กามเทพเถื่อน
-
4) ตอนที่ 4
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ศิรดลลืมตัวกระทืบคันเร่งจนมิด รถกระบะแบบโฟร์วีลสมรรถนะสูงก็กระโจนพรวดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จนผู้ร่วมใช้ถนนตกใจตะโกนด่าตามหลัง แต่เขาไม่นำพา ชายหนุ่มระบายความคั่งแค้นและเจ็บช้ำด้วยการขับรถแบบเสี่ยงตาย จนน้ำมันเกือบหมดถังจึงได้เลี้ยวเข้าปั้มขนาดใหญ่ที่เห็นข้างหน้า ตอนนั้นเองที่ได้รู้ว่าตนเข้ามาอยู่ในจังหวัดเพชรบุรีแล้ว ออกจากปั้มด้วยความเบื่อและเซ็งชีวิตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ชายหนุ่มจึงแวะอีกครั้งเข้าร้านอาหารริมทาง หาเหล้ากรอกปากตัวเองเพื่อดับกลุ้ม และเขาจะจมอยู่ตรงนั้นอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้...
...........................
“โอ๊ย นี่เขาจะมาเมื่อไหร่กันค่ะพี่นิ่ม”
น้ำอ้อยสาวน้อยวัยยี่สิบปีถามแกมบ่นก่อนจะปิดปากหาวหวอดเวลาล่วงเข้าตีสองเศษแล้ว เธอควรจะได้นอนพักหลังจากเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน ไม่ใช่มานั่งถ่างตารอใครไม่รู้อยู่อย่างนี้
ได้ยินลูกน้องพูดเช่นนั้นหญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีที่ท่าทางไม่ได้นิ่มเหมือนชื่อขยับตัวด้วยความเซ็งไม่แพ้กัน อริยาหรือพี่นิ่มที่น้ำอ้อยเรียกคือเจ้าของรีสอร์ทเล็กๆบนเนื้อที่เกือบสิบไร่แห่งนี้ และป่านนี้ที่ยังไม่ได้หลับได้นอนก็เพราะสามีของเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯได้โทร.มาจองบ้านพักไว้ บอกว่าจะมีคนมาพักในคืนนี้และย้ำนักย้ำหนาว่าให้ดูแลแขกคนนี้ให้ดี เพราะเป็นคำขอร้องจากเพื่อนที่เคยมีบุญคุณต่อกัน หญิงสาวจึงไม่อาจละเลยได้
แต่ก็ดูสิ ดูแขกท่านผู้มีเกียรติรายนี้เขาทำ จนป่านนี้ยังไม่โผล่ศีรษะมา
“อ้อยไปนอนเถอะ”
อริยาบอกอยากตัดสินใจที่จะไม่รอ เพราะเห็นใจลูกน้อง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า ต้องทำงานอีกแล้ว
“แล้วพี่นิ่มละค่ะ”
น้ำอ้อยยังห่วงลูกพี่สาวที่สนิทสนมกันเหมือนพี่น้องจริงๆ
“พี่ก็จะไปนอนเหมือนกัน ไม่รอแล้ว คนอะไรไม่รู้จักเกรงใจคนอื่นเลย”
อดบ่นออกมาไม่ได้เหมือนกันเพราะรอมาเกือบห้าชั่วโมงแล้ว รีสอร์ทตามชนบทไม่มีอะไรคึกคักนัก แขกที่มาพักก็ต้องการอยู่เงียบๆกับธรรมชาติจริงๆดั่งนั้นพอตกค่ำทุกคนก็เก็บตัวเงียบอยู่ในโลกส่วนตัวของตนแล้ว อริยากับลูกน้องที่มีอยู่ทั้งหมดสามคนจึงมักจะได้นอนแต่หัวค่ำเกือบทุกวัน ยกเว้นแต่วันนี้
น้ำอ้อยลุกเดินตรงไปยังบ้านพักของตน ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับรีสอร์ทนี้แล้ว
อริยาก็ลุกขึ้นคว้าย่ามผ้ายีนส์คู่กายขึ้นคล้องไหล่แล้วเดินลงจากโรงยกชั้นเตี้ยๆที่ใช้เป็นสำนักงานและส่วนต้อนรับแขกตรงไปที่รั้วที่อยู่ห่างออกไปราวสามสิบเมตรจัดการดึงประตูเหล็กที่สูงระดับไหล่ให้ปิดลงแล้วล๊อกกุญแจเรียบร้อย ก่อนเดินกลับมาทางเดิม เพื่อจะเลี้ยวลงตามทางที่แยกไปบ้านพักของตนซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับรีสอร์ท เพียงแต่แยกเป็นสัดส่วนไปทางขวาสุดเท่านั้น
แต่เพียงให้หลังของหญิงสาวเสียงแตรรถก็ดังสนั่นหวั่นไหวมาจากทางประตูรั้วเมื่อหันไปมอง แสงไฟเจิดจ้าจากหน้ารถก็ส่องเข้ามาจนต้องหยีตา
เจ้าของรถคันนั้นยังกดแตรไม่หยุดทำให้อริยาต้องรีบวิ่งกลับไปที่ประตูเพื่อห้ามเพราะเกรงจะรบกวนแขกคนอื่นๆ
“นี่ จะกดหาสวรรค์วิมานอะไรนักห๊ะ”
ตะโกนออกไปอย่างเหลืออด
“ก็เปิดประตูสิ ที่นี่อริยารีสอร์ทไม่ใช่เหรอ”
...........................
“โอ๊ย นี่เขาจะมาเมื่อไหร่กันค่ะพี่นิ่ม”
น้ำอ้อยสาวน้อยวัยยี่สิบปีถามแกมบ่นก่อนจะปิดปากหาวหวอดเวลาล่วงเข้าตีสองเศษแล้ว เธอควรจะได้นอนพักหลังจากเหนื่อยกับงานมาทั้งวัน ไม่ใช่มานั่งถ่างตารอใครไม่รู้อยู่อย่างนี้
ได้ยินลูกน้องพูดเช่นนั้นหญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีที่ท่าทางไม่ได้นิ่มเหมือนชื่อขยับตัวด้วยความเซ็งไม่แพ้กัน อริยาหรือพี่นิ่มที่น้ำอ้อยเรียกคือเจ้าของรีสอร์ทเล็กๆบนเนื้อที่เกือบสิบไร่แห่งนี้ และป่านนี้ที่ยังไม่ได้หลับได้นอนก็เพราะสามีของเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯได้โทร.มาจองบ้านพักไว้ บอกว่าจะมีคนมาพักในคืนนี้และย้ำนักย้ำหนาว่าให้ดูแลแขกคนนี้ให้ดี เพราะเป็นคำขอร้องจากเพื่อนที่เคยมีบุญคุณต่อกัน หญิงสาวจึงไม่อาจละเลยได้
แต่ก็ดูสิ ดูแขกท่านผู้มีเกียรติรายนี้เขาทำ จนป่านนี้ยังไม่โผล่ศีรษะมา
“อ้อยไปนอนเถอะ”
อริยาบอกอยากตัดสินใจที่จะไม่รอ เพราะเห็นใจลูกน้อง อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า ต้องทำงานอีกแล้ว
“แล้วพี่นิ่มละค่ะ”
น้ำอ้อยยังห่วงลูกพี่สาวที่สนิทสนมกันเหมือนพี่น้องจริงๆ
“พี่ก็จะไปนอนเหมือนกัน ไม่รอแล้ว คนอะไรไม่รู้จักเกรงใจคนอื่นเลย”
อดบ่นออกมาไม่ได้เหมือนกันเพราะรอมาเกือบห้าชั่วโมงแล้ว รีสอร์ทตามชนบทไม่มีอะไรคึกคักนัก แขกที่มาพักก็ต้องการอยู่เงียบๆกับธรรมชาติจริงๆดั่งนั้นพอตกค่ำทุกคนก็เก็บตัวเงียบอยู่ในโลกส่วนตัวของตนแล้ว อริยากับลูกน้องที่มีอยู่ทั้งหมดสามคนจึงมักจะได้นอนแต่หัวค่ำเกือบทุกวัน ยกเว้นแต่วันนี้
น้ำอ้อยลุกเดินตรงไปยังบ้านพักของตน ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับรีสอร์ทนี้แล้ว
อริยาก็ลุกขึ้นคว้าย่ามผ้ายีนส์คู่กายขึ้นคล้องไหล่แล้วเดินลงจากโรงยกชั้นเตี้ยๆที่ใช้เป็นสำนักงานและส่วนต้อนรับแขกตรงไปที่รั้วที่อยู่ห่างออกไปราวสามสิบเมตรจัดการดึงประตูเหล็กที่สูงระดับไหล่ให้ปิดลงแล้วล๊อกกุญแจเรียบร้อย ก่อนเดินกลับมาทางเดิม เพื่อจะเลี้ยวลงตามทางที่แยกไปบ้านพักของตนซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับรีสอร์ท เพียงแต่แยกเป็นสัดส่วนไปทางขวาสุดเท่านั้น
แต่เพียงให้หลังของหญิงสาวเสียงแตรรถก็ดังสนั่นหวั่นไหวมาจากทางประตูรั้วเมื่อหันไปมอง แสงไฟเจิดจ้าจากหน้ารถก็ส่องเข้ามาจนต้องหยีตา
เจ้าของรถคันนั้นยังกดแตรไม่หยุดทำให้อริยาต้องรีบวิ่งกลับไปที่ประตูเพื่อห้ามเพราะเกรงจะรบกวนแขกคนอื่นๆ
“นี่ จะกดหาสวรรค์วิมานอะไรนักห๊ะ”
ตะโกนออกไปอย่างเหลืออด
“ก็เปิดประตูสิ ที่นี่อริยารีสอร์ทไม่ใช่เหรอ”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ