ภรรยายอดรัก
-
9) ตอนที่ 9
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ เมื่อลับตาผู้ใหญ่แล้วชุติมนจึงหันขวับไปทางปภาวิน ซึ่งเขากำลังจะก้าวลงจากเตียงพอดี
“ นั้นคุณจะไปไหน”
หล่อนแว๊ดใส่อย่างจะเอาเรื่องที่ยังค้างต่อ
“ ก็อาบน้ำสิครับคุณ คุณแม่บอกเมื่อครู่ไม่ได้ยินเหรอ”
เขาย้อนถามน้ำเสียงอ่อนใจ
“ แต่เรายังพูดกันไม่รู้เรื่อง”
“ ว๊า....คนมีเมียแล้วชีวิตมันต้องยุ่งยากขนาดนี้เลยหรือไง”
เขาบ่นเปรยๆดังมาให้ได้ยิน
แต่คนร้อนตัวเสียงขุ่นเขียวทีเดียว
“ ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ แล้วอย่ามาหาว่าฉันเป็นต้นเหตุของความยุ่งยากน่ะก็ใครใช้ให้คุณมาแต่งงานกับฉันเล่า”
“ ก็แม่ให้แต่ง ไอ้ผมก็เป็นเด็กดีคนหนึ่งเหมือนกัน แม่บอกยังไงก็ต้องอย่างงั้น”
เขาเอียงหน้ามาตอบน้ำเสียงยียวน และความหมายในคำพูดที่บอกให้รู้ว่าไม่ใช่ความต้องการของเขาเองที่อยากจะแต่งงานกับหล่อน ก็ทำให้ชุติมนรู้สึกเหมือนมีอะไรตื้อขึ้นมาในอก ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ ใจอยากอาละวาดเข้าไปจิกข่วนใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นเสียให้ยับเยิน
แต่ที่ทำได้ตอนนี้คือเม้ม ปากสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นด้วยน้ำตากำลังพาลจะไหล แล้วรีบลุกจากเตียงคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป ยอมทุลักทุเลเปลี่ยนเสื้อผ้าในนั้นดีกว่าทนเห็นหน้าคนไม่มีหัวใจ
ฝ่ายปภาวินล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งเพื่อรอให้หล่อนจัดการตัวเองเรียบร้อยเสียก่อน เขาคงต้องปรับตัวให้ชินกับการที่มีอีกคนมาอยู่ร่วมห้อง แถมเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจและไม่ยอมใครง่ายๆ ถ้าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ก็คงไม่กระไรนัก เขาพอยอมได้ก็หล่อนเป็นภรรยาของเขานี่นา แม้จะได้มาด้วยความไม่เต็มใจก็ตาม...แต่ถึงขณะนี้แล้ว ปภาวินก็ไม่แน่ใจนักว่าความรู้สึกไม่เต็มใจนั้น จะยังคงอยู่มากเหมือนเดิมหรือเปล่า มันอาจลดน้อยลงไปบ้าง โดยที่เขาไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มปรายตามองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทนั้นอย่างอารมณ์ดี ใช่...เขารู้สึกอารมณ์ดีกว่าตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่คนเดียวตั้งเยอะ.....
***************
ที่ห้องรับประทานอาหาร คุณผานิตนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ท่านยิ้มแย้มเมื่อเห็นบุตรชายและสะใภ้คนโปรดเดินเข้ามา
“ นั่งสิลูก วันนี้มีข้าวต้มทรงเครื่อง แม่ครัวของที่นี่ทำได้อร่อยมากเชียวนะหนูมน”
ชุติมนขอบคุณความเมตตาของท่าน พลางสายตาก็แอบชำเลืองดูว่าปภาวินจะเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวไหน เธอจะได้เลือกนั่งตัวที่อยู่ห่างเขาที่สุด
“ หนูมน นั่งใกล้ๆพี่เขานั้นแหละลูก”
คุณผานิตพูดอย่างไม่รู้ใจเธอ
และเป็นปภาวินที่ตอบมาแทน
“ หนูมนของคุณแม่เขาไม่กล้านั่งใกล้ผมหรอกครับ เขากลัวผมจะตายไป”
ชุติมนหันไปถลึงตาใส่เขา
“ พูดอะไรของคุณ”
“ ก็พูดความจริง”
เขาเถียง
หญิงสาวค้อนให้แล้วเลี่ยงไปรับโถข้าวต้มจากเด็กรับใช้มาตักใส่ถ้วยให้คุณผานิตแต่ยังไม่ทันจะเรียบร้อยดี เสียงของใครบางคนที่บ่นด้วยความหงุดหงิดใจก็ดังเข้ามา
“ แหม ทานอาหารกันแต่เช้าเลยนะ แมรี่ละเบื่อจริงๆ ยังไม่อยากตื่นเลยสักนิด”
แล้วร่างงามเฉิดฉายสมตำแหน่งนางเอกชื่อดังของวงการก็ก้าวเข้ามา และเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่ใกล้กับปภาวินที่สุด แล้วฉอเลาะอย่างไม่สนใจสายตาขวางๆของผู้หญิงอีกสองคนที่มองมา
“ วินขา แมรี่เพลียจังเลยค่ะ เมื่อคืนถ่ายละครอยู่จนดึกดื่น กลับถึงบ้านเอาตีสาม นี่เจ็ดโมงต้องออกไปอีกแล้ว ไม่รู้เขาจะเร่งถ่ายทำอะไรกันนักหนา”
“ เอากาแฟสักหน่อยไหมครับ เผื่อจะดีขึ้น”
“ นั้นคุณจะไปไหน”
หล่อนแว๊ดใส่อย่างจะเอาเรื่องที่ยังค้างต่อ
“ ก็อาบน้ำสิครับคุณ คุณแม่บอกเมื่อครู่ไม่ได้ยินเหรอ”
เขาย้อนถามน้ำเสียงอ่อนใจ
“ แต่เรายังพูดกันไม่รู้เรื่อง”
“ ว๊า....คนมีเมียแล้วชีวิตมันต้องยุ่งยากขนาดนี้เลยหรือไง”
เขาบ่นเปรยๆดังมาให้ได้ยิน
แต่คนร้อนตัวเสียงขุ่นเขียวทีเดียว
“ ใครเป็นเมียคุณไม่ทราบ แล้วอย่ามาหาว่าฉันเป็นต้นเหตุของความยุ่งยากน่ะก็ใครใช้ให้คุณมาแต่งงานกับฉันเล่า”
“ ก็แม่ให้แต่ง ไอ้ผมก็เป็นเด็กดีคนหนึ่งเหมือนกัน แม่บอกยังไงก็ต้องอย่างงั้น”
เขาเอียงหน้ามาตอบน้ำเสียงยียวน และความหมายในคำพูดที่บอกให้รู้ว่าไม่ใช่ความต้องการของเขาเองที่อยากจะแต่งงานกับหล่อน ก็ทำให้ชุติมนรู้สึกเหมือนมีอะไรตื้อขึ้นมาในอก ขอบตาร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อๆ ใจอยากอาละวาดเข้าไปจิกข่วนใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นเสียให้ยับเยิน
แต่ที่ทำได้ตอนนี้คือเม้ม ปากสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นด้วยน้ำตากำลังพาลจะไหล แล้วรีบลุกจากเตียงคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไป ยอมทุลักทุเลเปลี่ยนเสื้อผ้าในนั้นดีกว่าทนเห็นหน้าคนไม่มีหัวใจ
ฝ่ายปภาวินล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้งเพื่อรอให้หล่อนจัดการตัวเองเรียบร้อยเสียก่อน เขาคงต้องปรับตัวให้ชินกับการที่มีอีกคนมาอยู่ร่วมห้อง แถมเป็นคนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจและไม่ยอมใครง่ายๆ ถ้าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ก็คงไม่กระไรนัก เขาพอยอมได้ก็หล่อนเป็นภรรยาของเขานี่นา แม้จะได้มาด้วยความไม่เต็มใจก็ตาม...แต่ถึงขณะนี้แล้ว ปภาวินก็ไม่แน่ใจนักว่าความรู้สึกไม่เต็มใจนั้น จะยังคงอยู่มากเหมือนเดิมหรือเปล่า มันอาจลดน้อยลงไปบ้าง โดยที่เขาไม่รู้ตัว
ชายหนุ่มปรายตามองประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทนั้นอย่างอารมณ์ดี ใช่...เขารู้สึกอารมณ์ดีกว่าตอนที่ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองอยู่คนเดียวตั้งเยอะ.....
***************
ที่ห้องรับประทานอาหาร คุณผานิตนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ท่านยิ้มแย้มเมื่อเห็นบุตรชายและสะใภ้คนโปรดเดินเข้ามา
“ นั่งสิลูก วันนี้มีข้าวต้มทรงเครื่อง แม่ครัวของที่นี่ทำได้อร่อยมากเชียวนะหนูมน”
ชุติมนขอบคุณความเมตตาของท่าน พลางสายตาก็แอบชำเลืองดูว่าปภาวินจะเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตัวไหน เธอจะได้เลือกนั่งตัวที่อยู่ห่างเขาที่สุด
“ หนูมน นั่งใกล้ๆพี่เขานั้นแหละลูก”
คุณผานิตพูดอย่างไม่รู้ใจเธอ
และเป็นปภาวินที่ตอบมาแทน
“ หนูมนของคุณแม่เขาไม่กล้านั่งใกล้ผมหรอกครับ เขากลัวผมจะตายไป”
ชุติมนหันไปถลึงตาใส่เขา
“ พูดอะไรของคุณ”
“ ก็พูดความจริง”
เขาเถียง
หญิงสาวค้อนให้แล้วเลี่ยงไปรับโถข้าวต้มจากเด็กรับใช้มาตักใส่ถ้วยให้คุณผานิตแต่ยังไม่ทันจะเรียบร้อยดี เสียงของใครบางคนที่บ่นด้วยความหงุดหงิดใจก็ดังเข้ามา
“ แหม ทานอาหารกันแต่เช้าเลยนะ แมรี่ละเบื่อจริงๆ ยังไม่อยากตื่นเลยสักนิด”
แล้วร่างงามเฉิดฉายสมตำแหน่งนางเอกชื่อดังของวงการก็ก้าวเข้ามา และเข้าไปนั่งยังเก้าอี้ตัวที่ใกล้กับปภาวินที่สุด แล้วฉอเลาะอย่างไม่สนใจสายตาขวางๆของผู้หญิงอีกสองคนที่มองมา
“ วินขา แมรี่เพลียจังเลยค่ะ เมื่อคืนถ่ายละครอยู่จนดึกดื่น กลับถึงบ้านเอาตีสาม นี่เจ็ดโมงต้องออกไปอีกแล้ว ไม่รู้เขาจะเร่งถ่ายทำอะไรกันนักหนา”
“ เอากาแฟสักหน่อยไหมครับ เผื่อจะดีขึ้น”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ