ลิขิตรักฝากใจ

6.5

เขียนโดย Chatnara

วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.11 น.

  7 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,568 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2561 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) เงาของหัวใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ที่ร้านนมแห่งหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบถูกประดับประดาไปด้วยหลอดไฟแสงสีอุ่นสบายตา  
ต้นไม้เล็กใหญ่ที่ปลูกไว้เป็นกำแพงประดับด้วยสายไฟทอดยาวลงมาดั่งสายฝน แต่ละต้นมีแสงไฟหลากสี
กระพริบสลับกันอย่างสวยงาม  ภายในร้านดูปลอดโปร่งโล่งสบาย ไม่อุดอู้ แต่แน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่เข้ามานั่งกิน
นมชมวิวที่ร้านแห่งนี้ ดากานดาชื่นชอบและติดใจในบรรยากาศ ได้แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปและเดินไปถ่ายยัง
มุมต่างๆ ของร้าน โดยที่ปริณนั่งมองดูและยิ้มให้เธอด้วยสายตาที่มีประกายแห่งความสุข  บนโต๊ะที่ปริณนั่งรอเธอ 
นมอุ่นๆ พร้อมขนมปังเนยน้ำตาลกำลังเสิร์ฟ ไอร้อนของนมลอยพุ่งส่งกลิ่นหอม ปริณกวักมือเรียกดากานดา
กลับมานั่งที่โต๊ะ
“เลิกถ่ายได้แล้ว ไม่เห็นมีใครตื่นเต้นมากมายเท่าคุณเลย”
“ก็ดาไม่เคยมานี่นา  สวยมาก บรรยากาศดีเว่อร์ ดาอยากมาอีก พามาอีกได้ไหมคะ”
“อื้ม” ปริณส่งเสียงอือและพยักหน้าเพื่อตอบตกลง
ดากานดามานั่งลงข้างๆ เอียงตัวเบียดเข้ามาหาปริณ เธอก้มหัวไปซบที่ไหล่ของเขา มืออีกข้างยกโทรศัพท์ชูขึ้น 
เธอโพสท่าถ่ายรูปและกดชัตเตอร์รัวๆไปหลายที  ลมเย็นพัดโบกมาเป็นระยะๆ ทำให้ผมที่ยาวสลวยของเธอ
ปลิวมาถูกใบหน้าของปริณ เขาเอียงหน้าเข้าไปใกล้ๆ เพื่อดมกลิ่นอันหอมละมุนนั้น
"คุณหมอทำอะไรอ่ะ นั่งดีๆซิคะ ดาเซลฟี่อยู่นะ จะถ่ายมั้ยรูปอ่ะ" 
"ถ่ายรูปคู่กับผม ไม่เห็นขออนุญาตเลย ละเมิดสิทธิ์คนอื่นนะแบบนี้"
"อืม...นะ ไม่ถ่ายก็ได้ เรื่องเยอะเป็นที่หนึ่งเลยหมออ่ะ" 
"อ่ะๆๆ ถ่ายจ้ะ ถ่ายก็ได้" 
ดากานดายังคงถ่ายรูปต่อไป เปลี่ยนท่าขยับไปมา ไม่ได้ท่าที่ลงตัวสักที จนในทีสุดขณะที่กำลังจะลุกยืน
เพื่อเปลี่ยนมาถ่ายอีกฝั่งหนึ่งธอเสียหลักเซล้มลง ปริณรีบคว้าตัวเธอมานั่งบนตัก ทั้งสองสบตากัน 
ดากานดาเขินจนทำตัวไม่ถูกรีบผลักอกของเขาที่แนบชิดอยู่กับตัวเธอออกและลุกกลับมานั่งในที่ของตัวเอง 
"เห็นมั้ย ซนจนได้เรื่อง นี่ถ้าผมไม่คว้าตัวไว้ คงได้ล้มทับแก้วนมร้อนๆนั่นเป็นแผลพุพองต้องมารักษากันอีก"
"บ่นเป็นคนแก่ไปได้ น่าเบื่อชะมัด"
"ยังจะมาเถียงอีก"
"ขอโทษคร้าาา ไม่ดื้อไม่ซนอีกแล้วคร้าา จะเชื่อฟังไม่เถียง โอเคมั้ยคะ"
"ประชดประชันตลอดซิน่า เอาหล่ะไว้ถ้าผมว่างจะพามาใหม่ก็แล้วกัน คราวนี้เวลาเหลือน้อย ผมว่าคุณรีบกิน
จะได้รีบกลับ ป่านนี้คัณพ่อคุณคงรอแล้วหล่ะ"
"สัญญาแล้วนะคะว่าจะพามาอีก"
"อื้ม...."
“โหยยย คุณหมอน่ารักที่สุดเลยอ่ะ” ดากานดาดีใจจนเผลอยื่นมือทั้งสองข้างไปจับที่แก้มของปริณ 
สายตาที่เธอจ้องมองมา รอยยิ้มที่สดใส ปากอันอวบอิ่มอมชมพู ทำให้ปริณหวั่นไหวมากมายเหลือเกิน  
"ถ้าผมน่ารัก ก็รักผมให้มากๆ ได้มั้ย" ปริณยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ สายตาของปริณที่มองมาทำให้เธอมีสติดึงตัวเอง
ให้ถอยห่างและนั่งกินนมต่อด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม 
"ขนมปังที่นี่อร่อยดีนะคะ คุณหมอเคยพาคุณริสามาทานที่ร้านนี้ไหมคะ" 
"เคยนะ เเคยพามาครั้งนึง แต่เค้าไม่ชอบร้านแนวนี้ เค้าบอกว่าร้อน ยุงเยอะเพลงไม่เพราะ และอีกหลายอย่าง
ผมก็จำไม่ได้แล้ว ผมเห็นเค้าหงุดหงิดก็เลยไม่พามาอีกเลย"
"เท่าที่ฟังดู คุณริสานี่ก็ดูท่าจะเยอะเหมือนกันนะคะ อ่อ...แล้วคุณแม่ของคุณหมอดุหรือเปล่าคะ” 
“อยากรู้จักหรอ เดี๋ยวจะพาไปเจอวันนี้เลยดีไหม” ปริณรีบหยอดคำถามเพื่อรุกเธอในทันที
“ไม่ใช่ค่ะ ก็เห็นบอกว่าคุณแม่กีดกันคุณริสาไง ดาก็เลยอยากรู้ว่าคุณแม่เป็นคนดุไหมแค่นั้นเองค่ะ”
“นี่คุณอยากรู้เรื่องของผมขนาดนั้นเชียว”
“ดาชอบเผือกเรื่องของชาวบ้านค่ะ  อิอิ ดามีสโลแกนส่วนตัว เรื่องชาวบ้านคืองานของเรา เรื่องของเราเดี๋ยวชาวบ้าน
รู้เอง ฮ่าๆๆๆ” เธอพูดเองขำเอง  ปริณหัวเราะตาม 
"แสบจริงๆ นะเราเนี่ย"
“คืองี้....ผมกับริสามีปัญหากันบ่อยมาก ก็ด้วยเรื่องความสวยนี่แหล่ะ ทำให้มีผู้ชายมาพัวพันบ่อย เค้าย้ายมาอยู่บ้าน
ผมแล้ว ช่วงนั้นอยู่ระหว่างเตรียมตัวแต่งงาน แต่เค้าก็ยังไปสังสรรค์กับแก๊งค์อยู่บ่อยๆ  กลับดึก เมาบ้าง ส่วนใหญ่ก็จะ
มีผู้ชายมาส่งที่บ้านเลยอ่ะนะ คุณแม่ท่านไม่อยากให้คนอื่นมองไม่ดี ท่านเห็นบ่อยเข้าก็รับไม่ได้ ผมก็รับไม่ได้
เหมือนกัน แต่เพราะว่าจะแต่งงานอยู่แล้ว การ์ดแต่งงานก็แจกไปเรียบร้อย ผมก็พยายามจะประคับประครองให้ดีที่สุด 
คุณแม่เองท่านก็ตักเตือนริสาอยากให้เพลาๆลง ริสาเองก็เถียงคุณแม่ทุกคำ  และเถียงหนักขึ้น ผมอยู่ในเหตุการณ์
คนกลางก็หนักใจ”
“ทำไมใจกว้างจังล่ะคะ ปล่อยให้ผู้ชายมาส่งแฟนตัวเอง”     
“ก็ไม่ได้ใจกว้างอะไรขนาดนั้น  ทะเลาะกันหนักมากก็เคย  บ่อยครั้งเข้าก็กลายเป็นความเอือมระอา  ถ้าคิดว่าเป็น
ด้านดีก็คือช่วยให้ผมมีเวลาได้ทำใจ  อยู่ดีๆ เราก็ห่างกันไปเอง”
"น่าเห็นใจนะคะ ถึงขนาดแจกการ์ดไปแล้วด้วย"
"สงสารก็มาดามใจผมซิ"
"นี่ก็หยอดตลอดเลย...พอเลยๆ เลอะเทอะแล้วหมออ่ะ"
"ฮ่าๆๆๆ" ปริณหัวเราะชอบใจ 
“แล้วที่ว่าคุณแม่กีดกันนี่ก็แสดงว่าคุณริสาคิดไปเองหรอคะ ท่านอาจจะแค่ตักเตือนปกติหรือเปล่า”
“จะเรียกว่ากีดกันหรือเปล่าผมก็ไม่รู้นะ ก็หลังจากที่ห่างกันออกไป เค้าก็มาเก็บเสื้อผ้าย้ายไปอยู่คอนโด 
จนผ่านไปสักระยะก็กลับมาง้อขอเป็นเหมือนเดิม เค้าทำตัวดีขึ้น น่ารักขึ้น
"ก็เลยใจอ่อนกลับไปคืนดีกับเค้าว่างั้น"
"อื้ม..."
"โธ่เอ้ย!!! เจ็บแล้วไม่รู้จักจำ"
"อ้าว!!! ก็ตอนนั้นก็ยังรักอยู่"  ดากานดาสีหน้าเศร้าหมองลงในทันที เธอแอบหวั่นใจอยู่ไม่ใช่น้อย สีหน้าแววตาของ
ปริณยังเหมือนดูมีเยื่อใยให้กับแฟนเก่า เธอเลยคิดว่าเขาน่าจะยังรักและรอเธออยู่
"ผมลงทุนเปิดสถานเสริมความงามให้เค้าดูแลเลยนะ เพราะเป็นความฝันของเค้า ผมคิดว่าการกลับมาครั้งนี้ เค้าคงคิด
ได้ และคงไม่กลับไปทำตัวแบบเดิมอีก งานแต่งก็ใกล้เข้ามาทุกทีๆ ผมก็ปล่อยให้เค้าบริหารไป ผมไว้ใจเค้า 
จนผมไปเรียนต่อที่อเมริกานั่นแหล่ะ
ถึงได้รู้ความจริงว่าเค้าให้แฟนใหม่ที่เป็นหมอคนนั้นอ่ะนะ เข้ามาบริหารกิจการซึ่งเป็นเงินของผม คุณแม่รู้ก็ยิ่งไม่ชอบ
ริสาหนักเข้าไปอีก คุณแม่เลยยื่นคำขาดไม่ให้ผมติดต่อกับเค้า  เค้าเลยขอยกเลิกงานแต่งงานกับผมเพราะจะไปแต่งงาน
ใหม่กับหมอหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยคนนั้นนั่นแหล่ะ”
“ธรรมดาของแม่นะคะ ย่อมห่วงลูกเป็นธรรมดา และลูกก็ยิ่งดูไม่ค่อยจะทันโลกซะด้วย”
"แหม....ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกคุณ จะว่าไปตอนนั้นคุณแม่ผมถึงขนาดว่า ผมจะแต่งงานกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่ริสา 
ขอแค่มาบอกว่าจะแต่ง แม่จะจัดการให้หมด ฮ่าๆๆ” ปริณหัวเราะชอบใจ
“หล่อเลือกได้จริงๆ ”
“เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ”
“เปล่านี่คะ ขนมปังติดคอเลยกระแอ้มออกมาเฉยๆ”
“จริง”
“ก็จริงซิคะ” เธอก้มกินนม และมองชมวิวรอบๆ ร้านต่อไป โดยไม่รู้เลยว่าสายตาที่ปริณมองมาที่เธอนั้นช่างลึกซึ้ง
กินใจเหลือเกิน
"นี่ถ้าอนาคตคุณสนใจอยากจะแต่งงานกับผม ผมจะยินดีมากเลยนะ จะรีบบอกคุณแม่ให้เร่งหาฤกษ์หายามเลย"
“หมอก็พูดเพ้อเจ้อไปนั่น ไปเถอะค่ะ ดาอยากกลับบ้านแล้ว จะไปอ่านหนังสือเตรียมสอบต่อด้วย”
“ดีมาก จะได้สอบพยาบาลได้เนอะ” 
“ไม่ดีกว่าค่ะ ดาไม่อยากเป็นพยาบาลแล้ว ไม่อยากทำงานแบบเดียวกับหมออ่ะค่ะ”
“หมอก็ต้องคู่กับพยาบาลซิถึงจะเหมาะ ลองเก็บไปคิดดูดีๆ น๊า” 
ปริณยังคงแอบหยอดใส่ดากานดาอยู่เสมอ ระหว่างขับรถมาส่งดากานดาที่บ้าน  ปริณเห็นเธอหยิบหูฟังมาสวมไว้ 
เธอเอนหลังพิงเบาะแล้วหลับตาลงร้องเพลงคลอตามเบาๆ ปริณแอบเหลียวมองเธออยู่บ่อยครั้ง  ความน่ารัก 
ความสดใสของเธอทำให้ปริณมั่นใจแล้วว่าเธอคือคนที่เขาตามหามาตลอด ดากานดาคือความสุขของเขานั่นเอง
“ผมรักคุณนะดา ไม่ว่าผมจะพูดดังแค่ไหน คุณเองก็คงไม่ได้ยิน"
“หมอคะ”
“ครับ”  ปริณสีหน้าตื่นตระหนก เกรงว่าเธอจะได้ยินในสิ่งที่พูดออกไปเมื่อสักครู่นี้
“ดาคิดว่าบ้านดาไม่ได้มาทางนี้นะคะ จะพาไปทำอะไม่ดีหรือเปล่าคะเนี่ย”  
“วู่วว….” ปริณผ่อนลมหายใจออกทางปากอย่างแผ่วเบา เขารู้สึกโล่งใจที่เธอไม่ได้ยินในสิ่งที่พูด
“จะบ้าหรือไง คิดได้ยังไง ว่าผมจะพาไปทำไม่ดี คนอย่างผมต้องเต็มใจเท่านั้น เป็นไง ใจผมหล่อป่ะ"
"เแหวะ....หลงตัวเอง"
"คุณก็อย่ามาหลงผมก็แล้วกัน เสน่ห์แรงนะจะบอกให้"
"ไม่จบจริงๆ ความหลงตัวเอง"
"ฮ่าๆๆๆ ผมแค่จะพามาบ้านผม อยากให้แม่ได้รู้จักคุณ เพราะผมรู้จักพ่อกับแม่คุณแล้ว คุณก็ควรรู้จักพ่อกับแม่
ของผมบ้างดีมั้ย ท่านคงดีใจที่ได้เจอคุณ ป่ะ!! ไปกัน”   ปริณจับมือดากานดาให้เตรียมตัวลงรถ
"เดี๋ยวนะคะ พามาบ้าน พามาทำความรู้จักพ่อกับแม่ ตกลงอันนี้คือจีบใช่ไหมคะ"
"อื้ม.....ตามนั้น" ปริณยิ้มหวาน พยักหน้ารับแต่โดยดี
"โห...ชีวิตเด็กตัวเล็กๆ น่ารักๆ คนนึง ใครจะไปคิดว่าจะมีคุณหมอหล่ออย่างกับพระเอกเกาหลีมาตามจีบ นี่มันฝัน
ชัดๆ เลยดาเอ้ย!!!..." 
"ฮ่าๆๆ ขนาดนั้นเลยหรอ  เยอะไปป่าวคุณ  ป่ะ....ลงรถได้แล้ว"
“วันนี้ดายังไม่สะดวกอ่ะค่ะ  แม่ดาสอนไว้ว่า ถ้าเราไม่ได้คิดอะไรกับเค้า อย่าไปบ้านเค้า อย่าทำให้เค้าคิดไปไกล” 
เธอแอบยิ้มมุมปากเปรยตามองเพื่อสังเกตดูท่าทีของหมอหนุ่มว่าจะทำยังไงต่อไปถ้าได้ยินในสิ่งที่เธอเอ่ยออกมา
“โอ้โห!!! นี่ก็จะปีนึงแล้วนะ ไม่คิดอะไรสักนิดเลยหรอ”  
ปริณพูดพร้อมกับขับรถวนกลับเพื่อไปส่งเธอที่บ้าน เขาแอบรู้สึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้พาเธอมาให้ครอบครัว
ได้รู้จัก เพราะตัวเขาเองมั่นใจแล้วว่า ดากานดาคือคนที่เขารักสุดหัวใจและอยากให้เธออยู่เคียงข้างตลอดไป
"ไปสักนิดนึงน่า  แป้ปเดียวเอง นะๆ คุณแม่ผมอยากเจอคุณ แค่ตอบตกลงมาคำเดียว ผมวนรถกลับไปเลย"
“โน” เธอออกสำเนียงแบบเจ้าของภาษา พร้อมชูนิ้วชี้สะบัดไปมา 
“นิดนึงน่า นะๆ”
“ไม่ค่ะ”
“โถ่....ใจร้ายที่สุดเลยอ่ะ”  ปริณตีหน้าเศร้าเผื่อดากานดาจะเห็นใจ  แต่กระนั้นแล้วเธอก็ยังใจแข็งไม่ยอมพบกับครอบ
ครัวของปริณ  เพราะตัวเธอนั้นคิดไว้แล้วว่า อนาคตหากปริณยังจริงจังกับเธออยู่ เธอจะหาโอกาสมากราบสวัสดีพ่อ
กับแม่ของปริณอย่างแน่นอน
"ถึงบ้านแล้วค่ะ ดาไปก่อนนะคะ  ขอบคุณนะคะสำหรับมื้อเย็นและนมอุ่นๆที่อร่อยที่สุดในโลก”
“ไว้จะพาไปอีกนะ ขึ้นไปอาบน้ำได้แล้ว” 
"ขับรถดีๆ นะคะ"
"ผมไปแล้วนะ บาย"
ปริณยกมือโบกลา ดากานดายกมือโบกตอบกลับ ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน  ปริณนั่งรออยู่ในรถมองจนเห็นเธอเดิน
เข้าบ้านไป  ที่มุมของหน้าต่างห้องนอน ดากานดาแอบยืนมองจนรถของปริณขับพ้นสายตาไป
“ดาก็รักคุณนะคะหมอปริณ ขอบคุณสำหรับความรู้สึกดีๆ ที่มีให้ดาเสมอมา  ขอบคุณที่รักเด็กตัวเล็กๆ คนนี้  
ดายังสับสนกับสิ่งที่คุณทำอยู่  ดาไม่รู้ว่าคุณแค่ต้องการหาตัวแทนเพื่อให้ลืมคุณริสาหรือเปล่า  และหากวันหนึ่งดารัก
คุณมากไปกว่านี้จนยากที่จะตัดใจ  แล้วคุณริสาเธอเกิดกลับมาอีก คุณจะเอาดาไปไว้ตรงไหน ดาจะยืนอยู่คนเดียวได้
ยังไง  คุณคงยังรักคุณริสาอยู่แน่นอน ดาไม่อยากเสียใจถ้าวันนั้นมาถึง และเอาจริงๆ ดาคงไม่มีอะไรที่สามารถเทียบ
คุณริสาเธอได้เลย หมอไปหาคนที่เหมาะสมกับหมอเถอะนะคะ”   เธอหยิบหนังสือที่เตรียมจะอ่านสอบสำหรับ
วันพรุ่งนี้ มาหนุนนอน ในหัวคิดได้แต่คิดวนเวียนอยู่กับเรื่องหมอปริณจนเผลอหลับไป
***************************************
     ปริณขับรถกลับมาถึงบ้าน จังหวะเปิดประตูเข้ามา ถึงกับต้องผงะ เพราะสมาชิกในบ้านนั่งรอพร้อมหน้าพร้อมตา
และจับจ้องมาที่เขาคนเดียว
“เอ่อ…..สวัสดีครับคุณพ่อ คุณแม่ พี่ปรางค์ พี่เมศก์ วันนี้มีอะไรพิเศษหรือเปล่าครับอยู่กันครบเลย อย่าบอกนะครับว่า
รอทานข้าว”
“คงจะรอนะคะพ่อคุณ  นี่ก็ปาไปสี่ทุ่มแล้ว ไปไหนมาคะ เค้ารอจะคุยธุระกับคุณน่ะค่ะ ไหนลองเล่ามาซิคะไปเถลไถล
ที่ไหนมา หรือว่าพาเด็กน้อยไปเที่ยวไหนมา” ปรางค์ไล่ต้อนน้องชายของเธอจนแทบไปไม่เป็น 
“ไปไหน ไม่ได้ไป แม่ดูพี่ปรางค์ซิครับ ผมกลับมาจากโรงพยาบาลมาเหนื่อยๆ ต้องมานั่งตอบคำถามไร้สาระอีก”
“หร๋อ....กลับมาจากโรงพยาบาลจริงหรอคะ ไหนมองตาพี่ซิ”  ปรางค์ยังคงแกล้งปริณต่อโดยการจับคางและเชิดหน้า
น้องชายขึ้นมาให้สบตา ปริณเขินหน้าแดง สะบัดหน้าหนีพี่สาว
"ไม่ได้ไปจริงๆ วันนี้ผมมีผ่าตัด เคสหนักเลยครับคุณพ่อคุณแม่  เสร็จก็มาเซ็นเอกสารอีกนิดหน่อยเเค่นั้นเอง" 
"โอเคๆ ผ่าตัดก็ผ่าตัด เชื่อแล้วจ้าาาา  ไปพักเถอะปริณพี่แกล้งแซ็วไปอย่างนั้นเอง"
"ผมไปอาบน้ำก่อนนะครับทุกคน" ปริณยิ้มแบบมีเลศนัยรีบก้าวเท้าเดินออกจากห้องโถงไปในทันที
"ดึกป่านนี้แล้ว พ่อแม่เค้าไม่ว่าเอาหรอ พาลูกสาวเค้าไปเลี้ยงต้อยแบบนั้น" ปรางค์รีบยิงคำถามทิ้งทวนก่อนที่
น้องชายจะเดินพ้นจากห้องไป 
"จะบ้าหรอ เลี้ยงตงเลี้ยงต้อยอะไร ไม่มี!!!  ก็แค่พาไปกินข้าวเฉยๆ"
"ฮั่นแน่!!!!....." ทุกคนส่งเสียงแซ็วที่ปริณหลุดพูดความจริงออกมา เขาเขินจนทำตัวไม่ถูก เดินหน้าแดงกลับมาที่
ห้องโถง และนั่งลงที่โซฟาข้างปรางค์ผู้เป็นพี่สาวของตัวเอง
“โอเค ผมไปร้านนมมา ร้านในตัวเมืองนี่เอง จบมั้ย” ปริณมองค้อนไปที่พี่สาวของตนเพราะเป็นต้นเรื่อง
ที่คาดคั้นเอาคำตอบจากตัวเอง
“เห็นมั้ยคะคุณพ่อคุณแม่ ปรางค์บอกแล้วว่าคนนี้อ่ะปริณเค้าจริงจังและก็จริงใจ เอาเป็นว่าคุณพ่อคุณแม่เตรียมตัว
ต้อนรับลูกสะใภ้คนนี้ได้เลยนะคะ” 
ปริณรีบโน้มตัวเข้าไปดึงคอผู้เป็นพี่สาวมากอดไว้ และปิดปากเธอไม่ให้พูดต่อ ปรางค์งัดมือออกเพื่อจะพูดให้จบ
แต่ทว่าเธอเองไม่สามารถสู้แรงของน้องชายตัวเองได้  ปรางค์ดิ้นไปมาจนทุกคนหัวเราะชอบใจกันใหญ่
“เอาล่ะๆ พอแล้วลูก ปรางค์ก็เลิกแซ็วน้องได้แล้ว  น้องอายไปหมดแล้วน่ะ”
“ปริณมานั่งตรงนี้ซิลูก” วิภาเอามือตบลงบนโซฟาเบาๆ เพื่อให้ลูกชายมานั่งใกล้ๆ  เธอดึงตัวลูกชายมากอดไว้
อย่างอบอุ่น
“พี่ปรางค์กับพี่เมศก์เค้ามาเล่าให้แม่ฟังบ้างแล้วล่ะลูก พี่เค้าเห็นว่าปริณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จากที่เป็นเสือ
ยิ้มยากก็กลับกลายเป็นคนหัวเราะกับอะไรรอบตัวได้ง่ายขึ้น แม้แต่แม่กับพ่อเองก็ยังสังเกตได้เลยว่าลูกของแม่มี
ควาสุขมากกว่าเมื่อก่อน ตั้งแต่ปริณเลิกกับริสาไป แม่ก็แทบไม่ได้เห็นรอยยิ้มจากลูกอีกเลย ก้มหน้าก้มตาทำแต่งาน 
กลับบ้านมืดค่ำ จนมาถึงวันนี้ แม่รับรู้ได้เลยว่าหนูน้อยคนนั้นทำให้ลูกของแม่มีความสุขมากเลยทีเดียว แม่ชักอยาก
เจอหน้าแล้วล่ะซิ พามาให้พ่อกับแม่เจอหน่อยซิลูก”
“ไม่มีอะไรหรอกครับแม่  ผมก็ปริณคนเดิม อาจจะงานเริ่มน้อยลงแล้วมั้งครับเลยมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น”
“เฮ้อ……พี่เหนื่อยใจกับคนปากแข็งจริงจริ๊งง”
“พี่ปรางค์พอเลย  พูดเยอะไปแล้วอ่ะ”
“อ้าว!!! หรือว่าไม่จริง ก็พี่เมศก์เห็นแกเทียวรับเทียวส่งหนูดาอยู่บ่อย  แหมๆ บางทีแค่สี่โมงเย็นเอง พี่เห็น
ขับรถวนอยู่หน้าโรงเรียนหนูดาแล้ว ร้ายนะยะ เร่งตรวจมือหงิกเลยมั้งน้องชั้น จะได้รีบมารับสาวให้ทัน อิอิ"
“โอ้โห….นี่สะกดรอยตามผมกันเลยหรอครับเนี่ย น่ากลัวจริงๆ สองคนนี้”
“เปล่าๆ บังเอิญเจอมากกว่าปริณ  พี่จะบอกให้นะว่าพยาบาลเค้าตั้งวงซุบซิบแกกันเลยล่ะ พี่ได้ยินมาว่า มีคนเห็น
รูปที่หน้าจอโทรศัพท์ของแกเป็นรูปผู้หญิง แถมบอกด้วยนะว่าตัวเล็กๆ  ผมยาว ตาโต  ปกติเวลาตรวจคนไข้อยู่
มีใครโทรมาแกจะตัดสายทิ้ง แต่ถ้าคนนี้โทรมายุ่งแค่ไหนแกก็รับสาย เค้าก็เลยพากันเดาว่า ผู้หญิงคนนี้คงแฟนหมอ
ปริณแน่นอน แกรู้มั้ย พยาบาลเค้าพากันอกหักกันเป็นแถวเลยหล่ะ ฮ่าๆๆ"
หมอราเมศก์พูดแซ็วน้องชายภรรยาของตัวเอง 
"นี่ถึงขนาดตั้งหน้าจอเป็นรูปเค้าเลยหรอเนี่ย  พี่ว่านะ ถ้าหนูดาเค้ารู้ เค้าคงปลื้มแกตายเลย"
"เฮ้ย!! พี่ปรางค์ อย่าไปบอกนะครับพี่ ผมขอร้อง"
"ยัยปรางค์ เลิกแซ็วน้องได้แล้วลูก ไก่ตื่นหมด ต่อไปเวลามีอะไรน้องจะอุ๊บอิ๊บไว้คนเดียวไม่มาเล่าให้ฟังกันพอดี"
"คร่าา คุณแม่...."
“ปริณ"
"ครับแม่"
"ถ้าลูกคิดว่าคนนี้ใช่จริงๆสำหรับลูกแล้ว ลองถามตัวเองไตร่ตรองให้ดีๆ ว่ารักเค้าจริงแค่ไหน  ถ้ารู้หัวใจตัวเองแล้ว
แม่ว่าทางที่ดี ลูกควรบอกให้เค้ารู้ตัวนะว่าลูกคิดยังไงกับเค้า จริงจังกับเค้าถึงขั้นไหน เค้ายังเด็กอยู่อนาคตเค้ายังอีกไกล 
มีโอกาสเจอผู้คนอีกมากหน้าหลายตา ถ้าเกิดว่าเค้าคิดตรงกับเรา เค้าก็จะได้มีเราเป็นตัวยึดเหนี่ยวไม่วอกแวกไปไหน 
อย่าทำตัวเป็นหมาหยอกไก่ไปวันๆ นะลูก  เค้าจะหาว่าเราไม่จริงใจกับเค้า ถ้าเกิดว่ามีคนใหม่เข้ามา ทุกอย่างมันจะ
สายเกินไป”  
“เอาจริงๆ เค้าก็ดูไม่ค่อยสนใจผมเท่าไหร่หรอกครับแม่ บางครั้งก็เหมือนมีใจให้ บางครั้งก็เฉยชาไม่รู้สึกอะไร ผมรู้สึก
เหมือนมีบางอย่างกั้นระหว่างความรู้สึกของเรา เค้ายังไม่เปิดรับผมเข้าไปในหัวใจเค้าเลยครับแม่ "
"เค้ามีแฟนอยู่หรือเปล่าปริณ"
""ยัยปรางค์" วิภาดุลูกสาวให้หยุดพูด เธอหันไปมองปริณ สีหน้าของเขาเศร้าหมองลงและดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"อาจจะจริงอย่างที่พี่ปรางค์พูดก็ได้ครับแม่"
"พี่พูดเล่นนะปริณ พี่ขอโทษนะ"
"ไม่เป็นไรครับ ถ้าเค้ามีแฟนจริง ผมจะได้หยุด....หยุดที่จะรักเค้าฝ่ายเดียว คุณแม่รู้มั้ยครับ วันแรกที่ผมเจอเค้า 
ความรู้สึกของผมคือเหมือนเราเคยเจอกันมาก่อน  เราสนิทกันง่าย ผมมีความสุขที่มีเค้าอยู่ใกล้ๆ ผมอยากเจอ อยากคุย
กับเค้าทุกวัน แต่เวลาผมอยู่กับเค้า เค้าชอบถามผมเกี่ยวกับเรื่องริสาตลอดเลย  ใจจริงผมไม่อยากพูดถึงเค้าอีกแล้ว
นะครับแม่ แต่อีกใจนึงผมก็อยากอธิบายให้ดาเข้าใจในตัวผมมากขึ้น ”
“หนูดาอาจจะคิดว่าลูกยังรักยังมีเยื่อใยให้กับริสาอยู่หรือเปล่า บางทีหนูดาเองอาจจะหยั่งเชิงดูความมั่นใจในตัวลูก
ก็ได้นะ แล้วปริณเองล่ะ ไม่ใช่ว่ายังลืมริสาไม่ได้ก็เลยรีบดึงหนูดาเข้ามาแทนที่เค้าใช่ไหมลูก ถ้าเป็นอย่างนั้น
แม่ไม่ยอมนะ”
“ระหว่างผมกับริสามันจบไปแล้วครับแม่ ไม่มีโอกาสจะกลับมาคบกันได้อีก แต่สิ่งที่ดาต่างจากริสาคือความสดใส
ของเค้า เค้าเป็นคนดี เค้าเป็นคนคิดบวกอยู่ตลอดในทุกๆเรื่อง  ผมเคยลองใจเค้าหลายครั้ง เคยพาไปเที่ยวที่ลำบาก 
เดินทางเป็นกิโลยังไม่บ่นสักคำ หยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปตลอดทาง แกล้งรถเสีย นั่งร้อนๆ ในรถ พาไปกินข้าวข้างทาง 
ผมทำตรงข้ามกับสิ่งที่ผมเคยทำกับริสาทุกอย่าง  ดาไม่เคยได้รับความสะดวกสบาย หรือของมีค่าอะไรจากผมเลย
ตั้งแต่ที่รู้จักกันมา ถ้าเป็นเด็กที่คิดจะจับคนรวย ผมคิดว่ายังไงก็คงต้องหลุดนิสัยหรือธาตุแท้ของตัวเองเข้าสักวัน แต่นี่
เป็นปีแล้วที่รู้จักกันเค้ายังเสมอต้นเสมอปลาย ผมซื้ออะไรให้เค้าก็ไม่เคยรับ ผมซื้อโน๊ตบุ้คเป็นของขวัญวันจบให้เค้า
ล่วงหน้าก็เอามาคืน  เค้าบอกว่าบ้านของเค้ามีครบแล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้มัน คุณพ่อคุณแม่ไม่ให้รบกวนเงินของใคร 
ผมประทับใจเค้ากับครอบครัวของเค้าตรงนี้แหล่ะครับแม่” 
วิภามองเห็นสายตาอันเป็นประกาย ซึ่งเป็นแววตาแห่งความสุข เขาพูดไปอมยิ้มไป วิภาจึงได้รู้ว่าลูกชายของตน
รักหนูน้อยดากานดาสุดหัวใจไปแล้ว  
"แม่เอาใจช่วยนะลูก  อย่าปิดบังความรู้สึกของตัวเองก็แล้วกัน รักเค้าก็รีบไปบอกเค้าให้รู้"
"ผมว่าจะรอให้เค้าเรียนจบก่อนนะครับแม่ พรุ่งนี้จะสอบแล้ว ถ้าไปบอกวันนี้เกรงจะทำให้ดาขุ่นใจไม่เป็นอันอ่าน
หนังสือสอบ ผมไม่อยากไปรบกวนสมาธิเค้าน่ะครับแม่"
"ก็เอาตามที่ปริณเห็นสมควรนะลูก ยังไงก็หาโอกาสพามาหาแม่บ้างนะ แม่อยากจะเห็นหน้าหนูดาแย่แล้ว" 
วิภาส่งยิ้มให้ลูกชาย
"อยากรู้ว่าตัวจริงจะน่ารักขนาดไหน ถึงได้สะกดใจลูกชายแม่จนมานั่งพร่ำเพ้อขนาดนี้ แม่ว่าตอนนี้คนแก่
หลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้นเลยหล่ะ"
"คุณแม่......ว่าแต่พี่ปรางค์  คุณแม่กลับเป็นคนมาแซ็วผมซะเอง ผมไปนอนดีกว่า พูดมากเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้ว"       ทุกคนนั่งขำกับท่าทีเขินอายของปริณ  เขารีบเดินขึ้นบันไดไป หลังจากเดินพ้นห้องโถงออกมา ลับสายตาทุกคนปริณแอบเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เขามีความสุขมากจนอยากเร่งเวลาให้ดากานดาสอบเสร็จให้ไวขึ้น เพื่อที่จะได้รีบไปบอกความในใจให้เธอได้รับรู้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา