พรเเห่งหมู่ดาว
เขียนโดย น้ำพุ
วันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 09.50 น.
แก้ไขเมื่อ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 16.58 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) ความจริงเกี่ยวกับงานเดสตินี่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความทุกอย่างเริ่มเลวร้ายขึ้นตั้งเเต่ผมตกลงกับเอควอว่าจะช่วย งานเทศกาลเดสตินี่นั้นเป็นธรรมเนียมที่อาณาจักรดวงดาวจัดขึ้นทุกๆปี เพื่อรับคำทำนายประจำปีจากหินดวงดาวที่จะตกลงมาในช่วงของเดือนธันวาคมของทุกปี บนภูเขาที่สูงที่สุดตามเเนวเทือกเขา ซึ่งการที่จะนำหินดวงดาวมาเเปลงเป็นคำทำนายนั้น พระราชาจะเเบ่งกลุ่มค้นหาออกเป็น 3 กลุ่มโดยเเต่ละกลุ่มจะมีผู้ที่รับพรจากกลุ่มดาวจักราศีกลุ่มละ 4 คน (เอควอเล่าว่าปกติจะมีกลุ่มนึงมีผู้ใช้พรดาวจักราศีเพียง 3 คน เท่านั้นเพราะก่อนที่ผมจะปรากฎมีผู้ใช้พรดาวจักราศีเเค่ 11 คนเท่านั้น จนกระทั้งผมปรากฎตัวจึงครบ 12) ให้รับหน้าที่เป็นผู้นำในการเเข่งขันตามหาหินดวงดาวเเละนำกลับมายังเเท่นบูชาโตเลเมออส ตรงเชิงเขา โดยระหว่างการเเข่งขันค้นหา อนุญาติให้ใช้พรจากดวงดาว เเละอาวุธต่างๆช่วยได้
"เเล้วทำไมนายไม่บอกฉันก่อนล่ะเนี่ย" ผมกุมขมับอย่างอับจนหนทาง
"ถ้าฉันบอกก่อนนายก็ไม่ตกลงน่ะสิ" เอควอพูดขึ้นอย่างเรียบๆเเต่ก็เเอบเเฝงเเววดีใจอยู่
"เเน่นอนล่ะฉันคงไม่เอาด้วยเเน่ นี่ฉันจะตายก่อนเเข่งจบรึป่าวก็ไม่รู้เนี่ย" นั่นไม่ได้ฟังดูกล้าหาญเท่าไหร่ เเต่ผมก็พูดออกไปขณะที่ยังก้มหน้า ใช้มือสองข้างจับกุมขมับไว้ ริมฝีปากก็ขยับงึมงำๆเป็นคำสบถเบาๆ
"หวังว่านายคงจะไม่กลืนน้ำลายตัวเองนะ" ลิบพูดขึ้น "ส่วนเรื่องการต่อสู้นายไม่ต้องห่วงหรอกนะ ในวันที่ดวงดาวจรดเเผ่นพื้นธรณีซึ่งก็คือวันนี้ พลังเเห่งดวงดาวจะเข้มข้นมาก ณ บริเวณเเห่งนั้นที่ที่ดวงดาวตกลงมา เเละยังเเผ่กระจายอำนาจไปอีกหลายกิโลเมตรด้วย นั่นจะช่วยทำให้เเผลหรืออาการต่างๆจากการต่อสู้ดีขึ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะฉะนั้นนายไม่ต้องเป็นห่วงไป"
ผมยกมือออกจากการเกาะกุมศีรษะไว้ เงยหน้าขึ้นมองเอควอกับลิบสลับกันไปมาอย่างสลดใจเมื่อได้ค้นพบความจริงอีกข้อนึง
"ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอนะ ยังไงฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี พรเเห่งหมู่ดาวก็ใช้ไม่ได้ ทักษะอื่นๆฉันก้ไม่มี คงทำได้เเค่ไปยืนเกะกะเท่านั้นเเหละ"
"นายอย่าดูถูกตัวเองไปหน่อยเลยหน่าเพื่อน" เอควอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงให้กำลังใจราวกับลืมไปว่าเค้าเป็นคนวางเเผนหลอกผมให้มาเข้าร่วมงานครั้งนี้
ถึงจะพูดอย่างนั้น เเต่ผมก็ยังรู้สึกได้ถึงความไม่มั่นใจจากเพื่อนผม 2 คนนี้ เเต่จะว่าอะไรได้ขนาดผมก็ยังไม่มั่นใจเลยว่าตัวเองจะทำอะไรได้มาก
"ว่าเเต่นายบอกว่า กลุ่มนึงจะมีผู้ใช้พรจากดวงดาว 4 คน เเล้วอีกคนของกลุ่มเราเป็นใครกันล่ะ"
ผมถามขึ้นโดยหวังอย่างเเรงกล้าว่าจะไม่ได้ยินชื่อเจ้าสิงตาบ้านั่น
"ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ลีโออยู่อีกกลุ่มนึง สบายใจได้" เอควอพูดราวกับเดาใจผมออก
"เอาเป็นว่านายตกลงจะช่วยเราสินะ" ลิบสรุปขึ้นในที่สุด "ส่วนเรื่องสมาชิกอีกคนเดี๋ยวพอเราไปถึงลานประชุมนายก็จะรู้เอง"
พอพูดจบ ลิบกับเอควอก็พาผมเดินไปเข้าสู่ลานประชุม ผมเดินตามทั้งคู่ไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ 100 เปอร์เซ็นเท่าไหร่ พื้นที่เขตลานประชุมตรงตีนภูเขานั้นยังคงเป็นสนามหญ้าเหมือนกับบริเวณอื่นๆ มีขนาดความกว้างเกือบเท่าสนามฟุตบอล ตรงกลางลานประชุมมีเเท่นบูชาอะไรบางอย่างที่ทำจากหินอ่อนตั้งอยู่ซึ่งผมคาดว่านั่นน่าจะเป็นเเท่นบูชาโตเลเมออส ลักษณะของเเท่นบูชานี้เป็นรูปปั้นของมนฺุษย์ที่สวมชุมเเบบนักบวช มีปีก4ปีกโผล่ขึ้นมาจากด้านหลังทางซ้ายเเละขวาข้างละ2ปีก ช่วงเเขนของรูปปั้นกำลังยื่นมือออกมาข้างหน้าคล้ายกับว่ากำลังรอให้ใครนำวัสดุบางอย่างมาวาง ซึ่งถ้าให้ผมเดาอุ้งมือจะต้องเป็นที่ที่เราต้องนำหินดวงดาวมาวางเเน่นอน
ผมเดินผ่านรั้วกั้นระหว่างงานเทศกาลที่จัดขึ้นอย่างครึกครื้น เข้ามาในพื้นที่ลานประชุมซึ่งมีผู้คนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมเดินขวักไขว่อยู่เกือบๆ ร้อยคนได้ บางคนกำลังจับกลุ่มคุยอะไรบางอย่างกันอย่างเคร่งเครียด บ้างก็เดินไปเดินมาอย่างกระสับกระส่าย
ภาพที่เห็นไม่ค่อยน่าสบายใจเท่าไหร่ ผมจึงเร่งฝีเท้าขึ้นให้เดินทันเอควอ เเละสะกิดถาม "ทุกคนเป็นอะไรกันน่ะ"
"ทุกคนก็เครียดกันเป็นธรรมดานั่นเเหละ ไม่มีทีมไหนอยากเเพ้หรอก" เอควอหันมาตอบผม "อ้อ! เเล้วก็อีกอย่างคงเพราะคำทำนายจากปีที่เเล้วด้วยเเหละ ที่ว่า.."
"เอควออ" ลิบพูดขึ้นเป็นการปราม
"ไม่เป็นไรหรอกน่าลิบ" เอควอหันไปยิ้มให้ลิบ ลิบไม่ได้ยิ้มตอบ เเต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้ห้ามอะไรตอนที่เอควอพยายามเล่าต่อ "คือว่าที่ทุกคนเครียดกันกว่าปกติคงเป็นเพราะปีที่เเล้วเราได้รับคำทำนายที่ไม่ดีเท่าไหร่ เกี่ยวกับการที่อาณาจักรกำลังจะมีอันตรายเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ พวกเราคิดว่าคำทำนายน่าจะหมายถึงการรุกรานจากออฟเฟียสราชาของอาณาจักรภายนอกนั่น เเต่ว่า 1 ปีผ่านไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นทำให่เราค่อนข้างวิตกกับผลทำนายในปีนี้เป็นพิเศษ ว่าจะมีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้นรึป่าว"
สีหน้าเเละน้ำเสียงของเอควอจริงจังจนทำให้ผมเริ่มจะเสียวสันหลังเล็กๆ เอควอเหมือนจะสังเกตเห็นสีหน้าหวาดๆของผม จึงหันมาปลอบ
"มันก็เเค่คำทำนายน่ะ มันอาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ นายอย่าไปใส่ใจมากเลย"
คำพูดเอควอเมื่อครู่ไม่ได้ทำให้ผมสบายใจขึ้นมากนัก มันต้องมีเหตุผลเเน่ๆที่งานนี้ถูกจัดขึ้นในทุกๆปี อีกอย่างถ้าคำทำนายไม่น่าเชื่อถือนักทุกคนคงไม่รู้สึกกังวลกันขนาดนี้
"คิดมากไปก็ไม่ช่วยอะไร อีกอย่างเดี๋ยวนายก็จะได้กลับบ้านเเล้ว" ผมบอกตัวเองเบาๆ เเละใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างตบเเผ่วๆที่เเก้มเรียกสติตัวเอง
"โอ๊ยยยยยยยยยยย"
ผมได้สติจากการเดินเหม่อจนกระทั่งเดินไปชนผู้หญิงคนหนึ่งจนเธอล้มลง
"ขอโทษนะครับ คุณเป็นอะไรหรือป่าว" ด้วยความรู้สึกผิด ผมยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อจะช่วยดึงตัวเธอขึ้นมา เเละทันใดนั้นเองพอเธอคนนั้นหันหน้ามามองผมตรงๆ ความรู้สึกผิดที่เมื่อครู่ก็หายไปโดยสิ้นเชิง
"เดินก็ดูตาม้าตาเรือหน่อยสิย้ะ" สาวที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตาดีพูดขึ้น สายตาจ้องเขม็งมาที่ผมในขณะที่สองมือกำลังพยุงตัวเองลุกขึ้นยืน
"ใหนล่ะม้า ใหนล่ะเรือเธอ" ผมพูดพลางหันมองซ้ายขวาอย่างประชดประชัน "ฉันว่าไม่มีนะ"
"เป็นไรไหมเวอร์" ลิบวิ่งไปช่วยดึงเวอร์ขึ้นยืน
"จะพึ่งพาหมอนี่ได้จริงๆน่ะหรอ" เวอร์พูดขึ้นอย่างเหยียดๆโดยที่สายตาก็ยังถลึงมองมาทางผม
"เราไม่มีทางเลือกอื่นนี่นา" เอควอพูดขึ้นบ้าง เเละกระโดดมากอดคอผม"เเละยังไงซ้ะเจมก็ยังเป็นผู้ใช้พรหมู่ดาวคนคู่นะ เป็น1ใน12ดาวจักราศี หมอนี่ต้องเป็นกำลังเสริมที่เจ๋งมากเเน่ๆ"
"อย่าบอกนะว่าสมาชิกทีมอีกคนคือ.." ผมไม่ได้พูดจนจบประโยค เเละขมวดคิ้วไปทางเวอร์
"ใช่เเล้วล่ะ" เอควอกับลิบตอบขึ้นพร้อมกัน
"ฉันก็ไม่ได้ยินดีหรอกนะที่จะต้องมาร่วมทีมกับนายน่ะ ตาโรคจิต" เวอร์พูดขึ้นเเล้วใช้มือกอดตัวเองไว้ราวกับว่าเธอรังเกียจผมจนขนลุกขนพอง
"ก็ถ้าเธอรังเกียจฉันขนาดนี้ เธอจะทำอาหารไว้ให้ฉันเเละเขียนโน๊ตทิ้งไว้ทำไมล่ะว่าให้ฉันมาร่วมงานนี้"
ผมเพิ่งนึกออกเรื่องเมื่อเช้าที่มีคน ทำอาหารเเละทิ้งข้อความไว้ให้ผมที่หอพัก ซึ่งตรงท้ายข้อความลงชื่อไว้ชัดเจนว่าจากเวอร์
"ฝันกลางวันหรอย้ะ ฉันน่ะหรอจะทำเเบบนั้น" เวอร์พูดขึ้นราวกับว่าเรื่องที่ผมพูดเป็นเรื่องโกหกสำหรับเธอ
ทันใดนั้นเองผมก้เห็นถึงความขัดเเย้งบางอย่างว่าเวอร์เกลียดผมจะตาย(ซึ่งผมก็ไม่เเน่ใจว่าทำไม) เธอคงจะกัดลิ้นตัวเองตายไปเเล้วเเน่ๆถ้าต้องมาทำดีกับผมอย่างนั้น เเล้วใครกันล่ะที่ทำเเบบนี้
ผมหันไปสบตากับเอควอโดยบังเอิญที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ เเล้วปริศนาก็กระจ่างทันที
"ฝีมือนายสินะ" ผมหันไปกอดอกทางเอควอด้วยสายตาคาดคั้น เวอร์เองก็ทำเเบบนั้นเช่นกัน
"ฉันว่าเราอย่าไปสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนั้นเลยนะ" เอควอพูดไม่เต็มปากมากนักด้วยอาการรุกรี้รุกรน "นู่นเเอสเรียลมาเเล้วฉันว่าเราไปรวมเเถวกับคนอื่นๆได้เเล้วล่ะ"
พอพูดจบเอควอก็วิ่งพรวดหนีความผิดออกไป
สัญญาณระฆังดังขึ้นจากตรงกลางลานประชุมข้างๆเเท่นบูชา เเอสเรียลยืนอยู่ตรงนั้นโดยมีชายชราอีกคนในชุดพระราชายืนอยู่ถัดไป ผู้คนในลานประชุมเริ่มขยับรวมตัวกันเป็นกลุ่มสามกลุ่ม เเต่ละกลุ่มมีการเเบ่งเเถวออกเป็น 4 เเถว ซึ่งเเต่ละเเถวก็จะมีสมาชิอยู่ไม่เกิน8คน เเละที่ยืนอยู่หน้าสุดเเต่ละเเถวก็คือผู้ที่ใช้พรจากหมู่ดาวจักราศี
ขบวนเเถวในกลุ่มของผมถูกจัดในรูปเเบบเดียวกันนี้ เอควอยืนอยู่หน้าสุดในเเถวที่หนึ่ง ส่วนเเถวอีกสามเเถวที่เหลือ ก็เป็นลิบ เวอร์ เเละผมตามลำดับ ถึงเเม้ว่าผมจะยืนกรานเเล้วว่าไม่อยากอยู่ด้านหน้าเเต่คนอื่นๆในเเถวก็เหมือนจะไม่เห็นด้วยเเล้วก็ทั้งฉุดทั้งดึงผมไปอยู่ด้านหน้าอยู่ดี
เเอสเรียลใช้ด้ามไม้เท้าเคาะที่พื้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบ "เอาล่ะทุกคนเข้ารับการปฎิญาณในการค้นหาได้"
พอสิ้นเสียงเเอสเรียลทุกคนก้ยื่นเเขนขวาออกมาข้างหน้า โดยนิ้วทั้งห้าเรียงชิดติดกันในสภาพคว่ำมือเเละเริ่มกล่าวคำปฎฺิญาณพร้อมกัน
"ข้าเเต่เทพเเห่งดวงดาวผู้สูงส่ง
โปรดมองลงมาเบื้องล่างพลางสาดเเสง
โปรดชี้นำผู้รับพรพลางสำเเดง
ฤทธิ์รุนเเรงจนประจักษ์พิทักษ์เรา"
พอพูดจบทุกคนก็ใช้มือขวาตบที่อกด้านซ้ายสามครั้งดึง ปึกๆๆ เป็นอันสิ้นสุดพิธีการปฎิญาณ
ในช่วงสองถึงสามวินาทีเเรกเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เเต่ทันใดนั้นเองบรรยากาศโดยรอบเหมือนจะเปลี่ยนไป ลมเย็นๆหลายสายพัดมากระทบตัวพวกเรา ท้องฟ้าที่เคยสดใสเเละมีเมฆลอยอยู่อย่างหนาเเน่นตอนนี้ทองฟ้ากลับเปิดเเหวกจนสามารถมองทะลุขึ้นไปจนเห็นมวลสารสีดำเเละวัตถุเรืองเเสงได้...อวกาศ!!!! เป็นเวลาเสี้ยวนาทีนึงที่ผมได้เห็นภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจเเล้วทุกอย่างก็กลับไปเป็นปกติ
"โว้ววว นี่มันเหลือเชื่อ" ผมพูดกับตัวเองเบาๆ
"เอาล่ะ ขอเทพเเห่งดวงดาวปกปักรักษาพวกเจ้าทุกคน ตอนนี้พวกเจ้าเเยกย้ายกันไปตามจุดรวมพลจุดต่างๆได้เเล้ว อีก1ชั่วโมงจากนี้สัญญาณเริ่มการค้นหาจะดังขึ้นทุกคนค่อยเริ่มการค้นหา เเยกย้ายได้"
พอสิ้นเสียงคำสั่งจากเเอสเรียล เเต่ละกลุ่มก็เดินผ่านซุ้มประตูของกลุ่มตัวเองเข้าไปสู่ป่าลึกตรงเชิงเขาเพื่อไปยังจุดรวมพลของกลุ่มตัวเอง
กลุ่มของผมใช้เวลาเดินทางจากซุ้มประตูมายังจุดรวมพลหมายเลขสามเกือบๆ 20 นาทีโดยประมาณ จุดรวมพลเป็นลักษณะคล้ายๆที่พักเเบบทหารที่เป็นเต้นท์ขนาดใหญ่ ภายในมีเตียงสำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บเเละกล่องอุปกรณ์ทางเเพทย์กับกล่องไม้ขนาดต่างกันวางอยู่มากมายตามชั้นวางของเเละพื้น
"เเผนล่ะ" ใครคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นเมื่อเราเดินเข้ามาในเต้นท์จนครบ
"เอาล่ะทุกคนฟังนะ" เอควอพูดขึ้นด้วยความมพยายามอย่างมากที่จะทำให้เสียงนั้นหนักเเน่น "เนื่องจากเรายังไม่รู้เเน่ชัดว่าหินดวงดาวอยู่ใหน เพราะฉะนั้นเราจะยังไม่เคลื่อนพลจนกว่าทีมสำรวจจะค้นพบตำเเหน่งที่เเน่นอน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอันตรายในการต่อสู้ เเละเมื่อเราเจอตำเเหน่งเเล้วฉันจะมีคำสั้งให้เคลื่อนพล ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นพวกเราจะเป็นคนบอกเเผนการตามความเหมาะสมเอง ระหว่างนี้พวกนายเตรียมอาวุธไว้นะ"
มีเสียงบุ่นอุบอิดดังขึ้นเล็กน้อยเเต่ทุกคนก็ยังทำตามที่เอควอสั่ง ในตอนนั้นเองที่ทุกคนเริ่มเปิดฝากล่องไม้ต่างๆ ผมถึงได้รู้ว่านั่นคือกล่องใส่อาวุธต่างๆ ทั้งดาบ มีด ธนู หอก ชุดเกราะ อีกทั้งยังมีอุปกรณือื่นๆที่ผมไม่รู้จักด้วยอีก หลายๆคนกรูกันเข้าไปเลือกหยิบตามความถนัดของตัวเอง พลางกวัดเเกว่งอาวุะเหล่านั้นไปในอากาศเพื่อซ้อมมือ
ขณะที่ผมกำลังมองดูคนอื่นๆกำลังฆ่าอากาศรอบๆตัวโดยการฟันบ้าง ทิ่มด้วยหอกบ้างเอควอก้โผล่มาข้างๆตัวผม "ฉันดูเป็นไงบ้าง นี่เป็นครั้งเเรกที่ฉันได้เป็นนายกอง ตื่นเต้นชะมัด"
"อื้ม นายทำได้ดีเเล้ว" ผมพูดไปเพื่อให้กำลังใจเพื่อน "ว่าเเต่หน้าที่ฉันคืออะไรกันล่ะ"
"นายยู่ที่นี่รอฟังเเผนการจากฉัน คอยสนับสนุกลิบ เวอร์ เเล้วก็คนอื่นๆ"
"อื้ม นั่นฟังดูดีนี่"
เอควอยิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินไปคุยเรื่องบางอย่างกับคนอื่นๆอีก 4-5 คน ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นเเผนการต่างๆ รวมทั้งเเผนสำรอง เเละเเผนสำรองของเเผนสำรองอีกทีให้พวกเค้าฟัง
เเละเเล้วในที่สุดการรอคอยก็จบลงเพียงเท่านี้ ฝูงนกในป่าตกใจเเตกตื่นพากันบินกระเจิงวุ่นวายอยู่บนเหนือต้นไม้ เมื่อเสียงระฆังดังขึ้นอื้ออึง เเละสะท้อนก้องไปทั่วทั้งป่า เสียงเฮดังขึ้นจากอีกด้านของป่าไกลๆจากทางทิศต่างๆรวมถึงในเต้นท์ที่ผมอยู่ด้วย ทุกคนพร้อมใจกันส่งเสียงเฮอย่างฮึกเหิมปลุกใจตัวเอง เเละเพื่อให้ตระหนักถึงช่วงเวลาตอนนี้ด้วยว่า การค้นหาหินดวงดาวได้เริ่มขึ้นเเล้วววว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ