หนูต้องเลือกเองไม่ว่าหนูจะเลือกทางไหนทุกอย่างก็จะนำพาไปสู่ทางของมันและหนูต้องแบกรับชะตากรรมบางอย่างเอาไว้” คุณพ่อของไวท์เริ่มพูดก่อน

“หนูจะต้องไว้ใจเพื่อนๆของหนูให้มากๆเข้าไว้ เพื่อนๆของหนูจะไม่มีวันทิ้งหนูแน่นนอนจะ ก็ประมาณนี้ล่ะนะ” คุณแม่ของไวท์พูดต่อ

“คือ...แล้วเรื่องความรักล่ะคะ” เอมทำท่าทางเขินอาย

“แหม่ๆ ก็วัยรุ่นนี่นา” คุณแม่ของไวท์พูดขึ้น

“เนื้อคู่ของหนูอยู่แค่เอื้อมเลยละเพียงแต่หนูและเนื้อคู่ของหนูต้องจะรู้ตัวไหมนั่นละ แต่ไม่ต้องห่วงนะทางของหนูมีคนชี้ทางให้เสมอ แต่ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายด้วยนะ” คุณพ่อของไวท์พูดขึ้น

“ยังไงซะเนื้อคู่ของหนูต้องแบกรับชะตากรรมร่วมกับหนูด้วย” คุณแม่ของไวท์พูดเสริม

“ขอบคุณมากนะคะ” เอมพูดขอบคุณ

“นี่พ่อจ๋าลูกชายกับหนูเกลหายไปนานแล้วนะ แค่เอาจานใส่เครื่องล้างจานเองนะ” คุณแม่ของไวท์ถามคุณพ่อ

“สงสัยคงจะหยิบขนม เค้ก ไม่ก็เตรียมน้ำชาอยู่ล่ะมั้ง” คุณพ่อของไวท์ตอบ

“หนูเอมช่วยเข้าไปดูสองคนนั้นในครัวได้ไหมลูก” คุณแม่ของไวท์วานให้เอมไปในครัว

“ได้ค่ะ” เอมจึงลุกขึ้นและเข้าไปในครัว เนื่องจากภายในบ้านของเอมกับไวท์เหมือนกันทำให้ไม่หลงทาง

          เมื่อเอมเดินเข้าไปในห้องครัวภาพที่เอมเห็นก็คือนิสากำลังกอดอยู่กับไวท์แถมหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กันมากจนทำให้คิดไปว่าถ้าเอมเข้ามาช้าอีกนิดคงจูบกันไปแล้วทั้งนี้ภาพที่เอมเห็นนั้นเอมเองก็คาดเดาไว้ก่อนแล้วว่าจะต้องเห็นฉากเลิฟซีนของนิสากับไวท์(คงเริ่มจะชินแล้ว) ยังไม่พอนิสากับไวท์ก็ยังคงกอดกันหน้าแทบจะชิดกันค้างไว้พอสมควรจนเอมที่ยืนมองอยู่นานทักไป

“นี่!! จะอยู่ท่านี้อีกนานไหม” เอมทักขึ้นหลังจากทนดูอยู่นาน

“เอมหรอ...ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นนะพอดีจะหยิบจานที่อยู่บนชั้นแล้วก็มันจะล้ม ไวท์ก็เลยมาพยุงไว้นะ” นิสารีบแก้ตัวไปด้วยสีหน้าอายนิดๆ

“ใช่ๆ ตู้เก็บจานมันอยู่สูง” ไวท์แก้ตัวเสริมพลางชี้ไปทางตู้เก็บจาน

          เอมเองก็ทำหน้ามองบนไป แต่ก็นะตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้เห็นฉากเลิฟซีนของนิสากับไวท์แล้วมันเหมือนขาดอะไรในแต่ละวันไปนี่สิ(ไหงคิดแบบนี่เนี่ยน)หลังจากนั้นทั้งสามก็ช่วยกันยกน้ำชากับเค้กไปกินที่ห้องนั่งเล่นเป็นของหวานและพูดคุยกับพ่อแม่ของไวท์

          10 โมงเช้า วันอาทิตย์

          เอม นิสาและไวท์เดินทางจากบ้านของไวท์ไปที่หอพัก นิสาได้บอกกับไวท์ถึงเรื่องจะให้เอมมาอยู่ที่หอเดียวกันซึ่งไวท์เองก็ไม่ขัดข้องอะไร ด้านเอมเองก็จะไปจัดการเรื่องย้ายหอให้เสร็จภายในวันนี้ทั้งนี้เหตุผลหลักที่เอมย้ายมาอยู่หอในศูนย์วิจัยกับนิสาและไวท์คือเรื่องการใช้พื้นที่ในการฝึกซ้อมการต่อสู้หรือพลังวิเศษต่างๆเนื่องจากที่สถานที่สำหรับการฝึกซ้อมในศูนย์วิจัยของศาสตราจารย์อรชุนนี้สามารถใช้ได้แบบไม่ต้องทำเรื่องใช้สถานที่

          ทั้งสามไปขึ้นรถไฟใต้ดินโดยเอมจะลงก่อนและไปทำเรื่องย้ายหอแล้วค่อยตามไปที่ศูนย์วิจัยที่หลัง ส่วนนิสากับไวท์ไปทำเรื่องย้ายเข้าและจัดห้องให้เอมที่จะย้ายมา

          เมื่อเอมมาถึงที่หอพักจึงไปที่สำนักงานดูแลหอเพื่อทำเรื่องออกจาหอ แล้วขึ้นไปเก็บข้าวของในห้องพักของตนสำหรับขาช็อปอย่างเอมแล้วนั้นข้าวของไม่ใช่น้อยๆเลยทั้งเสื้อผ้ารองเท้าของตกแต่งหลายๆอย่างทำให้ต้องใช้บริการขนย้ายสำหรับของชิ้นใหญ่ส่วนเสื้อผ้าเอมตัดสินใจจะแบกไปเองเนื่องจากถ้าใช้บริการขนย้ายของคงจะไปถึงพรุ่งนี้ ถึงอย่างนั้นเสื้อผ้าก็ยัดลงกระเป๋าถึงสามใบใหญ่ทำให้เวลาลงไปชั้นล่างค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร

          เมื่อเอมมาถึงชั้นล่างก็เห็นว่าชิตนั้นมายืนรออยู่

“ชิตมาทำอะไรที่นี่หรอ” เอมทักชิต

“นิสากับไวท์วานให้มาช่วยเอมขนของนะ ตอนแรกจะพาดรีมมาด้วยแต่ยังติดต่อไม่ได้เลย คงวุ้นวายกับทางบ้านใหญ่อยู่แน่นอน” ชิตตอบกลับ “อ้ออีกอย่างผมขับรถของศูนย์วิจัยมาด้วยนะ จะได้ขนไปทีเดียวให้หมดเลย”

          จากนั้นเอมกับชิตจึงไปขนของทั้งหมดมาขึ้นรถ และทั้งสองก็นั่งรถไปศูนย์วิจัย โดยตลอดทางเอมก็นั่งมองหน้าชิตตลอดทางจนชิตหน้าแดง

“มีอะไรติดหน้าหรอ จ้องหน้าผมตลอดทางเลย” ชิตถามเอมพร้อมแก้มของชิตที่เริ่มแดงขึ้น

“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากรู้อะไรบางอย่างเท่านั้นละ” เอมตอบ

“อะไรหรอ” ชิตถามต่อ

“ไม่มีอะไรหรอกช่างมันเถอะ” เอมหันหน้าหนี

“อืม” ชิตชวนคุย “นี่เอาจริงหรอไปอยู่ที่หอแบบนั้นนะ ไม่กลัวบ้างหรอ”

“ยังไงดีล่ะ จะกลัวก็ว่ากลัวแต่ถ้าไม่ใช่ที่นั่นก็ไมมีที่ฝึกเพิ่มด้วยสิ” เอมตอบกลับ

“แบบนี้เองสินะ” ชิตพูด

“นี่ชิต เรื่องเมื่อวานขอบใจนะ พอได้รับรู้ถึงพวกนั้นมันก็ขาดสติไป เลยคิดได้ว่ายังไงก็ต้องฝึกเพิ่ม” เอมตอบไปพร้อมทำท่าทางเศร้าเพราะรู้ว่าตนเองเป็นเหตุให้สถานการณ์ตอนเผชิญหน้าหญิงปริศนาที่โกดังร้างเข้าขันวิกฤต

“ไม่เป็นไรหน่ายังไงเราก็รอดมาด้วยกันแล้ว” ชิตพูดปลอบพร้อมเอามือไปลูบหัวของเอม

หลังจากหญิงสาวผมยาวที่ได้ยินและรู้สึกถึงมืออุ่นๆของชายหนุ่มที่กำลังขับรถก็แสดงรอยยิ้มออกมาพร้อมแก้มที่เป็นสีชมพูขึ้น

“นี่นาย...ในรถคันนี้มันร้อนจังว่าไหม”

“ผมว่าไม่นะ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา