ลิขิตรักฝากใจ
เขียนโดย Chatnara
วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.11 น.
แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) เป็นแฟนกันนะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความวันสอบวันสุดท้ายของดากานดา
หลังสอบเสร็จดากานดาเดินออกมายืนรอตรงที่ปริณเคยมารับมาส่งเธอเป็นประจำ มองซ้ายทีขวาทีก็ยังไม่มีวี่แววที่ปริณจะมา เธอนั่งรออยู่พักใหญ่จนเพื่อนๆ ต่างพากันกลับหมด แต่เธอหารู้ไม่ว่าปริณเองได้มาถึงนานแล้วและจอดรถรออยู่อีกฝั่งหนึ่งเพื่อเฝ้าสังเกตดูเธอว่าจะมีเพื่อนผู้ชายมาตอแยหรือไม่ ปริณยังคงวิตกกับคำที่พ่อได้กล่าวไว้ว่าเธออาจจะกำลังมีแฟนอยู่จึงไม่ได้ตอบตกลงเป็นแฟนกับตนสักที ขณะนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขาอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย
“ไหนบอกว่าวันนี้จะมารับดาอ่ะคะ ไม่เห็นมาสักที”
ปริณกำลังจะอ้าปากพูด ขณะนั้นตาเหลือบมองไปเห็นเพื่อนผู้ชายเข้ามานั่งใกล้ๆ ดา ท่าทางดูสนิทสนม ปริณจึงหยุดฟังบทสนทนาของทั้งสองคน
“อ้าว!! ดา เห็นนั่งอยู่นานแล้ว รอแฟนมารับหรอ”
“ป่าวจ้ะ” ปริณแอบเจ็บแปล้บในใจ ที่เธอปฏิเสธว่าไม่ได้รอตน
“แล้วรอใครอ่ะ ให้พีทไปส่งที่บ้านมั้ย โน่นไงพ่อพีทมาพอดีเลย”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“สอบวันสุดท้ายแล้วนี่นา แป๊ปๆ ดาก็จบแล้ว พีทดิยังอีกตั้งสองปีแน่ะ ไม่ทันจบไปทำงานพร้อมดาเลย”
“ก็พีทเรียนตั้ง 6 ปี ดารอไม่ไหวหรอก ดาอยากทำงานเก็บเงินไปเที่ยว”
“ดา แล้วที่พีทถามดาไว้เมื่อวานล่ะ ดาตกลงมั้ย"
"เอ่อ.....คือว่า"
"ไม่เป็นไร คืนนี้พีทจะโทรมาเอาคำตอบก็แล้วกันนะ หวังว่าจะเป็นคำตอบที่ดีนะดา พีทไปล่ะ”
พีทก้าวขาขึ้นรถไป พร้อมกับโบกมือให้เธอเพื่อเป็นการร่ำลา ดากานดาทำหน้าเหยเก ยิ้มแหยๆ ไม่ได้โต้ตอบอะไร หลังจากรถพีทขับออกไป ดากานดาถึงได้นึกขึ้นได้ว่ายังคุยสายกับปริณค้างไว้อยู่
“ตายล่ะ..สายยังไม่ได้วางนี่นา ฮัลโหลค่ะ หมอคะ ฮัลโหลๆ”
ตู้ดๆๆๆๆๆ “เอ้า!!! วางสายไปทำไมเนี่ย”
เสียงโทรศัพท์ของปริณดังอยู่หลายครั้ง แต่กระนั้นปริณเองก็ยังไม่ยอมกดรับสาย ด้วยยังวิตกกับเรื่องที่ต้องแต่งงานกับคนที่พ่อหามาให้ บวกกับดากานดาเองก็ยังมีท่าทีที่ไม่ชัดเจนกับตน จึงทำให้ปริณรู้สึกนอยด์เป็นอย่างมาก ขณะนี้ปริณยังคงคาใจในสิ่งที่เพื่อนชายคนนั้นจะโทรมาเพื่อเอาคำตอบจากเธอ ปริณคิดฟุ้งซ่าน ด้วยอารมณ์หงุดหงิด จึงตัดสินใจขับรถกลับทันที ดากานดายังคงโทรหาอยู่อีกหลายครั้ง จนปริณต้องกดรับเพื่อตัดความรำคาญใจ
“ฮัลโหล ว่าไง” ปริณรับสายด้วยเสียงเข้มและเย็นชา
“ทำไมไม่รับสายล่ะคะ ยุ่งอยู่หรอ ดาโทรหาตั้งหลายครั้งแล้วนะเนี่ย” เธอยังทำเสียงออดอ้อนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งทำให้ปริณหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“ผมติดธุระอยู่ คงไม่ได้ไปรับแล้วนะวันนี้ กลับเองได้ใช่มั้ย”
“อ้าว!! แล้วก็ไม่บอกตั้งแต่แรก"
"ทำไม จะได้สลับรางให้คนอื่นมารับอย่างนั้นหรอ" ปริณพูดตอบกลับด้วยเสียงที่หงุดหงิดขึ้น
"หมอคะวันนี้เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมต้องดุอ่ะ”
“ไม่มีอะไร”
“วันนี้ทำงานเหนื่อยหรอคะ”
“นี่คุณ ไม่ต้องมาทำเป็นใส่ใจได้มั้ย ในเมื่อปกติก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจอะไรขนาดนั้น” ปริณตะคั้นตะคอกเสียงดังใส่
“หมอ…..เป็นอะไรไปคะ ทำไมดาถามแค่นี้ต้องดุกันด้วยอ่ะ”
“แค่นี้ก่อนนะ ผมจะขับรถ แล้วก็ไม่ต้องโทรมา ถ้าผมว่างจะเป็นคนโทรไปเอง หวังว่าคงเข้าใจ”
ตู้ดๆๆๆๆ ปริณกดวางสาย ดากานดายังคงนั่งอยู่ที่เดิม ในใจยังครุ่นคิดเกี่ยวกับท่าทีและซุ่มเสียงที่เปลี่ยนไปของปริณ
ดากานดาก้มกดโทรศัพท์เพื่อส่งข้อความไปหาใครคนหนึ่ง
อื๊ด….อื๊ด…ไลน์ของปริณเด้งขึ้นมา
“ดาไม่รู้ว่าวันนี้คุณหมอเป็นอะไร เท่าที่รู้จักกันมาไม่ว่าคุณหมอจะเหนื่อยหรืออารมณ์เสียกับอะไรมา
หมอจะไม่เคยดุหรือตะคอกใส่ดาเลยแม้แต่ครั้งเดียว หรือถ้าหงุดหงิดที่ดาโทรมาเซ้าซี้อยู่บ่อยๆ ดาต้องขอโทษ
ด้วยนะคะ จากนี้ต่อไปเราก็ไม่ต้องติดต่อกันอีก ไม่อยากมารองรับอารมณ์ค่ะ”
เอี๊ยด!!!!…..หลังจากอ่านข้อความจบปริณเหยียบเบรกและหยุดรถในทันที นั่งครุ่นคิดสักพักจึงตัดสินใจขับรถวนกลับไปรับดากานดา
“หายไปไหนของเค้านะ หรือว่าจะกลับไปกับปิ๊ก” ปริณจึงรีบโทรไปหาปิ๊กเพื่อนสนิทของดากานดาทันที
"ฮัลโหลค่ะ หมอมีอะไรหรือเปล่าคะ"
"เอ่อ.....ดาได้กลับบ้านกับปิ๊กมั้ย ผมไปรับไม่ทันอ่ะ ไม่รู้กลับยังไงเลย"
"อ่อ....คุณแม่ดามารับไปแล้วค่ะ เพิ่งแยกกันเมื่อกี้นี่เอง"
"โอเคครับ ขอบคุณมากครับปิ๊ก งั้นแค่นี้ก่อนนะ" ตู้ดๆๆๆ ปริณกดวางสาย สีหน้าผ่อนคลายขึ้น ณุ้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยไม่ใช่พีทที่วนรถกลับมารับเธอ ปริณจึงได้ลองกดโทรศัพท์หาดากานดา และภาวนาขอให้เธอรับสาย
กริ๊งๆ กริ๊งๆ โทรศัพท์ของดากานดาดังขึ้น
“สวัสดีค่ะ แม่เองค่ะหมอปริณ”
“สวัสดีครับคุณแม่ ผมขอคุยกับดาหน่อยครับ”
“น้องหลับอยู่ค่ะ สงสัยจะเพลีย ตั้งแต่ขึ้นรถมาไม่พูดไม่จาอะไร เผลอแป้ปเดียวก็หลับเลย”
“’งั้นผมขอไปหาที่บ้านได้ไหมครับแม่”
“ได้ค่ะ ขอเป็นค่ำๆ หน่อยนะคะ แม่จะพาดาไปเดอะมอลล์ก่อนค่ะ วันนี้สอบเสร็จเค้าอ้อนให้พาไปกินไอติม วันของเค้าต้องตามใจเค้าหน่อยจ้ะ หมอจะตามมามั้ย”
"เอ่อ.....ไม่ดีกว่าครับ ผมรอไปบ้านตอนเย็นเลยดีกว่าครับ"
ปริณรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้เขาสัญญาจะพาเธอไปฉลองที่ร้านไอศกรีมร้านโปรดของเธอ ดาคงน้อยใจเราอยู่แน่เลย ปริณเอ้ย!! ทำไมแกปล่อยให้อารมณ์โกรธมาทำให้ลืมนัดเค้าวันนี้ว่ะ ปริณถึงกับกุมขมับตัวเอง
ติ๊งต่องๆ !! เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น ดากานดาวิ่งไปเปิดประตู พอเห็นหน้าแขกที่มาเยือนยืนส่งยิ้มหวานมาให้ถึงกับหันหลังเดินหนีมาที่ห้องรับแขก
“ใครมาหรอลูก”
“แขกที่ไม่ได้รับเชิญค่ะแม่” เธอเดินสะบัดสโบกมานั่งที่โซฟา จับรีโมทมากดเปลี่ยนช่องทีวีโดยไม่สนใจแขกที่กำลังเดินเข้ามา
"สวัสดีครับแม่"
"สวัสดีจ้ะ เชิญนั่งก่อนนะคะ แขกคนนี้อ่ะหรอดา แม่เป็นคนเชิญพี่เค้ามาเองแหล่ะลูก" นารีหันไปยิ้มอ่อนให้ดากานดา เธอยังคงมองค้อนและหน้าบึ้งตึงใส่ปริณอยู่ ปริณหัวเราะชอบใจ
“’คนอะไรงอนก็ดูน่ารัก”
"อ่ะแฮ่ม!!" กระแอ้มกระไอให้ปริณรับรู้ว่ามีผู้ใหญ่นั่งอยู่ ปริณหันมายิ้มเขิน
“พูดอะไร เพ้อเจ้อ เอ้านี่!!!! กินเข้าไปเลย”
ดากานดาจับชิ้นชมพู่ยัดเข้าปากของปริณเพื่อให้สงบคำ
"ดา!!! ทำไมไปทำพี่เค้าแบบนั้นล่ะลูก" ดากานดายังคงยัดชิ้นชมพู่ใส่ปากปริณไม่หยุด
"คุณแม่ดูดาซิครับ จะ ติด คอ ผม อยู่ แล้ว เนี่ย" ปริณพูดออกเสียงไม่ชัดเท่าไรนักเพราะชมพู่ถูกยัดเข้ามาเต็มปากจนเคี้ยวไม่ถนัด ดากานดาหลุดหัวเราะในท่าทีตลกของปริณ
“คุยกันไปก่อนนะลูก แม่จะไปทำอาหารมาให้นะ ค่ำแล้วหมอคงยังไม่ได้ทานอะไรมาใช่ไหมคะ”
“ยังเลยครับ ตอนนี้หิวมากเลย ขอฝากท้องสักมื้อนะครับ”
ปริณทำท่าลูบท้องวนไปวนมา หลังจากที่แม่เดินเข้าห้องครัวไป ปริณรีบขยับเข้ามานั่งใกล้เธอทันที
“อุ้ย!!! หมอมานั่งอะไรตรงนี้ ขยับออกไป เดี๋ยวคุณแม่ออกมาเห็น”
“ก็คิดถึง”
ดากานดาถึงกับเบิกตาโพรง ดวงตากลมโตอยู่แล้วกลับยิ่งโตมากขึ้นไปอีก เธอนั่งอึ้งกิมกี่พูดอะไรไม่ออก
“เชื่อก็บ้าแล้วค่ะ คนอะไรผีเข้าผีออก เมื่อเย็นดังดุเค้าอยู่เลย แล้วตอนนี้มาบอกคิดถึง ขยับไปนั่งตรงนู้นเลย เร็วๆ”
ดากานดาชี้ให้ปริณไปนั่งที่โซฟาตัวถัดไป ปริณหันมองตามนิ้วมือแต่ยังคงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้และไม่ทำตาม
“ผมขอโทษนะเรื่องเมื่อเย็น ผมตั้งใจจะกลับไปรับคุณ ผมโทรไปแล้วแต่คุณแม่รับสายแทนและบอกว่าคุณหลับ”
“ค่ะ เพลียสมองมาก เอ๊ะ!!! เมื่อกี้พูดว่ากลับไปรับ แสดงว่าคุณหมอไปที่คณะมาแล้วหรอคะ”
“อื้ม….” ปริณพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเจี๋ยมเจี้ยม
“แล้วทำไมบอกว่าติดธุระ ดานั่งรอจนเพื่อนกลับไปหมดแล้วอ่ะ”
“ก็ยังมีผู้ชายมานั่งเป็นเพื่อนอยู่คนนึงนี่นา ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย”
“อ๋อ….นี่แสดงว่าไปแอบดูอยู่นานแล้ว”
“อื้ม....ก็แค่อยากรู้ว่าจะมีคนมาจีบมั้ยก็แค่นั้นเอง แล้วตกลงเจ้าหมอนั่นเป็นใคร แฟนเราหรอ”
ดากานดาหัวเราะชอบใจ
“ไม่ขำด้วยเลยนะ ผมเห็นเค้ามานั่งใกล้ๆ เค้าจะไปส่งคุณด้วยไม่ใช่หรอ ผมได้ยินทุกคำเลยนะที่คุณคุยอะไรกันน่ะ
เสียใจที่สุดก็ตรงที่คุณบอกผมไม่ใช่แฟนคุณนี่แหล่ะ”
ปริณทำทีตีหน้าเศร้าให้ดากานดาเห็นใจ
“ดาก็ไม่ได้ให้เค้ามาส่งนี่คะ คุณแม่ต่างหากที่ไปรับ”
“ก็รู้ แล้วทำไมบอกว่าผมไม่ใช่แฟน ทำตัวดีทำตัวน่ารักขนาดนี้แล้ว เลื่อนขั้นเป็นแฟนสักทีได้มั้ยอ่ะ”
ดากานดายิ้มไม่พูดอะไรต่อ
“ดาไปช่วยแม่ยกอาหารดีกว่าค่ะ ป่านนี้คงทำเสร็จแล้ว รออยู่ตรงนี้นะคะ”
“ตัวแสบมานี่เลย ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง” ปริณรีบคว้าแขนเธอไว้และดึงให้กลับมานั่งที่เดิม
“ไหนบอกผมมาซิ วันนี้เค้าจะโทรมาเอาคำตอบอะไร”
ปริณยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จนเธอเองสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่กระทบมา เธอเขินจนไม่กล้าสบตา
“ไม่มีอะไรค่ะ ทานข้าวกันเถอะ เดี๋ยวดาไปยกมาให้นะคะ”
“เค้าคงโทรมาขอคุณเป็นแฟนซินะ ใช่ป่ะ ใช่ซิ็เค้าดูเด็กกว่า หนุ่มกว่า สเป็คเลยป่ะแบบนี้อ่ะ” ดากานดาที่กำลังจะลุกไปยกอาหารออกมาถึงกับหยุดชะงักลง เธอหันมายิ้มและค่อยๆโน้มตัวลงมา และเอามือลูบผมเปิดหน้าผากของปริณขึ้น พร้อมกับอมยิ้มใส่เล็กๆ
“ไหนดูซิ…..หัวก็ไม่ล้านสักหน่อย ทำไมขี้น้อยใจจังน๊า”
ปริณจับมือข้างนั้นของเธอมากุมเอาไว้ และมองอย่างลึกซึ้ง
“ดา……ผมจริงจังนะ ผมขอเป็นแฟนของดาได้มั้ย”
“เอ่อ…..คือ…..คือว่า…..”
“ไม่เป็นไรดา….ผมพอรู้คำตอบอยู่แล้ว”
ปริณลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับ
“ผมไม่รบกวนคุณแล้วนะ คุณจะได้พักผ่อน ผมกลับก่อนละกัน”
“คนบ้าอะไร คิดเองเออเองได้เป็นฉากๆ แล้วคือไม่ฟังดาพูดอะไรเลย พูดจบก็จะกลับแบบนี้ก็ได้หรอคะ”
“ก็แล้วยังไงหล่ะ”
“เค้าเป็นเพื่อนดาเอง แต่คนละคณะกัน เค้าขอดาเป็นแฟน วันนี้ก็แค่จะโทรมาถามว่าจะตอบตกลงเป็นแฟนกับเค้ามั้ย
แค่นี้เอง”
“แค่นี้เองหรอ ดูท่าดาคงจะตอบตกลงใช่มั้ย รีบโทรไปบอกเค้าเลยซิ ไม่ต้องรอเค้าโทรมาหรอก
ป่านนี้กระวนกระวายใจแย่แล้วหล่ะ”
ดากานดากระแซะเข้ามานั่งข้างๆ ปริณไม่ยอมหันมามองหน้าเธอ ดากานดาแอบขำอากับกิริยาที่เขาแสดงออกมา
ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น
“นี่ไงพีทโทรมาพอดีเลย”
“ผมกลับก่อนนะ ดาจะได้คุยสะดวกๆ ฝากบอกคุณแม่ด้วยละกันว่าผมกลับก่อน”
ดากานดาเอื้อมแขนไปจับมือปริณเอาไว้ และเปิด speaker phone เพื่อให้เขาได้ยินบทสนทนาด้วย
“หวัดดีคร๊าบบบบคุณหนูดาคนสวย” ปริณหันมองตาเขียว
“ว่าไงพีท มีอะไรหรือเปล่าดากำลังจะทานข้าว”
“พีทไปกินด้วยได้มั้ยอ่ะ อยากไปสวัสดีพ่อกับแม่ ฮ่ะๆๆ”
“คงไม่ได้หรอกพีท วันนี้มีแขกคนพิเศษมาที่บ้านเราน่ะ”
“พีทล้อเล่นน่า แล้วตกลงดาจะให้คำตอบพีทได้หรือยังว่าจะเป็นแฟนกันได้มั้ย พีทตามจีบมาตั้งนานแล้วนะ พีทอยากมีแฟนเป็นพยาบาลที่สวยๆ แบบดาอ่ะ”
ปริณขยับเพื่อจะดึงมือออก ดากานดายังคงกำมือเขาไว้แน่นไม่ปล่อย แอบชำเลืองมอง ปริณเองรู้ว่าเธอกำลังมองอยู่
จึงรีบหันกลับแกล้งไม่สนใจ
“คงไม่ได้หรอกพีท ดามีแฟนแล้ว ตอนนี้แฟนดาก็นั่งอยู่ข้างๆ”
เธอฉีกยิ้มให้ปริณหลังจากพูดจบ ปริณยังคงอึ้งพูดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ตาลุกวาวเ็นประกาย
“แค่นี้ก่อนนะพีท แฟนดามองตาเขียวแล้ว บายนะ”
“ไปค่ะ ไปทานข้าวกัน” ดากานดาดึงแขนปริณให้เดินตามไปห้องทานอาหาร
ปริณยังคงนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จาอะไร
“เอ้า!!! เป็นอะไรไป ตกลงจะทานมั้ยคะข้าวอ่ะ ไหนบอกว่าหิวไง”
“ทะ ทานครับ ไปกัน ป่ะๆ”
บรรยากาศห้องครัวที่ตลบอบอวลไปด้วยความสุข ทั้งสองตักอาหารพรางส่งยิ้มให้กันตลอดเวลา
นารีเห็นทั้งสองคนเริ่มแสดงความรู้สึกที่ดีต่อกันก็พลอยมีความสุขและอมยิ้มไปด้วย อนาคตงานแต่งงาน
ที่ผู้ใหญ่ได้วางแผนไว้คงไม่น่าจะมีปัญหา หลังทานอาหารเสร็จเรียบร้อยดากานดาเดินมาส่งปริณที่รถ
ปริณจับมือของเธอทั้งสองข้างมากุมไว้ และยังคงจ้องหน้าเธอแบบไม่ละสายตา
“จะยืนมองหน้ากันแบบนี้จนสว่างเลยหรอคะ เขินหมดแล้วเนี่ย”
“วันนี้ผมมีความสุขที่สุดเลยดา ที่ดาพูดกับพีทในโทรศัพท์มันคือความจริงใช่มั้ย ผมจะไม่ดีใจเก้อใช่มั้ยดา”
“อื้ม…..” เธอพยักหน้ารับพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆ
“หมอกลับเถอะนะคะ นี่มันดึกมากแล้ว เดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วงเอา”
“งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราสองคนเป็นแฟนกันแล้วนะ”
เธอได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร
“ผมไปก่อนนะ”
ปริณเดินขึ้นรถไป เขาปรับลดกระจกลงและโบกมือให้เธอไม่หยุด ดากานดาหัวเราะ
“ไปสักทีเถอะคร้า…..ยืนจนเมื่อยขาแล้ว จะปิดบ้าน!!!”
“ฮ่าๆๆๆ โอเคๆ ไปก่อนนะ ไปจริงๆ แล้ว”
ปริณขับรถกลับบ้านด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
ดากานดารีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว วันนี้ดูเหนื่อยและเพลียมากกว่าทุกวัน แถมยังมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะไม่สบาย ขณะกำลังจะล้มตัวลงนอนเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอกดรับสาย
"ดา...ผมเอง"
“สวัสดีค่ะ ถึงบ้านแล้วใช่ไหมคะ”
“ถึงแล้วครับ ดากำลังทำอะไรอยู่”
“ดากำลังจะนอนแล้วค่ะ วันนี้ดาเพลียและปวดหัวมาก สงสัยข้อสอบทำพิษซะแล้ว”
“ไม่สบายหรือเปล่า กินยาด้วยนะ หรือจะให้ผมไปตรวจหน่อยดีมั้ย ผมไปหาที่บ้านนะ”
“เยอะตลอดเลยผู้ชายคนนี้ ดาไม่เป็นอะไรมากหรอกคร่า ไม่ต้องห่วงนะคะ แค่นี้เอง สบายมาก”
“จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง แฟนผมทั้งคน”
ปริณพูดไปเขินไป มือบิดสายชาร์ตแบตเตอรี่จนเป็นเกลียว
“หมอคะ….แค่นี้ก่อนนะ ดาจะนอนแล้ว”
“ครับ……นอนจริงๆนะดา อย่าคุยกับใครนะ ผมหวง”
“รับทราบคร๊าา คุยกับใครไม่ไหวแล้วจริง ง่วงสุดๆ เลยค่ะ”
“งั้นฝันดีนะดา”
“ค่ะ”
ปริณยังคงคาสายไว้ไม่ยอมกดวาง เหมือนรออะไรอยู่บางอย่าง
“หมอคะ…..ทำไมไม่วางสายหล่ะ”
“เอ่อ…..คุณจะไม่พูดอะไรกับผมสักหน่อยหรอ แบบว่า ฝันดีนะคะ ดูแลตัวเองนะคะ อะไรแบบนี้อ่ะ”
ดากานดาหัวเราะขึ้นมา
“หมอตลกอ่ะ เนี่ยพอเลื่อนสถานะปุ๊บก็เริ่มเยอะปั๊บเลยเชียว”
“โอเค เข้าใจ ไม่บอก็ไม่บอก คนเราอ่ะนะใจร้าย ก็ให้ได้แบบนี้ซิน่า ไอ้เราก็อุส่าห์……..”
“คิดถึงนะคะ”
เธอรีบพูดสวนขึ้นในขณะที่เขาเองยังพูดไม่หยุด ปริณตื้นตันใจที่ได้ยินประโยคนี้จากปากของเธอ
คืนนี้คงต้องนอนฝันหวานอย่างแน่นอน
“คิดถึงนะคะ ได้ยินชัดมั้ย” ดากานดาพูดย้ำอีกครั้ง
“ชัดซิ ชัดมากเลย ดีใจมากด้วย ผมก็คิดถึงคุณนะ ขอบคุณนะดาที่ให้โอกาสผม ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุดเลย”
แต่ทว่าปลายสายกลับไม่มีเสียงตอบรับอะไรกลับมา ปริณเห็นว่าเธอเงียบจนผิดสังเกต
“ดา…..ดา……คุณได้ยินผมมั้ย หลับหนีผมไปแล้วล่ะซิ ฝันดีนะครับสุดที่รักของผม ผมจะฝันถึงคุณนะ”
ปริณพูดคนเดียวพร้อมกับกดวางสาย และนอนดูรูปดากานดาในโทรศัพท์เมื่อครั้งที่แอบถ่ายเธอในร้านไอศกรีม
ปริณเผลอหลับไปพร้อมกับโทรศัพท์ที่ยังวางไปบนอก ซึ่งมีรูปเธอเป็นภาพพักหน้าจอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ