นายปากร้ายกับยายใจแข็ง

-

เขียนโดย นาราชา

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.59 น.

  11 ตอน
  2 วิจารณ์
  12.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 7 เพลงของผม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          หลังจากไปกินเนื้อย่างกันในวันอาทิตย์  เธอก็ไม่อนุญาตให้ผมไปรับไปส่ง  หายไปเลย  ไม่ได้เห็นหน้า  มีแค่ไลน์มาวันละประโยคสองประโยค

            --ตื่นมายังอิ่มอยู่เลย—  เช้าวันจันทร์

            --วันนี้ไม่ว่างเลย— เย็นวันจันทร์ที่ผมชวนไปกินข้าว

            --ยังไม่ได้กลับหอเลย—  ตอนผมลานอนสามทุ่มกว่า

            --เรียนสี่โมงครับ—  ตอนผมชวนไปเรียนเช้า

            --กินเที่ยงคณะวิทย์—  ตอนผมบอกจะไปหาที่โรงอาหารคณะศึกษา

            โดยทุกครั้งผมทักไปก่อน  และผมถามต่ออีกมากมายแต่เจ้าตัวไม่ได้สนใจจะอ่าน  หรืออ่านอีกทีผ่านไปเป็นชาติแล้วก็ไม่ตอบอีกนะ  ผมกลัวเธอรำคาญก็เลยไม่กล้าโทรไป  หรือผมจะรุกหนักไปจนเธอไม่มีพื้นที่ส่วนตัว แต่นายเขาคนนี้จะไม่ทนอีกต่อไป  ต้องรู้ให้ได้  ผมจะโทรไปแล้วนะ

            “อือ  ว่าไงยังเรียนอยู่แอบคุย”  โอ้โหคนที่ไม่ได้คุยกันมาเกือบสองวันเขาทักกันแบบนี้เหรอ

            “เลิกเรียนกี่โมงครับ”  จะไม่ยอมให้หลบอีกแล้วนะ

            “อาจารย์ให้การบ้านอยู่จะเลิกแล้ว  เดี๋ยวโทรกลับนะ”  นี่มุดคุยใต้โต๊ะใช่ไหม  เสียงเบาขนาดมาก  ผมวางสายครับ  รออยู่เกือบๆ นาที  ก็มีสายเข้ารีบรับตั้งแต่เมโลดี้แรก

            “ผมไปหานะ  อยู่ไหน”  มันต้องจู่โจม

            “เอ่อ  วันนี้ไม่ว่าง”  อีกแล้ว

            “ไม่เป็นไร  ไม่กวนหรอก”  อือ  นั่งเฝ้าอยู่ห่างๆ ก็ยังดี

            “เอาจริงเหรอ  เป็นอะไรรึเปล่า”  ยังจะถาม

            “เจอกันที่ศูนย์อาหารนะ”  เธอสอนพิเศษที่นั่น  ผมเคยไปส่องครับ  แต่วันนี้ผมจะไปเฝ้า  ทำอะไรยุ่งได้ทุกวี่ทุกวัน  ผมออกจากคณะรีบตรงไปศูนย์อาหารหาน้ำเย็นๆ กินดับอารมณ์ก่อน  ผมรู้ครับว่ากฎของเราคือไม่เรียกร้อง  แต่นี่ก็เกินไป  กลับห้องดึกๆ ดื่นๆ  ไม่ยอมให้ไปหา  หรือว่าเธอมีใครที่พิเศษกว่าผม  ผมรออยู่เกือบๆ 10  นาที  เห็นเธอเดินขึ้นบันไดมาพร้อมกับกระดานไวท์บอร์ดขนาดกลางๆ และเป้สะพายหลังใบโต เธอเห็นผมก็ยกมือทักแต่ไม่ได้เดินมาหา  เธอตรงไปโต๊ะที่มีนักเรียนหญิงประถมนั่งอยู่  คน  หน้าที่ต้องมาก่อนเสมอ  ผมเดินไปโต๊ะข้างๆ นั่งเล่นโทรศัพท์  หูก็ฟังที่เธอสอน  เหลือบมองบ้างเป็นบางครั้ง  เธอเริ่มด้วยการทบทวนบทเรียน  (คณิตศาสตร์)  สอนการบ้าน  และสอนล่วงหน้า  พร้อมเทคนิคการจำ  การวิเคราะห์โจทย์  กระดานไวท์บอร์ดถูกเขียนจนเต็มและลบกว่า  10  ครั้ง  ใน  ชั่วโมง  ผมเสียดายจัง  ไม่อยากให้ลบเลย  อยากถ่ายรูปเก็บไว้  แต่กลัวจะทำลายสมาธิเธอ  การสนทนาระหว่างครูกับศิษย์ก็เป็นกันเอง  มีถามตอบ  การเสนอความคิดเห็น  ลูกล่อลูกชนกับเด็กๆ ของเธอไม่ธรรมดาเลย  ทันไปซะหมด  ตัดภาพมาตอนอยู่กับผม  เห้อ  ผมอิจฉาเด็ก  เธอวางของไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปส่งเด็กๆ ข้างล่าง  ผมก็ทำหน้าที่เฝ้าของไปสิ  ตอนกลับขึ้นมาเธอถือน้ำมาด้วยสองขวดแล้วย้ายของมานั่งโต๊ะเดียวกับผม  ตรงหน้าผมเลยครับ

            “น่าเบื่อออก  นั่งอยู่ได้เป็นนาน”  เธอจัดเก็บพวกเรื่องเขียนลงกล่องให้เป็นระเบียบตอนเริ่มพูดกับผม

            “เอ้าสองชั่วโมงแล้วเหรอ  นึกว่า 10  นาที”  อยู่กับเธอนาฬิกาชีวิตดุไวเกินไปเสมอ  เธอก็บ่นอะไรงึมๆงำๆ  ฟังไม่ได้ยิน

            “ไปไหนต่อครับ”  ผมจะไปด้วยนั่นแหละ

            “กินข้าว”  เธอก้มหน้าตอบ  ผมว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

            “แล้วต่อไปหล่ะ  กลับหอเลยมั้ย”  วันนี้ไม่ได้ส่งเข้าหอผมนอนไม่หลับแน่

            “ต่อไปไปด้วยไม่ได้จริงๆ นะ”  เธอรีบเงยหน้าทำตาโตมาตอบผม

            “พี่ฟ้า”  เน้นเสียงหนักๆ ครับ  ผมต้องได้คำตอบที่ชัดเจนกว่านี้

            “คือ....................”  คือแบบว่านานมาก

            “คืออะไรครับ”  อย่าคิดนานผมคิดไปไกล  จะพาลน้อยใจตายไปก่อน

            “ต้องไปซ้อมดนตรี  โชว์วันพรุ่งนี้แล้ว  พรุ่งนี้ค่อยดูนะ”  อย่าใช้สายตาอ้อนๆ แบบนั้น  ใครจะไปขัดขืนได้

            “ทำไม  ไม่กวนหรอก  เหมือนที่สอนวันนี้ไง  จะนั่งนิ่งๆ”  ผมยกตัวอย่าง

            “เขา  ไม่ได้จริงๆ นะ  รอพรุ่งนี้นะ”  คงต้องตามใจแหละครับถ้าจะอ้อนขนาดนี้

            “แต่ไปส่งไปรับได้ใช่มั้ย”  ผมห่วงเธอจริงๆ กลับหอดึกๆ

            “อื่อ  งั้นเอารถไปเก็บหอนะ  ไปรับด้วย  ป่ะ  เดี๋ยวเค้ารอนาน”  ผมช่วยเธอถือของไปแวะทานข้าวที่ชั้นสอง  เสร็จแล้วเอาของขึ้นรถผมครับ  ไม่รู้ขับมอร์เตอร์ไซค์มาได้ยังไงกระดานก็อันตั้งขนาดนี้  รอเธอขนของขึ้นไปเก็บบนห้อง  ไม่นานครับ  เหมือนเธอทำอะไรแข่งกับเวลาตลอด  เธอบอกทางผมไปห้องซ้อมดนตรี  พอไปถึงผมก็เข้าไปส่งเธอแวะทักทายพวกพี่ๆ เขาด้วย  มีผู้หญิงมานั่ง  คนเหมือนกัน  น่าจะเป็นแฟนพวกพี่ๆ เขาครับ  เห็นแบบนี้ค่อยวางใจได้หน่อย

            “อยู่ด้วยไม่ได้เหรอ”  ผมถามตอนเธอเดินออกมาส่งผม

            “ห้ามดื้อ”  โห  เอาซะผมเหมือนเด็กดื้อเลย

            “งื่อ  งั้นสามทุ่มจะมารับนะ” เธอเคยกลับสามทุ่มกว่านี่ครับ  มาก่อนสักหน่อย  เธอยกมือโบกให้ผมหนึ่งที  แล้วเดินกลับเข้าห้องซ้อมไป 

 

            ผมก็กลับหอแหละครับตั้งสองชั่วโมงกว่า  อยากไปนั่งเฝ้านั่งฟังใจจะขาด  อดทนๆๆๆๆ ท่องไว้ไอ้เขา  ผมเอาการบ้านไปทำที่ห้องไอ้ทิวครับ  มันไม่ได้ยากอะไรหรอก  ผมแค่อยากมีเพื่อนคุย 

            “หลังเลิกเรียนมึงหายไปไหนว่ะ เป็นนินจาไง”  มันถามผม

            “ไปนั่งเฝ้าหวานใจกูสอนหนังสือเด็ก”  ผมตอบหน้าไม่ยอมเงยจากสมุด

            “นี่มึงเป็นขนาดนี้แล้วเหรอว่ะ”  มันผลักหัวผม

            “เออดิ  หายไปตั้งแต่วันไปกินเนื้อย่าง  กูจะไปหาก็บ่ายเบี่ยงตลอด  กลับห้องก็ดึกดื่น  ไลน์ก็ไม่ค่อยตอบ  กูแม่งไปนั่งเฝ้าเลยดีกว่าสบายใจ”

            “แล้วตอนนี้ส่งเข้าหอแล้วดิ” 

            “ยัง  ไปซ้อมดนตรี  เออพรุ่งนี้พวกมึงไปดูพี่เค้าโชว์กะกูด้วย”  นึกได้ต้องรีบชวนไว้  เดี๋ยวมันไปหาสาวๆ ก่อน 

            “เออ  ใช่สิ  กูแม่งโครตจะประทับใจที่โรงอาหารวันนั้นนะมึง  พี่ฟ้านี่แม่งนางฟ้าชัดๆ  คนอะไรหว่ะสวยเก่งครบ  มีอีกซักคนไหม๊มึง  แบบนี้อ่ะ”  ผมปล่อยให้มันพร่ำเพ้อไป  ปล่อยมันหาไปเถอะชาตินี้มึงก็ไม่เจอ 

            “Only  Angle  มึงไม่รู้เหรอ  มีคนเดียวเว้ย” 

 

            ผมออกจากห้องไอ้ทิว  ขับรถไปรับเธอ  ไปถึงยังซ้อมกันอยู่ครับ

            “ไอ้ฟ้า  ซ้อมเพลงของแกอีกสักรอบมั้ย”  พี่อุ้มนักร้องนำถามเธอตอนผมโผล่หน้าเข้าไป  เธอส่ายหน้าจนหางม้าไหว  จากนั้นก็ซ้อมเพลงที่ค้างอยู่อีกหน่อยก็แยกย้ายกันกลับ  ข้างที่จอดรถผมมีชิงช้าที่มีไม้เลื้อยดอกหอมๆ  ผมชวนพี่ฟ้านั่งเล่นก่อนกลับ  ผมอยากคุยกับเธอ  บนชิงช้าที่ผมใช้เท้าไกวเบาๆ

            “พี่ฟ้า  กีต้าร์เล่นยากมั้ย  เรียนนานไหม๊กว่าจะได้ขนาดนี้”  ผมสนใจครับ

            “ไม่ยากนะ  พี่หัดเล่นเองตอน ม. ปิดเทอมต้องไปเฝ้าน้านอนโรงบาล  ตอนแรกก็อ่านหนังสือให้ฟังแหละแต่มันเบื่อๆ  พอดีมีกีต้าร์เก่าๆ ตัวนึงก็เลยลองเอามาเล่น  ดูวิธีจับวิธีดีดในยูทูปเอา”  เธอตอบสบายๆ

            “พรสวรรค์ชัดๆ”  ผมพูดอึ้งๆ

            “เล่นเองไม่เก่งหรอกมาได้เทคนิคกับพี่ๆ ในวงนี่แหละ”  จริงครับพี่เขาเก่งกันทุกคน  ดูเป็นมืออาชีพ

            “แล้วทำไมพี่ฟ้ามาร่วมวงนี้ได้อ่ะ”  ก็ผมอยากรู้จริงๆ หนิครับ

            “ก็อยู่ๆ  ได้เป็นดาวคณะ  ก็พอเล่นกีต้าร์ได้เลยเล่นกีตาร์ร้องเพลง  แล้วพี่ๆ เค้าฟอร์มวงอยู่จะประกวด  ก็เลยติดต่อให้มาเล่นด้วย  ตอนแรกกะจะเอามาเป็นไม้ประดับ  ทำไปทำมาเอาชื่อพี่มาตั้งชื่อวงเฉยเลย”  เป็นไม้ประดับที่สวยมากมายเลยครับ

            “สอนผมมั่งสิ  เพื่อนมันบอกว่าผมอ่ะดนตรีก็แย่  เสียงก็ห่วย”  ผมไม่ได้น้อยใจแค่อ้อนเธอ

            “เอาสิ  เราก็ไม่ได้เสียงแย่นะ  เสียงพูดก็โอเค  แถมหล่อขนาดนี้แค่อ้าปากสาวก็กรี๊ดแล้ว  เดี๋ยวสอนให้เพลงนึงเอาไว้จีบสาว”  จะบ้าตาย

            “พี่ฟ้า”  นี่ผมเรียกชื่อเธอด้วยเสียงหนักๆ สองครั้งแล้วนะ  เกลียดจริงๆ คนแกล้งไม่รู้ตัวเนี่ย  เธอยิ้มใส่ตาผม  นี่ล้อกันเล่นใช่ไหม๊

            “คร๊าบๆ  เข้าใจแล้ว  ป่ะกลับกัน”  เธอลุกขึ้นจัดกระโปรงให้เรียบร้อย  ผมหยุดชิงช้าแล้วยื่นมือให้เธอดึงขึ้น  ตอนแรกเธอลังเล  แต่สุดท้ายก็จับมือผมดึงเบาๆ ผมไม่ยอมปล่อยมือเธอจนถึงรถ  ผมไปส่งเธอหน้าหอที่ประจำของผม 

            “พรุ่งนี้ต้องมาให้ได้นะ  มีเซอร์ไพรซ์ให้ด้วย”  ก่อนลงรถเธอหันมาบอกผมด้วยอาการเขินๆ

            “แน่นอนอยู่แล้วครับ  ให้มารับมั้ย” 

            “มารับได้มั้ย  หกโมงเย็นนะ”

            “ยินดีรับใช้ตลอด  24  ชั่วโมงครับ” เธอยกมือโบกก่อนลงรถ  แล้วหันมาบอกผมฝันดีเบาๆ  แต่ดังก้องอยู่ในใจผม

            เลิกเรียนผมรีบกลับหอเลยครับผมนี่อาบน้ำแต่งตัว  ไปเร่งไอ้กอล์ฟกับไอ้ทิว 

            “มึงจะรีบไปไหน  งานเริ่มตั้งทุ่ม” ไอ้กอล์ฟมันถามผม

            “กูไม่ใช่ผู้ชมเว้ย  กูต้องไปก่อนเวลา” ผมยืนยัน

            “แล้วเป็นอะไร  คนขับรถ”  เออ  ถูกของมึง

            “เดี๋ยวจะเลื่อนตำแหน่งเร็วๆ นี้แหละพวกมึงคอยดู”  ผมบอกมัน  ในมือถือโทรศัพท์  ไลน์หาหวานใจหน่อยแล้วกัน

            --พร้อมรึยังครับ  ตื่นเต้นมั้ย—

            --แต่งตัวอยู่  ตื่นเต้นมาก—

            --จะออกไปรับแล้วนะ  หาอะไรกินกันก่อนเดี๋ยวหิว—

            --รับทราบครับ—

 

            พวกเราสามตัวร้อยไปรอหน้าหอพี่ฟ้าครับ  เธอยังไม่ลงมา  ผู้หญิงแต่งตัวนานแต่สวยผมให้อภัยได้  สักครู่  มีผู้หญิงสองคนเดินมาทางรถพวกเราคนนึงคือพี่แอนครับ  อีกคนก็ต้องพี่ฟ้าสิ  แต่เอ๊ะเดี๋ยวก่อนนะปกติผมจะเห็นพี่ฟ้าก่อนเสมอ  แต่วันนี้เธอมาในลุคที่แปลกออกไป  นี่มันอารายก๊าน

            เสื้อครอปสีดำแขนสั้นปกคอเสื้อสีขาวกับสร้อยเงินจี้กางเขนอันใหญ่  กระโปรงลายสก๊อตสั้นสีดำเขียวขาว  ถุงน่องสีดำ  รองเท้าบู๊ทสีดำหุ้มข้อ  ถือหมวกปีกกว้างสีดำ  ผมยาวถูกปล่อยสลายแบบลอนดูยุ่งๆ เซอร์ๆ  แล้วนั่นแต่งหน้าอะไรอย่างนั๊นนนนนน  ผมจะอธิบายยังดี  ขนตาหนา  ขอบตาดำ  ปากแดงๆ  นั่นอีก  มันเท่มากนะ  แต่มันแปลกมากด้วย  มันใช่เหรอ  นี่มันใช่พี่ฟ้าของผมเหรอ

            “เขา  เป็นอะไร”  เธอถามเรียกสติผม  ผมคงตะลึงนานไปหน่อย

            “เอ่อ  อ่า  คือ”  ผมนี่อาการคล้ายตอนวิ่งตามไปเห็นหน้าเธอครั้งแรกที่ภูกระดึง

            “พี่ฟ้า  เทห์จัง  จำไม่ได้เลย” ไอ้ทิวต้องทำหน้าที่ทูตสันทวไมตรี

            “ไอ้เขามึงหุบปากดิ  แมงวันจะบินเข้าแล้วมึง”  ไอ้กอล์ฟมันพูดพร้อมโบกกะโหลกผมไปหนึ่งที ผมนี่รีบหุบปากฉับเลยครับ  ผมรีบมองซ้ายมองขวา  ยัดเธอไปที่ที่นั่งคู่คนขับแล้วปิดประตูทันที

            “พี่ไปด้วยนะ”  พี่แอนพูดขึ้นมา

            “พี่แอนนั่งหลังกับพวกผมสิ”  ไอ้ทิวเจ้าประจำครับ  มันเปิดประตูรถให้พี่แอน  เฮ้ยมึงให้เค้าขึ้นก่อนเค้าก็ได้นั่งกลางดิ  (โครตลำบากใจแทนพี่แอน)  รถผมไม่ได้เล็กครับ  ด้านหลังนั่งสามคนยังสบายๆ อยู่   ผมรีบอ้อมไปทำหน้าที่คนขับ 

            “ใครกินอะไรสั่งไอ้กอล์ฟเลย  วันนี้ไม่ต้องขึ้นไปกินศูนย์อาหาร”  ผมควักแบงค์ห้าร้อยให้มันก่อนออกรถ

            “เผด็จการ  เป็นอะไรเนี่ย”  พี่ฟ้าหันมาเขย่าแขนผม  อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวโผ๊ม  เดี๋ยวจูบโชว์เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆ

            “ดูชุดตัวเองสิ  ไม่ไล่ให้ไปเปลี่ยนก็ดีเท่าไหร่แล้ว”  ผมหงุดหงิดใส่เธอทำไมเนี่ย  มีเสียงหัวเราะพรืดออกมาจากสามคนเบาะหลัง

            “มันน่าเกลียดเหรอ”  เธอหันไปถามทิวไอ้กอล์ฟ  ผมมองผ่านกระจกมองหลัง  พวกนั้นส่ายหน้ารัวๆ  ทำปากยื่นชี้มาทางผม

            “มันน่าเกลียดเหรอ”  เธอหันมาถามผมบ้าง  ด้วยคำถามเดิม

            “เห้อ!!!!  ผมหึง”  ผมถอนหายใจก่อนตอบ  พร้อมๆกับเสียงหัวเราะก๊ากของไอ้สองตัวเพื่อนผม  ส่วนเธอก็ทำหน้างงๆ ต่อไป  โอ้ยช่วงเอวที่มันพ้นออกมานี่มันขาวบาดตาโผ๊ม  ถ้าเลือดกำเดาผมไหลอย่ามาหาว่าผมหื่นละกัน

            ผมจอดรถที่ศูนย์อาหาร  ผมยืนยันจะให้ไอ้กอล์ฟไปซื้ออาหาร  สรุปสุดท้ายทุกคนกินข้าวผัดกับน้ำเปล่าเน้นเอาเร็วครับ  ผมก็ติดเครื่องรถรอ  ตอนนี้ในรถเบาะหน้ามีผมกับพี่ฟ้า  ผมก็นั่งแคะเล็บตัวเองไปสิ  ส่วนเบาะหลังไอ้ทิวมึงก็ชวนพี่แอนคุยกระหนุงกระหนิงไปสิ  เออ  คิดๆ ไปก็ดีเหมือนกัน  พี่แอนอาจจะตัดใจจากพี่ฟ้าก็ได้นะ  ไอ้ทิวเพื่อนผมมันก็หล่อใช้ได้  แต่มันออกแนวเจ้าชู้ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตนคุยไปเรื่อย

            “เขา”  เธอเรียกผมเบาๆ  ผมหยุดแคะเล็บแล้วหันไปมองเธอ

            “ตั้งใจฟังเพลงแรกดีๆ นะ”  เธอก้มหน้าแคะเล็บตัวเอง  นี่แคะเล็บมันเป็นโรคติดต่อใช่ไหม๊  ผมพยายามก้มไปมองหน้าเธอ

            “ร้องให้ผมเหรอ”  เราสองคนนี่จะมุดคอนโซนหน้ารถแล้วครับ

            “อื่อ”  เธอตอบรับในลำคอ

            “ขอบคุณนะครับ”  ผมไม่รู้หรอกว่าเพลงอะไร  แต่ดูจากสีหน้าเธอตอนนี้  เพลงนั้นน่าจะดีต่อใจผมแน่ๆ

            สักพักไอ้กอล์ฟก็วิ่งลงมาด้วยท่วงท่ากัปตันทีมบาสแชมป์ปีนี้  มันเปิดประตูยัดตัวใหญ่ๆ ของมันเข้ามาเอาข้าวกล่องทั้งหมดวางบนตัก  ปิดประตูรถ

            “ไปเลยลูกพี่”  กลุ่มเราไม่มีใครเป็นลูกพี่หรอกครับ  มันพูดแบบชินปากมากกว่า  ผมนี่ประเภทหน้าตาดีเรียนใช้ได้  ไอ้กอล์ฟนี่ถนัดใช้กำลังและกีฬา  ส่วนไอ้ทิวมันเป็นทูต (หรือขี้ทูด)  ผู้มีมนุษยสัมพันธ์ดี  จึงเป็นการรวมกลุ่มความแตกต่างที่ลงตัวจนคบกันมาตั้งแต่อนุบาลยันเข้ามหาวิทยาลัยอย่างที่เห็นกัน

            พอไปถึงเวทีการแสดงกลางแจ้งเลยครับ  ปกติเป็นลานกิจกรรมกว้างๆ  วันนี้ถูกวางเวทีขนาดกลางๆ  ด้านหน้าเวทีถูกจัดวางด้วยเก้าอี้พลาสติกคำนวณด้วยตาราวๆ 200  ตัว  และพื้นที่ว่างด้านหลังและด้านข้างสำหรับคนรักดนตรีที่ถนัดการยืนชมคอนเสิร์ต  ห้องเก็บตัวเป็นอาคารชมชมดนตรีสากล  พี่ฟ้าเดินนำหน้าเราไปที่นั่นครับ  เจอพวกพี่ๆ  เขามาถึงกันก่อนเราแต่ละคนแต่งคุมโทนดำมาเลยครับ  ผมเข้าใจแล้วที่เธอจัดเต็มมาขนาดนั้น  ไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ  พวกเราไหว้ทักทายพวกพี่ๆ  แล้วยกขบวนมานั่งล้อมวงกินข้าว  (จะล้อมวงทำไมก็ข้าวผัดเหมือนกัน)  แต่แบบนี้ก็ดูคึกคักดี  ผมสังเกตพี่แอนเธอก็ปกติดีนะครับ  ไม่มีท่าทีฉุนหรือสายตาฟาดฟันส่งมาให้ผมเลย  มันอาจเป็นแค่ข่าวลือก็ได้  เน๊อะๆ  พอกับกินข้าวอิ่มกัน  พี่ฟ้าขอตัวไปรวมกับพี่ๆ ในวง  ส่วนพวกเรารวมพี่แอนก็ไปจับจองที่นั่งด้านหน้าเวที  ตอนนี้หกโมงครึ่งแล้วครับ  พวกแชมป์เก่าขึ้นมาเซ็ทเครื่องเสียงเครื่องดนตรีกันแล้วแต่ยังไม่เห็นเธอ 

            จนกระทั่งเวลาหนึ่งทุ่มตรง  พิธีกรสองคนซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตากันดี  เพราะเป็นพิธีกรในการประกวดดาวเดือนด้วยครับ  เดินขึ้นมาทักทายผู้ชม  บรรยากาศเป็นไปอย่างสนุกสนานเป็นกันเองครับ  คณะกรรมการก็จะเป็นนักดนตรีนักร้องที่มีชื่อเสียงในภาค  รวมทั้งหลายคนเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยด้วย  การเปิดงานคือการขึ้นโชว์ของวงที่เป็นแชมป์ปีที่แล้ว  คือพิธีกรนี้โยนไมค์ให้เลยครับพี่อุ้มรับไมค์จากพิธีกรชาย  ส่วนพี่ฟ้ารับไมค์จากพิธีกรหญิง  ไปเสียบบนขาตั้งที่เตรียมไว้

            “สวัสดีค๊า”

            “สวัสดีคร๊าบ”

            “ยังจำพวกเรา  Only  Angle  ได้ไหม๊เอ่ย  พวกเราคิดถึงทุกคนคิดถึงบรรยากาศแบบนี้และตื่นเต้นทุกทีที่จะได้มอบความสุข ความมันส์ให้กับทุกๆ คนเลยนะคะ”  โอ้โหพี่ฟ้านี่เป็นคนหลายบุคลิกใช่ไหม๊  คือเฮ้ยทำไปได้  เสียงกรี๊ดตอบรับจากแฟนคลับนี่ดังสนั่นบริเวณเลยครับ

            “ขอบคุณที่ยังมาหากัน  มาให้กำลังใจกันนะครับ  ตามธรรมเนียม Only Angle  ของเราต้องไหว้ครูด้วยเพลงของหัวหน้าวง  ไม่สิเรียกว่าศูนย์รวมจิตใจของวงจะดีกว่าฮะ  ไปฟังเพลงเพราะๆ  จากฟ้า Only  Angle ครับ  ในช่วงเพลงแล้วแต่อารมณ์กันเลยครับ”

            แล้วพี่ฟ้าก็เกากีต้าร์คลอไปกับเสียงคีย์บอร์ด  เธอร้องเพลงที่บอกผมว่าตั้งใจฟังให้ดี

เหมือนฝนตกตอนหน้าแล้ง
เหมือนเห็นสายรุ้งขึ้นกลางแจ้ง
เหมือนลมหนาวเดือนเมษา
เหมือนว่าใจอ่อนล้ากลับแข็งแกร่ง

เหมือนคนกำลังมีรัก
เหมือนคนหลงทางพบคนรู้จัก
เหมือนเจอของสำคัญที่หล่นหาย
เหมือนร้ายนั้นกลายเป็นดีมาก
เหมือน...ที่ฉันนั้นได้มาพบกับเธอ
ชีวิตฉันจึงได้เจอ

แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร

โอ้...เธอ ทำให้ฉันรู้จัก
ความรักที่ไม่มีเหมือนใครใด
ได้มามีเธอนั้นเป็นคนให้
หัวใจอยากให้เธอรู้

แต่ไม่รู้จะขอบคุณ ไม่รู้ทำอย่างไร
ไม่รู้ว่าสิ่งไหนจะยิ่งใหญ่ควรค่าพอ
ที่ฉันได้จากเธอ ได้รักโดยไม่ต้องขอ
ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร

ได้รู้โดยไม่ต้องรอ ว่ารักคืออะไร

...อ้างอิง https://www.siamzone.com/music/thailyric/3600

            ในระหว่างที่เธอร้อง  ผมไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากเสียงใสๆ นั่น  ผมมองเห็นว่าสายตาของเธอจับจ้องมาที่ผมเนิ่นนาน  และรอยยิ้มตลอดทั้งเพลงนั่นด้วย  มันเป็นเพลงที่เพราะที่สุดเท่าที่ผมเคยฟังมา เธอทำให้ผมตื้นตันใจ  มันเป็นการตอบแทนความรักที่แสนวิเศษสุด  ผมไม่ต้องการคำขอบคุณใดๆ อีกแล้ว  และจากนี้ผมสัญญาว่าจะทำให้คนที่ร้องเพลงนี้ให้ผม  มีรอยยิ้มตลอดไป

            วง Only Angle  เล่นเพลงอีก 4 เพลงก่อนมอบเวทีคืนให้กับพิธีกรมารับช่วงต่อไป  พวกเราก็นั่งดูต่ออีก 2-3 วง  พรุ่งนี้มีเรียนเช้าก็เลยรีบกลับกันครับ 

            ระหว่างทางที่ผมขับกลับมาส่งพี่ฟ้า  ผมอยากให้ระยะทางมันทอดยาวออกไป  หรือไม่ก็ช่วยหยุดเวลาไว้ตรงนี้ที

            “เพลงนั้น  หมายถึง  ผมเหรอครับ”  ผมหันไปถาม  หลังจากออกรถมาสักพัก

            “ร้องให้เขา”  แคะเล็บทำไมครับ  มองหน้าผมนี่ร้องให้ผมไม่ใช่เหรอ  ขนาดผมขับรถผมยังมองหน้าพี่เลยนะ

            “พี่ฟ้า  ใจเราตรงกันใช่ไหม  พี่ให้โอกาสผมแล้วใช่ไหม”  ผมลุ้นจริงๆ ครับ

            “พี่ยอมแพ้เรา  แล้วพี่ก็แพ้ใจตัวเอง”  เหลือบตามามองผมนิดเดียวครับ  นิดเดียวจริงๆ  ไม่ต้องกลัวผมท้องหรอกครับ  มองนานๆ ได้เลย  ผมนี่ยินดีสุดๆ

            “ขอบคุณนะครับ  เราเป็นแฟนกันนะครับ  คบกับผมนะ” บรรยากาศมันคงดูแปลกๆ  ที่ผมขอเป็นแฟนกับเธอต่อหน้าพยานตั้ง  คน  แต่เชื่อผมเถอะไอ้พวกนั้นมันแข่งกันขายขนมจีบพี่แอน  เสียงนี่ดังกว่าเสียงผมกับพี่ฟ้าอีก  มันไม่ได้สนใจคู่หน้าเลยครับ  และปกติแล้วพวกมันก็ชอบฟังทุกอย่างจากผม  มากกว่าการเผือกครับ 

            “อื่อ  แต่พี่ยังยืนยันว่าถ้าวันไหนพี่ไม่ใช่ความสุขของเขาแล้ว  หรือความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป  ต้องบอกกันนะ”  เสียงเธอหนักแน่น  มันบอกว่าเธอหมายความตามนั้นจริงๆ ครับ

            “ไม่มีวันนั้นหรอกครับ”  ผมก็มั่นใจเช่นกัน

            ผมส่งพี่ฟ้ากับพี่แอนหน้าหอ  แล้วมุ่งหน้ากลับหอของพวกผมตอนเวลาสามทุ่มกว่าๆ 

            “เก่งเน๊อะมึง”  ไอ้ทิวมันพูดระหว่างเดินเข้าไปในหอพัก

            “สุดยอดเลยหว่ะ  พี่ฟ้าปกติเงียบๆ พูดนี่กูนับคำได้  พออยู่บนเวทีโอ้ย she so hot กูไม่รู้จะบรรยาย”  ไอ้กอล์ฟมันเสริม

            “กูเริ่มหึงแล้วก็หวงมากๆ แล้วหว่ะ  พวกมึงหยุดพูดถึงหวานใจกูสักทีได้ไหม๊” ผมจับหัวพวกมันผลักออกไปจากผม  พวกมันยั่วผมให้โมโหแน่ๆ  มันรู้ว่าผมขี้หวง    “มึงเพลงแรกนี่หวานหยดขนาดนั้น  ร้องให้ใครหว่ะ”      มันทำซุบซิบกันทำไมเนี่ย

            “เพลงของกู” ผมตอบกรอกหูพวกมันไป 

            “ง๊อวววว”  พวกมันทำเสียงบ้าอะไรขึ้นมาพร้อมกันหว่ะ

            “ตกลงมึงได้เลื่อนตำแหน่งจากคนขับรถเป็นคนสวนยังหว่ะ”  ไอ้ทิวมันถาม  พวกมึงพลาดแล้วครับที่เอาแต่ชวนพี่แอนคุย 

            “มึงดูหน้ากูนะ”  ผมไม่ได้ยิ้มหรอกครับ  แต่ผมรู้ว่าตอนนี้หน้าผมนี่ปิดความสุขไม่มิดแน่นอน 

            “มึงก็หล่อไง  มึงจะให้พวกกูดูทำไม”  ไอ้บื้อกอล์ฟเอ้ย

            “ไอ้นี่  มันแกล้งโง่ป่ะเนี่ยกอล์ฟ  หน้าแม่งโครตสุข”  ไอ้ทิวโบกกะโหลกไอ้บื้อกอล์ฟ  แล้วมันสองตัวมาจ้องหน้าหาพิรุธจากผม

            “โอ้ย  กูอิจฉา”  ไอ้ทิว

            “แม่ง  เหม็นความรักหว่ะ”

            ผมรู้ว่ามันเองก็มีความสุขไปกับผมครับ  กว่า  10  เดือนที่ผมเจอเธอ  ผมไม่เคยลืมเธอ  ผมไม่เคยมีใครพิเศษ  ผมกลับมาพบเธออีกครั้ง  จนวันนี้  พวกมันอยู่กับผมเสมอมา  พวกมันเป็นกำลังเสริมและกำลังใจให้ผม  กูรักพวกมึงหว่ะเพื่อน  ผมกอดคอพวกมันสองตัวขึ้นหอพัก  พวกมันก็พูดล้อความรักของผม  แล้วบอกให้ผมไปนอนฝันหวาน  พวกมึงครับถ้ามีของตัวเองพวกมึงจะเข้าใจกู  แม่งโครตมีความสุข

 

 

Part  พี่ฟ้า

            บางทีการวิ่งหนีใจตัวเอง  มันก็เหนื่อยมากกว่าการวิ่งตามใครบางคน  ความรักที่ไม่สมหวังของพ่อแม่ทำให้ฟ้าขีดกรอบความสัมพันธ์ของทุกคนไว้แค่เพื่อน  กลัวความผิดหวัง  กลัวการเสียใจ  แต่บางครั้งสิ่งที่ฟ้าตัดสินใจก็ทำให้คนอื่นเสียใจด้วย  มันดูไม่ค่อยยุติธรรม  จนเขาคนนั้นเข้ามา  ลองดูมันสักตั้งสิ  ก็ใครๆ เขาบอกว่า  “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น”  นี่นะ

 

ผู้เขียน ลงใหม่นะคะ  รู้สึกมันไม่จบ  แฮะๆ  เมื่อคืนเค้าง่วงนะสิ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา