พรเเห่งหมู่ดาว

-

เขียนโดย น้ำพุ

วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 09.50 น.

  7 บท
  0 วิจารณ์
  8,882 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) เปิดตำราวิชาดวงดาว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
          ผมเดินซึมๆ กลับมายังห้องใต้ดิน เพราะผมเพิ่งทำให้คนที่ผมคิดว่าเป็นเพื่อนคนเดียวของผมที่นี่เสียใจไปซ้ะเเล้ว เเต่ก็คงต้องปล่อยให้เป็นอย่างนั้นไปเพราะผมไม่สามารถปล่อยให้อะไรๆมารบกวนจิตใจได้ ผมต้องกลับไปยังโลกของผม กลับไปหาเเม่ กลับไปใช้ชีวิตในที่ๆจากมา 
          พอสลัดความเศร้า เเละความรู้สึกต่างๆออกไปได้ ผมเปิดหนังสือที่เเอสเรียลยัดเยียดให้มาช้าๆไปทีละหน้า เเวบเเรกที่เปิดดูผมเเทบจะปิดมันทันทีเลยด้วยซ้ำ ตัวหนังสือที่เขียนอยู่ในเเตละหน้าเป็นตัวอักษรที่เเปลกตาที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เเต่ก่อนทีจะทันได้ปิดมันผมก็เหลือบไปเห็นตัวอักษร 2-3 ตัวตรงกึ่งกลางด้านบนของหน้าหนึ่งในหนังสือ เเล้วก็ต้องตกใจที่จู่ๆคำว่าสารบัญก็ผุดขึ้นมาในหัว          
       จากนัั้นพพอผมพยายามตั้งสมาธิเเละเพ่งความสนใจทั้งหมดไปที่หนังสือเล่มนั้น ผมกลับเข้าใจข้อความต่างๆที่เขียนไว้ด้วยอักษรประหลาดด้วยวิธีการอะไรบางอย่างก็ไม่รู็ พอได้อ่าน(เปิดผ่านๆ)ไปคร่าวๆ ก็พอจะสรุปใจความสำคัญของหนังสือเล่มนี้ได้ประมาณว่า มันเป็นหนังสือคู่มือการใช้พรเเห่งหมู่ดาวคนคู่ เนื้อหาส่วนเเรกจะเขียนถึงตำนานของกลุ่มดาวต่างๆ วิธีการฝึกรวบรวมควบคุมพลังดวงดาวเเละการใช้พรจากดวงดาว ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบง่ายๆ การรวบรวมพลังจากดวงดาวก็เหมือนกับการที่เรากินอาหารเพื่อให้เราได้รับพลังงานเพียงเเต่ว่าการรับพลังจากดวงดาวนั้น เราจะได้รับอยู่ตลอดเวลาในยามวิกาล เเละจะยิ่งได้รับเต็มที่ถ้าได้อาบเเสงดาวอยู๋กลางเเจ้ง ส่วนการใช้พรจากดวงดาวก็เหมือนกัับการเล่นกีฬาที่เราต้องเผาผลาญพลังงานในร่างกายมาใช้ในการออกเเรง เเต่ในกรณีนี้เราจะเผาผลาญพลังดวงดาวเเทน เนื้อหาส่วนเเรกๆก็จะเป็นประมาณนี้
          เนื้อหาส่วนถัดมาเป็นรูปเเบบการใช้พรในเเบบต่างๆ ของหมู่ดาวนี้ ซึ่งบรรพบุรุษผู้ได้รับสืบทอดหนังสือเล่มนี้เป็นผู้เขียนไว้ ผมพยายามไม่สนใจพรต่างๆถึงเเม้ว่ามันจะน่าสนใจอยู่บ้างก็ตามเพราะความสนใจผมเเน่วเเน่อยู่กับพรบทเดียวเท่านั้น 
          เเละเเล้วผมก็เปิดเจอมัน พรเคลื่อนเปลี่ยนโลก ผมใช้เวลาอยู่นานพอสมควรในการทำความเข้าใจพรบทนี้อย่างถี่ถ้วน เเต่เเล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาดังๆ
          .
          .
          .
 "เฮ้ออออออออออออออออ นี่มันมากเกินไปเเล้ว"
          ผมปิดหนังสือลงด้วยอาการถอดใจ มองหนังสือเล่มนั้นที่วางอยู่ตรงหน้าอย่างว่างเปล่า น้ำอุ่นๆไหลออกมาจากขอบตาที่เเดงก่ำ ผมได้เเต่ปล่อยอารมณ์ความรู้สึกต่างๆให้ล้นทะลักออกมาหลังจากที่พายามควบคุมอยู่นาน เเต่เเล้วผมก็นึกถึงหน้าเเม่เเล้วก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้งนึง ผมใช้มือปาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุ่นหย่อน เเละปลอบใจตัวเอง 
 "เดี๋ยวพรุุ่งนี้มันก้ดีขึ้นเองงงงงง" 
         จากน้ันผมก็ผลอยหลับไปคาหนังสือเล่มนั้น
 
          อาการเจ็บที่ท้องด้วยความหิวข้าวขั้นรุนเเรงทำให้ผมตื่นขึ้นโดยฝ่ามือทั้งสองข้างกุมอยู่ที่ท้อง ผมไม่เเน่ใจนักว่าตอนนี้มันมีกลิ่นอาหารลอยมาเเตะจมูกผมอยู่จริงๆหรือว่าผมเเค่จินตนาการมันขึ้นมาเอง ไม่มีเวลาให้ครุ่นคิดมากนักผมตัดสินใจเดินดุ่มๆตามกลิ่นอาหารไปจนมันนำผมไปสู่ห้องประชุมที่ซึ่งเมื่อคืนเราใช้ประชุมกัน เเล้วก็โป๊ะเชะะ มีอาหารวางอยู่จริงๆด้วย
          ผมจัดการเเฮมเบอเกอร์ชิ้นยัก2ชิ้น เเละน้ำชาอะไรบางอย่างที่มีกลิ่นหอมคล้ายดอกมะลิเเต่หอมกว่าเสร็จภายในเวลาไม่กี่นาที ก่อนที่จะได้เห็นว่าข้างๆจานอาหารมีกระดาษโน๊ตเเปะอยู่
                     ถึงนายโรคจิตไม่ใช่สินายเจม 
กินอาหารเสร็จเเล้ว หวังว่านายจะมาช่วยพวกเรานะ
                       จากเวอร์ ครที่นายมาบุกรุกห้อง
          ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวๆเล็กน้อยที่ได้อ่านข้อความนี้ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรือว่าเขิลกันเเน่ เธอคนนี้หน้าตาสวยเเละน่ารักมากๆๆๆๆพอที่จะทำให้ผู้ชายทุกคนตกหลุมรักได้เลยทีเดียว เเต่ท่าทางกับตรงข้ามกับหน้าตาอย่างสิ้นเชิง สังเกตุง่ายๆเลยจากสายตาชิงชังที่เธอมักส่งให้ผมตลอดการประชุมเมื่อคืน กับคำพูดสนับสนุนเวลาที่เจ้าสิงโตนั้นพยายามยัดเยียดความผิดต่างๆมาให้ผม ยิ่งทำให้ความน่ารักของเธอลดลงจนเกือบจะติดลบเลยทีเดียว
          เเอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
          เสียงเปิดประตูดังขึ้น เเล้วผู้หญิงคนนึงก็โผล่พรวดออกมาด้วยดวงตาเเดงก่ำ เเละท่าทางกระวนกระวาย ผมจำเธอได้ทันทีที่เห็น ลิบนั่นเองคนที่ช่วยกู้สถานการณ์ให้ผมเมื่อวาน
 "ว่าไงลิบ" ผมยกมือขึ้นทัก
 "ธธธธเธอออ" ไม่ทันจะได้ทักทายผม หยดน้ำตาสองหยดก็ไหลลงมาอาบสองข้างเเก้มของเธอ ถึงผมจะยังไม่ค่อยข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเเต่ผมก็เดินเข้าไปหาลิบ พาเธอมานังบนเก้าอี้เเละหยิบกระดาษทิชชูส่งให้ เธอคว้ามือผมเเละสูดหายใจลึกๆอยู่ทีนึงพร้อมกับสะอึกสะอื้นอยู่อีกหลายที
 "เธอน่าจะ..จะ..ไปดูเอควอหน่อยนะ" ลิบพูดในขณะที่ยังสะอึกสะอื้นอยู่
 "ห้ะเอควอเป็นอะไรน่ะ" ผมรู้สึกว่าใจผมเเทบจะหล่นไปถึงตาตุ่มเมื่อได้ยินเเบบน้้น
 "เอควอน่ะ ฟืดๆ.. เอควอน่ะ เธอ..เธอน่าาาาจะ..ฮืออออออออออ" ไม่ทันจะยังได้พูดจบ ประ โยค ลิบก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง
          ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเเต่ที่รู้เเน่ๆ คือตอนนี้คนๆเดียวที่ทำดีกับผมที่เป็นเพื่อนกับผมกำลังตกอยู่ในอันตรายเเน่ๆ เเละเพราะเมื่อวานผมเพิ่งจะทำให้เค้าต้องผิดหวังไป ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดทวีคูณเข้าไปอีก
 "เธอช่วยพาฉันไปหาเอควอหน่อยได้ไหม" 
 "ห้ะ!! จริงนะ"
          ลิบตอบผมทันทีพอผมถามจบด้วยสีหน้าดีใจราวกับว่าเธอลืมไปว่าเธอกำลังร้องไห้อยู่ ก่อนที่จะเริ่มทำหน้าเศร้าเเล้วก็เริ่มปล่อยโฮต่อ
 "ฮือๆๆ ได้สิเจม ฮืออๆ"
          ทางเดินออกจากหอพักโซดไปถึงงานเทศกาลเดสตินี่ ถ้ารีบวิ่งไปก็ใช้เวลาประมาณเกิอบครึ่งชั่วโมง ซึ่งเป็นครึ่งชั่วโมงที่ผมรู้สึกตื่นเต้นเเละเศร้าใจที่สุดในชีวิต ใจนึงก็เป็นห่วงเพื่อนว่าจะเป็นไงบ้าง ใจนึงก็กำลังตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศเเละสภาพเเวดล้อมของอาณาจักรเเห่งนี้
          พื้นที่เเห่งนี้คล้ายกับชนบทของประเทศสวิตเซอเเลนด์ พื้นที่ปกคลุมไปด้วยทุ่งหญ้าสีเขียวเป็นส่วนใหญ่ในบริเวณที่ไม่มีบ้านผู้คนตั้งอยู่ ดอกไม้หลากสีสันขึ้นเเซมตามกอหญ้าเหมือนกับว่ามีใครเเต้มจุดสีต่างๆลงบนกระดาษสีเขียว บ้านผู้คนส่วนใหญ่ทำจากไม้ทั้งหลังซ้ะส่วนใหญ่ เเต่ก็มีบางหลังทำจากหินอ่อนหรือหินสีต่างๆ นอกเหนือจากบ้านเรือนที่นี่ยังมีร้านอาหาร ร้านค้าไม่ต่างจากโลกของเราเพียงเเต่ว่าอาณาจักรเเห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาตที่สมบูรณ์ มีเเม่น้ำสายใหญ่กั้นขวางเขตุชุมชนออกจากเขตที่เป็นทุ่งหญ้ากว้างๆที่ใช้จัดงานเทศกาล เราวิ่งข้ามสะพานไม้ใหญ่ๆไปเเล้วก็มาถึงงานเทศกาลเดสตินี่
          พอเข้ามาในงานผ่านร้านค้าต่างๆเข้าไปเรื่อยๆจนกระทั่งพบคนคนนึงยืนรออยู่ผมก็รู้ทันทีเลยว่า ผมถูกหลอก !! ผมเพิ่งจะฉุกคิดได้ว่าตลอดทางที่วิ่งมาลิบไม่ได้ร้องไห้หรือว่าเเสดงสีหน้าเสียใจออกมาเลยด้วยซ้ำ
 "ว่าไงพวก" เอควอยกมือขึ้นทักทายเเละยิ้มราวกับผู้ชนะ
 "ใหนเธอบอกว่าเอคอเป็นอะไรไง" ผมหันไปขมวดคิ้วใส่ลิบ
 "ฉันไม่ได้บอกว่าเอควอเป็นอะไรสักหน่อย ฉันเเค่บอกว่า เอควอ เอควอ เธอน่าจะ เธอน่าจะ ฮือๆ เเค่นั้น เเล้วเธอก็กระวนกระวายขอให้ฉันพาเธอมาที่นี่เองนี่นา" ลิบพูดขึ้นอย่างเรียบๆเเละตีหน้าซื่อ
 "หืมมม นายออกปากขอให้ลิบพามาเองเลยหรอเนี่ย ฉันล่ะซึ้งใจจริงๆ" เอควอพูด ในขณะที่ยังยิ้มอยู่
 "ฉันจะกลับเเล้ว พวกนายหลอกฉัน" ผมตอบด้วยสีหน้าจริงจังเเละมองหน้าเอควอกับลิบสลับกัน อาการโกรธคุอยู่ภายในอกของผม
 "ใหนๆก็มาเเล้ว นายจะไม่มาช่วยกันหน่อยหรอ"
 "ไม่" ผมยืนกราน  "พวกนายหลอกฉันให้มาที่นี่นะ ถูกเเล้วที่ฉันควรจะโกรธ"
 "ขอโทษหน่าเจมอย่าโกรธกันเลยนะ" เอควอพูดขึ้นเเละหันหน้าไปส่งซิกให้ลิบ
 "ขอโทษน้าาาเจม" ลิบพูดขึ้น  "ช่วยพวกเราหน่อยเถอะนะ"
 "ไม่ล่ะเชิญพวกเธอเถอะ" ผมหันหลังให้ทั้งสองคนเเละกำลังจะเดินจากไป
 "ถึงนายจะกลับไป นายก็ไม่มีทางร่ายพรนั่นได้สำเร็จหรอกนะเจม" เอควอตะโกนขึ้น
 "นั่นมันเรื่องของฉัน ฉันจะลองดูเอง ฉันไม่อยากฟังอะไรจากคนโกหกอย่างนาย" ผมตะโกนตอบกลับไปโดยทีไม่ได้หันหน้ากลับไป
 "ถ้านายช่วยเราวันนี้ พวกเราสัญญาว่ากลับไปจะสอนนายใช้พรนั่นเอง นายไม่มีทางทำสำเร็จด้วยตัวเองหรอก" เอควองัดไม้เด็ดออกมาใช้
          พอได้ยินเเบบนั้นผมก็หยุดชะงักลง หัวสมองผมประมาณผลต่างๆด้วยความเร็วเท่าที่สมองน้อยๆผมจะพอทำได้ ถ้าเรากลับไปเราจะร่ายพรนั่นสำเร็จจริงๆหรอ ซึ่งสำหรับประเด็นนี้ในหัวผมมีคำตอบตายตัวอยู่เเล้วว่าทำไม่ได้เเน่นอน เเล้วถ้าเราอยู่ช่วยพวกเอควอที่นี่ล่ะ พอคิดถึงประเด็นนี้ผมก็มองไปรอบๆงานเทศกาล สถานที่นี่ก็ดูไม่มีอะไร ก็เหมือนงานเทศกาลทั่วไปคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง พอคิดได้เเบบนี้ข้อเสนอของเอควอก็ถือว่าเย้ายวนมากเลยทีเดียว
 "เพื่อนไม่โกหกกันนะ" ผมหันหน้ากลับไปมองเอควอ
 "เพื่อนไม่โกหกกัน" เอควอพูดขึ้นพร้อมกับกำมือขวาเเละยื่นมาข้างหน้า ด้วยสีหน้าที่อาบไปด้วยรอยยิ้มเหมือนกับเด็กที่เเม่ยื่นของเล่นให้ โดยมีลิบยืนยิ้มอยู่ข้างๆด้วย
          ผมเดินเข้าไปหาเอควอ ยกมือขวาขึ้นกำ เเละชกไปเบาที่กำปั้นของเอควอ
 "สัญญา" ผมกับเอควอพูดขึ้นพร้อมกัน
 
 
 
          
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา