Your Heart's Guardian แล้วรักฉันจะดูแลเธอ
เขียนโดย Gwen_mk
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.03 น.
แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561 22.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) 7: ซีนที่ 3
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความซีนที่ 3
“ไอ้น้ำ แกไปไหนต่อป่ะ” ทอฟฟี่ถามฉันหลังจากที่เราสามคนเลิกเรียนวิชาแกรมม่า
“อ๋อ วันนี้ต้องไปช่วยงานพวกซันชายน์อ่ะ นัดไว้ที่ตึกนิเทศตอนบ่ายสองครึ่ง” ฉันตอบ
“พวกฉันไปดูด้วยได้ป่ะ” กั้งถามขึ้นด้วยท่าทางสนอกสนใจ
“ใช่ๆ ฉันจะได้ไปส่องหนุ่มนิเทศ หุหุ” ทอฟฟี่เสริมด้วยแววตาและเหตุผลที่จริงใจสุดๆ จริงใจจนฉันอดที่จะมองบนไม่ได้
“ก็ได้อยู่นะ งั้นเราไปซื้อกาแฟแล้วค่อยไปกัน ยังพอมีเวลาอยู่” ฉันสรุป
หลังจากวันที่คุยงานกับซันชายน์และเพื่อนๆในกลุ่มไปคราวก่อนก็ผ่านมาได้สองวันแล้ว และวันนี้ก็เป็นวันเริ่มงานกันวันแรกเพราะบทเพิ่งเสร็จสมบูรณ์และเพิ่งเลือกโลเคชั่นกันได้ ประจวบกับที่พวกเขาต้องรอฉันว่างตรงกันด้วย ก็เลยมาลงเอยกันที่วันนี้ ตื่นเต้นจังเลยแฮะ
“สวัสดีโอปอล บอล บาส แล้วซันกับก้องล่ะ” ฉันทักทั้งสามคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหินอ่อนที่นัดหมายกันไว้ในไลน์
“ดีจ้าน้ำค้าง สองคนนั้นกำลังตามมา พวกมันเรียนละเซคกับพวกเราน่ะวันนี้ แล้วสองคนนี้เพื่อนเหรอ” โอปอลทักฉันกลับพร้อมพูดคุยอย่างเป็นมิตร ส่วนสองแฝดก็หันมายิ้มทักทายให้เช่นกัน
“อ๋อ! ใช่ๆ นี่ทอฟฟี่กับกั้ง พวกแก นี่โอปอล บอล แล้วก็บาสนะ เพื่อนๆในกลุ่มโปรเจกต์” ฉันแนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน
“พวกเราขอตามมาดูน้ำค้างถ่ายหนังด้วยนะ” กั้งพูดด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีเลยคร้าบ เพื่อนน้ำค้างน่ารักๆแบบนี้ ให้มาทุกวันเลยก็ได้” บาสพูดด้วยท่าทางทะเล้นๆตามสไตล์ของเค้า
“เออ แล้วน้ำค้างเอาชุดที่เราบอกมาหรือเปล่า” โอปอลทักฉันขึ้น
“ เอามาๆ นี่จ้ะ สามชุดที่สั่ง” ฉันยื่นถุงกระดาษที่ใส่ชุดไปรเวทของฉันเอาไว้สามชุด มันเป็นชุดที่โอปอลสั่งให้ฉันเตรียมมาเพื่อที่เธอจะได้เลือกให้ฉันใส่เข้าฉากในการถ่ายทำวันนี้
พอโอปอลเลือกดูชุดของฉันแล้วเธอก็เลือกออกมาหนึ่งชุดเพื่อให้ฉันไปเปลี่ยนจะได้มาเตรียมตัวเข้าฉากต่อ หลังจากที่ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จกลับมาที่โต๊ะก็พบว่าก้องและซันชายน์ได้มาถึงแล้ว
“พวกมึงหยุดบ่นกูเลย ไอ้ซันมันบ่นกูมาทั้งวันจนขี้หูกูนี่เต้นแทงโก้ไหลออกจากรูไปสามรอบละ ก็กูบอกว่าไม่ได้ตั้งใจ ใครมันจะอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้วะ” ก้องที่ตอนนี้มีผ้าปิดแผลอยู่ที่หน้าผากและคาง พร้อมกับเฝือกอ่อนที่แขนกำลังโวยวายใส่เพื่อนๆในกลุ่มของเขา
“มีเรื่องอะไรกันเหรอ?” ฉันถามออกไปโดยไม่รอช้า
“ก้องมันรถล้มมาน่ะ สภาพก็อย่างที่เห็น พวกเราก็เลยต้องเปลี่ยนแผนกันหน่อย” บอลอธิบายด้วยท่าทีเรียบๆ ในมือก็ยังคงเช็คนู่นเช็คนี่บนกล้องวิดีโออยู่
“แล้วอย่างงี้เอาไงอ่ะ” โอปอลถามขึ้น
“เราตกลงกับไอ้ซันแล้วว่าจะให้มันแสดงแทน ไหนๆมันก็หล่อรองลงมาจากเรา” ก้องพูด
“นี่แน่ะ! ทำกูเดือดร้อนละยังปากดีอีกนะมึง” ซันชายน์ผลักหัวก้องเบาๆโดยยังระวังไม่ให้โดนที่แผลที่หัว
“แล้วแกรู้บทที่จะถ่ายวันนี้หรือยังซัน” โอปอลถามขึ้น
“อือ รู้ละ ไอ้ก้องเอาชุดมาให้ละ เดี๋ยวเราไปเปลี่ยนก่อนละกัน ไอ้ก้องเรื่องที่กำกับอ่ะเอาตามที่คุยกันไว้นะมึง” ซันชายพูดก่อนจะหยิบถุงเสื้อผ้าเดินไปยังห้องน้ำ
“แล้วตกลงเอายังไงวะครับคุณผู้กินกับ” บาสถามก้องซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นผู้กำกับไปซะแล้ว
“ก็เริ่มที่ซีนสามก่อน ตามโลเคชั่นนี้ แต่เดี๋ยวให้ไอ้ซันมันออกมาบอกอีกที เอ้อ โอปอลช่วยอธิบายเรื่องเนื้อหาบทคร่าวๆให้น้ำค้างฟังหน่อยนะเอาแค่เนื้อเรื่องโดยรวม ยังไม่ต้องให้ดูบท เดี๋ยวเราลงลึกเองอีกที ส่วนกล้องกูขอสองตัวนะฉากนี้ บาส มึงเป็นตากล้องตัวที่สอง เสียงไม่ต้อง....”
ก้องเริ่มพูดจาอย่างจริงจังขึ้นและเริ่มทำหน้าที่ผู้กำกับสั่งงานทุกคน ฉันไม่ได้ฟังทั้งหมดว่าเขาสั่งรายละเอียดอะไรบ้างเพราะโอปอลดึงฉันออกมานั่งโต๊ะอีกโต๊ะใกล้ๆกับที่กลุ่มทำงานซึ่งพวกกั้งกับทอฟฟี่กำลังนั่งเม้าท์และเล่นโทรศัพท์กันอยู่ พอโอปอลพาฉันมานั่งก็ยิ้มทักทายเพื่อนฉันเล็กน้อยและหยิบกระเป๋าเครื่องสำอางออกมาเตรียมแต่งหน้าให้ฉันพร้อมกับอธิบายเนื้อหาของบทหนังสั้นให้ฟัง
“หนังสั้นอันนี้เราเป็นคนเขียนบทเองแหละ เราทำหนังสั้นประกอบเพลง Your Garden ของพี่ตู่ ภพธร น้ำค้างเคยฟังไหม” โอปอลพูดในขณะที่กำลังใช้น้ำยาล้างเครื่องสำอางเช็ดเครื่องสำอางที่อยู่บนหน้าฉันออก ซึ่งมันก็คือเครื่องสำอางที่ฉันแต่งมาตั้งแต่เช้านั่นแหละ
“ (- - )(- -) ( - -)” ฉันส่ายหน้าเพื่อบอกว่าไม่รู้จัก
“อืม งั้นเดี๋ยวถ้าแต่งหน้าเสร็จก่อนจะให้ลองฟังนะ...มันเป็นเพลงที่เราเลือกเองแหละ เนื้อหาก็ประมาณว่าเป็นเรื่องของผู้ชายคนนึง ที่อยากจะดูแลเทคแคร์ผู้หญิงคนนึง โดยหวังแค่ว่าอยากให้เธอมีความสุข ไม่ได้หวังว่าเธอต้องมารักเขาตอบหรืออะไร เพราะสำหรับเขา การที่ได้เห็นเธอมีความสุข นั่นก็คือความสุขของเขาแล้ว ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีเรื่องทุกข์ใจอะไร ผู้ชายคนนี้ก็จะคอยอยู่ข้างๆ คอยดูแลและสร้างรอยยิ้มให้กับเธอเสมอๆ” โอปอลเล่า
“ดูเป็นแนวผู้ชายในฝันเอาใจผู้หญิงดีเนอะ อิอิ ดูไม่เห็นเข้ากับพวกผู้ชายในกลุ่มเลย” ฉันพูดในขณะที่หลับตาให้โอปอลลงแป้งให้
“อ๋อ คือเราเป็นคนเขียนบทของกลุ่มน่ะ แถมเราโอน้อยออกชนะพวกนั้นด้วย จริงๆไอ้ลิงพวกนั้นจะให้ฉันเขียนบททำเพลงโทน ของBodyslam นี่ไอ้ก้องถึงขนาดลงทุนจะไปซื้อชุดทหารแล้วไปถ่ายในป่าต่างจังหวัดกันเลยนะ ฉันนี่ไฝว้เกือบตาย”
“ฮ่าๆ” ฉันขำ และแอบเหลือบตาไปเห็นว่าพวกทอฟฟี่กับกั้งที่แอบฟังก็ขำด้วย
“คือโจทย์มันให้สื่อความหมายตามเพลงไง แล้วเวลาหนังสั้นแค่ไม่เกิน 8 นาที กับสมาชิกกลุ่มแค่ 5 คน มันจะให้กระเทยอย่างฉันไปบุกป่าฝ่าดงทำเอ็มวีกู้ชาติ เอาจริงๆนะ นักแสดงเป็นกองทัพจะไปหาจากไหน ไหนจะชุดกับสถานที่อีก แล้วไอ้พวกลิงบ้าพวกนี้มันจะกู้ชาติเป็นเรื่องเป็นราวใน 8 นาที เจ้ล่ะกลุ้ม!”
“นี่เจ้โอปอล มันก็ดีละนะที่เจ้โอน้อยออกชนะอ่ะ ดูสภาพก้องดิ ขนาดยังไม่ได้ออกไปรบสภาพยังเยินแล้วเลย”ทอฟฟี่ที่นั่งฟังอยู่ร่วมออกความเห็นด้วย ก็อย่างที่เคยบอกไปล่ะว่าเรื่องเม้าท์นี่ขอให้บอกนาง
“เจ้ก็ว่างั้นแหละ ดีละแหละที่เลือกเพลงนี้ สื่อความหมายง่าย ตรงตัว ไม่ต้องใช้คนเยอะแถมเอาใจสาวๆสุดๆ พูดล่ะอิจฉาน้ำค้างเลยอ่ะ นี่ได้เล่นกับซันชายน์ด้วย อร้ายยยย><” โอปอลพูดและกรี๊ดด้วยท่าทางเพ้อฝันในขณะที่มือยังถือแปรงปัดแก้มอยู่
“อ่ะ เสร็จล่ะจ้ะ”
“หูยยย โอปอล แต่งซะยัยน้ำซะสวยใสเลย วันหลังมาแต่งให้ฉันบ้างนะ” กั้งพูดอย่างชื่นชม ซึ่งโอปอลเองก็ยืดอกยิ้มรับอย่างภูมิใจ
ฉันมองดูหน้าตัวเองในกระจก ใบหน้าที่ปกติฉันจะแต่งด้วยสีค่อนข้างเข้มเพื่อให้องค์ประกอบของใบหน้าดูโดดเด่น บัดดี้กลับถูกแต่งแต้มด้วยสีชมพูโทนอ่อนอย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้ทำให้ฉันดูสวยหวาน แปลกไปจากปกติไปเป็นคนละแนว แต่มันก็ไม่ได้แปลกมากเพราะหน้าของฉันก็ออกแนวสาวหวานเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“น้ำค้าง แต่งหน้าเสร็จแล้วก็มาเข้าฉากกะ..กาน...น่ารักจัง” ก้องเรียกฉันแต่พอมาเห็นฉันในลุคที่แปลกตาก็ถึงกับตะลึงไปเล็กน้อย
“แหล่มสุดๆ” ตามมาด้วยบาส
“โคตรเจ๋ง” บอล
“นางฟ้าชัดๆ” ตบท้ายด้วยซันชายน์
‘เป๊าะ!’ “ฮัลโหลววว จะทำไหมงานอ่ะฮะ ไอ้พวกลิง เห็นผู้หญิงสวยล่ะน้ำลายหกกันเป็นแถว” เสียงดีดนิ้วโอปอลนั่นเองที่เป็นคนเรียกสติทุกคนกลับมา
ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนนางเอกละครที่ปรากฏตัวต่อหน้าพระเอกหลังจากถูกแปลงโฉม แล้วพระเอกก็อึ้งตะลึงงันเหมือนตกอยู่ในภวังค์ยังไงยังงั้น แต่ว่าฉันมีพระเอกถึงสี่คนเลยแหละ รู้สึกสวยแฮะ อิอิ
“ทำครับเจ้โอบบบบ” บาสหันไปพูดจาด้วยใบหน้ากวนๆตอบโอปอล ฉันแอบเห็นว่าโอปอลชี้หน้าบาสกลับด้วยสายตาอาฆาตด้วย
“เอ่อ น้ำค้าง เราจะให้น้ำค้างเล่นฉากนี้ตามที่เราบอกนะ ไม่ต้องมีบทพูดอะไร ฉากนี้แค่แสดงอารมณ์อย่างเดียว” ก้องหันมาพูดกับฉัน
“โอเคจ้ะ แล้วเราต้องแสดงอารมณ์อะไรเหรอ”
“คนอกหัก”
“....”
ฉันนิ่งไปแปปนึงเพราะตกใจ ตอนแรกฉันคิดว่าฉันกำลังโดนเล่นตลกอะไรด้วยหรือเปล่าแต่ก็ไม่ใช่ ก้องอธิบายเพิ่มว่า ตามเนื้อเรื่องคือพระเอกจะเป็นผู้ชายที่คอยเข้ามาช่วยเหลือ ดูแล ปลอบโยนและสร้างรอยยิ้มให้นางเอกเสมอๆ และฉากนี้ก็เป็นฉากที่นางเอกกำลังนั่งเหม่อลอยด้วยความเศร้าเพราะเพิ่งเลิกกับแฟนมา แล้วพระเอกก็จะเข้ามาปลอบใจ ซึ่งฉากที่เรากำลังถ่ายนี้เป็นฉากที่ถ่ายฉันเดี่ยวๆตอนที่กำลังนั่งเหม่อลอยด้วยความเศร้า สิ่งที่ฉันต้องทำคือนั่งที่โต๊ะหินอ่อนที่เซ็ตไว้ ทำท่าเหมือนกำลังทำการบ้านและคิดถึงเรื่องอะไรก็ได้ที่เศร้าๆ ยิ่งเศร้ามากเท่าไหร่ยิ่งดี แล้วก็เหม่อมองไปข้างหน้าแค่นั้น ฉันก็พยักหน้าเงียบๆตอบรับก้องและบอกกับตัวเองว่าต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้พวกเขาเสียงาน
“ซีนที่ 3 คัท 1 เทค 1 แอคชั่น!” ก้องที่ยืนข้างๆบอลที่ถือกล้องอยู่ตะโกนขึ้นบอกสัญญาณว่าเริ่มถ่าย
ฉันนั่งตรงโต๊ะหินอ่อนตามที่บอกไว้ ข้างหน้าของฉันมีสมุด หนังสือและเครื่องเขียนอีกเล็กน้อยถูกเซ็ตไว้ ฉันจึงหยิบปากกาขึ้นมาในมือและขีดเขียนลงสมุดนิดหน่อยให้เหมือนมานั่งทำการบ้าน จากนั้นฉันก็ทำตามที่ก้องสั่งคือ เริ่มคิดถึงเรื่องเศร้าๆ ซึ่งแน่นอน ว่าฉันคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ เรื่องฉันกับกาย ภาพความทรงจำต่างๆเริ่มไหลเข้ามาในหัวทำให้ฉันหยุดมือที่แสร้งทำเป็นเขียนหนังสือ พอเงยหน้ามองออกไปข้างหน้า ก็เห็นนักศึกษาเดินประปรายแถวหน้าตึกคณะนิเทศ เห็นคู่รักหยอกล้อกันก็ทำให้ภาพที่ฉันกับกายเคยเล่นหยอกล้อด้วยกันตอนมอปลายไหลเข้ามาในหัว ตอนที่เขามาตามจีบ ตามง้อ และเซอร์ไพรซ์ต่างๆที่เขาทำให้ มันเคยทำให้ฉันมีความสุขมาก แต่พอมาถึงวันนี้ทุกอย่างมันพังไปหมดแล้ว ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เราเริ่มห่างกัน เราเจอกันน้อยลง หลังๆเจอกันแค่เดือนละครั้ง แต่ก็ยังโทรคุยกันตลอดๆ ฉันเคยคิดว่าเรารู้จักและเข้าใจกันและกันมากที่สุด ฉันคิดว่าเขาคือคนที่ฉันไว้ใจได้มากที่สุด แต่เมื่อไม่นานนี้เองฉันก็ได้พบความจริงว่า ทั้งหมดนั้นฉันคิดไปเอง เขานอกใจฉันไปคบคนอื่น และเขายังทำร้ายร่างกายฉัน เกือบจะข่มขืนฉันด้วยซ้ำ ภาพต่างๆมันไหลเข้ามาโดยเฉพาะภาพที่เขากลายเป็นคนอีกคนต่อหน้าต่อตาฉัน เขาเปลี่ยนจากคนรัก เป็นคนที่ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจฉัน ภาพมันชัดเจนในหัวมาก จนฉันรู้สึกเจ็บและหน่วงขึ้นมาในอก
“คิดเรื่องแฟนเก่าเหรอ ถึงกับร้องไห้เลย” ซันชายน์พูดด้วยรอยยิ้มบางๆตอนที่เขานั่งลงตรงม้านั่งหินอ่อนข้างๆฉันและยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ฉัน ฉันถึงกับตกใจและผงะไปเล็กน้อย
“อย่าหันไปไหนนะ เรายังถ่ายอยู่” เขาพูดต่อและยังรักษารอยยิ้มบางๆบนใบหน้านั้นไว้เหมือนเดิม
“ฮึก!” ฉันไม่ได้รับผ้าเช็ดหน้าแต่ใช้หลังมือเช็ดน้ำตาลวกๆ พร้อมกับกลืนก้อนสะอื้นลงคอ
“แล้วเราคุยกันได้เหรอ มันไม่มีบทพูดนี่”
“คุยได้ ฉากนี้ไม่เอาเสียงครับ”
พูดจบซันชายน์ก็เอื้อมมือที่ถือผ้าเช็ดหน้านั้น มาเช็ดน้ำตาที่ยังเลอะอยู่บนหน้าฉันออก ฉันผงะไปเล็กน้อยแต่ก็คิดว่าคงเป็นส่วนหนึ่งของบท เลยนั่งนิ่งๆให้เขาเช็ดน้ำตาให้ เขาขยับใบหน้าเขามาใกล้ฉันเล็กน้อยเพื่อมองหน้าฉันและเช็ดน้ำตาให้ถนัดขึ้น ซึ่งในระยะนี้ฉันเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจนมากกว่าครั้งไหนๆ ริมฝีปากบางที่ตอนนี้กำลังเม้มอยู่นิดๆ จมูกโด่งเป็นสันชัดเจนแต่ไม่แหลมจนขัดกับรูปหน้า คิ้วคมเข้ม และดวงตาสีดำสนิทที่ฉายแววกังวลเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังเป็นห่วงและกังวลที่เห็นฉันร้องไห้
แล้วจู่ๆเขาก็เลื่อนสายตาของเขาขึ้นมาสบสายตาฉัน มือของเขาหยุดเช็ดที่หน้าฉันแต่ยังคาไว้ที่แก้มอยู่อย่างนั้น แววตาของเขาฉายแววความเป็นห่วงเป็นใยออกมาชัดเจนมากขึ้น แถมยังแฝงไปด้วยความอบอุ่นที่แผ่ออกมาอย่างสัมผัสได้ แต่แค่เสี้ยววินาทีเท่านั้นมันก็เปลี่ยนไป กลายเป็นสายตาล้อเลียนที่มากับรอยยยิ้มกวนๆ
“จ้องตาไม่กระพริบขนาดนี้ หลงเสน่ห์เราเข้าแล้วอ่ะดิ” แถมด้วยการยักคิ้วให้ด้วยข้างนึง เล่นเอาซะฉันปรับอารมณ์ตามไม่ทัน
“..!?”
“ก็เห็นจ้องเราอย่างกับอยากจะกินเข้าไปอย่างงั้นอ่ะ เค้าเขินนะตะเอง” ประโยคสุดท้ายเขามีการพูดด้วยเสียงเล็กๆ แล้วก็เอามือปิดหน้าเขินด้วยความตะมุตะมิสไตล์ของเขา
“พรืด~ ฮ่าๆ ตอนแรกก็เกือบจะหลงนะ แต่หลงไม่ลงละ ขำมากกว่า” ฉันบอกและเอามือปิดปากกลั้นหัวเราะ เพราะยังสำนึกว่ากล้องยังถ่ายอยู่ แต่ก็กลั้นแทบไม่อยู่จริงๆ ความน่ารักบวกตลกของเค้านี่ทำเอาฉันสติกระเจิงจนเกือบลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ฉันคิดอะไร รู้สึกอะไรไปบ้าง
“ต้องแบบนี้ดิ น้ำค้างยิ้มแล้วน่ารักกว่าเยอะเลย” เขาถือวิสาสะเอามือมาวางบนหัวฉันและโยกเบาๆ พร้อมกับส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้ ทำเอาฉันชะงักไปนิดหนึ่งเพราะรอยยิ้มนั่นมันดันทำเอาหัวใจฉันเต้นผิดจังหวะเลย
“อื้ม ขอบคุณนะ ^^” ฉันยิ้มตอบเขาไป
“คัท! สุดยอดมาก เราให้เทคเดียวผ่านเลย ไอ้บาส เอากล้องมาเช็คหน่อยดิ๊” เสียงของก้องดังขึ้น ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเพราะรู้ว่าไม่มีกล้องถ่ายตัวเองอยู่แล้ว ซันชายน์เอามืออกจากหัวฉันและกระเถิบถอยหลังออกจากฉันไปนิดหนึ่ง
“เอ่อ.. ถ่ายรอบเดียวพอแล้วเหรอ” ฉันถาม
“ก็นะ ถ่ายอีกรอบคงไม่ได้รีแอคชั่นเหมือนเดิมจากน้ำค้างแล้วแหละ”
“รีแอคชั่น?”
“ก็ถ้าเธอรู้ว่าเราจะเข้ามาตอนไหน จะทำอะไร เล่นอะไร เธอก็คงไม่ตอบสนองแบบเป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อกี้แล้วแหละ”
“อ๋อ~ พอจะเข้าใจละ แต่ซันก็แสดงเก่งนะเนี่ยเมื่อกี้นี้ ทำให้เราตอบสนองแบบที่บทอยากได้ได้ด้วย”
“อืม..ก็แสดงครึ่งไม่แสดงครึ่งแหละ งั้นเดี๋ยวเราไปเช็คภาพกับพวกไอ้ก้องก่อนนะ”
แล้วเขาก็เดินไปเลย ทิ้งฉันไว้กับคำพูดที่ทำให้ฉันสงสัยว่า ไอ้ที่ว่าแสดงครึ่งไม่แสดงครึ่งนี่ ส่วนไหนแสดง ส่วนไหนไม่แสดง พอคิดๆแล้ว ภาพสายตาของเขาที่มองฉันด้วยความห่วงใย สายตาที่สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากเขามันก็รีเพลย์ขึ้นมาในหัว ไม่ๆๆ อย่าคิดอะไรบ้าๆน่าตัวฉัน มันต้องเป็นการแสดงของซันชายน์แน่นอน อย่าคิดเยอะๆ
__________________________________________________________
จากใจคนเขียน
สำหรับตอนนี้เราใส่คลิปเพลงโทนของ Bodyslam มาให้ด้วย ถ้ากลุ่มซันชายน์จะทำหนังสั้นประกอบเอ็มวีเพลงนี้จริงๆก็คงจะคล้ายๆกับคลิปนี้ เจ้โอปอลของทุกคนคงไม่ปลื้มแน่ๆ ฮ่าๆๆ ยังไงเราก็หวังว่าทุกคนจะยังติดตามอ่านนิยายเรื่องนี้อยู่นะ ชอบใจไม่ชอบใจยังไงก็อย่าลืมโหวตหรือคอมเม้นกันได้นะคะ
Gwen
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ