นายปากร้ายกับยายใจแข็ง

-

เขียนโดย นาราชา

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.59 น.

  11 ตอน
  2 วิจารณ์
  12.65K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 6 ใครชนะก้เลี้ยงสิ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ผมส่งเธอที่หอ  รออยู่จนเธอเดินลับตา  จึงขับรถตรงกลับหอพักของผมบ้าง  ผมเริ่มปฏิบัติการด้วยการเปลี่ยนโปรไฟล์เฟสบุ๊คของผม  ผมหาภาพจากคอมพิวเตอร์  ในไฟล์ชื่อภูกระดึง  ผมเลือกภาพที่แอบถ่ายเธอ  โดยเลือกภาพที่เธอหันหลังไปมองป้ายครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง  ผมไม่ได้เป็นเพื่อนเธอหรอกครับ  ไม่รู้ด้วยว่าเธอใช้ชื่อว่าอะไร  แค่ผมอยากประกาศให้โลกรู้ว่าผมมีคนของผมแล้ว  ด้วยเพื่อนผมที่เต็มแล้วและคนที่ติดตามเพิ่มมากขึ้นในช่วง สัปดาห์นี้  จะต้องมีสักคนสิหน่าที่เป็นเพื่อนเธอ  หรือรู้ว่าเป็นเธอ  หลังจากที่อัปโหลดเสร็จเรียบร้อย

            ไอ้ทิว เฮ้ย  อัปเดตด่วนเลยนะมึง

            ไอ้กอล์ฟ : อะไร  ยังไง

            ญ 1 :  ใครน๊อ

            เพื่อน 1 : ใครหว่ะ

            เพื่อน 2 : ข้างหลังยังสวย 

            ญ 2 : ทำไมรู้สึกอกหัก

            ญ 3 : คุ้นๆ ว่าเป็นคนในความทรงจำ

            เพื่อน 3 : กูว่ากูรู้  ใครอยากรู้หลังไมค์มา

            ผม : ติดตามตอนต่อไปนะครับ

            และข้อความอื่นๆ อีกมากมาย  ส่วนผมเหรอหลับฝันดี  อยากรู้จริงๆ ว่าถ้าเธอเห็นจะรู้สึกยังไง  จะโกรธผมหรือปล่านะ

            เช้าวันต่อมา  ผมมีเรียนสองโมงเช้า  เลยแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้า  ไม่ลืมที่จะทักไลน์ไปหา  คนที่ผมประกาศว่า  ผมจะจีบ

            --ตื่นเช้ามา  ลืมแค่ตานะครับ  อย่าลืมเขานะ—

            --สวัสดีตอนเช้านะครับ  —

            เงียบครับยังไม่อ่านเลย  ผมก็เลยไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว  จนกลับออกมาอีกครั้งหลังจากนั้นประมาณ 15 นาที  อย่างแรกที่ผมทำคือหยิบโทรศัพท์มาเช็คดูไลน์  มีข้อความไลน์เยอะเลยครับ  แต่ไม่มีจากเธอ  เห้อ  ผมจะรีบตื่นขึ้นมาทำไมแต่เช้า  แต่งตัวแล้วรีบไปห้องไอ้ทิวดีกว่า  ก่อนที่ผมจะสติแตก

            <<ก๊อกๆๆๆ>>

                “ไอ้ทิวกูเอง”  ผมยืนรอครู่เดียวประตูก็เปิดออก  แต่คนที่เปิดเป็นรูมเมทไอ้ทิว  ชื่อไอ้คีย์  

            “ไอ้ทิวไปอาบน้ำ  มานั่งในห้องก่อน”  พวกผมไปมาหาสู่กันบ่อยๆ  รูมเมทก็เลยสนิทเป็นเพื่อนกันไปด้วย  ผมเดินเข้าห้องไปนั่งบนเตียงไอ้ทิว

            “มึงทำไมหงอยๆ หว่ะ  เกี่ยวกะที่โพสต์เมื่อคืนหรือเปล่า”  เออ  หน้ากูนี่ซ่อนอะไรไม่ได้เลยสินะ 

            “อื่อ  เขาไม่ตอบไลน์กูเลยหว่ะ  เห็นรึยังก็ไม่รู้  โกรธรึเปล่าก็ไม่บอก”  ผมไม่รู้หรอกว่ามันรู้รึเปล่าว่าผมหมายถึงใคร  แต่ผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง  ผมซื่อสัตย์กับตัวเองเสมอ

            “กูอยากรู้จริงๆ ใครหว่ะที่มึงแคร์ขนาดนี้  แต่เค้าไม่สนใจ  มันมีด้วยเหรอหว่ะ”

มันยังไม่รู้ว่าเป็นใครครับ  ไอ้ทิวเพื่อนรักมันคงอยากให้ผมบอกด้วยตัวเอง  เราไม่ก้าวก่ายกันในเรื่องแบบนี้หรอกครับ

            “กูก็คนธรรมดานี่มึง  มึงก็พูดไป”  ผมหมายถึงมันพูดเวอร์เกินไป  ก็เธอคนนึงแหละที่ไม่ได้มีทีท่าจะสนอกสนใจผมมากเกินกว่าน้องคนนึงเลย

            “ไม่นะโว้ย  มึงเคยติดตามเพจพวกแฟนคลับมึงป่ะเนี่ย  ขนาดแฟนกูแม่ง  ยังกรี๊ดมึง  บอกให้ชวนมึงไปกินข้าว”  เท่ามันจะหัวเสียอยู่หน่อยๆ ครับ

            “ห๊า  มีเพจแฟนคลับกูด้วย  เออเดี๋ยวกูไปหาดู  ตกใจนะนี่”  ผมพูดติดตลก

            “ก็นั่นแหละ  มึงเข้าเพจนั้นไปเลือกใครสักคนที่แหล่มๆ  ควงแม่งเดือนละคนยังได้”  โหไอ้นี่เห็นผมเป็นคนยังไง

            “ไม่เอาอ่ะ  กูชอบรุก”  จริงครับผมคิดอย่างนั้น  ผู้ชายต้องเป็นฝ่ายเข้าหา 

            “เออ  ตามใจมึง  นั่งเป็นหมาเหงายังงั้นต่อไปเหอะ”  มันว่าแล้วก็จัดตารางเรียนไปไม่ได้สนใจผมอีก  ส่วนผมก็ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นรอไอ้ทิว  นี่จะเจ็ดโมงครึ่งแล้วไลน์ก็ยังไม่ตอบ  ยังไม่ตื่น  ตื่นแล้วอาบน้ำอยู่  หรือไม่คิดจะตอบอยู่แล้ว  โอ้ยผมเครียด  พอดีไอ้ทิวมันปิดประตูเข้ามา

            “เร็วเลยมึงจะสายแล้ว”  ผมบอกมัน

            “อือๆ  10  นาทีมึง  โทรตามไอ้กอล์ฟได้เลย”  จังหวะนั้นไอ้กอล์ฟก็เปิดประตูเข้ามาพอดี

            “เออ  งั้นกูไปก่อนละมึง  ต้องไปรับแนนหว่ะ”  ไอ้คีย์มันพูดแล้วสะพายกระเป๋าออกจากห้องไป

            “ดีกันยังหว่ะ”  ไอ้กอล์ฟถามขึ้นหลังจากไอ้คีย์ออกไปสักครู่

            “ดีกะผีเลยครับ  บอกว่าไม่อยากให้กูเสียเวลา  จะให้กูตัดใจ  เรื่องอะไรหว่ะ  กูรักของกูมาตั้งนาน”  ผมตอบมัน

            “เออ  เดี๋ยวไปคุยกันต่อมึง  ป่ะ  เดี๋ยวสาย”  ไอ้ทิวขัดขวางการสนทนา

            ระหว่างที่ผมขับรถมุ่งหน้าสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์ 

            “แล้วมึงตอบเขาไปว่ายังไง”  ไอ้กอล์ฟมันไม่ละความพยายาม

            “กูก็บอกเค้าไปว่ากูหน้าด้าน  กูจะจีบของกูอยู่อย่างงี้แหละ”  เรื่องอะไรจะยอม

            “กูก็โครตจะไม่เข้าใจพี่แกหว่ะ  ก็ไม่มีใคร  มึงก็แสดงออกชัดเจน  หรือแกเป็นพวกกลัวความรักหว่ะ”  เอออันนี้น่าคิด

            “อือ  อันนี้น่าสืบหว่ะ  กูต้องตีสนิทเพื่อนเค้าซักคน”  ในหัวผมคิดถึงพี่แอน  แต่ให้ตายเถอะนั่นก็ทาสรักเค้า  เค้าจะบอกมึงหรอก

            “เอางี้เที่ยงนี้ไปกินข้าวคณะศึกษากัน  พวกมึงต้องไปกับกูด้วย”  ผมพูดต่อหลังคิดขึ้นมาได้  โรงอาหารคณะศึกษาศาสตร์อยู่ติดหลังคณะพวกผมเอง  คณะวิศวกรรมศาสตร์หลายคนก็ไปกินข้าวเที่ยงที่นั่นครับ

            “เอาดิ  กูก็อยากไปเหล่สาวครูอยู่เหมือนกัน  แม่พิมพ์ของชาติไงมึง”

            พวกเรามาถึงคณะแล้วก็รีบขึ้นเรียนครับ  วิชาเดียวสี่ชั่วโมงรวด  มีเวลาพัก  10  นาที  พวกเรานักศึกษาก็รีบหาของกินประทังชีวิตครับ  จนถึงเที่ยงผมรู้สึกเหมือนเป็นอิสระ  เรียนมหาวิทยาลัยทำไมมันโหดอย่างนี้

            อาจารย์จะตรงเวลาไปไหนเนี่ย  เที่ยงตรงพวกเราเดินออกจากห้องด้วยอาการน้ำในหูไม่เท่ากัน  เมาความรู้จนจะอ้วก  เราทั้ง ตัว  (รวมไอ้ลุงคนเรียบร้อยที่ไม่น่ามาอยู่กลุ่มเดียวกับพวกผมได้)  ก็ลัดเลาะมุ่งหน้าสู่โรงอาหารคณะศึกษาศาสตร์

            “เฮ้ย  เอาโต๊ะริมๆ  ไอ้ลุงมึงไปเฝ้าโต๊ะเดี๋ยวโต๊ะเต็ม”  ผมจัดการแบ่งหน้าที่  อีกสามตัวก็ไปซื้ออาหาร  วันนี้โรงอาหารคณะศึกษาศาสตร์คึกคักมากครับ  บนเวทีกำลังมีการลองเครื่องเสียงเหมือนจะมีคอนเสิร์ตเล็กๆ  ดีแฮะจะได้กินข้าวไปด้วยฟังเพลงไปด้วย  พวกผมได้น้ำได้ข้าวก็เดินไปเปลี่ยนให้ไอ้ลุงไปซื้อบ้าง  ผมเห็นมันเดินไปโต๊ะนึงเป็นนักศึกษาหญิง  เฮ้ย  หน้านิ่งๆ ทำไมมันกล้าหว่ะ  ผมมองตามมันจนสายตาไปปะทะกับพี่ฟ้า  ไอ้ห่าลุงคุยกับพี่ฟ้า  มึงอยากตายใช่ไหม๊  ผมได้แต่ฮึดฮัด  มันมีอะไรที่ไม่บอกผม  สองคนรู้จักกันหรือยังไง  เมื่อมันเดินกลับมาถึง

            “ไอ้ลุง  มึงหยุดคุยกะใคร”  ผมพยายามระงับอารมณ์สุดฤทธิ์  ปากยังเคี้ยวข้าว

            “พี่ผม  แต่เขาไม่คิดว่าผมเป็นน้องหรอก  แค่บอกให้โทรหาพ่อ”  มันตอบหน้านิ่ง

            “มีอะไรที่กูควรรู้ไหม๊หว่ะ”  ผมถาม  ดูเรื่องนี้จะไม่ค่อยปกติ

            “ถ้าพี่เขารู้ว่าผมบอกคนอื่น  ผมก็ตาย”  มันก้มหน้าก้มตากินข้าวเหมือนอยากจะหยุดคุยเรื่องนี้เต็มทน  ผมก็เลยเลิกเซ้าซี้มัน  แต่ผมคิดว่าสองคนคงพ่อเดียวกันแต่ต่างแม่  ผมมองไปทางโต๊ะพี่ฟ้า  เธอไม่ได้มองมาทางนี้ยังคุยสนุกสนานกับเพื่อนๆ สลับกับกินข้าวที่วางอยู่ตรงหน้า  จนกระทั่งมีการเริ่มพูดบนเวทีที่ลองเครื่องเสียงอยู่เมื่อสักครู่

            “สวัสดีครับพี่น้องชาวศึกษาศาสตร์  รวมทั้งพี่น้องคณะอื่นๆ ที่มารวมกันที่โรงอาหารในวันนี้นะครับ  พวกผมสมาชิกวง  Only Angle  จากปีที่แล้วที่เราได้มีการส่งทีมเข้าประกวดดนตรีประจำปีแล้ววงของคณะเรา  คือวง Only Angle  ก็ไปคว้าแชมป์มาได้  ในปีนี้วงของเราไม่สามารถเข้าประกวดได้  แต่ต้องขึ้นโชว์เป็นการแสดงเปิดงาน  พวกเราจึงมาเล่นเพลงให้ทุกๆ คนฟังเพื่อเป็นการซ้อมไปในตัว  เพราะนางฟ้าของเราหาเวลาว่างยากมาก ไม่รู้มันไปติดหนุ่มที่ไหน  เชิญฟ้า  นางฟ้าเพียงหนึ่งเดียวขึ้นมารับโทษบนเวทีครับ”

            ผมตกใจ  มองไปทางโต๊ะพี่ฟ้า  เห็นพี่ฟ้ามองไปทางเวทีชี้มือเข้าหาตัวเอง  เป็นทำนองถามว่า  “กูเหรอ”  ประมาณนั้น  แต่ไม่เคยได้ยินเธอพูดไม่เพราะเลยนะ  พี่ๆ  บนเวทีก็พยักหน้า

            “พี่ฟ้า  ๆๆๆๆๆๆ”  เสียงตะโกนเชียร์เธอเริ่มดังขึ้น  เธอลุกจากเก้าอี้อย่างเขินๆ  เธอเดินขึ้นไปบนเวที  ไมโครโฟนถูกยื่นมาให้

            “แทบสำลักข้าว  นัดกันก่อนนิดนึงมั้ย”  เธอพูดจบมีเสียงหัวเราะรอบๆ บริเวณ

            “ขอสักเพลงให้บรรยากาศคอนเสิร์ตมันดีหน่อยเพื่อน”  พี่มือกีต้าร์พูดขึ้น

            “กีต้าร์เราหล่ะ”  มือกลองเดินอ้อมเอากีต้าร์ออกมาให้เธอ  เธอลองปรับตั้งสายสักครู่  โดยนั่งบนเก้าอี้ท่าทางทะมัดทะแมง

            “ค่ะ  ก็สวัสดีทุกคนอีกครั้ง  ฟ้าขอบคุณสำหรับเสียงเชียร์นะคะ  แต่เสียงเพลงของฟ้าอาจทำให้ผิดหวังก็ได้  แต่ยังไงก็ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันและให้กำลังใจฟ้ามาตลอดนะ ”  เธอหันไปบอกเพลงกับสมาชิกในวง  ดนตรีเริ่มบรรเลงขึ้น

ถึงฉันไม่เคยบอกให้รู้ แต่รู้มั้ยฉันรู้สึก
หลายครั้งในใจส่วนลึกลึก อยากให้รู้ว่าตื้นตัน
เธอเคยว่ามันเล็กน้อย เพียงความห่วงใยให้กัน แค่เท่านั้นที่เธอมี

ถึงแม้แค่เพียงสิ่งเล็กน้อย แต่โปรดรู้ไว้ฉันชื่นใจ
ทุกครั้งที่เธอมีน้ำใจ อยากให้รู้ว่าตื้นตัน

ความดีที่เธอมีมา เป็นแรงส่งมาให้กัน ให้ฉันก้าวเดินไป

สิ่งเล็กน้อยที่เธอให้มาด้วยใจของเธอ นั่นแหละสำคัญ
สิ่งเล็กน้อยที่เธอให้มาด้วยความเข้าใจ นั่นคือสิ่งสำคัญ
เพราะฉันรับรู้ว่าเธอใส่ใจ

สิ่งเล็กน้อยที่เธอให้มาด้วยใจของเธอ นั่นแหละสำคัญ
สิ่งเล็กน้อยที่เธอให้มาด้วยความเข้าใจ นั่นคือสิ่งสำคัญ
เพราะฉันรับรู้ว่าเธอใส่ใจ

เพราะฉันรับรู้ว่าเธอใส่ใจ

 

                นี่เธอไม่ได้เตรียมตัว  ไม่ได้ซ้อมใช่แน่เหรอ  (นึกว่าเตรียมไว้ร้องให้ผม  คิดเข้าข้างตัวเองต่อไป)  เธอคงร้องขอบคุณแฟนคลับ  เธอไม่เห็นผมเลยด้วยซ้ำ  ผมไม่แปลกใจที่เธอได้ป๊อบปูล่าโหวต  เธอดูดีมากบนเวทีนั้น  เสียงของเธอก็พิเศษมากๆ  อีกทั้งยังเล่นกีต้าร์ได้ดีพอกับมืออาชีพ  เสียงปรบมือยังกึกก้อง  หลังจากนั้นเธอก็เล่นอีกหลายเพลงแต่ทำหน้าที่เล่นกีต้าร์และร้องคอรัสบ้าง  ไม่ใช่ร้องนำ  เพราะส่วนใหญ่เล่นเพลงผู้ชายหนักๆ กันครับ  จนเวลาล่วงมาเกือบบ่ายโมง  ผมจำใจลุกจากที่นั่ง  พวกเพื่อนมันดึงผมอยู่นานแล้ว 

            “พวกนายดูตกใจเน๊อะ”  ไอ้ลุงมันถามทำลายความเงียบระหว่างเดินกลับคณะ

            “เออดิ  คนอะไรหว่ะ  นี่จับอะไรทำอะไรก็เก่งไปหมด”  ผมยังละเมอ

            “ยังมีอีกเยอะครับ”  ผมมองมันอึ้งๆ  แต่ดูเหมือนมันจะให้ผมเสาะหาพลังพิเศษของพี่สาวมันเอง  มันคงไม่บอกอะไรหรอก  ผมเห็นจุดที่พี่น้องคู่นี้เหมือนกันแล้ว  มันคืออาการปากหนักนั่นเอง

            เรียนจนเย็นพวกผมพากันไปกินข้าวก่อนกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอก่อนไปซ้อมบาสตามปกติ  จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีการอ่านและตอบไลน์จากเธอ  วันนี้จะมาสนามหรือเปล่าก็ไม่รู้ โทรไปหาเลยเถอะ  ผมจะขาดใจตาย

            “พี่ฟ้า  ไม่อ่านไลน์ผมเลย”  เธอรับหลังจากผมถือสายรอสักครู่ 

            “พี่ไม่ได้เติมเน็ต  ว่าไง” เธอยังถามสบายๆ  อย่างน้อยก็ยังยอมรับโทรศัพท์ผม

            “ผมใจหายหมด  นึกว่าพี่จะเกลียดซะแล้ว”  ใช่  ผมใจหายแทบไม่ได้หายใจทั้งวัน

            “ไม่หรอก  ถ้าพี่จะโกรธเรา  พี่โกรธตั้งแต่ตอนที่เราปากหมาใส่พี่ไม่ดีกว่าเหรอ”เธอยังตอกย้ำนิสัยเสียของผม

            “พี่มาสนามมั้ย”  ผมอยากบอกให้รู้ว่าผมรอเธออยู่ทุกวัน

            “ไปสิ  เวลาเดิมนั่นแหละ”  เย้  อย่างน้อยพี่ทำตัวปกติได้ผมก็สบายใจ

            “ไม่ต้องไปซ้อมดนตรีกับวงเหรอ”  ผมถามเธอ

            “เฮ้ย  รู้ด้วยเหรอ  รู้ได้ไงอ่ะ”  เธอคงไม่คิดว่าปีหนึ่งวิศวะจะกล้าไปกินข้าวโรงอาหารศึกษาสินะ

            “ร้องเพลงเพราะจัง  ผมคิดว่าพี่ร้องให้ผมได้มั้ย”  ผมชอบรุกครับ  รุกหนักซะด้วย

            “ได้สิ  เขาก็เป็นอีกคนที่พี่ต้องขอบคุณนะ”  ถ้าขอบคุณที่ใส่ใจ  เปลี่ยนมาเป็นขอบคุณที่รักกันเลยได้ไหมครับ

            “ไว้เจอกันนะครับ  ผมไปซ้อมก่อน”   ผมรู้ว่าเวลาเธอมีค่า  น่าจะสอนพิเศษอยู่  ผมไม่อยากกวน

            “ครับผม”  เธอตอบแบบนั้นจริงๆ ครับ  พูดครับกับผมเหมือนแม่เลย  มาเป็นแม่ทูนหัวผมเถอะครับ

            ผมวางสายแล้วก็ไปตามไอ้สองตัวที่ห้องไปซ้อมบาสกันครับ  ปลายสัปดาห์นี้ต้องแข่งกันแล้ว  สิ่งเดียวที่ผมทำได้ผมจะทำมันให้ดีที่สุด  ผมจะเอาเหรียญไปฝากเธอ  วันนี้ช่วงพักผมไปหาเธอ  ผมเดินไปท่ามกลางสายตาแฟนคลับหลายสิบของผม  แหวกผ่านวงล้อมของผู้ชายหลายคนเข้าไป  เธอกำลังแนะนำกลุ่มนักกีฬาผู้หญิงเกี่ยวกับเทคนิค  ผมหยุดฟังล้อมวงเธอเหมือนคนอื่นๆ

            “เฮ้ยไอ้เดือนมหาฯ ลัย  มึงมาเป็นไส้ศึกเหรอ”  พี่ผู้ชายคนนึงทักผมอย่างดัง  จนพี่ฟ้าเงยหน้ามาเจอผม

            “เปล่าครับผมมาแค่อยากได้เชลยศึกคนเดียว”  ผมตอบไม่ต้องเสียเวลาคิด

            “โอ้โหไอ้นี่แผนสูง  มึงมาชิงโค้ชไป  บาสหญิงคณะกูก็ล่มดิหว่ะ”  เสียงแซวมาอีกถล่มมาเลย  แซวให้ถูกคนผมยินดี  เธอบอกให้นักกีฬาลงสนาม  แล้วลากผมหนีไปหลังแสตน

            “เล่นอะไรเนี่ย”  เมื่อมาอยู่กันสองคน  เธอก็ถามผม  ผมมองตาเธอ  มันไม่มีแววโกรธ  ผมจะรุกต่อ

            “ผมเอาจริงนะ  ไม่ได้เล่น  ก็บอกแล้วว่าจะจีบ”  ผมลอยหน้าลอยตาพูด

            “เออ  ว่าแต่ไปกินข้าวที่คณะพี่มาเหรอ”  ไม่ปฏิเสธซะด้วย

            “ใช่  กะจะไปสืบราชการรัก  เก่งจัง  ยังมีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกบ้างไหม๊”  ผมถามไว้เผื่อต้องทำใจเผื่อเธอบินได้ขึ้นมาจริงๆ

            “ความสามารถของพี่  เหมือนคนตาบอดที่พยายามร้องเพลงให้เพราะ  เพื่อจะใช้เสียงทำมาหากิน  พี่สร้างมันขึ้นมาแม้บางอย่างไม่ได้ชอบ  แต่เพื่อปกปิดจุดอ่อนของพี่เอง  เพื่อสร้างเกราะป้องกัน  จริงๆ พี่ไม่ได้เก่งหรือเข้มแข็งหรอก”  เธอพูดมันออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ  ผมเข้าข้างตัวเองได้ไหม  พี่คงไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นๆ ฟังใช่ไหม๊  ผมพิเศษกว่าคนอื่นๆ ใช่ไหม

            “พี่ฟ้าครับ  ผมพร้อมที่จะฟัง  ผมไม่รู้ผมพอจะเป็นเกราะป้องกันให้พี่ได้ไหม๊  แต่ผมขออยู่ข้างๆ  พี่ไม่ต้องพยายามเข้มแข็งตอนอยู่กับผม  พี่จะร้องไห้  จะบ้าบอ  จะอ่อนแอแค่ไหนก็ได้”  ผมยืนตรงหน้าเธอ  ผมอยากปลอบโยนเธอ  ความเศร้าไม่เหมาะกับเธอเลย

            “พี่เข้าใจเขานะ  แต่พี่ก็กลัว  อะไรๆ ก็เปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน  ใจเขาก็เช่นกัน  พี่เป็นความประทับใจของเขาพี่รู้  แต่พี่ไม่แน่ใจว่าแค่นั้นจะทำให้เราตลอดไปได้ไหม๊”  เธอน่าจะเป็นโรคกลัวความรัก  กลัวความสัมพันธ์ที่เกินกว่าคนรู้จัก  ผมเห็นความไม่แน่ใจและคำถามมากมายจากแววตาและดวงตากลมโตคู่นั้น

            “ผมไม่ได้สัญญา  แต่ผมขอโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้กันและกัน  ผมจะไม่เร่งรัด  ผมไม่ต้องการนิยามหรือคำเรียกขานใดๆ  ขอแค่ให้พี่รู้ว่าพี่สำคัญที่สุด  และแค่อยากมั่นใจว่าพี่จะมีผม  ผมขอแค่นี้ได้ไหม๊”  โห  ผมว่าด้วยการเขียนบันทึกถึงเธอบ่อยๆ มันคงทำให้ผมพูดเก่งขึ้น  ภาษาดีขึ้น  ปกติผมพูดยาวๆ เป็นที่ไหน

            “ลองดูก็ได้มั้ง  บางทีมันอาจไม่น่ากลัวก็ได้”  เธอยิ้มเขินๆ  นางฟ้าของผมน่ารักจัง  ไม่มีกะจิตกะใจซ้อมเลยครับ  ผมลากพี่ฟ้าออกมาจากหลังแสตนแล้วตะโกนไปทางสนามที่เพื่อนๆ ซ้อมกันอยู่

            “พี่ๆ ผมขอตัวนะครับ  วันหลังจะมาซ้อมชดเชยให้”  ทั้งสองสนาม (วิศวะและศึกษาหันมามองผมกับพี่ฟ้าเป็นตาเดียว)  ผมลากพี่ฟ้าไปทางรถผม มี เสียงแซวตามหลังมาไม่ขาด

            “เขา  พี่เอารถมา”  เธอบอกผมงอนๆ เมื่อผมจับยัดเธอเขาไปในรถผมสำเร็จ 

            “เดี๋ยวค่อยกลับมาเอา  ไปฉลองเป็นเพื่อนผมหน่อย”  ผมฉีกยิ้มถึงหูไปให้เธอ

            “เผด็จการ”  เธอบ่นลอยๆ

            “ก็คนมันดีใจ”  ผมคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วออกรถ

            “เล่นลากออกมายังงั้น  พี่โดนถล่มตายแน่ๆ  แชร์เน็ตมาดิ”  เธอบอก  นี่ยังไม่สมัครเน็ตจริงๆ เหรอเนี่ย  ผมยื่นโทรศัพท์ให้เธอ  มันไม่มีรหัสล็อกครับ  ผมไม่มีความลับ  ผมมีแต่ความจริงใจ  เธอแชร์เน็ตให้ตัวเองแล้ววางโทรศัพท์ผมบนตักเธอ 

            “ว่าแล้วมั้ย”  ดูหน้าเธอยุ่งๆ  เดี๋ยวถึงที่หมายค่อยเคลียร์  ตอนนี้ผมต้องขับรถก่อน  ผมพาเธอแวะร้านสะดวกซื้อ  ซื้อของกินเล่นก่อนจะมานั่งเล่นข้างบึงแห่งหนึ่งในมหาวิทยาลัย  ตอนนี้เริ่มมืด  รอบๆ บึงต้องเปิดไฟ  ยังมีนักศึกษานั่งอยู่กันเป็นหย่อมๆ

            “ไหนมีอะไร  ผมดูหน่อย”  ผมแย่งโทรศัพท์เธอมา  เธอกำลังเล่นเฟสบุ๊ค  ห๊า  เพจแฟนคลับผมครับ 

            “อย่าบอกนะ  ว่าพี่ฟ้าเป็นสมาชิกด้วย”  ผมถามยิ้มๆ 

            “จะบ้าเหรอ  แอนบอกว่ามีคนด่าพี่ในเพจนี้  ก็เลยชอบเข้ามาส่องว่าเขาด่าว่ายังไง  นายนั่นแหละตัวดีเลย”  ผมลองเลื่อนอ่านดูภาพล่าสุดคือที่ผมลากพี่ฟ้าออกมาเมื่อสักครู่  เฮ้ย  เร็วไปไหม๊  ยังไม่อ่านคอมเม้นต์ผมขอสำรวจคร่าวๆ ก่อน  ส่วนใหญ่จะลงรูปผมมีตั้งแต่รับน้องมาเลยครับ  บางรูปทีเผลอนี่ก็เอ๋อแดกเหมือนกัน  มีการแคปหน้าจอที่ผมลงโปรไฟล์รูปพี่ฟ้าด้วย  นั่นแหละครับ  การติดตามขุดคุ้ยเริ่มมาจากโพสต์ของผมเอง

            --ใครหว่ะแม่ง  หยิบชิ้นปลามัน—

            --อุตส่าห์ดีใจว่าขุนเขารอกู  นกสิกู  หมดแรงมโน—

            --กูว่านังฟ้า  เห็นไปด้วยกันออกบ่อย—

            --ฟ้าไหนหว่ะ  กูตกข่าวเหรอ—

            --ไปมุดส้วมไหนมาจ๊ะ  ฟ้าดาวศึกษา  รองดาวมหาลัยปีที่แล้วไง—

            --เฮ้ย  มันเป็นทอมไม่ใช่เหรอ—

            --โอ้ย  พี่ฟ้า—

            --กูอกหัก  กูรักทอม—

            ฯลฯ

            “พี่ฟ้า  ให้ผมจัดการมั้ย”  ผมมองหน้าเธอแบบขอคำตอบ

            “ไม่เอา  ไม่เป็นไรหรอก  แค่อยากรู้  ถ้าเข้าขั้นอันตรายจะได้ระวังตัว”  เธอพูดพร้อมกับหัวเราะ  ชิวไปอีก

            “ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนนะครับ”  ผมมองออกไปที่บึงกว้าง  ผมอยากปกป้องเธอแต่กลับทำให้ทุกอย่างดูยุ่งยาก

            “ไม่เป็นไรหรอก  พี่ดูแลตัวเองได้”  หางตาผมเห็นเธอกำลังมองหน้าผมอยู่  ก็เลยหันไปสบตากับเธอ  เจ้าตัวก็ไม่ได้หลบ  แถมยิ้มทะเล้นให้ผมอีก  ให้ตายเถอะผมเป็นห่วงจริงๆ ผมต้องทำอะไรสักอย่าง

            หลังจากนั้นเราก็พูดคุยกัน  ถามถึงช่วงเวลาที่ภูกระดึง  ที่นั่นก็เป็นความประทับใจของเธอ  เธอได้ถ่ายภาพสวยๆ  ได้เพื่อนใหม่  แต่นอกเหนือความคาดหมายคือการได้มาเจอผมอีกครั้ง  ผมเองก็เล่าให้เธอฟังถึงการพบเธอครั้งแรกความประทับใจที่ผมมีต่อเธอ  ผมขอเป็นเพื่อนกับเธอในเฟสบุ๊ค  (ผมเคลียร์คนที่ไม่รู้จักออกไปเยอะเลย)  เธอไม่เล่นอินสตาแกรม  โดยปกติเป็นคนที่เล่นโซเชียลน้อยมาก  เวลาส่วนมากหมดไปกับการเรียน  สอนพิเศษ  ออกกำลังกาย  และงานอดิเรกร้อยแปดอย่าง 

            จนเวลาล่วงมาสองทุ่มกว่า  ผมพาเธอไปกินข้าวแล้วกลับไปเอารถที่ข้างสนามบาสขับตามไปส่งเธอถึงหน้าหอ  วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขมาก  ผมอยากมีเธอแบบนี้ตลอดไป  ข้อตกลงของเราคือ  ไม่ต้องตัวติดกัน  ไม่ต้องมีสถานะ  แค่ทำทุกวันให้มีความสุข  เธอบอกผมด้วยว่า  ถ้าวันไหนเธอไม่ใช่ความสุขของผมอีกต่อไป  ให้บอกเธอ  เธอจะร้องเพลงคำยินดีให้ผม  ไม่มีวันนั้นหรอกครับ  ผมเป็นคนปากร้ายที่มีใจรักเดียว

            วันเสาร์กิจกรรมแข่งกีฬาเฟรชชี่ครับ  ผมตื่นแต่เช้า  ไม่ต้องเดาอย่างแรกที่ผมทำหลังจากลืมตา  คือคว้าโทรศัพท์มาไลน์หาเธอ

            --อยากได้กำลังใจครับ—

            --สู้ๆ นะ  เขาเก่งอยู่แล้ว  ถ้าแข่งไม่ตรงกะน้องๆ จะแวะไปเชียร์นะ—

            เป็นคนอะไรที่แบบ  หน้าที่มาก่อนเสมอ  แต่ผมรักเธอที่เป็นแบบนี้  ตั้งแต่ตกลงที่จะเป็นคนพิเศษของกันและกัน  ผมก็ได้รับการปฏิบัติเหมือนคนธรรมดา  คือเธอเอาใจใส่ทุกคนอยู่แล้วด้วยครับ  ส่วนผมนี่ก็หยอดมันทุกนาที  ประมาณไม่บอกแต่เค้ารู้กันไปสองคณะแล้ว  ผมหน้าด้านฮะแซวมาผมยืดอกรับ  สงสารแต่เธอทำหน้าไม่ค่อยถูกเหมือนไม่ชิน  แต่ก็ไม่ปฏิเสธ  เก๊กเก่งกว่าผมอีก  ยอมใจจริงๆ

            การแข่งขันแบ่งออกเป็น  สายครับ  สายละ  คณะ  แพ้ตกรอบ  วันนี้พวกเรามีแข่ง  นัด  เพื่อหาตัวแทนสาย  พวกเราชนะสามนัดรวดแบบคะแนนนำห่าง  เป็นที่  ของสาย  พรุ่งนี้จะต้องแข่งอีกสองนัด  ถ้าชนะรวดก็ชนะเลิศเลยครับ  พี่ๆ ให้พวกเราแยกย้ายไปพักผ่อน  แต่ผมยังไปไหนไม่ได้ก็โค้ชทีมหญิงศึกษาศาสตร์ยังทำหน้าที่ไม่เสร็จเลย  ส่วนไอ้กอล์ฟไอ้ทิวนี่ขอตัวครับมันเหนื่อยมาก  ผมก็เหนื่อยแหละครับแต่กำลังใจผมอยู่แถวนี้  ผมเดินไปอัฒจรรย์ศึกษา  วันนี้ผมแข่งชนะทีมชายเขาด้วยจะเจอตีนไหม๊เนี่ย  พอดีมีผู้หญิงคนนึงเขยิบให้ผมเลยนั่งข้างเธอมันก็ค่อนข้างเบียดแหละ  แต่ผมเหนื่อยอ่ะ  วิ่งอยู่สามชั่วโมง  นิดนึงก็นั่งก่อนแหละ 

            “น้องเขา  มาเชียร์เพื่อนเหรอค่ะ”  เธอชวนผมคุยครับ

            “เปล่าครับ  มารอพี่ฟ้า”  ผมมองหน้าเธอ  ตอบคำถามเธอแล้วมองกลับไปที่แผ่นหลังของโค้ชเจ้าของหัวใจผม

            “งั้นข่าวลือนั่นก็จริงสินะ  ในเพจแฟนคลับ  ไอ้ฟ้านี่ทำบุญด้วยอะไรนะ  เดือนสองปีก็รุมจีบอยู่แค่คนเดียว  แฟนคลับหญิงชายก็เพียบ  เลือกยากไหม๊นะ”  อ้าวท่าทางไม่ดีแฮะ  ยายคนนี้นี่แฟนคลับผม  แฟนคลับพี่แม็ก  หรือตาปลาพี่ฟ้าหล่ะเนี่ย  ผมไม่ได้ตอบเธอครับ  ไม่จำเป็นต้องตอบด้วยมั้ง  ผมรอจนจบเกม  ชนะด้วยครับ  โค้ชนี่ยิ้มแก้มปริ  เธอตบหลังตบไหล่รุ่นน้อง  บางคนถึงกับกอดเธอเลย  นี่บางทีผมก็หึงนะถึงจะผู้หญิงด้วยกันก็เถอะ  ก็เธออ่ะมีผู้หญิงชอบเยอะด้วย  เธอนัดแนะน้องๆ  ลากันแล้วก็หันหน้าจะออกจากสนามผมเห็นพี่แม็กเดินเข้ามาดักหน้าเธอ  (เมื่อกี้ศึกษาแข่งกับมนุษย์นี่นะเขาก็มาเชียร์น้องคณะเขาแหละ  อย่าให้รู้ว่ามาแอบจุดถ่านไฟเก่านะไอ้พี่แม็ก)  ผมเข้าไปตอนนี้ไม่น่าจะดีแน่  รอดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า  ดูสิว่าคนเก่งของผมจะจัดการยังไง

            “ไม่ไปแยกหน่อยเหรอ”  เอ๊ะ  ยายยังไม่กลับอีกเหรอ  เขายกกันกลับทั้งแสตนแล้วนะ  พี่คนนั่งข้างผมอ่ะครับ  ชื่ออะไรไม่รู้  ขอเสียมารยาทไม่ถาม  พี่แม็กคุยกะเธอสักพักก็แยกไป  ผมก็เลยเดินตามหลังพี่ฟ้าไปเงียบๆ  เธอเอารถมาครับ 

            “พี่ฟ้า”  เธอหันกลับมามอง

            “อ้าวเขายังอยู่อีกเหรอ  แข่งเสร็จก่อนนานแล้วนี่” รู้ด้วย  นึกว่าไม่สนใจซะอีก

            “ก็รออยู่  มาช่วยเชียร์โค้ชอ่ะครับ”  จริงครับ  ผมไม่ค่อยได้ดูในสนามเลย  ดูแค่คนที่เดินไปเดินมาแก้เกมส์อยู่ข้างสนาม

            “กินอะไรยัง  ป่ะไปศูนย์อาหารกัน”  ป่ะนี่คือแยกกันไปแล้วเจอที่โน่นเลยครับ  นางฟ้าของผมเป็นคนง่ายๆ  ลีลาไม่มี  แต่ขี้เก๊กกว่าผู้ชาย  เสมอต้นเสมอปลาย  จนผมไม่รู้ว่าคะแนนผมกระเตื้องขึ้นรึเปล่า  ว่าแล้วเธอก็ขับรถออกไป  ผมก็รีบวิ่งไปที่จอดรถยนต์ที่จอดอีกฝั่ง  ขับไปกินข้าวกับกำลังใจ

            ผมมาถึงเธอสั่งอาหารไว้ให้แล้วด้วย  พร้อมน้ำเปล่าสองขวด  กินข้าวด้วยกันบ่อย  ผมก็กินแต่กะเพราไข่ดาวสุกๆ  ส่วนเธอก็ผัดผักท่วมๆ

            “ผมอยากกินผัดผัก”  หลังจากนั่งลงผมก็เริ่มงอแง 

            “เปลี่ยนกันมั้ย”  โหสุภาพบุรุษชัดๆ 

            “ไม่เอา  ไม่กินเผ็ดไม่ใช่เหรอ”  เธอเคยบอกผมครับ  ไม่เคยเห็นเธอกินเผ็ดหรอก  ขนาดเลี้ยงส้มตำพวกเรายังสั่งของตัวเองต่างหากอีกจานใส่พริกสองเม็ด  แล้วยังกินน้ำไปคนเดียวเป็นเหยือก  ความสามารถในการกินเผ็ดของเธอเป็นศูนย์ครับ  เธอก็เลยแก้ปัญหาโดยการตักผัดผักมาแบ่งผม 

            “อ่ะ  แบ่งให้ก็ได้  ไม่เคยแบ่งใครเลยนะนี่”  คนอื่นเค้าไม่ชอบกินผักมากกว่ามั้ง  คือมันผักจริงๆ อ่ะครับ  เนื้อนี่มาแบบวิญญาณเลยน้อยมาก

            “นี่ถ้าไปกินบุฟเฟ่ขาดทุนตาย  เนื้อก็ไม่กิน”  ผมบ่นไปงั้นแหละครับ

            “เลี้ยงไหม๊หล่ะ  จะกินให้ดู” อย่าท้าผมนะครับ

            “พรุ่งนี้ถ้าผมชนะ  จะพาไปเลี้ยง”  ผมรับคำท้า

            “จะล้างท้องรอ  ชนะอยู่แล้วดูที่หนึ่งสายอื่นไม่น่าใช่ปัญหา”  สมเป็นนักกีฬา  สมเป็นโค้ช  ประเมินคู่ต่อสู้เสร็จสรรพ  หลังจากกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับครับ  เธอไม่ให้ผมไปส่ง  สั่งให้ไปอาบน้ำพักผ่อนเร็วๆ  แต่วันนี้ผมมีภารกิจนี่ครับ

            หลังจากอาบน้ำผมก็เตรียมตัวนอน  แต่เดี๋ยวก่อน  ผมต้องเข้าไปเพจแฟนคลับของตัวเอง  อยากสมัครเป็นแอดมินจริงๆ  ภาพสุดท้ายเป็นผมกับยายป้าที่ที่นั่งแสตนศึกษาศาสตร์ครับ  ไล่อ่านคอมเม้น  ได้ความว่าเป็นดาวสาขาอังกฤษ  แพ้พี่ฟ้าแบบฉิวเฉียด  นี่ผมออกจะโรคจิตหน่อยๆ  มาส่องเพจที่ลงเรื่องผม  โดยที่รู้จักผมไม่ถึงเศษเสี้ยวด้วยซ้ำ  หลายคอมเม้นต์ผมรับไม่ได้จริงๆ  ด่าคนที่ผมรักทำไม  แรดเงียบ,  หลายใจ,  โลเล,  ลูกเมียน้อย 

            “เชี่ย  แม่งเอ้ย  ใครหว่ะ”  ผมสบถออกมาหลังเม้นลูกเมียน้อย

            “เฮ้ย  ไอ้เดือน  มึงเป็นอะไร”  ไอ้ก้องรูมเมทผมครับ  สักวันมันคงเรียกผมว่าไส้เดือน

            “กูอยากฆ่าคนแม่ง  ด่าที่รักกู”  มันย้ายมานั่งเตียงกับผม  มาส่องเพจบ้าบอนี่กับผมด้วย  ไอ้ก้องมึงนี่ก็ขี้เผือกใช้ได้  หลังจากมันอ่านสักพัก

            “มึงจะทำยังไงต่อ”  มันถามผมแต่มือมึงเลื่อนอ่านโทรศัพท์กูอยู่ครับเพื่อน

            “เดี๋ยวกูว่าจะโพสต์รูปอะไรซักหน่อย  ไปมึงไปนอนได้แล้ว  ไอ้นี่เตียงก็เล็กนิดเดียว”  ผมถีบส่งมันเบาๆ  จากนั้นก็เลือกรูปที่แอบถ่ายข้างหลังเธอตอนที่ซ้อมบาสกัน  พร้อมข้อความ  <<ผมจะอยู่ข้างหลังและคอยสนับสนุนเธอตลอดไป #รักคุณเท่า...>>  

            หลังจากนั้นก็มีการถล่มเม้นในโพสต์ของผม  แอดมินแอดเฟรนด์ผมมา  ทักข้อความมาคุยกับผมด้วย  แต่ผมไม่กดอ่าน  (เห็นแค่ที่ขึ้นเตือน)  ไม่ตอบ  ที่รักบอกให้ผมนอนพักผ่อน  ถ้าแข่งชนะจะพาคนไปกินหมูกระทะบุปเฟต์สักหน่อย

 

            ตอนเช้าผมตื่นขึ้นมาอย่างสดใส  ยังไม่ได้เข้าไปดูผลงานตัวเองเลย  ผมไม่อ่านหรอกกลัวเจอคอมเม้นต์ที่ทำให้จิตตก  เอาไว้อ่านทีหลังตอนนี้ต้องรีบอาบน้ำไปสนามด่วนๆ  แต่ผมไม่ลืมทักเธอ  มันเป็นกิจวัตรประจำวันของผม

            --ตื่นๆๆๆๆ  เจอกันที่สนามนะครับ  สู้ๆ ไปด้วยกัน—

            วันนี้ผมแข่งคู่ที่สอง  ศึกษาศาสตร์หญิงแข่งคู่ที่หนึ่งครับ  ผมอยากไปให้กำลังใจเธอ  แต่โดนพี่ๆ ห้ามไว้  บอกเก็บตัวอยู่กับเพื่อน  บางทีอาจเกิดเหตุให้ผมไม่ได้ลงแข่งก็ได้  ผมก็ได้แต่อดทน  จนใกล้ถึงเวลาพวกเราก็เคลื่อนทัพออกมาที่สนามครับ  ผมเจอเธอแล้ว  กำลังนวดขาให้น้องคนนึงอยู่ใต้ร่มไม้  เป็นอะไรหว่ะนั่น  พวกเราต้องลงไปวอร์มกันแล้วครับ  จนกรรมการเรียกหัวหน้าทีม  ไอ้กอล์ฟก็ลงไป  ส่วนพวกผม  พักที่ข้างสนาม  พี่ฟ้าเดินมาที่แสตนวิศวะ  ทักทายพวกรุ่นพี่ผมอย่างคุ้นเคย  แล้วนั่งแสตนชั้นล่างสุด  ผมเอาผ้าเช็ดหน้าผืนโตไปยัดใส่มือเธอ  เธอก็รับไปอย่างเข้าใจ  พวกเราก็เล่นกันตามที่ซ้อมคะแนนยังนำห่าง  ไม่ได้เครียดอะไรครับ  ช่วงพักแต่ละควอเตอร์ผมก็ไปนั่งหน้าเธอ  ยื่นหน้าไปหาประมาณว่าเช็ดให้หน่อย  ตอนแรกเธอมองไปรอบๆ ไม่กล้าเช็ดให้ผม  ผมถือวิสาสะจับมือเธอที่ถือผ้ามาวางบนหน้าผม  เธอเลยเช็ดให้อย่างเลี่ยงไม่ได้  เสียงกรี๊ด  เสียงแซว  และเสียงโห่มาเพียบครับ  ดังกว่าตอนเชียร์เราเล่นในสนามเยอะ 

            “เออ  มึงไม่ต้องเห็นหัวกูหรอกไอ้เดือนมหาฯ ลัย  กูเฝ้ามาตั้งเป็นปี  ไอ้ห่า”  พี่ทีม  ปี  โค้ชผมเองครับ  พี่แกแค่ล้อเล่นฮะ  มีเมียแล้วปล่อยน้องบ้างเห๊อะ

            จบเกมส์พวกผมนำรวดเดียวครับต้องรอแข่งอีกทีตอนบ่าย  ผมก็ต้องเก็บตัวเหมือนเดิม  ส่วนพี่ฟ้าขอกลับไปพักครับ  เธอบอกว่าจะกลับมาอีกทีตอนชิงชนะเลิศ  ผมนี่นอนรอเลยครับ  ผลการแข่งขันอีกคู่  เป็นทีมจากคณะวิทยาศาสตร์  ส่วนใหญ่เป็นสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาครับ  ตัวสูงใหญ่มากๆ  ถ้าจะเอาชนะพวกนี้ได้  พวกผมต้องอาศัยความคล่องตัว ลดการปะทะทุกรูปแบบ  ตอนนี้ต้องนอนเก็บแรงเอาไว้ก่อน  ก่อนถึงเวลาลงสนามครึ่งชั่วโมงพี่ฟ้าก็กลับมาที่ห้องเก็บตัวพวกเรา  ที่นี่ไม่มีผู้หญิงครับ  แต่เธอได้รับสิทธิพิเศษให้เข้ามาได้  คือ  แต่ก่อนก็ไม่ค่อยมีใครคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงด้วยแหละครับ  เธอมาพร้อมกับของกินหนึ่งถุงใหญ่

            “ฟ้าซื้อขนมมาฝาก  มีใครสนใจไหม๊”  มานั่งข้างผมครับแต่เรียกทุกคน  พวกเพื่อนผมนี่รุมมาเลย  ผมถีบยันไว้ทีละคน

            “หยุด  กูเลือกก่อน”  ผมค้นเจอหมากฝรั่งเลยยึดไว้แพ็คนึง  นอกนั้นพวกมันก็เอาไปแบ่งกัน  กินอยู่เป็นวงรอบๆ ผมกับเธอนี่แหละ

            “พี่ฟ้าใจดีจัง  โสดอยู่มั้ยครับ  ผมจีบได้ไหม๊”  นี่เป็นมุกใช่ไหม๊ไอ้โอ้  ไอ้สาดมึง  ไอ้กอล์ฟกระโดดล็อกคอมันทีเล่นทีจริง 

            “มึงอยากชกมวยแทนเล่นบาสเหรอ”  แล้วพวกมันก็หัวเราะกัน  ตอนนี้ใครไม่รู้ก็ควายอ่ะครับ  พี่ฟ้านี่เขินหน้าแดงลามไปถึงหูแล้ว  เธอไม่ยอมชินสักที

            ได้เวลาลงสนามในนัดชิงชนะเลิศ  บาสเกตบอลชายระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์  กองเชียร์มากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง  พี่ฟ้าขึ้นแสตนไม่ได้ต้องมาอยู่ม้านั่งโค้ชร่วมกับพวกพี่ทิวปี ผมยกตำแหน่งโค้ชส่วนตัวให้เธอเลยได้ไหมครับ  ควอเตอร์แรกเป็นวิทยาศาสตร์นำอยู่  แต้ม  พวกเราเพิ่งได้เจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ  ยังงี้สิถึงจะน่าสนุกหน่อย  ระหว่างพักพี่ฟ้านี่มาช่วยส่งน้ำส่งผ้าเนียนไปเลยนึกว่าตัวเองเป็นสาววิศวะรึเปล่าเนี่ย  มาเป็นแฟนผมดีกว่านะ  กำลังใจผมดีจริงๆ วันนี้  ในกรแข่งขันก็มีคะแนนพลิกกลับไปมา  จนนาทีสุดท้าวิทยาศาสตร์เป็นฝ่ายนำอยู่  แต้ม  เกมช่วงท้ายพวกมันเริ่มหันมาเล่นคนพวกผมเริ่มสะบักสะบอม  แล้วไอ้ทิวก็โดนทำฟาวล์ในเขตโทษตอนที่มันกำลังจะกระโดดชูต  ทำให้ได้ชูตจุดโทษ  2   ลูก  ถ้าลงหมดแต้มก็จะเสมอกัน  ฝีมือไอ้ทิวชูตที่ตำแหน่งนี้สบายครับ  แต่เราไม่อยากได้แค่เสมอ  ลุกแรกมันชูตลงไร้ห่วงไร้แป้น  ซ้วบเลย  จังหวะที่จะชูตลูกที่สอง  ผมอยู่ในตำแหน่งรอรีบาวฝั่งตรงข้ามมีไอ้กอล์ฟกับไอ้โอ้  ไอ้ทิวมันเลือกได้ครับว่าให้โดนแป้นฝั่นไหนกระดอนไปหาใคร  มันขยิบตาให้ผม  แน่นอนมันมาทางนี้  มันเลือกทางที่ผมอยู่คนเดียว  แทนที่จะให้สองคนอีกฝั่ง  บอลออกจากมือไอ้ทิว  กระดอนมาฝั่งผมที่โดดรออยู่แล้วที่กลางอากาศผมยัดลูกบาสเข้าห่วงด้วยท่าดั้ง  คะแนนเราพลิกกลับมานำ  87-86  แล้วกรรมการก็เป่าหมดเวลา  ที่แสตนเกิดเสียงกรีดร้องปรบมือและกลองสนั่นหวั่นไหว  ผมดีใจกระโดดขี่หลังไอ้ทิว  แล้วเพื่อนในทีมทั้งตัวสำรองก็เขามารุมผมกันใหญ่  พวกเราเกือบไม่รอด  พวกเราต้องเข้าแถวจับมือกับวิทยาศาสตร์  พวกนั้นดูหัวเสียอยู่ไม่น้อยครับ  ผมกับมาที่ม้านั่งโค้ช  พี่ฟ้ายังยืนอยู่ตรงนั้นเธอดีใจจนทำอะไรไม่ถูกนะผมว่า

            “ชะแล้วนะ”  ผมรวบจับมือเธอทั้งสองมือ

            “อือ  เก่งมากเลย  ดีใจจัง  ดีใจด้วยนะเขา”  เธอก็จับมือผมเขย่าอยู่อย่างนั้น

            “ฟ้า  น้องจะแข่งแล้ว”  พี่แอนครับมาตามหาโค้ชสินะ

            “พี่ฟ้าไปเถอะ  ผมพักแป๊บนึงเดี๋ยวตามไป”  ผมบอกเพราะเห็นท่าทางเธอดูห่วงหน้าพะวงหลัง  ผมปล่อยมือเธอ  จับเธอหมุนแล้วดันหลังให้ไปกับพี่แอน  เจ้าของตาโตคู่นั้นยังหันกลับมามองผม  เหมือนไม่อยากไป  เดี๋ยวก็ไม่ให้ไปซะหรอก  ผมพยักหน้าให้เธอ  เธอส่งยิ้มมาแล้วรีบหันกลับวิ่งตามหลังพี่แอนไปที่สนามที่จะมีการแข่งขันชิงชนะเลิศบาสเก็ตบอลหญิง  ผมเหนื่อยมากและก็เหนียวตัวมากด้วย  ก็เลยชวนไอ้กอล์ฟไอ้ทิวกลับหอไปอาบน้ำ  คิดว่ายังไงต้องกลับมาทันเชียร์แน่ๆ  แต่ๆๆๆ  ผมอาบน้ำแล้วเผลอหลับไปครับจากจะบ่ายสามถึงห้าโมงเย็นกว่าๆ  ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดเนื้อตัว  ผมคงใช้ร่างกายมากไปหน่อย 

            “ชิบหาย  เผลอหลับไปตอนไหนหว่ะ”  ผมก่นด่าตัวเอง  รีบหยิบโทรศัพท์มาเช็คไลน์

            --น้องแพ้  เศร้าจัง—  เวลา  16.20  น.

            --คงเหนื่อยมาก  พักผ่อนซะ—  เวลา  17.03 น.

            แบบนี้ผมต้องโทร  ผมว่าเธอเข้าใจผมแหละ  มีเหตุผล ไม่ขี้งอนด้วย  แต่ผมบอกว่าจะตามไป  สุดท้ายมาหลับ  โอ้ยรู้สึกผิด

            “พี่ฟ้าครับ  เขาขอโทษ”  ผมรีบขอโทษเมื่อเธอรับสาย

            “ไม่เป็นไร  แอบหลับใช่ไหม๊เราอ่ะ”  รู้ดีจังมานั่งในใจเค้าเหยอ (เริ่มปัญญาอ่อนหล่ะ)

            “ใช่  มันร้อนเหนียวตัวเลยพากันกลับหอมาอาบน้ำตื่นมาอีกทีห้าโมงกว่า  ขอโทษจริงๆ นะ  รอรึเปล่า”  ผมอธิบายละเอียดกว่าพิสูจน์สูตรคณิต

            “รอสิ  เนี่ยยืดหาจนคอยาวไปหมด”  ว่าแล้วก็หัวเราะขำตัวเอง

            “ป่ะ  หมูกะทะ”  ผมชวนเธอตามที่คุยกันไว้

            “เขาเหนื่อยๆ  วันหลังก็ได้”  เธอบอก

            “ไม่เอาดิฉลองที่ชนะ  กินวันอื่นมันก็ไม่ได้ฟิว”  ผมต้องกินซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอครับ

            “เอางั้นเหรอ”  จะเปลี่ยนใจก้ไม่ทันแล้วครับ

            “เดี๋ยวไปรับนะรอหน้าหอเลย”  ผมไปรับไปส่งเธอจนสนิทกับพี่ยามแล้วครับ

            “ชวนกอล์ฟกับทิวด้วยสิ”  เอาไปทำไมคร๊าบ  เนื้อย่างมันไม่ควรมีก้าง

            “เห็นพวกมันบอกจะไปกินเหล้าฉลองกับพวกรุ่นพี่นะ”  จริงๆ นะครับผมไม่ได้โกหก  จริงๆ  ผมก็ต้องไป  แต่ทำไงได้ผมมีนัดแล้ว

            จากนั้น  10  นาที่ผมไปถึงหอเธอซึ่งเห็นเธอยืนคุยกับนักศึกษาหญิงคนหนึ่งอยู่  พอเห็นรถผมก็โบกมือลาเดินเร็วๆ มาเปิดประตูขึ้นมานั่งข้างๆ ผม

            “ไปร้านไหนกันดี”  ร้านไหนก็ได้แค่ได้อยู่ด้วยกันสองคนครับอยากจะบอก

            “อิ่มเท่ามอไหม๊ ”  ผมเอ่ยชื่อร้านดัง  ที่พวกนักศึกษาชอบไปกินกัน

            “ร้านไหนก็ได้  คนชนะจ่าย  คนแพ้สบายกระเป๋า”  ก็ตามที่ตกลงกัน

            “จ่ายให้ทั้งชีวิตเลยก็ได้นะ”  แต่ก่อนปากหมาเดี๋ยวนี้ปากหวานครับ  เล่นเอาคนข้างๆ  นั่งอึงไปเลย  ผมนึกว่าขับรถมาคนเดียว 

            เธอกินเก่งมากนะครับ  นี่ไม่ได้ห่วงสวยเลยใช่ไหม๊  แกะกุ้งให้ผมด้วย  เห็นเธอหยิบนั่นจับนี่อยู่ใกล้ๆ ทำไมมันมีความสุขขนาดนี้  ผมอยากให้เวลามันทอดยาวออกไป  หรือหยุดมันไว้แค่เพียงเท่านี้  แม้ร่างกายผมจะล้า  แต่หัวใจผมทำไมมันพองโตคับอก  ผมจะรอวันนั้น  วันที่พี่ยอมเป็นแฟนผม  แล้วผมจะดูแลพี่ให้มากกว่านี้  รักนะครับนางฟ้าของผม 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา