ลิขิตรักฝากใจ

6.5

เขียนโดย Chatnara

วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.11 น.

  7 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,460 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) คู่หมั้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

   เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์  ข้าวต้มร้อนๆ ประกอบด้วยเครื่องเคียงต่างๆ ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอาหาร

พร้อมรับประทาน  ผลไม้ถูกแกะสลักและหั่นชิ้นวางเรียงบนจานอย่างสวยงาม  แม่ครัวยืนตั้งท่าเตรียมตัว

ตักอาหารให้สมาชิกแต่ละคน ขาดก็แต่ปริณที่ยังไม่ลงมาร่วมโต๊ะในมื้อนี้

“พร ขึ้นไปตามคุณปริณลงมาทานข้าวได้แล้วไป ทุกคนพร้อมแล้ว และบอกด้วยนะว่าคุณพ่อมีธุระสำคัญจะคุยด้วย”

“ค่ะ….คุณนาย” ขณะที่พรซึ่งเป็นแม่บ้านกำลังจะเดินขึ้นไปตาม ปริณก็เดินสวนเข้ามาพอดี

“ผมมาแล้วครับแม่ ขอโทษนะครับทุกๆคน ที่ลงมาช้า พอดีหลับเพลินไปหน่อยครับ”

"มัวแต่ฝันหวานถึงใครอยู่หรือเปล่าถึงไม่อยากจะตื่น"

“แหม่..พี่ปรางค์เอาอีกแล้วนะ  แล้ววันนี้มีอะไรพิเศษกันหรือเปล่าครับถึงมาทานข้าวพร้อมกันที่นี่ได้”

“พ่อโทรตามพี่เค้ามาเองแหล่ะ วันนี้พ่อมีเรื่องสำคัญจะคุยกับแก เลยอยากให้พี่ๆ เค้ามาร่วมฟังด้วย

แล้ววันนี้มีธุระที่ไหนต้องรีบไปทำหรือเปล่า”

 “ก็มีเข้าไปเซ็นเอกสารที่โรงพยาบาลสองสามฉบับครับ  แต่ไม่รีบครับคุยธุระของคุณพ่อก่อนได้”

“พ่อมีธุระกับแกอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ มะรืนพ่อกับแม่จะเข้าไปดูทรานส์เฟอร่าสักหน่อย ไม่ได้ไปหลายเดือนแล้ว คุณอาประพนดูคนเดียวคงจะเหนื่อยแย่  ไหนๆ ก็บินไปโน่นแล้วก็เลยตั้งใจว่ารอบนี้จะชวนทุกๆคนไปพักผ่อนที่นั่นกันสักสองสามอาทิตย์ ปริณเคลียร์งานทันมั้ยลูกจะได้ไปพร้อมกัน พ่อจะได้ให้พี่ปรางค์จอง Flight เลย”   

“มันฉุกละหุกเกินไปซิครับ ผมเคลียร์งานไม่ทันเลย อีกอย่างไปตั้งสองอาทิตย์แน่ะ”  

“ทำไม!!! ห่างหนูดาคนสวยของแกแค่สองสามอาทิตย์แค่นี้ใจจะขาดเลยหรือไงคะคุณหมอขา”

“อะไรอีกพี่ปรางค์ ผมห่วงคนไข้ที่ผมนัดไว้ต่างหาก นัดถอดเฝือกตั้งหลายคน ถ้าไปด่วนแบบนั้นคนไข้จะไปกองที่คนอื่นน่ะซิ เกรงใจเค้าแย่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับดาเค้าสักหน่อย”

“เอาเรื่องงานมาอ้างพี่ก็พอจะเข้าใจอ่ะนะ แต่ถ้าแกยอมรับความจริงมาว่า แกห่วงดาพี่ก็จะบอกว่าให้แกชวน

น้องเค้าไปเที่ยวด้วยกันเลยก็แค่นี้เอง ง่ายนิดเดียว”

“จริงหรอพี่ปรางค์ ผมชวนไปได้จริงอ่ะ” ปริณรีบโดดไปนั่งข้างพี่สาวทันที

“แน่ะๆ ไหนบอกห่วงคนไข้ ห๊ะ!!!”

“โถ่!! พี่ปรางค์ก็จ้องจะแซ็วผมตลอด ถ้าเป็นพี่ปรางค์ห่างกันนานขนาดนั้นพี่ก็คิดถึงพี่เมศก์เหมือนกันนั่นแหล่ะ 

ใช่ป่ะ!!!”

“จ้า……พ่อคุณ   ก็ลองไปชวนเค้าดู ถ้าตกลงยังไงก็บินตามไปก็แล้วกัน ให้น้องเค้านอนกับคุณแม่ก็ได้จะได้ไม่น่าเกลียด”

“จะลองชวนดูละกันครับ  แต่ฟันธงเลยนะว่างานนี้ผมได้กินแห้วแน่นอนครับ ฮ่าๆๆๆ เอ้อ…..เกือบลืมไปเลยครับ 

แล้วเรื่องที่สองที่จะคุยกับผมหล่ะครับพ่อ”

“พ่อว่ากินให้อิ่มก่อนดีกว่า  เรื่องนี้อาจจะทำให้กินข้าวไม่ลงเลยเชียวหล่ะ”

“บอกมาเถอะครับคุณพ่อ อยากรู้จะแย่แล้วครับเนี่ย”

“ปริณ เรื่องลูกกับหนูดาอะไรนั่นน่ะไปถึงไหนแล้ว”

“เอ่อ….คะ คะ คือว่า”   ปริณเดาใจพ่อไม่ออกว่าเหตุใดถึงได้เกริ่นเรื่องของดากานดาขึ้นมา เขากระอักกระอ่วนไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี

“รวบหัวรวบหางเค้าได้หรือยัง”

"คุณพ่อ!!!!" ปริณร้องเสียงหลง

"ฮ่าๆๆ พ่อล้อเล่น แล้วยังไงตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้ว"

“ผมยังไม่ได้ขอเธอเป็นแฟนแบบจริงๆ จังๆ เลยครับ เคยแค่หยั่งเชิงลองถามไปหลายครั้ง เค้าก็ไม่เคย

 Say Yes กับผมสักทีครับพ่อ ส่วนใหญ่ก็นิ่งๆ หัวเราะกลบเกลื่อนซะส่วนใหญ่ ผมเดาใจเค้าไม่ถูก

ว่าเค้าคิดยังไงกับผม”

“เค้ามีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่า”

“ไม่ทราบครับ ผมไม่เคยถามเลย แต่เท่าที่สังเกตดูเวลาอยู่กับผมก็ไม่เคยมีใครโทรมา หรือก็ไม่เคยเห็นเค้าโทรออกไปหาใครเลยนะครับ”

“มันก็ไม่ได้แปลว่าเค้าไม่มี ใช่ไหมหล่ะ” กำพลถามลูกชายต่อ มือก็ยังตักข้าวต้มรับประทาน แต่ยังแอบชำเรืองดูท่าทีของลูกชายอยู่

“ผมว่าคุณพ่อเข้าเรื่องเลยดีกว่าครับ” ปริณเริ่มเสียงเข้ม ในใจเริ่มสับสนกับสิ่งที่ผู้เป็นพ่อซักถาม ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็ยัง

ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าดากานดามีคนรักอยู่แล้วหรือไม่ หรือเธอคิดยังไงกับตนกันแน่

“ปริณ เอาแบบนี้ดีมั้ย แกก็หว่านล้อมให้เค้าไปสิงคโปร์กับเรา แล้วก็รวบหัวรวบหางที่นั่นเลยเป็นไง ดีมั้ย”

“คุณจะบ้าหรอคะเมศก์ ขืนปริณไปทำกับเค้าแบบนั้น  พ่อเค้าได้ลากปืนมายิงเราทิ้งทั้งตระกูลน่ะซิไม่ว่า”

ทุกคนพากันหัวเราะชอบใจกันใหญ่ เหลือแต่ปริณเองที่ยังนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร สีหน้าเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

“ผมไม่ขำด้วยเลยนะครับ” บรรยากาศอันครื้นเครงถูกแทนที่ด้วยความอึมครึมขึ้นมาทันที

“ปริณ ฟังพ่อนะ ต่อจากนี้ไปเรื่องที่ลูกจะได้ฟังถือซะว่ามันคือการขอร้องจากพ่อก็แล้วกัน  แกจะตกลงทำตามหรือไม่ก็แล้วแต่แกจะไตร่ตรองเอา แต่พ่อขอบอกไว้เลยว่าถ้าแกปฏิเสธแกจะต้องเสียใจอย่างแน่นอน”

“ผมไม่เข้าใจ คุณพ่อตั้งใจจะสื่ออะไรกันแน่”

 “เรื่องหนูดากานดา ถ้าแกชอบพออยู่กับเค้า พ่อก็ไม่รังเกียจ แต่พ่อจะให้โอกาสแค่หนูดาเค้าเรียนจบมหาวิทยาลัยเท่านั้น ณ ตอนนี้ถ้าแกจะเอายังไงก็รีบไปบอกให้เค้ารู้  ถ้าเค้าตกลงที่จะคบหากับแก  พ่อจะไปคุยเรื่องหมั้นหมายไว้ให้   รอเรียนจบก็จะไปสู่ขอให้ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี”

“จริงหรอครับคุณพ่อ” ปริณเบิกตาโพรง แววตาเป็นประกายใส ท่าทางกระตือรือร้นกับประโยคของผู้เป็นพ่อ

“เสียงแจ๋วขึ้นมาทันทีซิน่า”

 “คุณพ่อก็….ถ้าเกิดว่าเค้าตกลงคุณพ่อกับคุณแม่ช่วยไปเจรจาให้ผมเลยนะครับ”

“อื้ม….”

“ขอบคุณนะครับคุณพ่อ”

ปริณดีใจจนออกนอกหน้า ดันเก้าอี้ให้ถอยหลังและรีบลุกจากโต๊ะอาหารในทันที เพื่อจะไปหาดานกานดา

ปริณต้องการอยากรู้คำตอบจากเธอให้เร็วที่สุด  แต่ทว่าขาที่กำลังก้าวออกไปต้องหยุดชะงักฝีเท้าลง

หลังจากได้ยินเสียง

“ปริณ!!!! จะไปไหน พ่อยังพูดไม่จบ”

“ผมจะรีบไปหาดาครับ วันนี้สอบเสร็จวันสุดท้าย ผมจะได้ไปรับเธอ”

“นั่งลงก่อน ใจเย็นๆ  ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่พ่อต้องบอกให้แกรู้”

 “เรื่องอะไรหรอครับคุณพ่อ”

“ปีนี้แกก็น่าจะ 30 ใช่มั้ย”

“ครับ คุณพ่อถามทำไมหรอครับ”

“อ่ะๆ 30 ก็น่าจะไหวอยู่  คือพ่อคุยกับคุณอาประพนเค้าไว้สมัยที่แกกับหนูดาเอ้ย!! โทษทีพ่อพูดชื่อหนูดาบ่อยไปหน่อยชื่อเลยติดปาก สมัยที่แกกับลูกสาวคุณอาประพนยังเด็กๆ ว่าจะให้แกแต่งงานกับลูกสาวของเค้าทันทีที่เค้าเรียนจบ”

“แต่งงาน!!!!!!  แต่งงานหรอครับคุณพ่อ” 

“ใช่  แต่งงาน แกฟังไม่ผิดหรอก”

“ผมจะแต่งงานกับคนที่ผมไม่รู้จักได้ยังไงคุณพ่อ ไม่มีทางหรอกครับ ตอนนี้คุณพ่อก็รู้ผมคุยกับดาอยู่”

“ก็นี่ไงที่พ่อจะบอกต่อไปก็คือ ให้แกไปตกลงกับหนูดาของแกซะให้เรียบร้อย  พ่อจะให้โอกาสแค่เค้าเรียนจบ

พอได้งานทำสักพักพ่อจะไปจัดการให้ตามที่บอก  แต่ถ้าเค้าไม่ตอบตกลงหรือเค้าไม่ได้ชอบแก กำหนดการที่แก

จะต้องแต่งกับลูกสาวเคุณอาประพนก็ต้องเริ่มต้นขึ้นทันที เพราะพ่อได้สัญญากับเค้าไว้แล้ว เพื่อบริษัทของเรา 

แกเข้าใจที่พ่อพูดนะ ปริณ”

“สมัยนี้มันยังมีอยู่อีกหรอครับคุณพ่อ เรื่องคลุมถุงชน ผมจะมีหรือไม่มีครอบครัวก็ไม่เห็นเป็นอะไร ผมก็อยู่คนเดียว

ได้นี่ครับ”

ปริณชักจะหัวเสีย อารมณ์หงุดหงิด วางช้อกระทบชามข้าวต้มเสียงดัง ทุกคนเหลียวมองมาทางเดียวบรรยากาศดูอึมครึมขึ้นมาอีกครั้ง ปริณนั่งนิ่งไม่สบตาใคร หน้าของดากานดาลอยมาให้ได้นึกถึงอยู่ตลอดเวลา   วิภาเห็นสีหน้าวิตกกังวลของลูกจึงขยับเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆ  มือข้างหนึ่งโอบหลังไว้และลูบไปมาอย่างแผ่วเบา

“คุณพ่อคงมีเหตุผลที่จำเป็นถึงได้ตัดสินใจแบบนั้น ปริณฟังพ่อพูดให้จบก่อนซิลูก” วิภาพูดให้ปริณใจเย็นลง

“ทำไมต้องเป็นผมครับคุณพ่อ พี่ปรางค์กับพี่เมศก์แต่งงานกันไม่เห็นมีใครมาจับคู่ให้เลย ทำไมมากดดันที่ผมคนเดียว”

“ปริณฟังพ่อนะ เหตุผลที่มันเป็นแบบนี้เพราะว่าแกเป็นผู้ชาย แกจะให้พี่ปรางค์ไปแต่งกับใคร เค้ามีลูกสาวแค่คนเดียว แกรู้มั้ยกว่าชั้นจะมีวันนี้ วันที่ทรานส์เฟอร์ร่าประสบความสำเร็จ กว่าที่ชั้นจะนำเทคโนโลเข้ามาเปิดปรีชาเวชการ 1 และ 2 พ่อลำบากมาเท่าไหร่  ตอนนั้นทรานส์เฟอร์ร่าได้รับความน่าเชื่อถือจากประชาชนทุกสายงานทุกอาชีพ โรงพยาบาลเรากำลังไปได้ด้วยดี  คุณแม่ก็กำลังตั้งท้องปริณ พ่อก็เลยจำเป็นต้องย้ายกลับมาอยู่กับแม่แกที่เมืองไทย เพราะลำพังแม่แกคนเดียวจะไปอุ้มท้องโย้และดูแลลูกสาวคนโตไปพร้อมกันยังไง พ่อก็เลยให้คุณอาศักดิ์ชัยซึ่งเป็นหุ้นส่วนอีกคนดูแลกิจการแทนไปก่อน   

“อย่าบอกนะครับว่าคุณพ่อโดนโกงจนหมดตัว เพื่อนคุณพ่อมาช่วยกอบกู้เลยมีบุญคุณต่อกัน แล้วจะมาให้ลูกแต่งงานกันเพื่อตอบแทนบุญคุณ” 

ปริณพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก คิ้วสองข้างขมวดแทบชนกัน

“ก็ประมาณนั้นแหล่ะลูก ศักดิ์ชัยโยกย้ายเงินไปใส่บัญชีตัวเอง จนเราไม่มีเงินหมุนเวียนในการสั่งยาและการบริหารเวชภัณฑ์ทั้งหลายจนเกิดผลกระทบกับคนไข้หลายราย  ผ่านไปสักพักเค้าก็ไปก่อตั้งโรงพยาบาลในนามตัวเอง ดึงความน่าเชื่อถือของเราไปหมด  ทรานส์เฟอร์ร่าวิกฤติมากในตอนนั้น พนักงาน หมอ พยาบาลเริ่มทะยอยลาออก  ผ่านไปพักหนึ่งมันก็ติดต่อเข้ามาขอ Take Over โรงพยาบาลของเรา พ่อนี่เจ็บใจที่สุด”

“เรื่องแบบนี้มันยังมีจริงอยู่อีกหรอครับคุณแม่” วิภาพยักหน้าเป็นคำตอบให้ลูกชาย

“นิยายน้ำเน่าชัดๆ” ปริณแอบพูดเหน็บเบาๆ

“แล้วคุณพ่อทำยังไงต่อครับ” ปริณยังอยากรู้ต่อ

“พ่อทำอะไรไม่ได้ในขณะนั้น ใจหนึ่งคิดแค่ว่าจะทำยังไงให้ครอบครัวเรายังอยู่ได้ เพราะตอนนั้น พ่อหมดตัวแล้วจริงๆไปกู้ที่ไหนก็ไม่มีเครดิต  พนักงานก็ทะยอยลาออกไปจนหมด แต่ความโชคร้ายทำให้เราเจอคนดีพ่อมีลูกน้องอยู่คนหนึ่งชื่อประพน เป็นหัวหน้าเภสัชกร เค้าแอบสังเกตเห็นความผิดปกติการเบิกจ่ายยา เป็นยาจากบริษัทที่ราถูกแต่ดันซื้อในราคาสูง  มันแบ่งเปอร์เซ็นต์โยกไปเก็บที่บัญชีมัน ประพนเลยช่วยเก็บหลักฐานและโชคดีที่ประพนสนิทกับฝ่ายการเงิน ทั้งสองเลยช่วยกันสอดส่องความเป็นไปอยู่นาน พอรวบรวมหลักฐานทุกอย่างแน่นหนาพอจะเอาผิดมันได้แล้ว เค้าเลยเอามาให้พ่อดูทั้งหมด  พ่อโกรธมาก แทบจะฆ่ามันทิ้งเลยล่ะไม่คิดว่าเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันจะทำกันได้ขนาดนี้  มีทางเดียวที่พ่อจะกู้ทุกอย่างของพ่อคืนมาได้ คือพ่อต้องส่งฟ้องซึ่งค่าใช้จ่ายเยอะมาก พ่อไปต่อไม่ไหวเลยตัดสินใจที่จะขายหุ้นโรงพยาบาลทั้งหมดให้มันจะได้มีเงินกลับมาตั้งตัวมาดูแลปรางค์กับปริณที่เมืองไทยได้  ผ่านไปสองสามวันคุณอาประพนมาหาพ่อที่บ้านจู่ๆ ก็มายื่นซองสีน้ำตาลมาให้ เปิดดูข้างในเป็นเงินสดเต็มซอง เค้าบอกพ่อว่านี่คือเงินทั้งชีวิตของเค้าที่เก็บหอมรอมริบมา เค้ายกให้พ่อ”

“เค้าทำแบบนี้เพื่ออะไรครับคุณพ่อ ไม่ใช่เงินก้อนนั้นเค้าก็โกงคุณพ่อมาเหมือนกันนะครับ”

"ปริณ!!! ทำไมพูดแบบนั้นลูก" วิภาปรามลูกชายให้สงบปากสงบคำ

“เค้าบอกว่า พ่อมีบุญคุณต่อเค้า วันสอบสัมภาษณ์หาเภสัชกรไปทำงานที่สิงคโปร์ หลายคนเป็นเด็กมีเส้นสาย 

นายใหญ่ๆ โตๆ พามาฝากให้พ่อพิจารณาเลือก แต่พ่อกลับเลือกเค้า  ซึ่งขณะนั้นรายได้เค้าก็ไม่มากถ้ามาอยู่ต่างประเทศรายได้จะมากขึ้นอีกเท่าตัว เค้าจะมีเงินเอาไปดูแลครอบครัวได้สบาย การมาทำงานกับพ่อจึงทำให้เค้าลืมตาอ้าปากได้ เค้ายังบอกอีกว่า หากบริษัทพ่อยังคงอยู่เค้าก็จะมีเงินไว้เลี้ยงดูลูกเมียต่อไม่ลำบาก แต่ถ้าเค้าทำงานกับคนโกงก็เท่ากับว่าเค้าสนับสนุนคนอื่นให้มาทำร้ายผู้มีพระคุณของเค้า พ่อซาบซึ้งในความมีน้ำใจที่เค้าไม่ทิ้งพ่อ พ่อเลยตัดสินใจรับเงินก้อนนั้นมาดำเนินเรื่องจนชนะคดี สู้กันมาหลายปีจนได้เงินคืนครบทุกบาท  และขยายกิจการมาสร้างโรงพยาบาลที่ไทยเราอีกสองที่นี่แหล่ะ ตอนนี้พ่อก็ให้พี่เมศก์ช่วยพ่อบริหารปรีชาเวชการ 1 ส่วนปรีชาเวชการ 2 รอแกพร้อมเมื่อไหร่ก็เข้ามาช่วยพ่อสักที  ทั้งพี่ปรางค์ พี่เมศก์ แล้วก็แกไปกองรวมกันหมดที่ปรีชาเวชการ 1 โน่นพ่ออยากจะพักแล้ว   ที่สำคัญเลยนะปรางค์  ปริณ ถ้าไม่ได้คุณอาประพน ครอบครัวของเราจะไม่สามารถมีวันนี้ได้เลย"

“เค้าให้เรายืมเงินมา คุณพ่อก็ให้เงินเค้าไป แค่นี้ก็จบแล้ว  ผมไม่แต่งแน่นอนครับพ่อ ต่อให้ดาจะรักผมหรือไม่ก็ตาม ผมไม่ชอบให้ใครมากะเกณฑ์ชีวิตของผม”

“แกไม่ชอบอยู่ต่างประเทศทำไมพ่อจะไม่รู้  แกกล้ารับปากพ่อไหมว่าแกจะไปดูแลธุรกิจครอบครัวเราที่โน่นได้กล้าออกจากที่นี่ย้ายสำมะโนครัวไปอยู่โน่นถาวรไหมเพื่อทรานเฟอร์ร่า”

ปริณไม่ตอบได้แต่นิ่งอึ้งไป

“หัวใจของแกอยู่ที่นี่ อนาคตถ้าแกแต่งงานกับดา แน่นอนว่าแกไม่ไปอยู่หรอกสิงคโปร์ ถ้าจะพูดกันเรื่องเงิน พ่อยกหุ้นส่วนให้เค้าตั้ง 30%  เค้ายังไม่รับเลย  เค้าบอกว่าแค่เงินเดือนที่มีก็ใช้ไม่หมดแล้ว ถ้าลูกเค้าเรียนจบภรรยาก็จะย้ายไปอยู่กับเค้าด้วย เค้าผูกพันกับงานที่โน่นไม่อยากทิ้งมันมา  แกเห็นมั้ยนี่คือสิ่งที่เค้าทุ่มเทให้กับโรงพยาบาลของเรา ถ้าแกแต่งงานกับลูกสาวเค้า พ่อก็จะมีเค้าช่วยดูแลกิจการให้พ่อ  และเมื่อถึงวันนั้นพ่อจะมอบเป็นของขวัญแต่งงานให้แกสองคน   ในเมื่อแกสองคนไม่ไปอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว ก็ต้องเป็นเค้าที่ต้องดูแลกิจการแทนลูกสาวเค้า พ่อเชื่อว่าประพนจะทำได้ดีที่สุด  พ่อทิ้งกิจการที่พ่อสร้างมันมากับมือไม่ได้หรอกลูก ถ้ามีคนที่พ่อไว้ใจดูแลมันพ่อคงตายตาหลับ”

ปริณทำสีหน้าหนักใจ คิ้วสองข้างขมวดปม นั่งท้าวแขนมือกุมหน้าผากไม่พูดอะไรต่อ

“เชื่อพ่อนะปริณ  ครอบครัวคุณอาประพนเป็นคนดี ดีด้วยเนื้อแท้ของเค้า  พ่อคิดว่าลูกสาวของเค้าย่อมเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นแน่นอน พ่อเห็นหนูดา เอ้ย!!!! เห็นลูกสาวคุณอาประพนมาตั้งแต่เด็กๆ เค้าเป็นเด็กดี ธุรกิจทั้งหลายต้องการแค่คนดี ไม่ใช่คนเก่ง ”

 “ถ้าเป็นตามที่คุณพ่อเล่ามาจริงๆ  เค้าก็คือผู้มีพระคุณของครอบครัวเราครับอันนี้ผมเข้าใจ แต่เรื่องจะให้ผมแต่งงาน

กับลูกสาวคุณอาประพนผมขอไม่รับปาก เพราะตอนนี้ผมรักดาแค่คนเดียวเท่านั้น  หมดเรื่องคุยแล้วนะครับพ่อ 

ผมขอตัวก่อน”

ปริณลุกเดินจากห้อง ในใจได้แต่ครุ่นคิดอยู่กับสิ่งที่พ่อร้องขอ ด้วยเพราะหัวใจของเขาทุ่มเทให้กับดากานดาจนหมดใจแล้ว เขาได้แต่แอบหวังว่าเธอจะรู้สึกเช่นเดียวกัน  เพราะไม่เช่นนั้นหน้าที่ที่ต้องตอบแทนบุพการีคงหนีไม่พ้น ปริณเดินออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ปรางค์สงสารน้องจังค่ะคุณพ่อ ทำไมคุณพ่อไม่บอกน้องไปตามตรงเลยคะ ว่าคนที่จะต้องแต่งงานด้วยก็คือหนูดา”

“มันก็จะง่ายไปน่ะซิลูก ปริณต้องเรียนรู้ชีวิตอีกเยอะ พ่ออยากให้ปริณได้คิดดูให้ดี ถ้าพ่อเกิดเป็นอะไรไปปุบปับใครจะดูแลกิจการของเรา หรือถ้าปริณตัดสินใจจะขายหุ้นทิ้งทั้งหมดมันก็ทำได้ แต่คนอย่างปริณจะไม่ทำ พ่อคิดแบบนั้น  ให้เวลาน้องได้คิดทบทวนดูก่อน  ไม่ว่าจะยังไง งานแต่งงานก็ต้องถูกจัดขึ้นอยู่ดี ถ้าสองคนนั้นตกลงปลงใจกันเองได้ก็ดีไป แต่ถ้าไม่ได้ในส่วนตรงนี้พ่อว่าปริณเข้าใจดี”

 “แล้วคุณอาประพน กับคุณอานารีเห็นด้วยจริงๆหรอคะคุณพ่อที่จะให้แต่งงานกัน”

“ประพลเค้าไม่มีปัญหา เค้าขอเวลาแค่หนูดาเรียนจบ เค้าจะค่อยๆอธิบายให้หนูดาเข้าใจ แต่ขานั้นคงไม่ยากอะไรว่าง่ายอยู่”

“สมาคมพ่อจ๋านี่ไปนัดคุยอะไรกันตอนไหนคะเนี่ย  แอบร้ายจริงๆ ”

“คุณพ่อเค้าเอ็นดูหนูดาน่ะลูก และยิ่งรู้ว่าคนที่ปริณคุยอยู่เป็นหนูดาลูกคุณอาประพนก็ยิ่งอยากให้ตาปริณได้ทำความรู้จักไว้  

ปริณเองก็ดูท่าจะรักจะห่วงหนูดาเค้ามาก เกิดไปหน้ามืดตามัวหึงหวงเหมือนนิสัยเดิมที่ผ่านมาหล่ะก็ งานใหญ่ได้เข้า

บ้านเราแน่ๆ แม่ภาวนาขออย่าให้น้องชายเราไปชิงสุกก่อนห่ามเค้าซะก่อนก็แลัวกัน ประวิงเวลารอให้หนูดาเรียนจบ

มหาวิทยาลัยเรียบร้อยแล้ว ได้งานทำสักพักก็ว่าจะจัดงานแต่งงานให้เลย หนูดาจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่กับเราส่วนคุณอานารีก็จะได้ย้ายตามไปช่วยคุณอาประพนดูแลกิจการที่สิงคโปร์”  วิภาพูดเสริมเพื่ออธิบายให้ลูกสาวเข้าใจ

“จัดฉากกันเป็นตอนๆ เลยนะคะเนี่ย แล้วที่ยัยดาป่วยไปเจอกับตาปริณที่โรงพยาบาล คุณพ่อคุณแม่ได้จัดฉากหรือ

เปล่าค่ะ ปรางค์เริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมคนสองคนได้โคจรมาพบกันพอดิบพอดี”

“ไม่เลย อันนี้เค้าถูกลิขิตเอาไว้ต่างหาก  พ่อก็เพิ่งมารู้ข่าวจากปรางค์นี่แหล่ะว่าน้องไปตามเทียวไล้เทียวขื่อลูกสาวอาประพนเค้า พ่อถึงได้สบายใจที่เค้าเจอกันเร็วขึ้น เค้าจะได้ศึกษากันนานๆ หน่อย ”

กำพลนั่งยิ้มอารมณ์ดีหลังจากที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

"แต่ก็นะสองคนนี้เค้าจำกันไม่ได้เลยจริงๆ  เคยเป็นเพื่อนเล่นกันเมื่อตอนเด็กๆ หลังจากย้ายตามคุณอานารีกลับมาไทยก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย" กำพลนั่งพูดต่อ

"ขนาดปรางค์ยังจำดาไม่ได้เลยค่ะพ่อ โตขึ้นแล้วสวยน่าดูเลยเชียว"

“ถ้าตาปริณได้แต่งงานกับหนูดาแม่จะไม่ห่วงเลยปรางค์  แต่ถ้าเกิดผิดหวังกับหนูดาแล้วกลับไปคว้าเอาริสากลับมา 

แม่คงอกแตกตายแน่ๆ” วิภาสีหน้าดูเป็นกังวลกับชีวิตของลูกชายของเธอ

“ไม่หรอกค่ะคุณแม่ ปรางค์เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวน้อง ตั้งแต่เลิกกับริสาไปปริณแทบไม่มีชีวิตจิตใจ 

ชีวิตมีแต่คำว่างานๆๆๆ จนมาเจอหนูดา ทุกอย่างมันดูสดใสไปหมด ปรางค์เคยได้เจอได้คุยกับดาหลายครั้งแล้วค่ะแม่ความสดใสของเค้า ความออดอ้อนของเค้าสามารถดึงปรางค์เข้าไปในโลกของเค้าได้อย่างสนิทใจ นี่ขนาดปรางค์เป็นผู้หญิงด้วยกันยังเอ็นดูเค้าขนาดนี้ สำหรับปริณปรางค์ว่าไม่เหลือใจให้ริสาอีกแล้วหล่ะค่ะ คุณแม่อย่ากังวลไปเลยนะคะ”

“แม่ก็หวังขอให้เป็นอย่างที่ปรางค์พูดนะลูก แม่คงรับไม่ได้จริงๆ ถ้าริสาเธอกลับมาหาปริณอีก”

"ปรางค์ไปก่อนนะคะแม่ ถ้าปริณกับดาเค้าตอบมาว่ายังไง บอกปรางค์ด้วยนะคะ จะได้จัดที่พักให้น้องเค้าค่ะ"

"จ้ะลูก"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา