ศพที่สอง
เขียนโดย Nixts
วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.53 น.
แก้ไขเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 22.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) คืนสุดท้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฝนเริ่มตกหนักอีกครั้งในช่วงเย็น อัยลดานั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงตามลำพังในห้องของเธอ ครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ มากมายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่นานที่ผ่านมา เธอไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ แต่หน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้ก็ทำให้อากาศภายในห้องโปร่งสบาย ตอนนี้ไม่มีลมแรงมากนัก เธอจึงไม่ได้กลัวว่าฝนจะสาดเข้ามาในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น อาพิทักษ์เปิดประตูแล้วเดินเข้ามา
“เป็นยังไงบ้างอัย” อาของเธอทัก ในขณะที่เดินมานั่งที่โซฟา
“สวัสดีคะ อาพิทักษ์” เธอยกมือไหว้ แล้วเลื่อนตัวมานั่งห้อยขาลงข้างเตียงเพื่อให้คุยกับเขาได้สะดวกขึ้น
“คืนนี้อีกคืน ก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนะ” เขาบอกกับเธอ “วันนี้อาไปคุยกับหมอมาแล้ว พรุ่งนี้เช้า อาจะมารับออกจากโรงพยาบาลไปที่รีสอร์ต พักที่นี่ก่อนจนกว่าจะจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จ”
“อัยอยู่โรงพยาบาลนี้มากี่วันแล้วค่ะ” เธอเอ่ยถาม อาจจะเป็นจากอุบัติเหตุ หรืออาจจะเป็นยาที่เธอไม่รู้ว่าหมอหรือพยาบาลจัดอะไรให้เธอบ้าง แต่มันก็ทำให้เธอไม่สามารถที่จะจดจำวันเวลาที่ผ่านไปได้สักเท่าไร
“คืนนี้ก็เป็นคืนที่สามแล้ว” อาพิทักษ์ตอบ เขาดูเหมือนกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“อัยเปิดหน้าต่างไว้รึ เริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวยุงจะเข้ามา” อาพิทักษ์พูดแล้วเดินไปปิดหน้าต่างให้เธอ จากนั้นเขาเดินไปหยิบรีโมทคอนโทรลมาเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศในห้อง “ฝนตกอีกแล้ววันนี้ ช่วงนี้ฝนตกตลอดเวลา โชคดีที่โรงพยาบาลมีหม้อแปลงไฟสำรอง ถ้าไฟตกขึ้นมาก็ยังไม่เป็นไร”
“อาพิทักษ์ค่ะ” อัยลดาเอ่ยขึ้นกลางคัน พิทักษ์ที่กำลังดึงผ้าม่านปิดเหลือบตามามองเธอ
“อัยอยากเห็นหน้าแม่กับน้องอีกสักครั้ง” เธอกล่าว
อาพิทักษ์นิ่งไปครู่หนึ่ง
“อาว่า เอาไว้อีกสักพักหนึ่งก่อนดีกว่านะ” เขาบอกก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง “พอดีว่าพรุ่งนี้อัยก็กลับแล้ว ไม่งั้นอาจะเอาทีวีมาให้จะได้ไม่เบื่อ แต่ก็อดทนอีกแค่คืนเดียว”
อัยลดาก้มหน้าลง ไม่ได้โต้แย้งอะไร
“ที่จริงช่วงกลางวันเปิดหน้าต่างบ้างก็ดีเหมือนกัน แอร์ตัวนี้เก่าแล้ว ระบายอากาศในห้องบ้างจะได้ไม่อับ” อาพิทักษ์พูด
“วันนี้อัยไปหาพ่อมา.. พ่อจะเป็นอะไรมั้ยคะ อัยเรียกแต่พ่อไม่ตอบเลย”
อาพิทักษ์เดินกลับมานั่งลงที่โซฟาก่อนที่จะตอบเธอ “จริงๆแล้ว อาก็ตอบไม่ได้หรอกนะ แต่เราก็ทำทุกอย่างให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว”
“อัยรู้สีกว่าที่นี่แปลกๆ ” เธอพูดด้วยเสียงแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ
อาพิทักษ์หันมามองดูเธอด้วยสีหน้าประหลาด “แปลกยังไง? ”
“เหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่อัยก็บอกไม่ถูก” เธอกล่าว เธอไม่อยากที่จะเล่ารายละเอียดให้กับอาของเธอฟัง เธออยากที่จะออกจากโรงพยาบาลนี้ไปให้เร็วที่สด ถ้าเธอเล่าเรื่องต่างๆ ที่เธอเห็น อัยลดากลัวว่าอาพิทักษ์อาจจะคิดว่าสมองของเธอได้รับการกระทบกระเทือนบางอย่าง แล้วในที่สุดก็จะไม่ยอมให้เธอออกจากโรงพยาบาล
“อัยอาจจะคิดไปเอง” เธอกล่าว
พิทักษ์พยักหน้า “พยายามอย่างคิดอะไรมาก อัย แล้วก็พักผ่อนมากๆ คืนนี้อยากให้อามานอนค้างด้วยมั้ย” เขากล่าว
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอตอบไปตามสัญชาตญาณก่อนที่จะทันได้คิดอะไร มันก็แปลกอยู่ที่หลังจากเรื่องราวต่างๆ ที่เธอพบเจอมา เธอยังคงอยากที่จะอยู่คนเดียวในคืนนี้
เวลาผ่านไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะลุกขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น อาไปก่อนนะ พักผ่อนให้มากๆ ”
“ค่ะ” อัยลดาตอบสั้นๆ เธอไม่ได้ถามว่าเขาไปพักที่ไหนในคืนนี้ ก็น่าจะเป็นที่รีสอร์ตของเขา ที่พวกเธอตั้งใจจะมากัน “อาพิทักษ์ แล้วพลเป็นยังไงบ้าง”
“น้องไม่เป็นไรมาก คืนนี้ก็น่าจะหายแล้ว”
“วันพรุ่งนี้ อาจะมารับ” เขากล่าวทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป
อัยลดากลับขึ้นไปนอนบนเตียงของเธอหลังจากที่อาพิทักษ์จากไป ขณะที่เธอจะเอนตัวลงนอน เธอเหลือบไปเห็นว่าเขาไม่ได้ดึงประตูห้องของเธอให้ปิดสนิท อัยลดาถอนใจเบาๆ ก่อนที่จะลุกจากเตียงอีกครั้งเพื่อไปปิดประตู
ในขณะที่เธอกำลังเอื้อมมือไปดึงลูกบิดประตูอยู่นั้น ที่บริเวณทางเดินด้านนอก เธอได้ยินเสียงคนคุยกันเบาๆ อัยลดาแนบศีรษะของเธอกับบานประตูเพื่อมองออกไปทางช่องที่เหลืออยู่ที่ยังปิดไม่สนิท ปลายทางเดินก่อนที่จะหักมุมเลี้ยวไป อาพิทักษ์กำลังเดินไปจนเกือบจะถึงบริเวณของห้องพยาบาล ตรงเคาน์เตอร์ที่อยู่ด้านข้าง เธอเห็นพลนั่งรอเขาอยู่
พิทักษ์เดินไปจับไหล่ลูกชายแล้วพูดอะไรบางอย่างที่เธอจับใจความไม่ได้ ก่อนที่พลจะลุกขึ้นแล้วเดินตามเขาลับหายจากสายตาไป
ปกติแล้วเธอกับอริศค่อนข้างจะสนิทกันกับพล เขาเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย พ่อของเธอเคยพูดเปรยๆ กับพวกเธอว่า โชคดีที่สุดของอาพิทักษ์กับอาแพรก็คือการที่ได้พลมาเป็นลูก อัยลดารู้สึกแปลกใจอยู่บ้างที่น้องไม่เข้ามาเยี่ยมเธอ แต่อย่างน้อยเขาก็ดูเหมือนจะแข็งแรงดี
อัยลดาดึงประตูห้องของเธอปิดลง เธอปล่อยให้ไฟบนเพดานเปิดสว่างทิ้งไว้ แล้วเดินกลับมาที่เตียงก่อนที่จะล้มตัวลงนอน มีบางอย่างที่แปลกประหลาดไปจริงๆ แต่เธอไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร อาจจะเป็นเพราะโรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นเพราะบรรยากาศ หรืออาจจะเป็นที่ตัวเธอเอง เธอรู้สึกถึงความไม่ปรกติเหมือนกับมีบางอย่างขาดไป เพียงแค่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร
***
เวลาค่อยๆ ดำเนินผ่านไป สายฝนตกหนักขึ้นทุกขณะ ในตอนนี้ถ้าหากว่าเธอยังไม่ได้ปิดหน้าต่าง ฝนก็คงจะสาดเข้ามาในห้องจนเปียก เธอนึกถึงเมื่อครั้งที่แล้วที่เธอมาเยี่ยมอาแพรที่โรงพยาบาลเดียวกันนี้ ตอนนั้นเธอจำได้ว่าห้องของอาแพรอยู่ขึ้นไปอีกชั้น หลังจากวันสุดท้ายที่เธอมาเยี่ยม อาแพรก็เสียในคืนนั้นเอง เธอนึกถึงคำพูดแปลกๆ ของอริศในวันนั้น ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอจะไม่ยอมให้ครอบครัวของเธอเดินทางมาในครั้งนี้เด็ดขาด อัยลดาถอนใจกับตัวเอง แต่ที่จริงแล้วเป็นอริศเองที่ยืนยันกับเธอ ในตอนที่เธอกำลังจะบอกพ่อกับแม่เพื่อขอให้ยกเลิกการเดินทาง เธอจำคำพูดของน้องสาวได้เป็นอย่างดี อริศบอกกับเธอว่า จะเป็นการดีกว่าที่เราจะมาตอนนี้
...ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องกลับมาอยู่ดี พี่อัย…
เสียงของอริศที่พูดกับเธอก่อนที่จะออกเดินทางยังก้องอยู่ในความทรงจำ
...ไปครั้งนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดแล้ว…
แต่ถ้าครั้งนี้ผลของมันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วอย่างที่อริศบอก เธอคงขอเลือกที่จะไม่มาจะดีกว่า
เธอพยายามข่มตาลงนอน เธอไม่รู้ตัวว่าตัวเองนอนหลับไปตอนไหน เม็ดฝนที่ตกกระทบกับบานหน้าต่างดังเหมือนกับเป็นบทเพลงที่ขับกล่อม ภายใต้ความสงบของทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว เธอค่อยๆ เคลิ้มหลับไป แต่ก่อนที่เธอจะหลับสนิท ก็กลับถูกรบกวนด้วยเสียงที่ราวกับว่ามีคนกำลังเดินไปมาข้างเตียง เธอไม่อยากจะตื่น แต่เสียงนั้นก็เพียงพอที่จะปลุกเธอให้ฟื้นขึ้นมาจากภวังค์ เสียงฝนตกที่ยังคงดังอยู่ด้านนอก บอกให้เธอรู้ว่าเธอพึ่งจะนอนหลับไปไม่นาน ในความสะลึมสะลือนั้น เธอมองเห็นรางๆ ภาพของชายคนหนึ่งที่แต่งชุดกาวน์สีขาว เดินไปมาอยู่ข้างเตียง พร้อมกับถือกระดานอันเล็กๆ ที่เขากำลังเขียนอะไรบางอย่าง
...คุณหมอ? ...
ชายคนนั้นหันไปคุยกับผู้หญิงอีกคนที่ใส่ชุดสีขาวเช่นกัน น่าจะเป็นนางพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างๆ อัยลดาไม่ได้สนใจพวกเขา เธออยากที่จะกลับไปนอนหลับอีกครั้ง เธอหลับตาลงแล้วไม่นานนัก เธอก็คล้อยหลับไป
เวลาผ่านไปอีกนานเท่าใดก็ไม่สามารถรู้ได้ แต่ในตอนที่เริ่มรู้สึกตัวอีกครั้ง อัยลดาแง้มตาขึ้นมาและพบว่าไฟในห้องที่เคยเปิดไว้ดับไป เหมือนกับจะไฟดับ หรือไม่ก็มีคนมาปิด ความรู้สึกของเธอยังคงเหมือนกับคนครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอปิดตาลง หวังว่าจะนอนหลับไปอีกครั้ง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกกุหลาบกลับมาอบอวลอยู่ในห้อง และในห้วงเวลาของการครึ่งหลับครึ่งตื่นนั้น เธอก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากข้างๆ เตียง
มันเป็นเสียงสะอื้น
ในห้วงเวลานั้น ราวกับโลกกำลังหมุนช้าลง สมองของเธอรับรู้ถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ยังไม่ทันได้เข้าใจถึงมัน เธอได้ยินเสียงสะอื้นนั้นชัดเจนมากราวกับเจ้าของเสียงกำลังนั่งอยู่ข้างตัว ในทันใดนั้นเอง เธอสัมผัสได้ถึงใครบางคนที่กำลังจับมือเธอไว้ ใครบางคนทีเอื้อมมือมาลูบหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา
และแม้ว่าจะไม่มีคำพูดหรือเสียงอะไรอีก เธอก็จำได้ดี
...แม่...
เมื่อสติของเธอเริ่มที่จะตื่นขึ้น โลกที่ราวกับจะหมุนช้าเหมือนอยู่ในภาพยนตร์ที่กำลังเล่นแบบสโลวโมชั่น ค่อยๆ คืนกลับสู่ปรกติ การรับรู้ในสิ่งต่างๆ รอบตัวกลับมาอีกครั้ง อัยลดาลืมตา แล้วรีบลุกขึ้นในทันที ฝนที่เคยตกอยู่ภายนอกเงียบลงไปแล้ว ห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นของดอกกุหลาบ ไฟในห้องปิดมืด เธอหันไปมองรอบตัว เสียงที่ได้ยินยังคงก้องอยู่ในหู และความรู้สึกก็ยังคงชัดเจนในสัมผัส แต่กลับปราศจากผู้ใดอยู่ในห้อง
มีแต่เธอเพียงลำพัง
สองมือเอื้อมมาปิดหน้า ไม่ได้มีเพียงแค่หยดน้ำตาที่ไหลมาอาบแก้มด้วยความเงียบเหมือนเช่นเคย แต่อัยลดาร้องไห้โฮออกมา ไม่ต่างกับตัวเธอเมื่อสิบปีก่อน เมื่อเธอยังเป็นเพียงเด็กน้อย ที่ร้องไห้เรียกหาแม่ตอนหลงทาง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ