Heart Project : ปริศนาความทรงจำ
เขียนโดย PnPn
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.40 น.
แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2562 23.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความโครว(Crow) คือหนึ่งในสิ่งที่รุกรานโลกมีลักษณะส่วนหัวเหมือนนก ร่างกายกำยำปกคลุมด้วยขนสีดำคล้ายขนอีกา มีความสูงราว 1.8 - 2 เมตร มีแขน 4 แขนพร้อมกรงเล็บที่แหลมคม สำหรับส่วนขามีลักษณะคล้ายขานกแต่มีกำลังขาที่สูง สามารถกระโดดได้สูงประมาณ 2 เมตร นอกจากนี้บางตัวยังสามารถใช้พลังเวทย์ได้อีกด้วย โดยระดับของสิ่งรุกรานชนิดนี้อยู่ที่ บี ถึง เอส พวกนี้ไม่อยู่รวมกันเป็นฝูงทำให้พบเห็นได้ครั้งละอย่ามากก็ไม่เกิน 4 ตัว
สำหรับการแบ่งระดับของสิ่งรุกราน แบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ กล่าวคือประเภทแรกเป็นพวกที่สามารถรับมือได้ในระดับองค์กรถ้าเจอพวกนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาในการรับมือมากนัก โดยมีระดับ ซี บี เอ เอส ตามลำดับความง่ายถึงยากของการรับมือ ประเภทต่อมาคือประเภทที่สามารถก่อภัยพิบัติให้มนุษย์ได้เลยทีเดียวพวกนี้แบ่งระดับได้ดังนี้ แอลฟา เบต้า แกมม่า โอเมก้า และ ซิกม่า ทั้งนี้พวกประเภทหลังนี้ปรากฏออกมาน้อยมาก
สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินกรณีมีสิ่งรุกรานโลกปรากฏตัวขึ้น บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินจะถือว่าเป็นสถานที่หลบภัย เนื่องจากสามารถอพยพประชาชนได้ทันทีเมื่อไม่สามารถระงับเหตุได้ อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แน่นหนาทั้งภายนอกและภายในสถานี
เสียงผ่านลำโพงในสถานีแสดงถึงว่าจะรถไฟมาเทียบที่ชานชาลา และเสียงออดจากรถไฟทำให้รู้ได้ทันทีว่ารถไปได้เทียบเขาชานชาลาแล้ว ประตูของตู้โดยสารได้เปิดออกปรากฏเป็นคน 4 คนสวมชุกนักศึกษาวิทยาลัยสายพลังพุงตัวออกมาทางประตูและวิ่งไปที่ทางออกของสถานี ทำให้ประชาชนที่อพยพอยู่ในสถานีต่างแสดงสีหน้าดีใจเพราะพวกเขารู้ว่าความช่วยเหลือได้มาถึงแล้วทั้งสี่คนวิ่งผ่านประชานได้แสดงแหวนที่สวมที่นิ้วกลางข้างขวา บริเวณส่วนบนของแหวนมีผลึกสีส้มบรรจุภายในกรอบสีเงินส่องประกาย
“CHANGE!!” ทั้งสี่คนกล่าวคำนี้ สิ้นสุดเสียงที่ทั้งสี่คนเอ่ยขึ้นแหวนของทั้งสี่คนนั้นเรืองแสงขึ้นพร้อมวงแหวนเวทย์ที่เกิดขึ้นเหนือผลึกของแหวน วงแหวนเวทย์ค่อยๆเคลื่อนผ่านร่างของผู้สวมปรากฏเป็นชุดสวมไปที่ร่างกายผู้ใส่แหวน ชุดสีเทาค่อยๆปรากฏตามวงแหวนเวทย์เคลื่อนที่ผ่านไป จนในที่สุดเป็นชุดพร้อมปฏิบัติการณ์ต่อต้านสิ่งรุกราน ทั้งร่างกายของชุดเป็นสีเทาท่อนบนสวมเกราะเบาสีดำพร้อมผ้าคลุม ส่วนหัวคลุมทั้งหัวเป็นหมวกสีเทาด้านหน้าเป็นหน้ากากสีดำที่ปิดบังใบหน้าไว้
เอม นิสา ชิต ดรีม ออกมาถึงภายนอกสถานี สิ่งที่ทั้งสี่คนเห็นตรงหน้าคือโครว 2 ตัว โดยตัวแรกกำลังพังสนามพลังที่ป้องกันสถานีแห่งนี้ไว้ ส่วนอีกตัวกำลังทำลายกับหุ่นยนต์รักษาการอยู่ ทั้งสี่คนแบ่งเป็นสองทีมโดยทีมแรกคือ นิสากับดรีม ไปปราบโครวที่กำลังทำลายหุ่นยนต์รักษาการ ส่วนอีกทีมคือ เอมกับชิต จะกำจัดตัวที่อยู่ตรงสถานี
นิสาวิ่งนำไปก่อนจากนั้นเธอใช้พลังสร้างกำแพงที่มีลักษณะโปร่งใสดันโครวที่อยู่หน้าสถานีให้ออกห่างจากสถานีและเป็นการผลักให้ล้มลม ทำให้โครวตัวนั้นเสียจังหวะรวมถึงเป็นการเปิดทางให้ดรีมที่วิ่งตามหลังมาผ่านมาอย่างง่ายดาย จากนั้นนิสากับดรีมวิ่งไปหาโครวอีกตัวปล่อยให้ตัวที่ล้มลงเป็นหน้าที่ของเอมกับชิต
นิสาวิ่งเข้าไปหาโครวตัวที่สองเธอสร้างกำแพงอีกครั้งแล้วดันกำแพงไปหาโครวตัวนั้นเพื่อเปิดจังหวะให้ดรีมโจมตีจากด้านหลัง เมื่อดรีมเห็นโครวกำลังจะล้มลงเขาเขาชัดปืนซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวขึ้นมาโดยเป็นปืนขนาดกระทัดรัดสีขาวมีลายสีแดงตามลำกล้อง เขายิงออกไปอย่างไม่ลังเลหวังจะปิดงานในนัดเดียว สิ่งที่ยิงออกมาเป็นลำแสงทำลายล้างสูงแน่นอนว่าแรงถีบที่เกิดขึ้นมหาศาล เนื่องจากโพเทนซีของดรีมคือการสลายแรงกระแทกรวมไปถึงควบคุมทิศทางแรงที่เกิดขึ้นรอบตัวทำให้ข้อเสียของปืนกระบอกนี้หายไป
ตัดกลับมาที่เอมกับชิต หลังจากที่นิสาผลักโครวที่อยู่หน้าสถานีล้มลงกับดรีมได้วิ่งผ่านโครวตัวนี้ไปแล้ว ชิตพุ่งเข้าไปด้านหลังของโครวที่กำลังเสียหลักทันที จากนั้นเขาชักดาบออกมาซึ่งเป็นอาวุธของเขาโดยตัวดาบมีสีเงินประดับด้วยอัญมณีขนาดเล็ก 6 เม็ดเรียวตามความยาวของดาบโดยอัญมณีเหล่านี่จะเป็นตัวเสริมพลังให้แก่ดาบของเขา ชิตรีบพุ่งกระโจนหวังฟันจากด้านหลัง ส่วนด้านหน้าเอมโจมตีด้วยเวทย์มนต์ซึ่งเวทย์ที่ใช้คือเวทย์สายฟ้าโดยจะปล่อยสายฟ้าแรงสูงไปหาโครวก่อนมันจะตั้งหลักได้และให้ชิตฟันซ้ำเพื่อความมั่นใจ ด้วยความมั่นใจของทั้งคู่ที่หวังให้จบภายในครั้งเดียว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นโครวกลับไม่เป็นอะไรเลยไม่มีแม้แต่บาดแผล เมื่อชิตเห็นดังนั้นเลยอุทานออกมา “กายยาเกราะ”
“ศาสตราจารย์ โครวที่มีกายยาเกราะแบบนี่ไม่ใช่ระดับบีแล้ว นี่มันไม่ระดับเอก็เอส” ชิตรีบติดต่อไปหาศาสตราจารย์อรชุนทันที “นี่ศาสตราจารย์คงไม่หลอกกันตั้งแต่แรกใช่ไหมครับ”
“โครวทางนี้ ก็สามารถใช้ได้เหมือนกัน” เสียงของนิสาแทรกเข้ามา “แบบนี้น่าจะระดับเอละมั้ง”
“ไม่ได้หลอกกันจริงๆ ตั้งแต่พวกมันโผล่มาทางนี้ก็วิเคราะห์ระดับออกมาคือบี”เสียงของศาตราจารย์อรชุนตอบกลับมา “วิเคราะห์ใหม่ละพวกมันเป็นระดับเอ แต่รีบหน่อยละกันก่อนพวกมันจะมีอะไรแปลกๆเพิ่มเข้ามาอีก เรื่องต่อจากนี้ค่อยมาคุยกัน”
ชิตหันมามองเอม นั้นคงเป็นสัญญาณให้เอมรู้ว่าคงต้องเอาจริงได้แล้ว เอมเห็นดังนั้นเลยทำท่าทางเหมือนจะปล่อยสายฟ้าออกมาอีกรอบแต่ที่ออกมาคือนกสีฟ้าครามมีลายตามตัวเป็นสีดำรูปร่างคล้ายนกอินทรีมีปีกสองคู่พร้อมสายฟ้าล้อมรอบร่างกายของนกตัวนี้นกตัวนั้นบินไปโจมตีโครวแต่ดูเหมือนมันจะไม่สะเทือนอะไรเลยทางด้านชิตเองที่ทำสมาธิไว้แล้วเขาใช้พลังของอัญมณีมาเสริมด้านพลังทำให้การโจมตืแต่ละครั้งเพิ่มขึ้น แต่การโจมตีแต่ละครั้งก็ยังทำได้แค่สร้างบาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น
“ทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย” เอมคุยกับชิต
“หรือว่า จะเป็นกายยาเกราะขั้น 4” ชิตตอบกลับมา “จะว่าไป เอม รู้สึกมาตั้งแต่ก่อนต่อสู้ละ ชุดนี้มันเสริมอะไรหลายๆอย่างจริงๆละนะ”
“นั่นสิ มันรู้สึกคล่องตัวยังไงก็ไม่รู้” เอมเห็นด้วยกับคำพูดของชิต “ถ้าอย่างนั้นคงทำแบบนี้ได้สินะ”
เอมพูดจบเธอทำการเรียกสัตว์อัญเชิญอีกสองตัวนั้น ตัวแรกเป็นวัวกระทิงสี่เขาลำตัวสีแดงเข้มมีลายคล้ายเปลวไฟและอีกตัวเป็นสิงโตขนสีขาวนวลแผงขนมีเป็นน้ำแข็ง รวมถึงขนที่ปลายหางเป็นรูปเกล็ดหิมะ
เอมเริ่มให้วัวกระทิงของเธอพ่นไฟใส่โครวจากนั้นก็ให้สิงโตน้ำแข็งพ่นละอองน้ำแข็งใส่ แล้วให้โจมตีสลับไปมาระหว่างไฟกับละอองน้ำแข็ง จากนั้นเธอส่งสัญญาณให้ชิตที่กำลังเตรียมพร้อมอยู่นั้นโจมตี
“ธันดริกซ์...โจมตีด้วยนางแอ่นหวนกลับ” สิ่งเสียงคำสั่งของเอม นกสายฟ้าที่บินวนอยู่รอบๆก็พุ่งตัวลงมาจากที่สูงพร้อมใช้ปีกเข้าโจมตีเข้าพร้อมไปกับชิตที่ใช้ดาบฟันโครวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ล้มลงทันที
“เล่นเอาเหนื่อยเลยนะ แต่ดีนะที่ชุดบ้านี่กลับทำงานได้ดี” ชิตหันไปคุยกับเอม “นิสา ดรีม ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ทางนี้ก็เรียบร้อยแล้วละ โชคดีนะที่นิสามีโพเทนซีคือไลฟ์แฮก” ดรีมตอบกลับมา
“เพราะชุดนี้ละมั้งเลยทำให้ควบคุมโครวได้เร็วกว่าปรกติ” นิสาพูดเสริมขึ้น
ไลฟ์แฮกเป็นโพเทนซีของนิสา ความสามารถคือจะส่งพลังรบกวนไปที่คู่ต่อสู้และดูดพลังชีวิตมาเป็นของตน เมื่อรบกวนไปได้สักพักก็จะสามารถควบคุมระบบของร่างกายอีกฝ่ายได้ทันที ทั้งนี้ปรกตินิสาต้องใช้เวลาประมาณ 21 นาทีถึงจะสามารถควบคุมอีกฝ่ายได้ ทำให้ในการต่อสู้จริงเธอใช้เพื่อดูดพลังเท่านั้นแต่การต่อสู้ครั้งนี้ได้ชุดของศาสตราจารย์ทำให้ความสารารถนี้ใช้เวลาน้อยกว่าปรกติ
จากนั้นศาสตราจารย์อรชุนได้ติดต่อเข้ามา
“เอาล่ะพวกเธอกลับมาที่ศูนย์ได้แล้ว เดี๋ยวทางนู้นให้หน่วยรักษาการณ์ดูแลต่อเอง” เสียงของศาสตราจารย์แจ้งเข้ามา
ทั้งสี่คนถอดแหวนออกพร้อมกับชุดสีดำที่สวมได้สลายหายไป และทั้งสี่คนได้เดินไปที่ศูนย์วิจัยทันทีพร้อมกับการบ่นของเอมตลอดทางเพราะตอนนี้เธอต้องการอาหารมื้อเย็นมาก
เขตของศูนย์วิจัยและพัฒนาอุปกรณ์เสริมพลังมีความกว่างถึง 20 ไร่โดยแบ่งเป็นส่วนอาคารสำนักงาน ห้องวิจัย และหอพัก 1.5 ไร่ และที่เหลือจะเป็นส่วนของพื้นที่ทดสอบอุปกรณ์ที่ผลิตขึ้นมา(กว่างเกิน!!!) ถึงอย่างนั้นก็มีอาคารแยกอีกอาคารไว้เก็บอุปกรณ์ที่วิจัยและผลิตขึ้นมาทั้งนี้ยังมีแผนจะสร้างอาคารอีกหลังเพื่อเก็บอุปกรณ์อีกหลังด้วยซึ่งนิสาก็มักจะบ่นๆอยู่ว่าจะสร้างเพิ่มไปทำไมก็ไม่รู้เพราะที่เอาไปเก็บก็มีแต่ขยะทั้งนั้น
ทั้งสี่คนมาถึงที่อาคารสำนักงานของศูนย์วิจัย
“มาที่นี่ทุกที ก็อดคิดไม่ได้นะว่าศูนย์นี่มีพื้นที่มากขนาดนี้ แต่กลับมีคนอาศัยอยู่แค่ 5 คน” ดรีมพูดขึ้นมา
“นั่นสิ ขนาดซั้นเป็นผู้อยู่อาศัยก็ยังคิดเหมือนกันเลย” นิสาตอบกลับไป
ทั้งสี่เดินเข้าไปในตัวสำนักงาน คนที่รอต้อนรับคือศาสตราจารย์อรชุน เป็นหนุ่มวัยกลางคนสวมแว่นหนากับผมสีดำมีสีขาวแซมพร้อมทรงผมรองทรง เขาสวมเสื้อยืดสีส้มปัดโลโก้ของศูนย์วิจัยไว้ที่กระเป๋าเสื้อบริเวณอกซ้ายพร้อมกางเกงยีนสีฟ้าขาสั้นกับสวมรองเท้าแตะสีดำ และอีกคนที่มาต้องรับคือหนึ่งในสองนักวิจัยโดยเราเรียกเขาว่าพี่ศร ด้วยอายุของเขาเพียง 24 ปีทั้งสี่คนเลยมักสนิทกับนักวิจัยคนนี้ซึ่งพี่ศรก็สวมชุดเดียวกับศาสตราจารย์อรชุน (ก็มันเป็นชุดเวลานอกงานนี่นา)
พี่ศร และศาสตราจารย์อรชุนได้พา เอม ชิต นิสา ดรีม ไปที่ห้องอาหารในตัวอาคารสำนักงานของศูนย์วิจัย เป็นห้องที่กว้างใหญ่ที่รองรับได้มากกว่า 100 คน (โดยปรกติก็ใช้กันแค่ 5 คนละนะ ฮาๆๆ) และพาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร ทั้งสี่คน ได้พบกับนักวิจัยอีกหนึ่งคนเราเรียกเขาว่าคุณซิวเวอร์ โดยเดิมทีเขาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ป้องกับสิ่งรุกรานที่มาจากหน่วยงานกลางตำแหน่งซิวเวอร์ และเขามีความสนใจในการผลิตอุปกรณ์สำหรับเสริมพลังการต่อสู้อีกด้วยเลยถูกศาสตราจารย์ทาบทามให้มาเป็นนักวิจัยที่นี่
“อ้าวพวกนายมากันแล้วหรอ มากินสุกี้กัน” เสียงมาจากชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีดำซึ่งเป็นเครื่องแบบของชุดนักศึกษาแผนกปรกติจากมหาวิทยาข้างเคียง รูปร่างสูงโปร่งผมสั้นสีดำกำลังเข็นรถเข็นใส่เครื่องดื่มมา
“ไง ไวท์” เอมทักทายชายหนุ่มที่เดินมาพร้อมโบกมือให้ “มานั่งข้างๆเอมก็ได้นะ”เอมพลางชี้ไปที่เกาอี้ด้านข้างของเธอ
ไวท์ หนุ่มนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแผนกปรกติอยู่ชั้นปีที่ 2 เช่นเดียวกับ เอม นิสา ชิต และดรีม เขารู้จักกับนิสาตั้งแต่มัธยมต้น จริงๆแล้ว เอม ชิต ดรีม ก็เห็นไวท์ที่มักจะมาส่งนิสามาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วเลยมักล้อนิสาเรื่องเป็นแฟนกันตั้งแต่ตอนนั้น แต่นิสาเองก็ปฏิเสธเรื่องเป็นแฟนกันเรื่อยมา จนมารู้จักจริงจังก็ตอนปี 2 เทอม 1 ในคาบปฏิบัติของศาสตราจารย์อรชุน โดยให้ไวท์เป็นผู้ช่วยและตอนนั้นไวท์ก็เปิดเผยว่าตัวเองชื่อไวท์เป็นทหารยศพันตรี
เมื่อพร้อมแล้วทั้งแปดคนเลยเริ่มรับประทานอาหารกัน
“จะว่าไป นิสากับเอม รู้จักกันมาก่อนจะเข้าวิทยาลัยแล้วสินะ” ชิตถามขึ้นมา
“ใช้ๆ เรารู้จักกันก็ตอนพวกแอลฟาบุกเมื่อ 4 ปีก่อน” เอมตอบกลับ “ตอนนั้นเหมือนเห็นพวกระดับแอลฟา 3 ตัวเดินผ่าน แต่พอมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองสลบไป แต่ก็ได้นิสามาช่วยพาออกจากบริเวณนั้น”
“อืม.....ระดับแอลฟา 3 ตัว อ้าวไม่ได้เจอไวท์หรอ” ดรีมที่ฟังอยู่ถามขึ้นมา
“ไม่ได้เจอนะ รู้สึกว่าตอนนั้นกำลังตามหาน้องสาวอยู่ แล้วกว่าจะไปถึงแถวนั้นพวกระดับแอลฟา 3 ตัวถูกจัดการไปแล้วพร้อมกับน้องสาวที่บาดเจ็บอยู่” ไวท์ตอบดรีมกลับไป
“เอ๊ะเดี๋ยวนะ น้องสาวนายคือ มิราเคิลเกิล คนนั้นใช่ไหม” คุณซิลเวอร์ที่ฟังอยู่ถามไวท์ พร้อมทำท่าตกใจ
“อืม ใช่แล้ว” ไวท์ตอบกลับ “มันคือความภาคภูมิใจของพี่ชาย ที่ฝึกซ้อมให้มากับมือเลยเชียวนะ”
“เอ...ชัดจะเริ่มไม่เชื่อคำพูดของนายแล้ว ก็ตอนฝึกให้นี่ละ รู้สึกน้องสาวนายจะเป็นผู้ใช้เวทย์ขนานแท้เลยนิแต่กับนายที่ใช้ได้แค่เวทย์เล็กๆน้อยๆ เองนิ” ชิตสวนเข้ามา
“นี่ชิต มันไม่ได้อยู่ที่ว่าทำอะไรได้บางแต่มันอยู่ที่ว่าทำอย่างไรมากกว่านะ มาเจอกันได้ ยศพันตรีนะไม่ได้ได้มาแบบเล่นๆซะด้วยสิ” ไวท์เริ่มท้าทายชิต ชิตก็มองไวท์ด้วยสายตาที่จ้องเขม่นกัน
ทันใดนั้น นิสาคีบชิ้นเนื้อขนาดพอดีคำที่ต้มในน้ำซุปจนสุกพร้อมจิ้มน้ำจิ้มสุกี้มาป้อนให้ไวท์
“อ่ะนี่ไวท์ อ้าม!!!” นิสาคีบใส่ปากไวท์พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสดใสของเธอส่วนไวท์เองก็อ้าปากรับทันที
จังหวะนั้นเองทำเอา เอม ชิต ดรีมตาค้างกันเลย(โมเม้นแบบนี้ พี่ศร คุณซิลเวิอร์ กับศาสตราจารย์ก็เห็นจบชินตาแล้ว)
“ไหนๆก็มาอยู่ด้วยกันแล้ว ขอถามหน่อยพวกเธอสองคนกำลังคบกับอยู่จริงๆใช่ไหม” ดรีมถามไวท์กับนิสา ซึ่งเอมกับชิตเองก็เห็นด้วยกับคำถามนี้
“เห้ย...ไม่ได้คบกันสักหน่อย” ไวท์ตอบดรีมกลับไป
“แต่ท่าทางพวกนายมันฟ้องอยู่น่ะเฟ้ย!!” ดรีมสวนกลับไป
“เราไม่ได้คบหรือเป็นแฟนกันจริงๆนะ เป็นไปไม่ได้เลยต่างหากก็ไวท์นะ มีคู่หมั่นอยู่แล้ว” นิสาตอบกลับพร้อมสีหน้านิงเฉย
“ใช่ๆ ผมมีคู่หมั่นอยู่แล้ว” ไวท์เสริมขึ้นพร้อมทำหน้างุนงง “เราไม่เคยบอกพวกนายหรอ เหมือนนิสาก็ให้ดูรูปคู่หมั่นของผมไปแล้วนี่นา”
จากนั้นนิสาก็เปิดรูปในโทรศัพท์ให้ดู ในรูปมีคนอยู่สามคนทางซ้ายคือนิสา ตรงกลางคือไวท์ และทางด้านขวาคือหญิงสาวกำลังควงแขนของไวท์พร้อมสีหน้ายิ้มแย้มซึ่งนิสาก็ชี้มาทางคนทางขวานี้ “นี่ไงคู่หมั่นของไวท์ ตอนนี้เธออยู่ต่างประเทศ”
“นั่นน้องสาวนายไม่ใช่หรอ ไวท์” เอมถามขึ้นมา
“ก็ใช่นะ น้องสาวผมก็คือคู่หมั่นของผม ก็ตอนนั้นเรายังเด็กจะเที่ยวบอกว่าเป็นคู่หมั่นมันจะดูไม่เหมาะ ก็เลยเป็นน้องสาวไปก่อน” ไวท์เสริมขึ้นพร้อมอธิบายและยังคงทำหน้างุนงง “นิสาไม่ได้บอกไปแล้วหรอ”
เอม ชิต ดรีม พี่ศร คุณซิลเวอร์ และศาสตราจารย์อรชุนได้ฟังคำพูดของนิสากับไวท์ก็ถึงอึ้งบางคนถึงกับทำช้อนตก บางคนถึงกับทำแก้วหล่น และบางคนก็แทบสำลักอาหารที่กินไป
ทั้งหกคนลุกขึ้นยืนและพูดพร้อมกัน “เธอสองคนไม่เคยแม้แต่จะพูดถึงเลยต่างหาก!!”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ