Your Heart's Guardian แล้วรักฉันจะดูแลเธอ
เขียนโดย Gwen_mk
วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.03 น.
แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561 22.53 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) 6: สบายใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความสบายใจ
“น้ำค้าง ทางนี้ๆ” ซันชายน์ยืนโบกมือเรียกฉันที่เพิ่งเข้ามายังร้านอาหารญี่ปุ่นตามที่นัดกันไว้เพื่อพบกับเพื่อนๆในกลุ่มเขาและคุยรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจกต์หนังสั้นประกอบมิวสิควิดีโอ
หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ซันชายน์ส่งไลน์มาตอนกลางคืนว่าถ้าไม่ไหวจะเลื่อนนัดกินข้าวไปก่อนก็ได้ แต่ฉันยืนยันเองว่าจะมาเพราะไม่อยากรบกวนเขาไปมากกว่านี้ แค่ที่เมื่อวานเขามาช่วยฉันเรื่องกายจนหวิดโดนต่อย แถมยังต้องมารับรู้เรื่องราวดราม่าของชีวิตฉันก็เกรงใจเขาจะแย่อยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่เขาบังเอิญมาช่วยฉันได้เมื่อวานนั้น ทอฟฟี่เล่าให้ฉันฟังว่าหลังจากที่ฉันให้พวกนางกลับไปก่อน ทั้งสองคนออกไปยืนแถวๆทางเดินใกล้ๆบันไดไม่ห่างจากห้องฉันมากนักเพื่อรอดูสถานการณ์ แล้วพอเห็นว่าประตูห้องฉันเปิดออกมาแล้วก็ปิดกระแทกกลับดังปังก็เลยคิดว่าไม่ใช่เรื่องดี ประจวบเหมาะกับที่ซันชายน์เดินลงมาจากชั้นสามพอดี ทั้งสองคนเลยวานให้มาช่วยเผื่อมีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งมันก็เกิดจริงๆ นับว่าเป็นความโชคดีของฉันจริงๆ
“สวัสดีนะทุกคน ขอโทษทีมาช้าไปหน่อย อาจารย์ปล่อยเลทน่ะ” ฉันพูดพลางวางกระเป๋าลงตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่
“ทุกคนนี่น้ำค้าง ที่จะมาเป็นนางเอกให้เรา” ซันชายน์แนะนำฉันให้กับเพื่อนๆอีกสี่คนในโต๊ะ
“สวัสดีน้ำค้าง เราชื่อโอปอลนะ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ :)” ผู้ชายที่ท่าทางอ้อนแอ้นไม่เหมือนชายส่งยิ้มและทักฉันเป็นคนแรก
“เราก้องนะ” ชายหนุ่มหน้าตาดีไม่แพ้ซันชายน์ ทักทายฉันเป็นคนที่สองด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
“ส่วนเราบอล และข้างๆนี่ก็บาส น้องชายฝาแฝดเรา ขอบใจนะที่ตกลงยอมมาเป็นนางเอกให้พวกเรา” หนุ่มแว่นท่าทางสุขุมพูดขึ้นพร้อมชี้ไปยังชายใส่แว่นอีกคนที่หน้าตาเหมือนเขาอย่างกับแกะเพื่อนแนะนำตัว
“ใช่ๆ ได้นางเอกสวยขนาดนี้งานต้องออกมาแหล่มแน่ๆ” แฝดคนน้องที่ชื่อบาสเสริมด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่ดูจะขี้เล่นกว่าแฝดคนพี่เล็กน้อย
“แหะๆ จริงๆที่ตกลงมาก็จะชดใช้เรื่องกล้องให้ซันชายน์น่ะจ้ะ เล่นได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ” ฉันยิ้มให้กับทุกคนอย่างเป็นมิตร
“พวกเราสั่งอาหารก่อนเถอะแล้วเดี๋ยวคุยรายละเอียดกัน” ซันชายน์ออกความเห็น
จากที่ได้คุยกันก็ทำให้ฉันรู้ว่าเรามีเวลาถ่ายทำและตัดต่อให้โปรเจกต์นี้เสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาสามอาทิตย์ ความยาวของหนังสั้นประกอบมิวสิควิดีโอไม่เกิน 8 นาที ส่วนเรื่องเพลงที่เลือกกับบทก็เสร็จจนเกือบสมบูรณ์แล้ว ทางกลุ่มก็ตกลงกันไว้ว่าจะต้องถ่ายให้เสร็จภายในสองอาทิตย์เพื่ออาทิตย์สุดท้ายจะได้มีเวลาแก้ไขหรือถ่ายเพิ่มเติม จากที่ฟังรายละเอียดมาฉันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับแผนงาน เว้นเสียแต่ว่ากลัวจะเล่นไม่ได้แล้วจะทำให้พวกเขาเสียแผนเสียมากกว่า หลังจากตกลงเรื่องเวลาที่จะนัดถ่ายทำกันคร่าวๆแล้ว พวกเราก็สร้างกลุ่มไลน์ขึ้นมาเพื่อเอาไว้ติดต่อเกี่ยวกับการนัดหมายถ่ายทำกัน และจากนั้นเราก็เริ่มแยกย้าย
“น้ำค้างจะไปไหนต่อหรอ” ซันชายน์เอ่ยถามฉันขึ้นหลังจากที่เพื่อนๆของเขาแยกตัวออกไปกันหมดแล้ว
“ตอนแรกก็มีเรียนแหละ แต่คาบบ่ายวันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาสพอดี ก็เลยไม่ได้มีแผนอะไร คงกลับหอมั้ง” ฉันตอบ
“งั้นไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเราหน่อยได้ป่าว”
“ก็ ได้อยู่นะ”
จากนั้นเราสองคนก็ออกจากร้านอาหารและเดินไปที่สวนสาธารณะที่อยู่อีกฝั่งของถนนตรงข้ามกับร้าน ซึ่งในสวนนี้มีทะเลสาบอยู่ และตรงคอสะพานที่ข้ามไปยังเกาะเล็กๆกลางทะเลสาบนั้นก็มีแม่ค้านั่งขายพวกขนมปังและอาหารปลาอยู่ ซันชายน์จึงชวนฉันไปให้อาหารปลาด้วยกัน
“เอ่อ เรื่องเมื่อวานนี้ขอบคุณมากนะ ถ้าไม่ได้พวกเธอเราคงแย่” ฉันพูดขึ้นในขณะที่เราสองคนกำลังให้อาหารปลา
“ไม่เป็นไร โชคดีที่กำลังจะออกไปหาของกินพอดีแล้วเจอพวกทอฟฟี่น่ะ สองคนนั้นเป็นเพื่อนที่ดีนะ” เขาพูดและหันมายิ้มให้ฉัน
“อื้ม” ฉันยิ้มตอบและเงียบไป เพราะพอคิดถึงเรื่องเมื่อวานแล้วก็รู้สึกแย่และอายที่คนที่เพิ่งรู้จักกันอย่างเขาต้องมารับรู้เรื่องดราม่าๆของฉัน
เราทั้งสองให้อาหารปลาเงียบๆ ฟังเสียงปลาแย่งอาหารกันในน้ำ ฉันรู้สึกแปลกนิดหน่อยที่ได้ออกมาแบบนี้ โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งรู้จักกันอย่างซันชายน์ แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไร กลับรู้สึกผ่อนคลายด้วยซ้ำที่ได้ออกมาพักผ่อนแบบนี้ ขนมปังในมือของฉันหมด แต่ซันชายน์ยังมีอาหารปลาเหลืออยู่อีกเกือบครึ่งถุง ฉันก็เลยนั่งลงกับพื้นหญ้ารอและมองปลาที่ยังคงแย่งกันกินอาหารกันอย่างครึกครื้น
“สบายใจขึ้นป่าว” ซันชายน์พูดขึ้นตอนที่ทิ้งตัวนั่งลงข้างๆฉันหลังจากที่เขาให้อาหารปลาหมดแล้ว
“ห๊ะ?”
“เราคิดว่าเธอคงยังไม่ค่อยสบายใจแล้วก็คิดถึงเรื่องแฟนเก่าอยู่ ก็เลยอยากพามาผ่อนคลายนิดหน่อยน่ะ แหะๆ” เค้าพูดพลางใช้นิ้วเกาแถวๆขมับแบบเขินๆ ดูแบ๊วๆยังไงไม่รู้แฮะ
“ก็... อื้ม... รู้สึกผ่อนคลายขึ้นเยอะเลย ปกติเราไม่ค่อยได้ออกมาสวนแบบนี้ด้วย ขอบใจนะ”
“ที่หออ่ะ เราอยู่ชั้นสาม ห้อง 305 ถ้าเกิดเรื่องแบบเมื่อวาน หรือเรื่องอะไรก็ได้ที่จะให้ช่วยก็มาบอกได้นะ ตอบแทนที่เธอมาช่วยเป็นนางเอกให้งานเรา” เขาพูด
“อะไร ให้เลขห้องนี่อ่อยให้เราไปหาที่ห้องหรอ ฮ่ะๆๆ” ฉันพูดติดตลก ก็แหม เค้าเล่นบอกเลขห้องมาซะขนาดนี้
“ป๊าววว ไม่ได้อ่อย แค่เปิดห้องรอเธอเสมอ ฮ่าๆ”
“เดี๋ยวฉันจะส่งทอฟฟี่ไปบุกห้องเธอ หึหึ”
“กลัวแล้วคร้าบบบ”
“เออ ว่าแต่เรื่องงานอ่ะ ฉันต้องเล่นคู่กับซันชายน์ป่ะ?” ฉันถามเพื่อความแน่ใจเพราะจากที่คุยกัน ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจว่าใครทำหน้าที่อะไรบ้าง
“อ๋อ เปล่าหรอก ที่แบ่งหน้าที่กันคือไอ้ก้องจะเป็นคนแสดงน่ะ เพราะมันบอกว่ามันหล่อที่สุดในกลุ่ม พวกเราก็เลยยกหน้าที่ให้มันซะเลย อยากมั่นหน้าดีนัก” ซันชายน์เล่า
“อ้าว แล้วเธอทำอะไรอ่ะ คนอื่นๆด้วย” ฉันถามต่อ
“อ๋อ เราเป็นคนกำกับหลักน่ะ และก็หาโลเคชั่นด้วย จริงๆไอ้ก้องมันก็เป็นคนกำกับร่วมกันนะ แต่มันเป็นแนวกำกับควบแสดงน่ะ ตอนทำงานไอ้ก้องมันก็จะคอยเทรนเธอเรื่องการแสดงด้วย ส่วนโอปอลก็เป็นคนเขียนบท เอ้อ จริงๆแล้วมันชื่อโอบแหละ แต่เจ้แกไม่ชอบ”
“ฮ่าๆๆ เหมือนทอฟฟี่เลย จริงๆมันชื่อไอ้ท็อป” พูดแล้วก็อดขำไม่ได้ นี่กระเทยเค้าเปลี่ยนชื่อกันเป็นเรื่องปกติสินะ
“ ฮ่าๆ เออ แล้วโอปอลก็ยังดูแลเรื่อง พรอพ เมคอัพ แล้วก็คอสตูมด้วย งานถนัดเจ้แกแหละ ไอ้บอลเป็นช่างภาพ ส่วนไอ้บาสก็คุมเรื่องแสงกับเสียง แล้วสองแฝดนี่ก็ช่วยกันตัดต่อด้วย”
“โห แต่ละคนงานเยอะน่าดูเลยเนอะ เก่งจัง” ฉันออกความเห็น
“ก็นะ มันเป็นวิชาพื้นฐานแถมกลุ่มก็เล็กๆ แต่ละคนก็เลยทำหลายอย่างอ่ะ” ซันชายน์ว่า
“เราแอบกลัวเล่นไม่ได้แล้วทำพวกเธอเสียงานจัง” ฉันบอกความรู้สึกในใจกับเขา
“เฮ้ย! ไม่หรอก เราว่าเธอเล่นได้ อีกอย่างนะ ถ้าเราอยากจะเป็นผู้กำกับเก่งๆ เราก็ต้องทำให้เธอเล่นได้แน่นอน นี่ ผม ซันชายน์ อนาคตผู้กำกับมือทองเลยนะคร้าบบ” เขาพูดพลางเอามือทุบอกอย่างมั่นใจ
“พึ่งรู้ว่าผู้กำกับมือทองเขาใช้สติกเกอร์โดราเอม่อนกัน แบ๊วดีเนอะ หึหึ” ฉันล้อเลียนเขาเบาๆ
“เฮ้ย โดราเอม่อนไม่ดียังไง ออกจะเท่ ดังมาตั้งแต่สมัยแม่เราเด็กๆเลยนะ”
“ก็ป่าว แต่เห็นผู้ชายอย่างเธอใช้แล้วมันไม่ค่อยเข้ากันไง เราคิดว่าเธอจะใช้สติกเกอร์เบสิคๆ เผลอๆไม่ใช้สติกเกอร์ด้วยซ้ำ” ฉันอธิบายความเห็นของฉันให้เขาฟังซึ่งเขาก็ฟังแล้วยิ้มเบาๆ
“น้ำค้างไม่รู้เหรอ จริงๆแล้วเราเป็นผู้ชายตะมุตะมินะ” เค้าพูดพลางทำปากจู๋แล้วก็แก้มป่องๆแล้วก็ดัดเสียงแบบ...ตะมุตะมิ คืออะไรก็ไม่แน่ใจแต่ว่ามันก็ดู...ตะมุตะมิมาก
หลังจากนั้นเราก็นั่งคุยกันไปอีกสักพักใหญ่ๆ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่านานแค่ไหน แต่รู้สึกว่าบทสนทนาของเราสองคนมันไหลไปได้เรื่อยๆเลย แถมเวลาคุยกับซันชายน์ก็สนุกดี ไม่อึดอัด คงเป็นเพราะผู้ชายส่วนใหญ่ที่เข้ามาคุยกับฉันมักจะแสดงออกโจ่งแจ้งมากว่ามาจีบ จนทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด เลยพาลให้ไม่ค่อยมีเพื่อนผู้ชายด้วย แต่กับซันชายน์ เขาไม่ได้ดูเหมือนจะเข้ามาจีบฉัน แถมดูท่าทางเหมือนอยากจะเป็นเพื่อนที่ดีด้วยซะมากกว่า
“โห! นี่เรานั่งกันมานานขนาดนี่ละเหรอเนี่ย มิน่าล่ะเริ่มเมื่อยก้นละ” ฉันมองดูนาฬิกาข้อมือและบ่นออกมาแบบไม่จริงจัง
“งั้นกลับหอไหม เธอกลับยังไง?” เค้าถามพลางลุกขึ้นยืนและยื่นมือมาให้ฉันดึงตัวขึ้น
“อื้ม ฉันเอารถมาน่ะ จอดไว้แถวตรงแถวๆร้านอาหารน่ะแหละ แล้วซันชายน์กลับไง กลับด้วยกันป่าว”
“แหะๆ ได้ก็ดี พอดีที่บ้านขอเอารถเราไปใช้ ช่วงนี้เลยอาศัยพี่วินเอาตลอดเลย” เขาพูดพลางใช้นิ้วเกาที่แถวๆขมับแก้เก้อ ดูเหมือนว่าเวลาเขาพูดอะไรที่ไม่มั่นใจหรือเขินๆ จะชอบเอามือไปเกาตรงขมับแฮะ
“งั้นเรากลับกัน”
เราสองคนเดินไปขึ้นรถด้วยกัน และระหว่างที่กำลังขับรถกลับหอเราก็ยังคุยนั่นคุยนี่ไปเรื่อยเปื่อย ซันชายน์บอกว่ารู้สึกแปลกๆเพราะเป็นผู้ชายแต่มานั่งรถที่ผู้หญิงขับให้ เขายังบอกอีกว่าถ้าคราวหน้าต้องนั่งรถไปไหนด้วยกันอีกขอเป็นคนขับแทน ฉันก็ได้แต่หัวเราะขำๆแล้วตอบไปว่า ไว้สนิทกันกว่านี้แล้วจะให้ขับ เขาก็ก็ทำปากจู๋แก้มป่องแล้วพูดตอบด้วยเสียงงอนเล็กๆว่าก็ได้ ผู้ชายตะมุตะมินี่ เขาเป็นกันอย่างนี้เหรอ
“เออนี่ ซันชายน์” ฉันทักเขาขึ้นในขณะที่เรากำลังจะขับผ่านร้านสะดวกซื้อ
“จริงๆเรียกเราว่าซันเฉยๆก็ได้นะ สั้นดี มีอะไรเหรอ?”
“เราขอแวะเข้าเซเว่นหน่อยนะ พอดีจะซื้อพวกขนมกับของกินนิดหน่อยอ่ะ”
“อื้ม ได้สิ เราจะได้ลงไปซื้อของกินด้วย”
ฉันจอดรถตรงที่จอดรถหน้าเซเว่น จากนั้นเราสองคนก็ลงไปซื้อของ ซึ่งมันก็ทำให้ฉันค้นพบความจริงอีกอย่างนึงว่า ซันชายน์เป็นคนชอบกินช็อกโกแลตมากก เขาซื้อพวกช็อกโกแลตบาร์ นม ขนม และคุ้กกี้รสช็อกโกแลตเยอะแยะเลย ซึ่งแตกต่างกับฉันที่จะหนักไปทางมันฝรั่ง ปลาเส้นแล้วก็อาหารกล่องสำหรับเอาไว้เข้าไมโครเวฟกินตอนเช้า
“อ่ะนี่ เราให้”
“หืม?” ฉันหันไปมองเขางงๆหลังจากที่เราขึ้นรถกันแล้ว อยู่ดีๆเขาก็ยื่นช็อกโกแลตบาร์มาให้ฉัน
“เค้าบอกว่าช็อกโกแลตช่วยให้หายเครียดนะ อร่อยด้วย ยี่ห้อนี้เรารับประกันเลยว่าเด็ด” เค้าพูดตอบหลังจากที่เห็นฉันทำหน้าสงสัย
“อ๋อ ขอบใจนะ” ฉันยิ้มและรับช็อกโกแลตบาร์เอาไว้ด้วยความยินดี จากนั้นก็ออกรถเพื่อกลับไปยังหอพัก
ในที่สุดเราก็มาถึงหอพัก และขณะที่เรากำลังเดินขึ้นบันไดหอพักนั้น ก็ได้สวนกับใครบางคนที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างมาก เพราะเขาคือพี่รหัสของฉันนั่นเอง
“อ้าว! น้องน้ำค้าง กลับมาได้จังหวะพอดีเลย เมื่อกี้พี่ไปหาที่ห้องเห็นว่าไม่อยู่”
“พี่เตวิน สวัสดีค่ะ มีธุระอะไรกับน้ำหรือเปล่าคะ” ฉันยกมือไหว้ทักทายตามมารยาท และขยับเดินไปคุยตรงที่พักระหว่างชั้นบันไดเพื่อหลบไม่ให้ขวางทางเดิน ซันชายน์ที่เดินตามหลังฉันมาก็หยุดตามฉันด้วย
“ไม่ได้มีธุระอะไรหรอก แค่มาทักทายแล้วก็ว่าจะชวนไปกินข้าวกลางวันกันหน่อย” พี่เตวินบอก
“อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะพอดีน้ำไปกินกับซันมาแล้ว”
“ซัน?”
“นี่ซันชายน์ค่ะ เพื่อนน้ำ ซัน นี่พี่เตวิน พี่รหัสเรา” ฉันแนะนำให้ทั้งสองรู้จักกันตามมารยาทที่สมควรอีกนั่นแหละ
“สวัสดีครับ” ซันชายน์ยกมือไหว้พี่เตวิน
“เพื่อนเหรอ พี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย” พี่เตวินถามฉันแต่สายตากลับมองซันชายน์อย่างไม่ค่อยไว้ใจ เอาล่ะสิ
“อ๋อ ก็เพิ่งรู้จักกันไม่นานนี่ล่ะค่ะ พี่เตวินมีอะไรอีกหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีน้ำว่าจะขอตัวขึ้นห้องเลย พอดีวันนี้รู้สึกเพลียๆน่ะค่ะ”
ฉันพูดจาเชิงตัดบทกับพี่เตวินออกไป คือ..ฉันมักจะอึดอัดเวลาที่ได้คุยกับพี่เตวินเสมอ อย่างที่เคยบอกไปว่าพี่เตวินออกตัวทำท่ามาจีบ(โดยที่ไม่บอกว่าจีบ)ฉันมาตั้งแต่เทอมหนึ่งตอนที่ฉันยังคบกับกาย พอตอนนี้ฉันโสด พี่แกก็มีท่าทีดี๊ด๊าหนักกว่าเดิม ฉันก็เลยไม่ค่อยอยากจะเจอพี่แกตอนนี้สักเท่าไหร่ ส่วนที่บอกว่าเพลีย ก็เพลียจริงๆแหละ เพลียใจน่ะนะ เพราะถึงแม้ฉันจะใช้ชีวิตเหมือนปกติดีทุกอย่าง แต่ลึกๆข้างในแล้วฉันก็ยังไม่เลิกคิดเรื่องกาย แล้วก็ยังเศร้าและผิดหวังกับเรื่องนั้นอยู่ดี ซันชายน์เองก็คงจะเห็นว่าฉันยังคงเศร้า วันนี้เขาถึงพยายามทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นล่ะนะ
“อืม งั้นน้องน้ำไปพักก่อนก็ได้ ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่ไลน์หาละกันนะครับ” พี่เตวินพูดด้วยรอยยิ้มพลางเอามือมาลูบหัวฉันเบาๆอย่างที่เขามักจะชอบทำเวลามีโอกาส
“ค่ะ กลับดีๆนะคะพี่เตวิน สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับพี่” ซันชายน์บอกลาพี่เตวินตามมารยาท แต่พี่เตวินกลับมองเขาด้วยหางตาและทำท่าไม่ใส่ใจนัก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติเพราะพี่เตวินก็ทำแบบนี้กับผู้ชายทุกคนที่เข้ามาคุยกับฉันตอนเทอมหนึ่ง บางรายพี่แกถึงกับใช้อำนาจรุ่นพี่ข่มขู่จนแทบไม่มีผู้ชายในคณะกล้ามายุ่งกับฉันเลย
พอพี่เตวินกลับไปแล้วฉันและซันชายน์ก็เดินขึ้นบันไดต่อเพื่อกลับห้องของตัวเอง ในระหว่างทางซันชายน์ก็ไม่วายแซวฉันเรื่องพี่เตวิน
“น้ำค้างนี่ฮอตไม่เบาเลยน้า มีรุ่นพี่มาตามจีบด้วย ถ้าจำไม่ผิดพี่เขาใช่คนเดียวกันกับคนที่เธอวิ่งหนีมาจนมาชนเราเลนส์กล้องแตกป่ะ”
“อื้ม คนเดียวกันแหละ พอรู้ว่าเราโสดนะ รุกหนักเลย เฮ้อ~” ฉันพูดแล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้
“คนสวยก็อย่างงี้แหละ สมแล้วที่มาเป็นนางเอกเอ็มวีของกลุ่มเรา ฮ่าๆ” เค้าพูดติดตลกตอนที่เราเดินขึ้นมาถึงชั้นสอง ซึ่งเขาก็เดินมาส่งฉันที่หน้าห้องด้วย
“ยังไงถ้ามีอะไรให้เราช่วยก็มารบกวนได้เสมอนะ ห้อง305 ประตูเปิดต้อนรับน้ำค้างเสมอ” เค้าพูดปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม
“ซัน..ขอบคุณมากๆอีกครั้งนะสำหรับทั้งเรื่องเมื่อวานแล้วก็เรื่องวันนี้ด้วย เราสบายใจขึ้นเยอะเลย” ฉันยิ้มขอบคุณเขาจากใจจริง
“ด้วยความยินดีครับ อย่าลืมกินช็อกโกแลตด้วยล่ะ เราไปละ บาย”
“อื้ม บาย”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ