ภรรยายอดรัก
-
6) ตอนที่ 6
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ชุติมนเลี่ยงจะเดินไปอีกทาง ปภาวินรีบคว้าแขนไว้
“ แต่คุณต้องไป”
น้ำเสียงของเขาจริงจัง ไม่มีแววขี้เล่นอย่างตอนแรก
ชุติมนบิดแขนจะให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา ปากก็แว๊ดลั่น
“ ปล่อยฉันน่ะ อย่ามาทำป่าเถื่อนกับฉัน”
“ บังเอิญผมเป็นคนป่าเถื่อนเสียด้วย”
“ ฉันจะร้องให้คนช่วย”
“ เชิญเลย”
เขาท้าพร้อมกับก้มลงช้อนตวัดเอาร่างบอบบางขึ้นไว้ในวงแขน หญิงสาวร้องกรี๊ดลั่นด้วยความตกใจ ตามด้วยการดิ้นรนสุดฤทธิ์
“ ว๊าย ตาบ้า ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยฉัน”
ปภาวินไม่ฟังเสียง ก้าวยาวๆ พาออกไปทางหน้าบ้าน ขณะที่คนในอ้อมแขนก็ยังดิ้นรนและร้องอยู่ลั่นๆ
“ ปล่อยเดี๋ยวนี้น่ะ ฉันบอกให้ปล่อย คุณแม่ขาช่วยหนูด้วย”
เสียงของหญิงสาวไม่เบาเลย ทำให้คุณมณฑากับพวกคนใช้แตกตื่นพากันวิ่งออกมาจากบ้าน แล้วก็ต้องตาโตกับภาพที่เห็น
“ อะไรกันลูก”
คุณมณฑาอุทานด้วยความแปลกใจ
“ ขอโทษครับคุณแม่ ผมมารับภรรยาของผมไปอยู่ด้วย”
ปภาวินชะงักฝีเท้านิดหนึ่งขณะตอบ คุณมณฑาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ อ๋อ จ๊ะๆ เชิญเลยลูก แล้วแม่จะให้คนเก็บของใช้เอาตามไปให้ทีหลังนะ”
“ คุณแม่ค๊า...”
ชุติมนวี๊ดลั่นที่เห็นมารดาเปลี่ยนไปเข้าข้างเขาต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น
โชคดีจริงที่วันนี้ปภาวินเอาคนขับรถจากที่บริษัทมาด้วย และเจ้าหนุ่มนั่นก็ช่างรู้พอเห็นเจ้านายอุ้มภรรยามาก็รีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ ปภาวินจึงส่งร่างงามที่อุ้มมานั้นเข้าไปในรถทางตอนหลังได้อย่างง่ายดาย แล้วปิดประตูตามหลังก่อนส่งสัญญาณให้คนขับออกรถ
“ ปล่อยฉันน่ะคนบ้า ทำอย่างนี้กับฉันได้ไง”
ชุติมนดิ้นฮึดฮัดอยู่ในอ้อมแขนของปภาวินที่ยังไม่ยอมคลายออกอยู่ทางเบาะหลังของรถ
“ ชู่ว์...เบาๆสิคุณ จะเอะอะให้คนงานเก็บเอาไปนินทาหรือไง”
ปภาวินกระซิบปรามอยู่ข้างหู ชุติมนเห็นด้วยกับเขา แต่ความใกล้ชิดจากการกระทำของเขาก็ทำเอาหล่อนใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยทีเดียว
“ คุณก็ไม่เห็นจำเป็นต้องนั่งกอดฉันไว้อย่างนี้นี่”
หล่อนโต้ตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม ในขณะที่แววตายังขุ่นเขียวอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
“ ก็ไม่เห็นอยากกอดอะไรนัก”
ปภาวินกล่าวอย่างวางฟอร์ม แล้วคลายแขนออกทั้งที่ไม่เต็มใจ ก่อนหันไปนั่งตัวตรงหน้าเชิดในมาดทระนง
ชุติมนเองก็ปรายหางตามองอย่างหมั่นไส้
“ คุณทำอย่างนี้อย่าคิดว่าฉันจะไม่มีปัญญากลับมาได้”
“ ก็ไม่ได้คิดว่าจะโง่ขนาดนั้น”
เขาตอบอย่างไม่แยแส ซึ่งเล่นเอาหญิงสาวเลือดขึ้นหน้า
“ แล้วคุณไปพาฉันมาให้เสียเวลาทำไม เพราะยังไงฉันก็ไม่มีวันอยู่กับคุณตลอดไปแน่”
หล่อนลืมตัว เสียงดังขึ้นมาอีก
“ ไม่เป็นไรนี่ อยู่กันมีลูกสักสอง สามคนแล้วค่อยเลิกก็ไม่ว่ากัน”
เขาเอียงหน้ามาต่อคำ แววตายียวน ชุติมนอยากได้หินก้อนโตๆซักก้อนมาทุบศีรษะเขานัก
“ ยี้ อีตาบ้า ฉันเกลียดคุณที่สุดในโลก”
ทำท่าเหมือนอยากจะฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆแล้วชุติมนนั่งหน้าบึ้งไปตลอดทางโดยที่ไม่ยอมมองหน้าสามีตามนิตินัยของตนเลยซักนิด หญิงสาวตั้งใจไว้ว่าทันทีที่ลงจากรถได้ เธอก็จะเรียกแท็กซี่กลับบ้านของตัวเองทันที แต่เมื่อไปถึงจริงๆหญิงสาวกลับทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่แสนดีของคุณผานิตนั้นเอง ท่านตรงรี่เข้ามารับเธอถึงประตูรถด้วยท่าทางยินดี
“ แต่คุณต้องไป”
น้ำเสียงของเขาจริงจัง ไม่มีแววขี้เล่นอย่างตอนแรก
ชุติมนบิดแขนจะให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา ปากก็แว๊ดลั่น
“ ปล่อยฉันน่ะ อย่ามาทำป่าเถื่อนกับฉัน”
“ บังเอิญผมเป็นคนป่าเถื่อนเสียด้วย”
“ ฉันจะร้องให้คนช่วย”
“ เชิญเลย”
เขาท้าพร้อมกับก้มลงช้อนตวัดเอาร่างบอบบางขึ้นไว้ในวงแขน หญิงสาวร้องกรี๊ดลั่นด้วยความตกใจ ตามด้วยการดิ้นรนสุดฤทธิ์
“ ว๊าย ตาบ้า ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยฉัน”
ปภาวินไม่ฟังเสียง ก้าวยาวๆ พาออกไปทางหน้าบ้าน ขณะที่คนในอ้อมแขนก็ยังดิ้นรนและร้องอยู่ลั่นๆ
“ ปล่อยเดี๋ยวนี้น่ะ ฉันบอกให้ปล่อย คุณแม่ขาช่วยหนูด้วย”
เสียงของหญิงสาวไม่เบาเลย ทำให้คุณมณฑากับพวกคนใช้แตกตื่นพากันวิ่งออกมาจากบ้าน แล้วก็ต้องตาโตกับภาพที่เห็น
“ อะไรกันลูก”
คุณมณฑาอุทานด้วยความแปลกใจ
“ ขอโทษครับคุณแม่ ผมมารับภรรยาของผมไปอยู่ด้วย”
ปภาวินชะงักฝีเท้านิดหนึ่งขณะตอบ คุณมณฑาพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ อ๋อ จ๊ะๆ เชิญเลยลูก แล้วแม่จะให้คนเก็บของใช้เอาตามไปให้ทีหลังนะ”
“ คุณแม่ค๊า...”
ชุติมนวี๊ดลั่นที่เห็นมารดาเปลี่ยนไปเข้าข้างเขาต่อหน้าต่อตาอย่างนั้น
โชคดีจริงที่วันนี้ปภาวินเอาคนขับรถจากที่บริษัทมาด้วย และเจ้าหนุ่มนั่นก็ช่างรู้พอเห็นเจ้านายอุ้มภรรยามาก็รีบวิ่งมาเปิดประตูรถให้ ปภาวินจึงส่งร่างงามที่อุ้มมานั้นเข้าไปในรถทางตอนหลังได้อย่างง่ายดาย แล้วปิดประตูตามหลังก่อนส่งสัญญาณให้คนขับออกรถ
“ ปล่อยฉันน่ะคนบ้า ทำอย่างนี้กับฉันได้ไง”
ชุติมนดิ้นฮึดฮัดอยู่ในอ้อมแขนของปภาวินที่ยังไม่ยอมคลายออกอยู่ทางเบาะหลังของรถ
“ ชู่ว์...เบาๆสิคุณ จะเอะอะให้คนงานเก็บเอาไปนินทาหรือไง”
ปภาวินกระซิบปรามอยู่ข้างหู ชุติมนเห็นด้วยกับเขา แต่ความใกล้ชิดจากการกระทำของเขาก็ทำเอาหล่อนใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยทีเดียว
“ คุณก็ไม่เห็นจำเป็นต้องนั่งกอดฉันไว้อย่างนี้นี่”
หล่อนโต้ตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่เบาลงกว่าเดิม ในขณะที่แววตายังขุ่นเขียวอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง
“ ก็ไม่เห็นอยากกอดอะไรนัก”
ปภาวินกล่าวอย่างวางฟอร์ม แล้วคลายแขนออกทั้งที่ไม่เต็มใจ ก่อนหันไปนั่งตัวตรงหน้าเชิดในมาดทระนง
ชุติมนเองก็ปรายหางตามองอย่างหมั่นไส้
“ คุณทำอย่างนี้อย่าคิดว่าฉันจะไม่มีปัญญากลับมาได้”
“ ก็ไม่ได้คิดว่าจะโง่ขนาดนั้น”
เขาตอบอย่างไม่แยแส ซึ่งเล่นเอาหญิงสาวเลือดขึ้นหน้า
“ แล้วคุณไปพาฉันมาให้เสียเวลาทำไม เพราะยังไงฉันก็ไม่มีวันอยู่กับคุณตลอดไปแน่”
หล่อนลืมตัว เสียงดังขึ้นมาอีก
“ ไม่เป็นไรนี่ อยู่กันมีลูกสักสอง สามคนแล้วค่อยเลิกก็ไม่ว่ากัน”
เขาเอียงหน้ามาต่อคำ แววตายียวน ชุติมนอยากได้หินก้อนโตๆซักก้อนมาทุบศีรษะเขานัก
“ ยี้ อีตาบ้า ฉันเกลียดคุณที่สุดในโลก”
ทำท่าเหมือนอยากจะฉีกเนื้อเขาออกเป็นชิ้นๆแล้วชุติมนนั่งหน้าบึ้งไปตลอดทางโดยที่ไม่ยอมมองหน้าสามีตามนิตินัยของตนเลยซักนิด หญิงสาวตั้งใจไว้ว่าทันทีที่ลงจากรถได้ เธอก็จะเรียกแท็กซี่กลับบ้านของตัวเองทันที แต่เมื่อไปถึงจริงๆหญิงสาวกลับทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะความเป็นผู้ใหญ่ที่แสนดีของคุณผานิตนั้นเอง ท่านตรงรี่เข้ามารับเธอถึงประตูรถด้วยท่าทางยินดี
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ