ศพที่สอง

9.5

เขียนโดย Nixts

วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.53 น.

  8 บท
  5 วิจารณ์
  9,481 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 22.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) แพรพิไล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เมื่อสามปีที่แล้ว ป้ายบอกทางเข้าโรงพยาบาลปากเหมือง ยังไม่มีตัวหนังสือที่ทำจากหลอดไฟนีออนสีเขียวที่ถูกดัดเป็นชื่อโรงพยาบาลอย่างเช่นในปัจจุบัน ในตอนนั้นป้ายของโรงพยาบาลเป็นเพียงแค่แผ่นไม้เก่าๆ ที่ทาสีตามชื่อของโรงพยาบาล รถฮอนด้าซิตี้คันเล็ก แล่นผ่านประตูเข้ามาที่ลานจอดรถ แล้วถอยเข้าไปจอดบนที่ว่างที่เหลืออยู่

ในช่วงเวลานั้น ครอบครัวของเธอเดินทางมาจากกรุงเทพ หลังจากที่ได้รับข่าวที่น่าตกใจเรื่องที่แพรพิไล น้าสาวของพวกเธอประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซค์พลิกคว่ำในระหว่างทางลงมาจากรีสอร์ต

และมันเป็นวันที่สามแล้ว ที่อัยลดากับครอบครัวของเธอมาที่โรงพยาบาลแห่งนี้เพื่อมาเยี่ยมดูอาการอาแพร อัยลดาและอริศราน้องสาว นั่งอยู่ด้วยกันที่เบาะหลังเหมือนกับทุกๆ ครั้ง พ่อของเธอเป็นคนขับ ส่วนแม่นั่งอยู่ที่เบาะหน้าข้างคนขับ เมื่อรถยนต์จอดสนิท พวกเธอก็เปิดประตูลงมา

“วันนี้จะเจอพิทักษ์รึปล่าวนะ พี่อาณัติ” แม่ของเธอเอ่ยถามในขณะที่กำลังปิดประตูรถ ในมือถือห่อของขนาดใหญ่ที่ซื้อมาจากในเมืองก่อนที่จะเข้ามาที่โรงพยาบาล

“ไม่เห็นรถเขาจอดอยู่นี่ วันนี้คงยังไม่มา” พ่อของเธอตอบ อาแพรภรรยาของอาพิทักษ์ เป็นน้องต่างมารดาของอาณัติ พ่อของเธอ และถึงแม้ว่าครอบครัวของเราไม่ได้มีโอกาสเจอกันบ่อยนัก นับตั้งแต่ที่อาแพรแต่งงานไปกับอาพิทักษ์แล้วย้ายมาอยู่ที่กาญจนบุรี แต่เราก็พยายามที่จะติดต่อกันตลอด

“งั้นก็ไม่ได้เจอแล้วนะพี่ วันนี้ก็ต้องกลับแล้วนะ ลูกต้องไปโรงเรียนพรุ่งนี้” แม่ของเธอพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่ขับรถขึ้นไปที่รีสอร์ตแล้วเอาเงินฝากคนที่นั่นไว้ให้” อาณัติตอบภรรยาของเขา พ่อของเธอตั้งใจจะเอาเงินให้อาพิทักษ์ไว้จำนวนหนึ่งเพื่อช่วยค่ารักษาพยาบาลสำหรับโรงพยาบาลที่นี่ อาแพรกับอาพิทักษ์ไม่ได้มีเงินมากนัก รีสอร์ตของพวกเขาที่พึ่งจะสร้างเสร็จไปราวปีกว่าก็ทำให้เงินเก็บของทั้งสองคนแทบจะไม่เหลือ นอกจากนั้นยังเหมือนกับว่ารีสอร์ตเองจะไม่ประสบความสำเร็จมากนักอีกด้วย

พ่อกับแม่เดินนำเข้าไปในโรงพยาบาลทิ้งให้พี่น้องสองคนตามไป

“รีบไปกันเถอะอริศ พ่อกับแม่เดินไปไกลแล้ว” อัยลดาเรียกน้องสาวของเธอ

อริศพยักหน้า “ค่ะ จะได้ไปหาพลด้วย พรุ่งนี้ก็ไม่ได้เจอกันแล้ว”

อัยลดายืนมองอริศน้องสาวอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเห็นว่าอริศเร่งฝีเท้าเดินมาหาเธอเร็วขึ้น เธอก็หันหลังกลับแล้วก็เดินนำไป เธอไม่รู้หรอกว่าอริศรู้ได้อย่างไรว่าน้องพลจะอยู่ในโรงพยาบาล ทั้งๆ ที่รถของอาพิทักษ์ก็ไม่อยู่ แต่อัยลดาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าเมื่อเธอขึ้นไปยังห้องคนไข้ เธอก็จะเจอกับพล ลูกของอาพิทักษ์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเธอ เหมือนกับที่อริศบอก

ที่ลานจอดรถโรงพยาบาล มีรถยนต์จอดอยู่สองสามคัน มันเป็นช่วงหน้าร้อน แต่เนื่องจากในขณะนั้นยังเป็นเวลาเช้า ทำให้อากาศยังไม่ร้อนมากนัก โรงพยาบาลตั้งอยู่บนลานกว้างๆ ที่รายล้อมไปด้วยป่าทึบของต้นไม้น้อยใหญ่ที่ล้อมอยู่รอบอาคารและลานจอดรถ เสียงจักจั่นร้องระงมไปทั่วทั้งบริเวณป่า ถึงแม้ว่าจะอยู่บนที่ราบแต่บริเวณนี้ก็อยู่สูงขึ้นไปบนเขา บ่อยครั้งที่ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก หรือเมฆที่ลอยต่ำ

เหนือจากโรงพยาบาลขึ้นไปอีกแค่ไม่กี่กิโลเมตร เป็นบริเวณที่ตั้งของรีสอร์ตของอาพิทักษ์ ทางขึ้นไปต่อจากนี้ค่อนข้างลาดชัน นอกจากนั้นถนนลาดยางก็สิ้นสุดลงแค่ที่หน้าโรงพยาบาล ถัดขึ้นไปก็จะเป็นถนนดินลูกรัง ซึ่งในบริเวณนั้นเองที่อาแพรประสบอุบัติเหตุตกลงไปจากขอบทางตอนที่เธอขับมอเตอร์ไซค์ลงมา

พ่อของเธอเดินมาถึงตัวอาคาร เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลไม่ได้มีขั้นตอนอะไรมากนัก เขาพยักหน้าให้เมื่อเห็นพ่อของเธอเดินเข้ามา แล้วก้มหน้าลงทำงานของตัวเองต่อไป พ่อของเธอเดินนำไปยังบันไดที่จะขึ้นไปยังชั้นสอง เขาหันกลับมาดูและเมื่อเห็นว่าอัยลดาและอริศรายังเดินมาไม่ถึง จึงหยุดรออยู่ที่หน้าบันได

ห้องที่อาแพรนอนรักษาตัว อยู่ที่ชั้นสามของอาคาร หลังจากที่เดินขึ้นบันไดมาสามชั้นก็จะมาถึงห้องพยาบาลที่อยู่ตรงกลางระหว่างทางเดินสองทาง แต่ละทางจะมีห้องผู้ป่วยอยู่ฝั่งละสี่ถึงห้าห้อง พ่อของเธอเดินนำเลี้ยวไปตามทางเดินด้านขวา จนกระทั่งมาถึงห้องสุดท้าย

เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ภายในห้อง แพรพิไลนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ส่วนพลที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาข้างๆ ก็ตื่นขึ้นจากเสียงเปิดประตู

พ่อของเธอเดินเข้าไปดูอาการของน้องสาวต่างมารดาของเขาที่ข้างเตียงในขณะที่เด็กชายค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง

“สวัสดีครับลุงอาณัติ สวัสดีครับป้ามาศ” เขายกมือขึ้นไหว้พ่อและแม่ของเธอ ลดามาศแม่ของเธอยิ้มให้กับเขาก่อนที่จะปลีกตัวเข้าไปในห้องน้ำพร้อมกับถุงกระดาษใบใหญ่ที่ซื้อมาจากในเมือง

“พ่อไม่อยู่รึพล” อาณัติเอ่ยถาม

“พ่อออกไปในเมืองครับ มาส่งตอนเช้าแล้วบอกว่าจะมารับตอนบ่ายๆ” พัทธพลเอยตอบ อาณัติพยักหน้าให้เขา

อัยลดาเดินไปยืนอยู่ข้างพ่อของเธอ แล้วหันไปยิ้มให้พล ในขณะที่อริศเดินไปนั่งข้างๆ เขา

“เป็นยังไงบ้างแพร” พ่อของเธอพูดขึ้น แต่ก็คล้ายกับจะเป็นการพูดกับตัวเองเสียมากกว่า เพราะว่าไม่มีอะไรตอบรับจากร่างของน้องสาวของเขาที่นอนอยู่บนเตียง

แพรพิไลนอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยผ้าพันแผลที่ปกคลุมแทบจะตั้งแต่หัวจรดเท้า สายน้ำเกลือและอุปกรณ์จากเครื่องมือต่างๆ พันอยู่ระโยงระยาง เครื่องช่วยหายใจและเครื่องวัดชีพจรดังเป็นจังหวะ

“แม่เป็นยังไงบ้างละพล พื้นมาบ้างมั้ย” พ่อของเธอหันไปถามพลที่นั่งลงบนโซฟาข้างๆ เด็กชายส่ายหน้าแล้วไม่ได้พูดอะไรต่อ พ่อของเธอนิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ถ้าอาการดีขึ้นบ้างพอจะเคลื่อนย้ายได้ ลุงกับพ่อจะรีบพาไปรักษาที่กรุงเทพ”

แม่ของเธอเดินกลับออกมาจากห้องน้ำภายในห้องพัก ในมือถือดอกกุหลาบสีเหลืองช่อใหญ่บนแจกัน เธอเดินเอาไปวางไว้ที่ข้างเตียงคนไข้

“มีดอกไม้อยู่ในห้องจะได้สดชื่นขึ้นนะ” แม่ของเธอพูด

“พลจะไปกับลุงมั้ย เดี๋ยวลุงกลับไปส่งที่รีสอร์ต” อาณัติเอ่ยถาม

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพลรอพ่อมารับ”

พ่อของเธอนั่งลงข้างพล ในขณะที่แม่ของเธอเอาผ้าชุบน้ำมาเข็ดฝุ่นตามขอบเตียง หลังจากนั้นจึงเดินไปเปิดหน้าต่างให้ลมภายนอกได้เข้ามา สักพักหนึ่งพ่อของเธอก็ลุกขึ้น

“เดี๋ยวพ่อเดินไปคุยกับหมอก่อน รอกันอยู่ที่นี่นะ” เขาพูดขึ้นลอยๆ แล้วเดินออกจากห้องไป

เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น กว่าที่อัยลดาจะสังเกตว่าอริศก็หายไปจากห้อง เธอลุกขึ้นแล้วเดินไปดูว่าน้องสาวของเธอไปไหน ตอนแรกเธอคิดว่าอริศจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเห็นว่าในห้องน้ำว่างเปล่า อัยลดาจึงเดินลงไปด้านล่าง

เธอมองหาไปทั่วแต่ก็ไม่พบกับน้องสาวของเธอ อัยลดาเดินกลับมาที่บริเวณทางเข้าอาคารของโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่คนเดิมยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานของเขาอยู่

“พี่คะ เห็นน้องสาวหนูเดินมาทางนี้มั้ย”

เจ้าหน้าที่คนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองเธอ

“อ่อ หน้าตาเหมือนกันเลยนะ เห็นเดินไปทางโน้น” เขาชี้ไปทางรีสอร์ตของอาพิทักษ์

“ขอบคุณค่ะ” อัยลดาตอบก่อนที่จะเดินออกไปนอกอาคาร

เลยจากโรงพยาบาลไปแค่ประมาณยี่สิบเมตร ถนนที่เปลี่ยนเป็นถนนลูกรังก็เริ่มสูงชันขึ้น อัยลดาเดินขึ้นไปตามเส้นทางจนกระทั่งเห็นอริศยืนอยู่คนเดียวที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่เลยเข้าไปในบริเวณป่าถัดจากขอบถนน น้องสาวของเธอยืนนิ่ง เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง อัยลดาเดินตามเข้าไป

“อริศ มายืนทำอะไรตรงนี้” อัยลดาตะโกนเรียกขณะที่ปีนข้ามรั้วกันขอบถนนเข้าไปในพื้นที่สีเขียวของบริเวณหุบเขา

อริศรายืนนิ่งมองบางอย่างที่อยู่ลึกเข้าไปในป่า ไม่มีคำพูดโต้ตอบหรืออาการใดๆ ที่แสดงว่าเธอรับรู้ถึงการมาของอัยลดา

“อริศ ได้ยินพี่เรียกมั้ย” อัยลดามองตามสายตาของน้องสาวของเธอไป แต่ก็ไม่เห็นอะไรนอกจากป่าทึบที่เต็มไปด้วยต้นไม่ใหญ่หนาจนแทบไม่มีช่องว่าง

เธอมองอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มสังเกตุเห็นสิ่งที่คล้ายกับจะเป็นซากของศาลพระภูมิโบราณ หลังเก่าๆ ที่ดูผุพังไปตามกาลเวลา

“ศาลอะไรนะอริศ ทำไมเป็นรูปปั้นนก”

ศาลพระภูมิโบราณนั้นสร้างขึ้นด้วยไม้สีน้ำตาลเก่าๆ มันมีสามหลังเรียงติดกัน ทั้งสามหลังดูผุพังราวกับไม่มีใครมาดูแลรักษา ไม่มีดอกไม้ กระถางธูป หรือพวงมาลัยห้อยอยู่ คล้ายกับจะเป็นศาลพระภูมิ ที่ถูกทิ้งร้างไปนานแล้ว ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือ ในศาลแต่ละศาล มีรูปปั้นสีดำที่น่าจะแกะสลักมาจากไม้ เป็นรูปอีกา และถึงแม้ว่าจะดูน่าขนลุก แต่อัยลดาก็อดคิดไม่ได้ว่ารูปแกะสลักเหล่านั้นทำได้ละเอียดประณีตมาก จนตอนแรกเธอเผลอคิดไปว่าเป็นอีกาจริงๆ เสียด้วยซ้ำ

อัยลดาเดินไปจนถึงตัวของอริศ ในขณะที่เธอกำลังจะเอื้อมมือไปจับตัวของน้องสาว อริศก็พูดบางอย่างออกมา สิ่งที่อริศพูดเป็นคล้ายกับบทกลอน ที่ฟังแล้วทำให้เธอขนลุกจนเลือดในร่างกายเย็นเฉียบลงอย่างที่แสงแดดในหน้าร้อนที่สาดส่องอยู่ในตอนนั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้

“หนึ่งกาบินโผผันด้วยหรรษา หวังจะเข้าพาราลงตรงใจหมาย”
“กลับถูกล่าปีกหักตกลงตาย ให้ฟูมฟายแม้นไซร้บรรลัยลาญ”

อริศยังคงมองเหม่อไปในทิศทางเดิม อัยลดารู้ว่าน้องสาวของเธอรู้ตัวแล้วว่าเธอยืนอยู่ข้างๆ เพียงแต่ว่าไม่สามารถที่จะหยุดพูดถ้อยคำเหล่านั้นได้

“สองยกปีกบินถาไปอากาศ ครั้นโดนฟาดร่วงหล่นระทมศัลย์”
"ได้สดับรับเหตุสมเภทพลัน จึงหวาดหวั่นเวทนาโศกาลัย”

เสียงของอริศที่เอ่ยบทกลอนแต่ละบทออกมาดูวังเวงและเยือกเย็นราวกับไม่ใช่ตัวเธอ อัยลดาเอื้อมมือไปจับจี้รูปหัวใจที่เธอห้อยอยู่อย่างไม่รู้ตัว

“สามรำพันอยู่เดียวก็เปลี่ยวกาย จะลาตายตามแล้วอย่าโหยไห้”
แล้วแต่บาปบุญกรรมที่ทำไว้ ถึงบรรลัยจักตามไปทุกชั่วกาล”

สิ้นประโยคสุดท้าย อริศหันกลับมาหาเธอ ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของเธอ “พี่อัย” น้องสาวของเธอพูดด้วยเสียงสะอื้นก่อนที่จะโผเข้ามากอด “วันนึงเราจะต้องกลับมาที่นี่อีก”

ประโยคนั้นกลายเป็นประโยคสุดท้ายของวันนั้นที่ออกมาจากปากของอริศ 

...วันหนึ่งเราจะต้องกลับมายังสถานที่แห่งนี้อีก... 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา