Heart Project : ปริศนาความทรงจำ
10.0
เขียนโดย PnPn
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.
17 ตอน
0 วิจารณ์
18.04K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากทั้ง 8 คนรับประทานอาหารเย็นเสร็จศาสตราจารย์อรชุนจึงเรียกทุกคนมาประชุมเร่งด่วนกันในเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเย็นทั้ง 8 คนเดินไปที่ห้องประชุมที่อยู่ชั้น 2 ของอาคารสำนักงานนี้ เป็นห้องสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่มีที่นั่ง 12 ที่นั่ง จากนั้นศาสตราจารย์อรชุนเดินไปที่หัวโต๊ะ
“จากวันนี้พวกโครวที่พวกเธอได้ต่อสู้มา ผลการตรวจสอบออกมาแล้วพบว่าพวกนี้ถูกดัดแปลงมาอีกที” ศาสตราจารย์อรชุนเริ่มพูดขึ้นมาก่อน
“ทำให้ระดับของพวกโครวเจอสามารถเพิ่มขึ้นได้เอง อันที่จริงโครวสองตัวนั้นในครั้งแรกที่ตรวจพบเป็นระดับซีเลยด้วยซ้ำ” คุณซิลเวอร์พูดเสริมขึ้นมา
“เรามีไฟล์วีดิโอที่ส่วนกลางบันทึกไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้ดู” ศาสตราจารย์อรชุนเปิดไฟล์วีดิโอให้ดู
สิ่งที่เห็นจากวีดิโอคือโครวสองตัวกำลังอาละวาดที่เขต 2 โครวที่เห็นนั้นสามารถใช้กายยาเกราะได้กันหมด ทำให้จากที่หุ่นรักษาการณ์สามารถรับมือได้เป็นไม่สามารถต่อต้านโครวพวกนั้นได้เลย จากนั้นศาสตรจารย์ก็เร่งเวลาวีดิโอไปอีกประมาณ 15 นาที ภาพที่ปรากฏขึ้นมาคือโครวสองนั้นมีปีกสีดำงอกออกมาจากด้านหลังออกมา
“ปีกทมิฬ” ชิตเผลออุทานขึ้นมา
“ใช่แล้วนี่คือปีกทมิฬ ระดับก็เพิ่มไปเป็นเอส นอกจากนี้ยังมีอีกนะ” ศาสตราจารย์อรชุนเร่งเวลาไปอีก 10 นาที
ร่างกายของโครวที่ปกคลุมด้วยขนสีดำได้กลายเป็นสีแดง และได้ปล่อยรังสีความร้อนออกมาทำให้บริเวณรอบๆมีไฟลุกขึ้นมา
“ไม่จริงใช่ไหม...เบรฟเบิร์น” เอมพูดขึ้นมา “เป็นการนำชีพจรมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังอันมหาศาลทำให้ร่างการเปลี่ยนเป็นสีแดงมีความร้อนสูงแต่สิ่งที่ต้องแลกคือชีวิต เพราะหลังจากใช้ไปแล้วร่างการจะถูกเผาไปทีละนิดจนกลายเป็นธุลี” เอมแสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“ระดับที่เห็นคือแอลฟา” ศาสตราจารย์อรชุนพูดพร้อมหยุดวีดิโอ
“ผมได้ไประงับเหตุที่เกิด รับมือยากมาก” ไวท์พูดขึ้นมา “บอกตรงๆ โครวพวกนั้นทรมานมาก เนื่องจากกายยาเกราะทำให้ร่างกายถูกทำลายช้าลงและสามารถคงรูปร่างกายไว้”
“เดี๋ยวสิ เมื่อตอนเย็นนั่นละ ถ้าเกิดพวกมันยกระดับได้ถึงแอลฟา มันจะไม่แย่เอาหรอ” ดรีมแทรกขึ้นมา
“ตอนนั้นผมและไวท์ได้เตรีนมพร้อมไว้แล้วละ ปีกงอกเมื่อไหร่เราจะไปทันที” คุณซิลเวอร์ตอบกลับมา
“จะว่านี่ไวท์ นายบอกว่าไปรับมือระดับแอลฟาสองตัวคนเดียวมันหมายความว่าไง” ชิตตั้งคำถามขึ้น
“นี่คุณชิต จะให้บอกกี่รอบว่ายศพันตรีมันไม่ได้มากันเล่นๆน่ะครับ” ไวท์ตอบกลับทันควัน
“เอาน่าๆ อย่ามาทะเลาะกันตรงนี้เลย” พี่ศรที่นั้งอยู่ใกล้สองคนนั้นลุกขึ้นห้ามปรามเอาไว้ “จะว่าไป อุปกรณ์ที่ใช้กันวันนี้ดูท่าจะทำงานได้ดีเกินคาดเลยนะ” พี่ศรเริ่มเข้าประเด็นใหม่
“นั่นสินะ มันทั้งพกพาง่าย ใช้สะดวก มันดูไม่เหมือนของที่มาจากศูนย์แห่งนี้เลย” นิสาพูดขึ้นมา
“จริงๆแล้ว ถ้าใช้ร่วมกับเข็มขัดอันนี้จะดึงพลังออกมาได้มากว่านี้ แต่รู้สึกคนแถวนี้จะไปทำลายทิ้งไปซะก่อนนะ” พี่ศรพูดขึ้นมาพลางชำเลืองไปที่ไวท์ที่ทำทีหันหน้าไปทางอื่น และหยิบภาพเข็มขัดที่ใช้ร่วมกับแหวน
ภาพที่เห็นเป็นเข็มขัดที่ตรงกลางมีลักษณะรูปฝ่ามือขนากเท่ามือคนซึ่งตรงนี้เป็นที่แสกนแหวนก่อนจะแสดงพลังของแหวนออกมา ทั้ง นิสา เอม ชิต ดรีม เห็นภาพเข็มขัดต่างก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และคิดในใจพร้อมกันว่า “กราบขอบพระคุณ พันตรีไวท์”
เมื่อเสร็จจาการประชุมก็เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว
ชิตกับดรีมก็ขอตัวกลับไปหอพักก่อนเนื่องจากหอพักของทั้งสองอยู่แถวนั้น ส่วนเอมก็ถูกนิสาขอให้พักอยู่ที่ศูนย์วิจัยเพราะหอพักของเอมอยู่ไกลเลยทำให้นิสาเป็นห่วงการเดินทางของเอมดังนั้น เอม นิสา ไวท์จึงมีหน้าที่ล้างจานของมื้อเย็นในวันนี้
ที่ห้องครัวของศูนย์วิจัยเอม นิสา ไวท์กำลังช่วยกันล้างจานที่กองอยู่ในอ่างล้างจาน
“นี่เอมให้ธันดริกซ์ใช้นางแอ่นหัวกลับหรอ แอบไปฝึกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ไวท์เริ่มพูดขึ้นมา
“ก็มีบ้างนิดหน่อย” เอมหันมาตอบ “ก็ทำตามไฟล์วีดิโอที่นายส่งมาให้เอมดูไง ตอนนี้กำลังให้น้องบัฟฝึกท่าประตูเพลิงอยู่ด้วย”
“แบบนี้ก็ได้หรอ” ไวท์ตอบกลับไป “คราวหน้าไม่ทำดิจิเมนทอลอัพ ไปเลยละ”
“นั่นสินะ...น่าลองดูเหมือนกัน” เอมตอบกลับไปพร้อมด้วยหน้ายิ้มแย้ม“ถ้าลองดูก็อาจทำสิ่งนั้นก็ได้นะ”
“เห้อ...” นิสาที่ฟังอยู่เลยกล่าวขึ้นมา “เบื่อจริงพวกติดการ์ตูนเนี่ย ของเก่าซะแบบนั้นยังจะหามาดูได้อีกนะ”
นิสายื่นหน้าเข้ามาหาไวท์ทำให้ไวท์ต้องพลักหน้าของนิสาออก เมื่อถูกดันหน้าออกทำให้นิสาแสดงสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของไวท์และดึงหน้ากลับพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูแล้วมันน่ารักชะมัด ก่อนจะพูดกับทุกคน
“นี่ก็ดึกแล้วรีบล้างจานเถอะ”
หลังจากทั้งสามคนล้างจานเสร็จไวท์กับนิสาก็พาเอมไปที่ส่วนของหอพักในศูนย์วิจัยเป็นอาคารแยกออกจากอาคารสำนักงานเป็นอาคาร 4 ชั้น โดยชั้นแรกเป็นส่วนห้องครัวและที่พักของศาสตราจารย์อรชุนกับนักวิจัย ส่วนชั้น 2 3 และ 4 เป็นส่วนห้องพักของนักศึกษา อาคารแห่งนี้มีส่วนที่เป็นชั้นด่านฟ้าที่ไว้สำหรับทำกิจกรรมของหอพัก
นิสากับไวท์พาเอมไปที่ห้องพักที่อยู่ชั้น 2 ห้อง 203 และอยู่ข้างห้อง 202 ที่เป็นห้องของนิสา สำหรับห้อง 209 ของไวท์จะอยู่ตรงข้ามห้องของนิสา
เอมเข้าไปในห้องพักภายในเป็นห้องที่กว้างขวางมีเตียงเดี่ยวที่สามารถนอนได้สองคน มีโต๊ะเก้าอี้เป็นมุมสำหรับอ่านหนังสือ รวมถึงยังมีคอมพิวเตอร์ภายในห้องพักนี้ด้วย ยังไม่พอห้องพักทุกห้องในหอแห่งนี้ทุกห้องมีห้องน้ำส่วนตัว เอมก็มาพักที่หอพักแห่งนี้ก็หลายครั้งอยู่แต่ทุกครั้งก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าห้องพักสุดหรูแบบนี้กลับไม่มีนักศึกษามาอาศัยอยู่เลย พอมาคิดๆดูอีกทีก็คิดได้ว่ามันก็ไม่น่าอยู่จริงๆนั้นละ เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะถูกพวกศาสตราจารย์ลากไปทดสอบอุปกรณ์แปลกๆตอนไหน
“นิสากับไวท์เขามาอยู่กันได้ยังไงน้า” เอมบ่นขึ้นมา “ขนาดตอนปี 1 ยังได้ข่าวมาเลยว่านักศึกษาย้ายออกจากหอนี้จนเกือบหมด”(ก็เหลือแค่นิสากับไวท์)
เอมรู้สึกว่าดึกแล้วจึงขอตัวไปอาบน้ำก่อน
หลังจากอาบน้ำเสร็จเอมก็มาเปิดตู้เสื้อผ้า เธอหยิบชุดนอนออกจาตู้นี้มาสวมใส่ซึ่งใส่ได้พอดี จากนั้นเธอจึงไปหานิสาที่ห้องข้างๆ แต่เมื่อไปเคาะประตูกลับพบว่านิสาไม่อยู่ เอมเลยไปที่ห้องของไวท์แทนก็พบว่าไวท์ก็ไม่อยู่ที่ห้อง เมื่อเธอชำเลืองออกไปนอกหน้าต่างเธอก็สังเกตเห็นว่าที่โรงยิมของศูนย์วิจัยมีแสงสว่างจ้าออกมาดูเหมือนมีการใช้งานอยู่เอมเลยตัดสินใจไปที่โรงยิมเพราะอาจเจอนิสากับไวท์
โรงยิมของศูนย์วิจัยอยู่บริเวณด้านหลังของหอพัก มีขนาดใหญ่มากเนื้อที่เกือบ 7 ไร่และเป็นสถานที่สำหรับคาบปฏิบัติที่บางครั้งต้องมาเรียนที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้
เอมเดินออกมาทางด้านหลังของหอพักเพื่อจะเดินไปโรงยิมในตอนแรกเธอคิดว่าสองคนนั้นคงถูกพวกศาสตราจารย์อรชุบพา(ลาก)ไปทดสอบอุปกรณ์แปลกๆแต่พอลงมาชั้น 1 กลับพบว่าทั้งศาสตราจารย์กับพี่นักวิจัยก็ยังคงนั่งคุยกันที่ชั้น 1 ของหอพักดังนั้นเธอเลยไปที่โรงยิมทันที่
เอมเปิดเข้าไปในโรงยิมเป็นประตูสองชั้น สำหรับประตูชั้นแรกจะพบบันไดพาไปชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องสังเกตการณ์และห้องควบคุมภายในโรงยิม เธอจึงเปิดประตูชั้นที่สองเพื่อเข้าไปในตัวโรงยิม สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือไวท์กำลังต่อสู้กับคนที่สวมชุดสีดำซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่ใช้สู้กับพวกโครวในตอนบ่ายซึ่งเดาได้ว่าคนนั้นคือนิสา
เอมค่อยๆเดินเข้าไปจุดที่ทั้งสองปะทะกัน
ไวท์กำลังต่อยไปที่นิสาซึ่งนิสาก็สามารถกางกำแพงแสงมาป้องกันตัวเองได้ทัน นิสาใช้กำแพงผลักไวท์ออกให้ห้างจากตัวเอง ไวท์ถูกผลักกระเด็นออกมาแต่เขาไม่ล้มและพลิกกลับมายืนได้อีกครั้ง ไวท์พุ่งตัวเข้าไปจู่โจมอีกครั้งเขาได้กระหน่ำหมัดเข้าไปที่นิสาซึ่งเธอได้สร้างกำแพงแสงไว้อยู่แล้ว นิสาเห็นท่าไม่ดีเพราะกำแพงของเธอใกล้จะกันไม่อยู่แล้วเธอเลยผลักตัวเองออกมา
นิสาที่ถอยออกมาจากไวท์และตั้งหลักได้เธอสร้างกำแพงแสงอีกครั้งก่อนจะแปรสภาพของกำแพงที่เธอสร้างเป็นอาวุธลักษณะเป็นดาบสีโปร่งใสก่อนพุ่งตัวไปหาไวท์เพื่อโจมตีแต่ไวท์ก็สามารถหลบได้ ในจังหวะนั้นไวท์ยกมือขึ้นมาไปที่หน้าของนิสาสิ่งที่ปรากฏออกมาจากมือของไวท์คือวงแหวงเวทย์สีแดงสองชั้น “MAXIMUN EXPLOSION”หลังสิ้นสุดคำร่ายเวทย์ก็เกิดระเบิดเสียงดังพร้อมฝุ่นกระจายออกมา จนทำให้เอมที่ยืนมองต้องหลบหน้าหนีเพื่อหลบฝุ่นที่กระจายเข้ามา
เอมเงยหน้าขึ้นมามองการต่อสู้ของทั้งสอง นิสาใช้เกราะแสงเพื่อป้องกันการระเบิดจากเวทย์มนต์(เกราะแสงคล้ายกำแพงแสง แต่มีความบางกว่า) นิสากระเด็นออกมาแต่ก็ยังทรงตัวอยู่ได้
นิสาพุงตัวเข้าไปหาไวท์อีกครั้ง เธอได้รัวหมัดด้วยความเร็วต่อยไปที่ไวท์ เอมสังเกตว่าที่หมัดของนิสาถูกเคลือบด้วยเกราะแสง ขณะที่ไวท์ก็สามารถหลบหมัดได้ทุกหมัด เอมสังเกตได้อีกว่าที่เท้าของไวท์มีวงแหวนเวทย์สีฟ้าเกิดขึ้นและขยายกว้างขึ้น “AREA LIGHTNING” สิ้นคำร่ายฟ้าผ่าลงมาบริเวณที่มีวงแหวนเวทย์สีฟ้า แต่ก่อนหน้านั้นนิสาก็ถอยออกไปจากวงเวทย์ไปก่อนฟ้าผ่าแล้ว
นิสาสร้างเกราะแสงขึ้นมาตรงหน้าเธอชี้นิ้วไปที่ไวท์คล้ายการยิงปืนจากนั้นเกราะแสงค่อยๆบิดเข้ารวมกันเป็นก้อน เอมรับรู้ถึงมวลของพลังอันมหาศาลที่ปลายนิ้วของนิสาทำให้เผลอตะโกนออกไป “ระวัง” แต่ก็ไม่ทันแล้วก้อนพลังงานที่ปลายนิ้วของนิสาถูกยิงออกไปหาไวท์ด้วยความเร็วที่สูงมากจนแทบจะมองไม่ทัน เกิดการะเบิดบริเวณที่ไวท์ยืนอยู่เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นทันทีพร้อมแรงดันมหาศาลที่ดันออกมาจนเอมต้องย่อตัวลงเพื่อไม่ให้ปลิว
เอมค่อยๆยืนขึ้นเธอมองไม่เห็นไวท์ที่บริเวณนั้น เพียงพริบตานั้นเธอเริ่มรู้สึกกลัวและรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้านหลัง เมื่อเธอหันไปมองเธอเห็นไวท์อยู่ด้านหลังของเธอ จากนั้นเอมก็เริ่มสั่นไปทั้งตัวจนทำให้เธอกำลังล้มลงแต่นิสาก็พุ่มมารับตัวเธอไว้ได้ทัน
“ขอโทษน้า เอม” ไวท์พูดขึ้นพร้อมหน้าตาที่ยิ้มแย้ม “คงตกใจสินะที่อยู่ๆมาโผล่ข้างหลังแบบนี้”
เอมตั้งสติกลับมาได้
“ทางนี้ก็ขอโทษเหมือนกันที่ไปขัดจังหวะแบบนั้น” เอมตอบกลับไป “แต่ว่ามันก็รู้สึกแว๊บนึง เหมือนความรู้สึกเมื่อตอน 4 ปีที่แล้วเลย”
“คิดมากไปเองน่าเอม” นิสาปลอบขึ้นมา “เราก็เป็นแบบนี้ ตอนไวท์มาโผล่ข้างหลังนี่ละ เป็นใครก็กลัวเป็นธรรมดา”
เอมลุกขึ้นยืนมองไปทางนิสากับไวท์
“แล้วพวกเธอมาสู้อะไรกันตอนนี้” เอมถามขึ้น
“ก็นิดหน่อยนะ กินอิ่มๆก็ต้องออกกำลังเพื่อให้ย่อยหน่อย” นิสาตอบกลับไป
“นี่ไวท์ ทำไมใช้เวทย์มนต์แบบนั้นได้ละ เห็นชิตชอบแซวไวท์ว่าใช้เวทย์มนต์ได้แค่ขั้นต่ำเท่านั้น” เอมถามไวท์
“ผมแค่ใช้เวทย์แบบเดียวกับที่น้องสาวใช่เท่านั้นเอง เวทย์มนต์นอกเหนือจากนี้ผมใช้ไม่ได้หรอก” ไวท์ตอบกลับ
“จะว่าไปนิสา...ตอนเรียนเธอดูกั๊กพลังไว้พอควรเลยนะ อย่างที่เห็นการต่อสู้เมื่อกี้เห็นใช้เกราะแสงบ่อยกว่า ทั้งที่ใช้กำแพงแสงง่ายกว่ารวมถึงไอท่าสุดท้ายนั้นดูเหมือนจะทำการแปรสภาพเกราะแสงจนเป็นก้อนพลังแถมความรุนแรงจากที่เห็นก็ใช่ย่อยเลย” เอมหันไปถามนิสา
“แหมมันก็ต้องแบบนี้อยู่แล้ว ก็มันฝังใจนิจาเรื่องเมื่อ 4 ปีก่อนนั่นล่ะ ชั้นก็คิดตลอดนะถ้าตอนนั้นเรามีพลังมากกว่านี้เราคงจะทำอะไรได้มากกว่านี้ก็เลยฝึกฝนมาจนตอนนี้ไง” นิสาตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“อีกอย่างนึง เรื่องนี้คาใจมาตั้งแต่ตอนมื้อเย็นเรื่องคู่หมั้นของไวท์” เอมถามไวท์“ก็รู้นะว่ามิราเคิลเกิลคนนั้นเป็นคู่หมั้นของไวท์ หลังจากเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีก่อนเธอก็ไปเรียนต่างประเทศเลย จนตอนนี้ก็ 4 ปีมาแล้วเธอก็ยังไม่กลับมาเลย แล้วเธอคนนั้นยังติดต่อกลับมาบ้างไหม”
เมื่อไวท์ได้ยินที่เอมถามก็นิ่งไป
นิสารีบเข้าไปกระซิบข้างหูเอม “เรื่องมันยาวไว้หาเวลาเหมาะๆจะเล่าให้ฟัง” “ตอนนี้กลับห้องกันเถอะดึกแล้ว”
ทั้งสามคนเดินกลับหอพัก ไวท์ขอตัวกลับห้องไปก่อน ส่วนเอมก็ขอนอนห้องเดียวกับนิสา
เอมเลยเข้าไปรอที่ห้องของนิสาและรอจนนิสาอาบน้ำเสร็จ ขณะที่นิสากำลังแต่งตัว เอมเริ่มพูดขึ้น
“นิสา เรื่องคู่หมั้นของไวท์ เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร”เอมถามขึ้น
“นี่ยังสงสัยอยู่หรอ” นิสาตอบกลับ “เริ่มจากตรงไหนดี...เรารู้จักไวท์ตั้งแต่ ม.1 แต่พอ ม.2 อยู่ๆเขาแปลกไปอยู่ๆก็รีบกลับบ้านเร็ว บางวันก็มาโรงเรียนช้ากว่าปรกติ จนเราต้องแอบตามไปเลยละถึงได้รู้ว่าไวท์มีน้องสาวแต่ก็เดาไม่ยากหรอว่าที่จริงคือคู่หมั้น”
“ทำไมไม่คิดหรอกว่าอาจเป็นน้องสาวแท้ๆก็ได้” เอมพูดขึ้นมา
“เซ็นซ์ของผู้หญิงมันบอกไว้นะ” นิสาตอบกลับ “อีกอย่างฉันเห็นมากับตาเลยนะว่าเขาสองคนจูบกันแล้ว”
เอมได้ยินดังนั้นก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“อึ้งไปเลยสิ” นิสาพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “มีพี่น้องที่ไหนจะมาจูบกันได้ล่ะ จริงไหม” นิสาหัวเราะแล้วพูดต่อ “เอาเป็นว่ายังไงโชคชะตาถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”
“ขอโทษนะ ที่อยู่ๆก็มาขอนอนที่ห้องด้วย พอมันคิดถึงเมื่อ 4 ปีก่อนก็รู้สึกกลัวยังไงก็ไม่รู้” เอมพูดขึ้น “จำได้ไหม ที่บอกว่าเจอระดับแอลฟา 3 ตัวเดินผ่าน จริงๆแล้วไม่ใช่เลยมันหน้าตาไม่เหมือนพวกแอลฟาที่เจ้าหน้าที่เอามาให้ดูจากนั้นทั้ง 3 ตัวอยู่ๆก็หาย แล้วก็มีความรู้สึกแปลกๆก็เข้ามา ชั้นจำได้แค่นี้”
“อ้า...ที่เอมเจอนะน่าจะเป็นผลของภาพลวงตาที่พวกแอลฟาสร้างขึ้น ตอนนั้นชั้นก็เจอแบบเดียวกับที่เอมเจอนั้นละ” นิสาตอบกลับไป
“หรือว่า...อ่านจันทรา” เอมอุทานขึ้น
“อย่าโยงมั่วได้ไหม ยัยเด็กติดการ์ตูน” นิสารีบตอบกลับทันที “นอนได้แล้ว ฝันดีนะ ไม่ต้องกลัวนะ” นิสาส่งรอยยิ้มให้เอม
“ฝันดีนะ”
“จากวันนี้พวกโครวที่พวกเธอได้ต่อสู้มา ผลการตรวจสอบออกมาแล้วพบว่าพวกนี้ถูกดัดแปลงมาอีกที” ศาสตราจารย์อรชุนเริ่มพูดขึ้นมาก่อน
“ทำให้ระดับของพวกโครวเจอสามารถเพิ่มขึ้นได้เอง อันที่จริงโครวสองตัวนั้นในครั้งแรกที่ตรวจพบเป็นระดับซีเลยด้วยซ้ำ” คุณซิลเวอร์พูดเสริมขึ้นมา
“เรามีไฟล์วีดิโอที่ส่วนกลางบันทึกไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้ดู” ศาสตราจารย์อรชุนเปิดไฟล์วีดิโอให้ดู
สิ่งที่เห็นจากวีดิโอคือโครวสองตัวกำลังอาละวาดที่เขต 2 โครวที่เห็นนั้นสามารถใช้กายยาเกราะได้กันหมด ทำให้จากที่หุ่นรักษาการณ์สามารถรับมือได้เป็นไม่สามารถต่อต้านโครวพวกนั้นได้เลย จากนั้นศาสตรจารย์ก็เร่งเวลาวีดิโอไปอีกประมาณ 15 นาที ภาพที่ปรากฏขึ้นมาคือโครวสองนั้นมีปีกสีดำงอกออกมาจากด้านหลังออกมา
“ปีกทมิฬ” ชิตเผลออุทานขึ้นมา
“ใช่แล้วนี่คือปีกทมิฬ ระดับก็เพิ่มไปเป็นเอส นอกจากนี้ยังมีอีกนะ” ศาสตราจารย์อรชุนเร่งเวลาไปอีก 10 นาที
ร่างกายของโครวที่ปกคลุมด้วยขนสีดำได้กลายเป็นสีแดง และได้ปล่อยรังสีความร้อนออกมาทำให้บริเวณรอบๆมีไฟลุกขึ้นมา
“ไม่จริงใช่ไหม...เบรฟเบิร์น” เอมพูดขึ้นมา “เป็นการนำชีพจรมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังอันมหาศาลทำให้ร่างการเปลี่ยนเป็นสีแดงมีความร้อนสูงแต่สิ่งที่ต้องแลกคือชีวิต เพราะหลังจากใช้ไปแล้วร่างการจะถูกเผาไปทีละนิดจนกลายเป็นธุลี” เอมแสดงสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด
“ระดับที่เห็นคือแอลฟา” ศาสตราจารย์อรชุนพูดพร้อมหยุดวีดิโอ
“ผมได้ไประงับเหตุที่เกิด รับมือยากมาก” ไวท์พูดขึ้นมา “บอกตรงๆ โครวพวกนั้นทรมานมาก เนื่องจากกายยาเกราะทำให้ร่างกายถูกทำลายช้าลงและสามารถคงรูปร่างกายไว้”
“เดี๋ยวสิ เมื่อตอนเย็นนั่นละ ถ้าเกิดพวกมันยกระดับได้ถึงแอลฟา มันจะไม่แย่เอาหรอ” ดรีมแทรกขึ้นมา
“ตอนนั้นผมและไวท์ได้เตรีนมพร้อมไว้แล้วละ ปีกงอกเมื่อไหร่เราจะไปทันที” คุณซิลเวอร์ตอบกลับมา
“จะว่านี่ไวท์ นายบอกว่าไปรับมือระดับแอลฟาสองตัวคนเดียวมันหมายความว่าไง” ชิตตั้งคำถามขึ้น
“นี่คุณชิต จะให้บอกกี่รอบว่ายศพันตรีมันไม่ได้มากันเล่นๆน่ะครับ” ไวท์ตอบกลับทันควัน
“เอาน่าๆ อย่ามาทะเลาะกันตรงนี้เลย” พี่ศรที่นั้งอยู่ใกล้สองคนนั้นลุกขึ้นห้ามปรามเอาไว้ “จะว่าไป อุปกรณ์ที่ใช้กันวันนี้ดูท่าจะทำงานได้ดีเกินคาดเลยนะ” พี่ศรเริ่มเข้าประเด็นใหม่
“นั่นสินะ มันทั้งพกพาง่าย ใช้สะดวก มันดูไม่เหมือนของที่มาจากศูนย์แห่งนี้เลย” นิสาพูดขึ้นมา
“จริงๆแล้ว ถ้าใช้ร่วมกับเข็มขัดอันนี้จะดึงพลังออกมาได้มากว่านี้ แต่รู้สึกคนแถวนี้จะไปทำลายทิ้งไปซะก่อนนะ” พี่ศรพูดขึ้นมาพลางชำเลืองไปที่ไวท์ที่ทำทีหันหน้าไปทางอื่น และหยิบภาพเข็มขัดที่ใช้ร่วมกับแหวน
ภาพที่เห็นเป็นเข็มขัดที่ตรงกลางมีลักษณะรูปฝ่ามือขนากเท่ามือคนซึ่งตรงนี้เป็นที่แสกนแหวนก่อนจะแสดงพลังของแหวนออกมา ทั้ง นิสา เอม ชิต ดรีม เห็นภาพเข็มขัดต่างก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด และคิดในใจพร้อมกันว่า “กราบขอบพระคุณ พันตรีไวท์”
เมื่อเสร็จจาการประชุมก็เป็นเวลาสามทุ่มครึ่งแล้ว
ชิตกับดรีมก็ขอตัวกลับไปหอพักก่อนเนื่องจากหอพักของทั้งสองอยู่แถวนั้น ส่วนเอมก็ถูกนิสาขอให้พักอยู่ที่ศูนย์วิจัยเพราะหอพักของเอมอยู่ไกลเลยทำให้นิสาเป็นห่วงการเดินทางของเอมดังนั้น เอม นิสา ไวท์จึงมีหน้าที่ล้างจานของมื้อเย็นในวันนี้
ที่ห้องครัวของศูนย์วิจัยเอม นิสา ไวท์กำลังช่วยกันล้างจานที่กองอยู่ในอ่างล้างจาน
“นี่เอมให้ธันดริกซ์ใช้นางแอ่นหัวกลับหรอ แอบไปฝึกมาตั้งแต่เมื่อไหร่” ไวท์เริ่มพูดขึ้นมา
“ก็มีบ้างนิดหน่อย” เอมหันมาตอบ “ก็ทำตามไฟล์วีดิโอที่นายส่งมาให้เอมดูไง ตอนนี้กำลังให้น้องบัฟฝึกท่าประตูเพลิงอยู่ด้วย”
“แบบนี้ก็ได้หรอ” ไวท์ตอบกลับไป “คราวหน้าไม่ทำดิจิเมนทอลอัพ ไปเลยละ”
“นั่นสินะ...น่าลองดูเหมือนกัน” เอมตอบกลับไปพร้อมด้วยหน้ายิ้มแย้ม“ถ้าลองดูก็อาจทำสิ่งนั้นก็ได้นะ”
“เห้อ...” นิสาที่ฟังอยู่เลยกล่าวขึ้นมา “เบื่อจริงพวกติดการ์ตูนเนี่ย ของเก่าซะแบบนั้นยังจะหามาดูได้อีกนะ”
นิสายื่นหน้าเข้ามาหาไวท์ทำให้ไวท์ต้องพลักหน้าของนิสาออก เมื่อถูกดันหน้าออกทำให้นิสาแสดงสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย ก่อนจะเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของไวท์และดึงหน้ากลับพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูแล้วมันน่ารักชะมัด ก่อนจะพูดกับทุกคน
“นี่ก็ดึกแล้วรีบล้างจานเถอะ”
หลังจากทั้งสามคนล้างจานเสร็จไวท์กับนิสาก็พาเอมไปที่ส่วนของหอพักในศูนย์วิจัยเป็นอาคารแยกออกจากอาคารสำนักงานเป็นอาคาร 4 ชั้น โดยชั้นแรกเป็นส่วนห้องครัวและที่พักของศาสตราจารย์อรชุนกับนักวิจัย ส่วนชั้น 2 3 และ 4 เป็นส่วนห้องพักของนักศึกษา อาคารแห่งนี้มีส่วนที่เป็นชั้นด่านฟ้าที่ไว้สำหรับทำกิจกรรมของหอพัก
นิสากับไวท์พาเอมไปที่ห้องพักที่อยู่ชั้น 2 ห้อง 203 และอยู่ข้างห้อง 202 ที่เป็นห้องของนิสา สำหรับห้อง 209 ของไวท์จะอยู่ตรงข้ามห้องของนิสา
เอมเข้าไปในห้องพักภายในเป็นห้องที่กว้างขวางมีเตียงเดี่ยวที่สามารถนอนได้สองคน มีโต๊ะเก้าอี้เป็นมุมสำหรับอ่านหนังสือ รวมถึงยังมีคอมพิวเตอร์ภายในห้องพักนี้ด้วย ยังไม่พอห้องพักทุกห้องในหอแห่งนี้ทุกห้องมีห้องน้ำส่วนตัว เอมก็มาพักที่หอพักแห่งนี้ก็หลายครั้งอยู่แต่ทุกครั้งก็ยังอดคิดไม่ได้ว่าห้องพักสุดหรูแบบนี้กลับไม่มีนักศึกษามาอาศัยอยู่เลย พอมาคิดๆดูอีกทีก็คิดได้ว่ามันก็ไม่น่าอยู่จริงๆนั้นละ เพราะไม่รู้ว่าวันดีคืนดีจะถูกพวกศาสตราจารย์ลากไปทดสอบอุปกรณ์แปลกๆตอนไหน
“นิสากับไวท์เขามาอยู่กันได้ยังไงน้า” เอมบ่นขึ้นมา “ขนาดตอนปี 1 ยังได้ข่าวมาเลยว่านักศึกษาย้ายออกจากหอนี้จนเกือบหมด”(ก็เหลือแค่นิสากับไวท์)
เอมรู้สึกว่าดึกแล้วจึงขอตัวไปอาบน้ำก่อน
หลังจากอาบน้ำเสร็จเอมก็มาเปิดตู้เสื้อผ้า เธอหยิบชุดนอนออกจาตู้นี้มาสวมใส่ซึ่งใส่ได้พอดี จากนั้นเธอจึงไปหานิสาที่ห้องข้างๆ แต่เมื่อไปเคาะประตูกลับพบว่านิสาไม่อยู่ เอมเลยไปที่ห้องของไวท์แทนก็พบว่าไวท์ก็ไม่อยู่ที่ห้อง เมื่อเธอชำเลืองออกไปนอกหน้าต่างเธอก็สังเกตเห็นว่าที่โรงยิมของศูนย์วิจัยมีแสงสว่างจ้าออกมาดูเหมือนมีการใช้งานอยู่เอมเลยตัดสินใจไปที่โรงยิมเพราะอาจเจอนิสากับไวท์
โรงยิมของศูนย์วิจัยอยู่บริเวณด้านหลังของหอพัก มีขนาดใหญ่มากเนื้อที่เกือบ 7 ไร่และเป็นสถานที่สำหรับคาบปฏิบัติที่บางครั้งต้องมาเรียนที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้
เอมเดินออกมาทางด้านหลังของหอพักเพื่อจะเดินไปโรงยิมในตอนแรกเธอคิดว่าสองคนนั้นคงถูกพวกศาสตราจารย์อรชุบพา(ลาก)ไปทดสอบอุปกรณ์แปลกๆแต่พอลงมาชั้น 1 กลับพบว่าทั้งศาสตราจารย์กับพี่นักวิจัยก็ยังคงนั่งคุยกันที่ชั้น 1 ของหอพักดังนั้นเธอเลยไปที่โรงยิมทันที่
เอมเปิดเข้าไปในโรงยิมเป็นประตูสองชั้น สำหรับประตูชั้นแรกจะพบบันไดพาไปชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องสังเกตการณ์และห้องควบคุมภายในโรงยิม เธอจึงเปิดประตูชั้นที่สองเพื่อเข้าไปในตัวโรงยิม สิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือไวท์กำลังต่อสู้กับคนที่สวมชุดสีดำซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่ใช้สู้กับพวกโครวในตอนบ่ายซึ่งเดาได้ว่าคนนั้นคือนิสา
เอมค่อยๆเดินเข้าไปจุดที่ทั้งสองปะทะกัน
ไวท์กำลังต่อยไปที่นิสาซึ่งนิสาก็สามารถกางกำแพงแสงมาป้องกันตัวเองได้ทัน นิสาใช้กำแพงผลักไวท์ออกให้ห้างจากตัวเอง ไวท์ถูกผลักกระเด็นออกมาแต่เขาไม่ล้มและพลิกกลับมายืนได้อีกครั้ง ไวท์พุ่งตัวเข้าไปจู่โจมอีกครั้งเขาได้กระหน่ำหมัดเข้าไปที่นิสาซึ่งเธอได้สร้างกำแพงแสงไว้อยู่แล้ว นิสาเห็นท่าไม่ดีเพราะกำแพงของเธอใกล้จะกันไม่อยู่แล้วเธอเลยผลักตัวเองออกมา
นิสาที่ถอยออกมาจากไวท์และตั้งหลักได้เธอสร้างกำแพงแสงอีกครั้งก่อนจะแปรสภาพของกำแพงที่เธอสร้างเป็นอาวุธลักษณะเป็นดาบสีโปร่งใสก่อนพุ่งตัวไปหาไวท์เพื่อโจมตีแต่ไวท์ก็สามารถหลบได้ ในจังหวะนั้นไวท์ยกมือขึ้นมาไปที่หน้าของนิสาสิ่งที่ปรากฏออกมาจากมือของไวท์คือวงแหวงเวทย์สีแดงสองชั้น “MAXIMUN EXPLOSION”หลังสิ้นสุดคำร่ายเวทย์ก็เกิดระเบิดเสียงดังพร้อมฝุ่นกระจายออกมา จนทำให้เอมที่ยืนมองต้องหลบหน้าหนีเพื่อหลบฝุ่นที่กระจายเข้ามา
เอมเงยหน้าขึ้นมามองการต่อสู้ของทั้งสอง นิสาใช้เกราะแสงเพื่อป้องกันการระเบิดจากเวทย์มนต์(เกราะแสงคล้ายกำแพงแสง แต่มีความบางกว่า) นิสากระเด็นออกมาแต่ก็ยังทรงตัวอยู่ได้
นิสาพุงตัวเข้าไปหาไวท์อีกครั้ง เธอได้รัวหมัดด้วยความเร็วต่อยไปที่ไวท์ เอมสังเกตว่าที่หมัดของนิสาถูกเคลือบด้วยเกราะแสง ขณะที่ไวท์ก็สามารถหลบหมัดได้ทุกหมัด เอมสังเกตได้อีกว่าที่เท้าของไวท์มีวงแหวนเวทย์สีฟ้าเกิดขึ้นและขยายกว้างขึ้น “AREA LIGHTNING” สิ้นคำร่ายฟ้าผ่าลงมาบริเวณที่มีวงแหวนเวทย์สีฟ้า แต่ก่อนหน้านั้นนิสาก็ถอยออกไปจากวงเวทย์ไปก่อนฟ้าผ่าแล้ว
นิสาสร้างเกราะแสงขึ้นมาตรงหน้าเธอชี้นิ้วไปที่ไวท์คล้ายการยิงปืนจากนั้นเกราะแสงค่อยๆบิดเข้ารวมกันเป็นก้อน เอมรับรู้ถึงมวลของพลังอันมหาศาลที่ปลายนิ้วของนิสาทำให้เผลอตะโกนออกไป “ระวัง” แต่ก็ไม่ทันแล้วก้อนพลังงานที่ปลายนิ้วของนิสาถูกยิงออกไปหาไวท์ด้วยความเร็วที่สูงมากจนแทบจะมองไม่ทัน เกิดการะเบิดบริเวณที่ไวท์ยืนอยู่เสียงดังสนั่นเกิดขึ้นทันทีพร้อมแรงดันมหาศาลที่ดันออกมาจนเอมต้องย่อตัวลงเพื่อไม่ให้ปลิว
เอมค่อยๆยืนขึ้นเธอมองไม่เห็นไวท์ที่บริเวณนั้น เพียงพริบตานั้นเธอเริ่มรู้สึกกลัวและรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ด้านหลัง เมื่อเธอหันไปมองเธอเห็นไวท์อยู่ด้านหลังของเธอ จากนั้นเอมก็เริ่มสั่นไปทั้งตัวจนทำให้เธอกำลังล้มลงแต่นิสาก็พุ่มมารับตัวเธอไว้ได้ทัน
“ขอโทษน้า เอม” ไวท์พูดขึ้นพร้อมหน้าตาที่ยิ้มแย้ม “คงตกใจสินะที่อยู่ๆมาโผล่ข้างหลังแบบนี้”
เอมตั้งสติกลับมาได้
“ทางนี้ก็ขอโทษเหมือนกันที่ไปขัดจังหวะแบบนั้น” เอมตอบกลับไป “แต่ว่ามันก็รู้สึกแว๊บนึง เหมือนความรู้สึกเมื่อตอน 4 ปีที่แล้วเลย”
“คิดมากไปเองน่าเอม” นิสาปลอบขึ้นมา “เราก็เป็นแบบนี้ ตอนไวท์มาโผล่ข้างหลังนี่ละ เป็นใครก็กลัวเป็นธรรมดา”
เอมลุกขึ้นยืนมองไปทางนิสากับไวท์
“แล้วพวกเธอมาสู้อะไรกันตอนนี้” เอมถามขึ้น
“ก็นิดหน่อยนะ กินอิ่มๆก็ต้องออกกำลังเพื่อให้ย่อยหน่อย” นิสาตอบกลับไป
“นี่ไวท์ ทำไมใช้เวทย์มนต์แบบนั้นได้ละ เห็นชิตชอบแซวไวท์ว่าใช้เวทย์มนต์ได้แค่ขั้นต่ำเท่านั้น” เอมถามไวท์
“ผมแค่ใช้เวทย์แบบเดียวกับที่น้องสาวใช่เท่านั้นเอง เวทย์มนต์นอกเหนือจากนี้ผมใช้ไม่ได้หรอก” ไวท์ตอบกลับ
“จะว่าไปนิสา...ตอนเรียนเธอดูกั๊กพลังไว้พอควรเลยนะ อย่างที่เห็นการต่อสู้เมื่อกี้เห็นใช้เกราะแสงบ่อยกว่า ทั้งที่ใช้กำแพงแสงง่ายกว่ารวมถึงไอท่าสุดท้ายนั้นดูเหมือนจะทำการแปรสภาพเกราะแสงจนเป็นก้อนพลังแถมความรุนแรงจากที่เห็นก็ใช่ย่อยเลย” เอมหันไปถามนิสา
“แหมมันก็ต้องแบบนี้อยู่แล้ว ก็มันฝังใจนิจาเรื่องเมื่อ 4 ปีก่อนนั่นล่ะ ชั้นก็คิดตลอดนะถ้าตอนนั้นเรามีพลังมากกว่านี้เราคงจะทำอะไรได้มากกว่านี้ก็เลยฝึกฝนมาจนตอนนี้ไง” นิสาตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
“อีกอย่างนึง เรื่องนี้คาใจมาตั้งแต่ตอนมื้อเย็นเรื่องคู่หมั้นของไวท์” เอมถามไวท์“ก็รู้นะว่ามิราเคิลเกิลคนนั้นเป็นคู่หมั้นของไวท์ หลังจากเหตุการณ์เมื่อ 4 ปีก่อนเธอก็ไปเรียนต่างประเทศเลย จนตอนนี้ก็ 4 ปีมาแล้วเธอก็ยังไม่กลับมาเลย แล้วเธอคนนั้นยังติดต่อกลับมาบ้างไหม”
เมื่อไวท์ได้ยินที่เอมถามก็นิ่งไป
นิสารีบเข้าไปกระซิบข้างหูเอม “เรื่องมันยาวไว้หาเวลาเหมาะๆจะเล่าให้ฟัง” “ตอนนี้กลับห้องกันเถอะดึกแล้ว”
ทั้งสามคนเดินกลับหอพัก ไวท์ขอตัวกลับห้องไปก่อน ส่วนเอมก็ขอนอนห้องเดียวกับนิสา
เอมเลยเข้าไปรอที่ห้องของนิสาและรอจนนิสาอาบน้ำเสร็จ ขณะที่นิสากำลังแต่งตัว เอมเริ่มพูดขึ้น
“นิสา เรื่องคู่หมั้นของไวท์ เธอรู้ตั้งแต่เมื่อไหร”เอมถามขึ้น
“นี่ยังสงสัยอยู่หรอ” นิสาตอบกลับ “เริ่มจากตรงไหนดี...เรารู้จักไวท์ตั้งแต่ ม.1 แต่พอ ม.2 อยู่ๆเขาแปลกไปอยู่ๆก็รีบกลับบ้านเร็ว บางวันก็มาโรงเรียนช้ากว่าปรกติ จนเราต้องแอบตามไปเลยละถึงได้รู้ว่าไวท์มีน้องสาวแต่ก็เดาไม่ยากหรอว่าที่จริงคือคู่หมั้น”
“ทำไมไม่คิดหรอกว่าอาจเป็นน้องสาวแท้ๆก็ได้” เอมพูดขึ้นมา
“เซ็นซ์ของผู้หญิงมันบอกไว้นะ” นิสาตอบกลับ “อีกอย่างฉันเห็นมากับตาเลยนะว่าเขาสองคนจูบกันแล้ว”
เอมได้ยินดังนั้นก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“อึ้งไปเลยสิ” นิสาพูดพร้อมกับรอยยิ้ม “มีพี่น้องที่ไหนจะมาจูบกันได้ล่ะ จริงไหม” นิสาหัวเราะแล้วพูดต่อ “เอาเป็นว่ายังไงโชคชะตาถูกกำหนดเอาไว้แล้ว”
“ขอโทษนะ ที่อยู่ๆก็มาขอนอนที่ห้องด้วย พอมันคิดถึงเมื่อ 4 ปีก่อนก็รู้สึกกลัวยังไงก็ไม่รู้” เอมพูดขึ้น “จำได้ไหม ที่บอกว่าเจอระดับแอลฟา 3 ตัวเดินผ่าน จริงๆแล้วไม่ใช่เลยมันหน้าตาไม่เหมือนพวกแอลฟาที่เจ้าหน้าที่เอามาให้ดูจากนั้นทั้ง 3 ตัวอยู่ๆก็หาย แล้วก็มีความรู้สึกแปลกๆก็เข้ามา ชั้นจำได้แค่นี้”
“อ้า...ที่เอมเจอนะน่าจะเป็นผลของภาพลวงตาที่พวกแอลฟาสร้างขึ้น ตอนนั้นชั้นก็เจอแบบเดียวกับที่เอมเจอนั้นละ” นิสาตอบกลับไป
“หรือว่า...อ่านจันทรา” เอมอุทานขึ้น
“อย่าโยงมั่วได้ไหม ยัยเด็กติดการ์ตูน” นิสารีบตอบกลับทันที “นอนได้แล้ว ฝันดีนะ ไม่ต้องกลัวนะ” นิสาส่งรอยยิ้มให้เอม
“ฝันดีนะ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ