นายปากร้ายกับยายใจแข็ง

-

เขียนโดย นาราชา

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.59 น.

  11 ตอน
  2 วิจารณ์
  12.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ตอนที่ 10 รถก็พังกระเป๋าตังค์ก็หาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          หลังจากจัดการเก็บอัฐิ  ลอยอังคารเถ้ากระดูกของน้ากิ่งเสร็จเรียบร้อย  ในเที่ยงวันอาทิตย์  พวกเราร่วมรับประทานอาหารกับแม่ครูหญิงก่อนล่ำลา  เพื่อออกเดินทางกลับมหาวิทยาลัย  โดยตกลงให้แม่ครูหญิงส่งรถจักรยานยนต์พี่ฟ้าไปทางเคอรี่  ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่ามันจำเป็นมากสำหรับชีวิตนักศึกษา (ซึ่งมันก็จริงครับ)

          “แม่จ๋า  ฟ้าไปแล้วนะ  แม่ดูแลตัวเองนะคะ  มีอะไรก็โทรหาฟ้านะคะ”  พี่ฟ้ากอดลาแม่  พวกผมก็ไหว้ลาแม่ที่เดินมาส่งเราที่จอดรถไว้หลังบ้าน

          “เขา  แม่ฝากฟ้าด้วยนะลูก”  แม่ครูหญิงหันมาสั่งผม  แม่ที่อนุญาตให้เราคบกัน  แม่ที่เลี้ยงดูอบรมผู้หญิงคนนี้มาได้น่ารักขนาดนี้  ท่านเอ่ยปากฝากลูกสาวคนเดียวของท่านกับผม

          “ครับแม่  ผมจะดูแลฟ้าให้ดีที่สุดครับ”  ผมสัญญาด้วยวาจาและหัวใจ

          พี่ฟ้าขึ้นนั่งข้างหน้าคู่กับผม  เบาะหลังเป็นไอ้กอล์ฟกับพี่แอน  ส่วนอีกคันเป็นไอ้ลุงกะไอ้กอล์ฟ   หลังขับออกมาจากหมู่บ้านพี่ฟ้าสักพัก

          “ฟ้าครับ  ง่วงมั้ย  นอนเลยก็ได้นะ”  ผมอดเป็นห่วงหมีแพนด้าน้อยข้างๆ ผมไม่ได้  ก็ดูขอบตาดำๆ

          “ไม่เอาสิ  ใครจะนั่งคุยเป็นเพื่อนเขา  เดี๋ยวหาปั๊มแวะเซเว่นหน่อย  ฟ้ามีขนมกินก็ไม่หลับแล้ว”  เจ้าหมีแพนด้าน้อยไม่ยอมนอน  สักพักขึ้นถนนใหญ่ผมเลี้ยวเข้าปั๊มแรกที่เห็น  รถไอ้ลุงก็เลี้ยวตามมาจอดด้วย  ทุกคนก็แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว  สำหรับผมนี่ตรงเข้าร้านกาแฟเลยครับ  เอสเปรสโซ่ปั่นสักแก้วคงช่วยให้ผมขับรถได้อีกนาน  หลังจากนั้นเราก็ออกรถเดินทางสู่มหาวิทยาลัยกันแบบยิงยาว

        “ฟ้า  เขาอยากกินกาแฟ”  ผมเอ่ยขึ้นขณะที่มือกำพวงมาลัย  คนข้างกายก็ดีใจหาย  ยกแก้วกาแฟจับหลอดขึ้นชิดปากผม 

          “ขอบคุณนะครับ”  ผมพูดหลังจากดูดไปอึกหนึง

          “กูว่ามึงไม่หายง่วงหรอก  กาแฟแม่งหวาน”  ไอ้ถึกกอล์ฟครับ  มึงแซวได้จังหวะเลยครับเพื่อน  กูกำลังหาโอกาสชำระความมึงพอดี  ตอดกูดีนักใช่ไหม๊

          “ว่าแต่ปลาเส้นมึงนี่ ไม่หวานเลยใช่ไหม๊”  มันก็กำลังถือถุงปลาเส้นแบ่งกันกินกะพี่แอนอยู่นะครับ

          “เฮ้ย  มึงมองถนนไปสิไอ้นี่  มองกระจกอยู่ได้อันตราย”  มันทำเสียงเอะอะกลบเกลื่อน  พี่ฟ้าก็หัวเราะขึ้นเบาๆ

          “ฟ้าไม่ตกใจเหรอ”  ผมหันไปถามแฟนผม  ดูเจ้าตัวไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน

        “ตกใจเรื่องอะไร  กอล์ฟกะแอนนะเหรอ”  ยังจะถาม

          “ก็ใช่สิ  แฟนเก่ามาคบกะเพื่อนแฟนใหม่  ไม่ตกใจหน่อยเหรอ”  ผมยิงนกตัวเดียวกะให้ร่วงระนาวเลยครับ

          “ต่อยกันมั้ย”  ฟ้าเสียงแข็งใส่ผมอีก

          “งั้นก็ช่วยอธิบายให้นายขุนเขาคนซื่อบื้อฟังตั้งแต่ต้นจนจบทีเถอะครับ”  ผมฉลาดแค่บางเรื่องจริงๆ

          “เพื่อนรักค่ะ  เพื่อนรัก  ไม่ใช่แฟน”  เน้นจังนะ

          “จริงเหรอพี่แอน”  ผมถามขำๆ แฟนผมท่าจะจริงจังไปหน่อย

          “เอ๊ะ  เขานี่ยังไง  ฟ้าบอกอยู่นี่  จะไปถามแอนทำไม  หาเรื่องเหรอ”  ยังๆ ยังไม่จบ  อารมณ์ขึ้นแล้วยิ่งแมนใหญ่

          “เดี๋ยวโทรหาไอ้ทิวแป๊บ  เผื่อได้เปลี่ยนรถ”  ไอ้กอล์ฟทะลุขึ้นกลางปล้อง

          “อยู่นี่ทั้งหมดนี่แหละ  ถ้ามีปัญหามากฟ้าไปเองก็ได้”  ไปใหญ่แล้วครับ

          “ใครจะยอมให้แฟนลงจากรถไม่ทราบ  เขารักของเขานะ”  หยอดสักหน่อยเผื่ออารมณ์จะดีขึ้น

          “ถามจริงเขาเชื่อว่าฟ้าเป็นทอมเหรอ”  ท่าทางเอาจริงแฮะ

          “เปล่านี่  แค่ตอนนั้นที่ภูกระดึงเห็นไกลๆ  พวกเราคิดว่าฟ้าเป็นผู้ชายผมยาว  เนอะไอ้กอล์ฟ”  หาเพื่อนร่วมชะตากรรมนิดนึง

          “พี่ฟ้าผมไม่เคยพูด  ผมสาบานได้”  ไอ้กอล์ฟรีบบอก  ก็จริงของมันผมคิด  ไอ้ทิวพูด

          “โฮ่  ไอ้นี่  ทิ้งเพื่อน”  ผมว่ามันไม่จริงจัง

          “จริงๆ แล้ว  แอนไปจีบฟ้าจริงๆ นั่นแหละแต่แห้ว  พอดีมีรุ่นพี่ที่  เอ่อ  น่ากลัวมาจีบแอน  แอนเลยบอกปัดไปว่ามีแฟนแล้ว  เค้าก็เซ้าซี้ถามว่าใคร  ก็เลยขอให้ฟ้าช่วย  จนซี้กันอย่างที่เห็นเนี่ย”  พี่แอนที่เงียบอยู่นาน  อธิบายให้สถานการณ์ดีขึ้น

 

          “ผมว่าพี่แอนหนีเสือปะจระเข้  ไอ้กอล์ฟก็น่ากลัว”  ผมโยนไฟเข้ากองไม้ราดน้ำมันซ้ำ

          “นายขุนเขา  การแซะและจิกกัดนี่คือนิสัยเราจริงๆ  ใช่ไหม๊”  โฮ พี่ฟ้ามาแบบชื่อเต็มผมเลย  ดีนะไม่แถมนามสกุลด้วย

          “โห่ย  ฟ้าอ่ะ  ก็มันปล่อยให้เขาโง่อยู่คนเดียว  ทีเขาจะจีบฟ้าเขายังบอกมันเลย  ไอ้กอล์ฟมันแม่งไม่ยุติธรรม”  ผมทำฮึดฮัดไปงั้นแหละ  แต่ดูคนเขิล (พี่ฟ้า)  แล้วดูท่าว่าผมจะประสบความสำเร็จ

          “ก็ตัวเองทำอะไรคนในโลกเค้ารู้หมด”  อุ้ยมีตัวเองด้วย  ผมดีใจนะนี่สาวเข้มของผมแบ๊วไปได้อีก

          “ก็แฟนเขาน่ารัก  ประกาศให้โลกรู้แหละดี  คนนี้ของเขา  เขาจอง  เขาหวง”  ชัดเจนกว่านี้ไม่มีแล้วครับ

          “เดี๋ยวไปอ้อนพ่อขอรถเก๋งดีกว่า  ไม่ไปไหนกับมึงแล้วกูเลี่ยน”  ว่าแล้วมันก็ล้มลงนอนหนุนตักพี่แอนเฉยเลย

          “เฮ้ย”  พี่แอนอุทานอย่างตกใจ

          “ถ้ามึงซื้อรถยนต์มึงก็นอนตักพี่แอนไม่ได้ป่ะหว่ะ”  ผมมองกระจกมองหลัง  หลังจากได้ยินเสียง  เฮ้ย  เล็กๆ นั่น  ก็ไอ้กอล์ฟที่นั่งเบียดคนตัวเล็กจนเหลือนิดเดียวแล้วมันก็ถือวิสาสะนอนตักพี่แอนไปแล้ว  ผมอิจฉานะเนี่ย  ไอ้ห่ากอล์ฟก็หลับตาไม่สนใจโต้ตอบผม  พี่แอนนี่ก็ยอมมันจัง  นั่งนิ่งหน้าแดงไปอีก

          “พี่แอนก็หลับเลยนะครับ  ผมจะจีบฟ้าแล้วอ่ะ”  ผมหันไปยิ้มใส่ตาแฟนผม

          “ไม่ต้องจีบแล้วมั้ง  พี่ไม่เคยเห็นคนใจแข็งอายม้วนขนาดนี้เลยนะ  ถ้ามากกว่านี้ก็แต่งงานไปเลยเหอะ”  คิดไกลไปนะครับเนี่ย  หลังจากนั้นพี่แอนก็หลับไป  คนข้างๆ ผม  ก็กินขนมคุยเป็นเพื่อนผมขับรถตามสัญญา  บางทีก็สลับป้อนขนมป้อนน้ำซะด้วย  ที่ว่าแฟนผมแมนนี่ผมขอแก้ข่าว  เธอก็มีมุมหวานเกินคาดเหมือนกันนะครับ

          “ฟ้า  ร้องเพลงให้ฟังหน่อยครับ”  แฟนผมร้องเพลงเพราะ  เครื่องเสียงรถผมไม่ควรได้ออกงานครับ

          “เอาเพลงอะไรดี”  เธอผู้มีคลังเพลงเยอะคงเลือกไม่ถูก

          “เอาเพลงที่ฟ้าร้องตอนนี้ประกวดดาวเดือนครับ”  ผมบอก

          “เห้ย  ลูกทุ่งเลยนะ  แล้วไปรู้ได้ไงเนี่ย”  ไม่เห็นจะแปลกเลยตกใจทำไมครับ

          “ไปสืบมาจากเจ้เชอรี่  นะๆ  เขาอยากฟัง”  ผมก็ฟังเพลงลูกทุ่งบ่อยๆ  เพราะคุณนายแม่นี่เปิดกล่อมบ้านตลอด

 

จริงจังแค่ไหนจริงใจมากพอหรือเปล่า
ที่จะมาขอใช้คำว่าเรา กับผู้สาวดินดินคนนี้
แน่ใจแล้วหรือว่านี่คือหนึ่งเดียวที่มี
ลองปรึกษาหัวใจอีกที พร้อมจะหยุดตรงนี้หรือยัง

อย่าให้ความหวังถ้ายังไม่พอ
อย่าหลอกให้รอถ้ามีหลายทาง
บอกกันบ้างอย่าคบเพื่อรอวันทิ้ง


ถึงไม่ใช่เจ้าหญิงในนิยาย
ก็อยากจะเจอเจ้าชายในชีวิตจริง
คนที่แสนดีกับใจ คนที่รับเราได้ทุกสิ่ง
ไม่ต้องยกให้เป็นเจ้าหญิง
แค่เป็นตัวจริง ในใจของเธอก็พอ

เส้นทางเหงาเหงาเคยเจอแต่เงารักผ่าน
ก่อความหวังในใจไม่นาน หยุดความฝันแค่การให้รอ
มันเจ็บรู้ไหมกับการคบคนที่ใช่ไม่พอ
ก่อนจะบอกให้หวังให้รอ ลองนับคนในใจอีกครั้ง

อย่าให้ความหวังถ้ายังไม่พอ
อย่าหลอกให้รอถ้ามีหลายทาง
บอกกันบ้างอย่าคบเพื่อรอวันทิ้ง...

ถึงไม่ใช่เจ้าหญิงในนิยาย
ก็อยากจะเจอเจ้าชายในชีวิตจริง
คนที่แสนดีกับใจ คนที่รับเราได้ทุกสิ่ง
ไม่ต้องยกให้เป็นเจ้าหญิง
แค่เป็นตัวจริง ในใจของเธอก็พอ...

ถึงแม้ไม่ใช่เจ้าหญิงในนิยาย
ก็อยากให้เธอเป็นเจ้าชายของชีวิตจริง

 

          เสียงเพลงเบาๆ ของเธอ  ทำให้ผมคิดว่าเพลงลูกทุ่งมันเพราะขึ้นอีกหลายเท่า  เธอร้องได้ดี  มีเอกลักษณ์  บางทีถ้าไปเอาดีทางเป็นนักร้องก็น่าจะได้นะเนี่ย

          “เพราะจังเลยครับ  เจ้าหญิงของผม”  

          “ไปไมค์ทองคำได้ไหม๊”   เสียงไปได้แต่...

          “ไม่เอา  เขาหวง  ขนาดจะเป็นครูเขายังหึงกะนักเรียนแล้วเนี่ย” 

          “ว่าไปนั่น  ฟ้าพูดเล่นหรอก  ฟ้าขี้อายจะตาย”  นี่แหละน่ารัก

          กว่าจะถึงมหาวิทยาลัย  เธอก็ร้องให้ผมฟังอีกหลายเพลง  เจ้าตัวบ่นอยากได้กีต้าร์ด้วย  บอกว่าร้องอย่างเดียวมันเขินๆ  ผมก็ร่วมแจมหลายเพลง  แถมได้คำชมจากเธอว่า  เสียงก็โอเค  ไม่เห็นเพี้ยนตรงไหน  เห็นมั้ยผมว่าไอ้เพื่อนผมมันก็ถล่มผมเกินจริงไปหน่อย

 

          วันจันทร์ผมต้องไปรับไปส่งฟ้าที่คณะ  ส่วนระหว่างคาบเปลี่ยนชั่วโมง  สาวเจ้าก็อาศัยติดรถไปกับเพื่อนๆ  แม้ว่าตอนนี้ผมจะชัดเจนกับเธอเป็นอย่างมากในทุกๆ ทาง  แต่ดูเหมือนคนที่ผมอยากเคียงข้างจะไม่เป็นใจ  ใครถามว่าแฟนใช่มั้ย  ก็ได้แค่ยิ้ม  นี่หวงความโสดหรืออยู่ในโหมตอะไรผมก็ไม่ทราบ  เวลามีสาวมาเกาะแกะผม  เธอทำแค่หัวเราะแฮะๆ  แล้วก็หลีกทาง  หวงผมบ้างจะได้มีกำลังใจสู้กับการเรียน  คิดแล้วมันน่าน้อยใจ  นี่ผมคือนายขุนเขา  เดือนมหาวิทยาลัยคนล่าสุดนะครับ  ยิ่งพอเคอรี่มาส่งรถให้เธอก็หายไปอีกรอบ  เจอกันแค่วันพุธ 

          อีกอย่างตอนนี้งานก็เข้าผมอย่างจัง  ต้องไปเดินสายประชาสัมพันธ์กิจกรรมมหาวิทยาลัยกับหน่วยงานราชการและเอกชนอีกหลายแห่ง  บางครั้งต้องขออนุญาตลากันเลยทีเดียว  มันก็ได้พบปะผู้ใหญ่  ได้รู้จักสังคมใหม่ๆ  ได้ประสบการณ์เยอะมากๆ  พวกเราหกคน  (ดาวเดือน  รองอันดับ 1 และ 2)  ก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น  สนิทกันมากขึ้น  ดาวมหาวิทยาลัยมาจากคณะวิทยาศาสตร์  ชื่อมุกครับ  เป็นผู้หญิงที่ขาวมากๆ  ประชาชนคนให้คะแนนน่าจะแพ้ความขาวโอโม่ของเธอครับ  สูงประมาณ  165  ผิวสวย  ผมหยักศกเป็นลอน  ตาเรียวๆ สีน้ำตาลและปากอิ่มเป็นกระจับ  เธอเป็นตัวเต็งมาตลอดจนคว้ารางวัลไปแบบไร้คู่แข่งเลยครับ  รองอันดับ 1 มาจากคณะพยาบาล  ชื่ออุ่นครับ  เธอได้รางวัลมิตรภาพจากการโหวตของเพื่อนดาวเดือน  เป็นคนที่ยิ้มสวยมากๆ  เธอคงรู้จุดเด่นของตัวเองเลยแจกยิ้มให้พวกเราตลอดๆ  ยอมรับว่าบางทีผมก็เผลอยิ้มตามเธอโดยไม่มีเหตุผล   นอกจากยิ้มสวยแล้วแก้มเธอก็ป่องๆ น่ารักดี  น่าจะเรียกว่าน่ารักมากว่าสวยครับ  ส่วนรองอันดับ  มาจากคณะวิทยาการจัดการ  ชื่อนินิน  คนนี้มาแบบสวยคม  เปรี้ยว  เฉี่ยวสุดๆ  ผิวเนียนสีน้ำผึ้ง  สูงด้วยครับ  ประมาณประกวดมิสแกรนด์น่าจะเหมาะกว่าเวทีดาวเดือนมหาวิทยาลัย  ส่วนเดือนรองอันดับหนึ่งมาจากคณะแพทย์  ชื่อบอมครับ  ไอ้บอมนี่มาแนวเนิร์ด  ปกติใส่แว่น  ตอนประกวดคงมีคนแนะนำมันใส่คอนแทคเลนส์   มาอย่างหล่อขาวใส  สุภาพ  ตัวเล็กๆ  สูงๆ  หุ่นเพรียวๆ  ไปประกวดดาวก็ได้ครับ  ส่วนเดือนรองอันดับ  มาจากคณะเกษตร  ชื่อประวิทย์  มันบอกว่าชื่อเล่นมันชื่อภูชิต  ก็เลยมีแม่งมันชื่อเดียวคือประวิทย์ไปเลย (เหมือนพ่อแม่แย่งกันตั้ง)  คนนี้ผมสนิทเพราะมันเป็นเพื่อนไอ้ก้องรูมเมทผมด้วยครับ  มันตัวสูงพอๆ  กับผม  ผิวเข้ม  หน้าคมออกแนวผู้บ่าวไทบ้านความสามารถพิเศษเป่าแคน  ถ้าตัดผมออก  มันได้ป๊อบปูล่าโหวตแน่นอนครับ  เอวมันดีจริงๆ  หลังจากไปไหนไปกันอยู่เกือบสองอาทิตย์  พวกเราก็สนิทกันถึงขั้นนัดกินหมูกระทะ  ยกเว้นไอ้บอมที่มันต้องรีบกลับไปเรียนและตามงานให้ทันเพื่อนอย่างมหาโหด   คุณผู้อ่านอย่าได้คิดเลยครับว่าโต๊ะดาวเดือนมันจะส่องประกายวิ๊งๆ  เพราะความจริงเวลาไม่แต่งหน้า  ไม่เซ็ตผม  และอดหลับอดนอนจากการต้องไล่ตามงานให้ทันเพื่อน  พวกเราก็ซอมบี้ดีๆ นี่เองครับ  ถึงผมจะเหน็ดเหนื่อยและยุ่งยากแค่ไหน  แต่ก่อนนอนทุกคืนก็มีผู้หญิงสองคนอยู่ในสายเสมอ  คุณหญิงแม่และนางฟ้าของผม

          วันเสาร์ที่ผมได้นอนตื่นสาย  ผมพลิกไปพลิกมาอยู่บนที่นอนแคบๆ  ของผม  นี่มันร้อนจนพัดลมไม่ช่วยอะไรแล้ว  ผมเลยควานหาโทรศัพท์มาดูเวลา  มันจะร้อนก็ไม่แปลกครับ  สี่โมงกว่าแล้ว  เห็นทีผมต้องสละเตียงไปอาบน้ำอาบท่าหาข้าวกินแล้ว  ก่อนอื่น  ผมก็มอร์นิ่งไปหาแฟนผมก่อนแม้ว่ามันเกือบๆ เที่ยงแล้ว  แต่ครูอังกฤษบอกผมว่ามันยังใช้ได้

          <<วัวไม่ขยับ>>

                                                <<คือ...>>

        <<วัวมันร้องยังไงหล่ะครับ>>

                                                <<มอ มอ มั้ง>>

                                                <<อ๋อ  มอนิ่ง>>

        <<นี่มุกเมื่อพันปีที่แล้วยังใช้กับฟ้าได้นะนี่>>

                                                <<ก็ฟ้าไม่เคยได้ยินอ่ะ  อยู่ๆ ก็ทักว่าวัวไม่                                                            ขยับ>>

        <<วันนี้ทำอะไรครับ>>

                                                <<มาทำงานที่ศูนย์สารสนเทศ>>

                                                <<เอ่อ  เขามารับหน่อยสิ  อีแก่ของฟ้าไม่                                                             สบาย  ไปร้านซ่อมอีกแล้ว>>

        <<งานเสร็จก็โทรหาเขาแล้วกัน   ขอตัวไปอาบน้ำนะครับ>>

                                                <<ขอบคุณค่ะ  เจอกันนะ>>

        <<ครับผม>>

                   หลังจากนั้นผมก็ไปอาบน้ำ  กลับมาก็เจอไอ้ก้องที่กลับจากลงแปลงเกษตร  (ลงทุกเช้าวันเสาร์)  มาพร้อมข้าวกล่องให้ผม  แถมมันยังหนีบไอ้ประวิทย์มาที่ห้องเท่ารูหนูของเราด้วย  นี่ผมอยากจะเชิญไอ้ทิวกะไอ้กอล์ฟมาด้วย  มันจะอบอุ่นจนร้อนกันเลยแหละ 

          “หวัดดีประวิทย์”  ถ้าเรียกมันวิทย์เฉยๆ  มันจะได้เป็นพ่อตาผม  ผมต้องเรียกชื่อมันแบบเต็มๆ

          “อือ  หวัดดี  ตื่นสายนะมึงอ่ะ”  วันไหนมีเรียนกูก็ตื่นเช้านะโว้ย

          “เออ  วันหยุดกูขอ”  ผมบอกมันก่อนหันไปเช็คความหล่อในกระจกก่อนมานั่งลงที่โต๊ะญี่ปุ่น  เตรียมกินข้าวที่ไอ้ก้องอุตสาห์ซื้อมาฝาก

        “มึงว่างเหรอ”  มันถามขึ้นมาเบาๆ  ผมละมือจากข้าวกล่องเงยหน้ามองมัน 

          “อีกเดี๋ยวกูก็ออกไปรับแฟนกูแล้ว”  ผมบอกมันแล้วก็ก้มหน้าต้มตากินข้าวเช้าตอนเกือบๆ จะเที่ยงนี่แหละครับ  ตอนที่ข้าวผมหมดไปประมาณครึ่ง  เสียงโทรศัพท์ที่โครตจะเบสิคของผมก็ดังขึ้น  ไม่ใช่เสียงที่ตั้งไว้สำหรับเบอร์คนพิเศษของผมครับ

          “ใครหว่ะ”  ผมวางช้อนแล้วหมุนไปหยิบโทรศัพท์บนเตียง 

          “สวัสดีครับ”  ผมกดรับแล้วทักไปอย่างสุภาพ 

          “นี่ฟ้านะเขา  มารับหน่อยศูนย์อาหาร”  ตู๊ดๆๆๆๆๆ  เฮ้ยทำไมฟ้าโทรเบอร์ตู้มา  ยังไม่ได้คุยเลยก็วางสาย  ดูท่าไม่ดีแล้ว       ผมรีบเก็บกล่องข้าวที่กินไม่หมด  หากระเป๋าตังค์ใส่เป้ยัดโทรศัพท์ รูดซิบกระเป๋าคล้องขึ้นไหล่  คว้ากุญแจบนโต๊ะอ่านหนังสือ

          “เฮ้ยอะไรมึงจะรีบขนาดนั้น”  ไอ้ก้องมันถามอย่างตะลึง

          “ฟ้าดูมีปัญหา  กูไปนะ  ข้าวกล่อง  ขอบใจมากนะ”  ว่าแล้วผมก็ไม่รอคำตอบละครับ  วิ่งลงบันได

          มาถึงศูนย์อาหารหนึ่ง  ผมมองเห็นฟ้าได้ไม่ยากเลยครับ  ก็เล่นมายืนดักทางถูกซะด้วย  ถึงจะมีทางขึ้นถึง  8 ทาง แต่นี่คือใกล้สุดจากหอผมและที่จอดรถยนต์ 

          “ฟ้า  ทำไมโทรเบอร์ตู้”  ผมรีบถามเมื่อเดินไปถึง

          “เขา  หายหมดเลยทั้งกระเป๋าตังค์ทั้งโทรศัพท์”  ห๊า  โดนดีเข้าให้แล้ว

          “ฟ้าเก็บในกระเป๋าวางบนเก้าอี้  แล้วเดินไปกดน้ำหันหลังนิดเดียวเอง  ใกล้มากเลย  กลับมาฟ้ามานั่งกินข้าวต่อเฉย  พอจะโทรหาเขาให้มารับมันก็หายไปแล้วอ่ะ  พอดีมีเงินทอนเหลือตอนซื้อข้าว  พอหยอดตู้  ไม่งั้นได้เดินแดดเปรี้ยงๆ แน่”  หน้าตาคนพูดดูหงุดหงิดสุดๆ

          “ไม่เป็นไรนะ  เขามาอยู่นี่แล้วไง  ฟ้าจะเอาไงต่อ”  ดูเหมือนคนตรงหน้าจะอารมณ์เสีย  ผมต้องช่วยให้เธอใจเย็นลง

          “คือบัตรทุกอย่างฟ้าก็อยู่ในกระเป๋าตังค์ไง  เงินที่จะจ่ายค่าซ่อมรถอีก  เบอร์แม่ก็เพิ่งเปลี่ยนฟ้ายังจำไม่ได้  อยากร้องไห้  ฟ้าจะทำไงดี”  คนพูดนั่งลงไปกอดขาซุกหน้าลงกะเข่า  ผมรีบนั่งตามลงไปลูบหลังเธอ

          “ฟ้าใจเย็นนะ  เดี๋ยวตอนแรกต้องไปแจ้งความ  จะได้เอาใบบันทึกประจำวันไปขอทำบัตร  เรื่องเงินไม่ต้องห่วงเอาที่เขาก่อน  เขามีเบอร์ลุงวิทย์เดี๋ยวลองโทรไปอาจมีเบอร์แม่ครู  เดี๋ยววันจันทร์เขาพาไปทำเลยนะครับ”  คนตาโตเงยหน้ามามองผม

          “ห๊า  มีเบอร์พ่อด้วยเหรอ”  ก็ใช่สิครับ  ว่าที่ลูกเขยนะ

          “ก็ลุงวิทย์มาขอเบอร์เขาไว้เช็คพฤติกรรมเขาอ่ะ  แถมบอกเสียงเข้มว่า  ถ้าทำฟ้าเสียใจรับรองไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่”  ลุงวิทย์บอกผมอย่างนั้นจริงๆ ครับ  แถมไม่ยอมให้เรียกพ่อ  จนกว่าจะผ่านการประเมินอีก

          “เฮ้ย  พ่อพูดยังงั้นจริงๆ เหรอ”  จริงที่สุดครับ  เจ้าของโรงแรมเป้นมาเฟียขึ้นมาเลยหล่ะเวลาหวงลูกสาว

          “เดี๋ยวโทรหาให้ถามเลย”  ว่าแล้วผมก็โทรออกหาเบอร์ที่บันทึกว่า  ว่าที่พ่อตา

          “ลุงวิทย์  สวัสดีครับ”  ผมชิงทักทายก่อน  เมื่อเสียงรอสายจบลง

          “ว่าไงเรา”  ลุงวิทย์ถามมาสบายๆ

          “ลุงครับคุยกับฟ้านะ”  ผมยื่นโทรศัพท์ให้ลูกสาวคุยกับพ่อ

          “พ่อค่ะ  สวัสดีค่ะ”  เจ้าตัวรับไปคุยกับพ่อ

          “...............................................” 

          “พ่อค่ะ  พ่อมีเบอร์ใหม่แม่ไหม๊ค่ะ  โทรศัพท์กับกระป๋าตังค์ฟ้าหายหมดเลย”

          “..............................................”

          “เดี๋ยวฟ้าหากระดาษกับปากกาแป๊บนึงค่ะ”  ผมถือวิสาสะเปิดหาของในกระเป๋าเธอยื่นให้ 

          “ค่ะ  พร้อมแล้วค่ะ  ............................  ขอบคุณนะคะพ่อ”

          “..............................................”

          “ค่ะ  สวัสดีค่ะ  เขาพ่ออยากคุยด้วย”  เธอยื่นโทรศัพท์มาให้ผม

          “ครับลุงวิทย์”  ผมทักเพื่อบอกว่าผมอยู่ในสาย

          “..............................................”

          “ครับ  วันนี้เขาจะพาไปแจ้งความก่อน  พรุ่งนี้จะพาไปทำบัตรก่อน”

          “.............................................”

          “เขาจะออกให้เองครับ  ไม่ต้องเป็นห่วงครับ”

          “.............................................”

          “ครับ  สวัสดีครับ”  ผมวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

          “พ่อว่าไงมั่ง”  รีบถามเมื่อผมวางสายเรียบร้อยแล้ว

          “ท่านบอกว่าให้ดูแลพาพี่ฟ้าไปทำธุระแทนท่านด้วย  แถมบอกว่าเดี๋ยวโอนเงินมาแทนให้เขาด้วย” 

          “พ่อน่ารักออกนะ  ไม่รู้ทำไมฟ้าอคติกับท่านอยู่ตั้งนาน  เสียดายเวลาจัง”  เธอพูดออกมาแบบนั้น

          “ป่ะ  ไปแจ้งความกัน”  ผมดันฟ้าออกเดินก่อน  เราไปแจ้งความ  ร้อยเวรก็ถามเหตุการณ์และเขียนบันทึกประจำวันไว้  พร้อมเขียนใบแจ้งความเพื่อให้เราเอาไปขอทำบัตรใหม่  ก่อนอื่นเลยผมต้องพาแฟนผมไปถอยโทรศัพท์ใหม่ คนคิดมากนี่ไม่ยอมให้ผมซื้อแพง  บอกกลัวไม่มีเงินจ่ายคืนผม  ถามว่าผมยอมไหม๊  ไม่ครับ  เพื่อคนที่ผมรักต้องดีที่สุดเสมอ  ผมไม่คิดจะเอาคืนซะหน่อย  คิดมากทำไม  (เอ๊ะ  หรือต้องยิ่งคิดมาก)  ฟ้าเปลี่ยนเบอร์ใหม่ด้วย 

 

          เช้าวันจั้นทร์ผมกับฟ้าก็โดดเรียนมุ่งหน้าเข้าเมืองไปทำบัตรต่างๆ  ดีที่คนรอบคอบถ่ายเอกสารสำเนาบัตรต่างๆ ไว้หลายชุด  พอไปถึงที่ทำการ  ผมก็นั่งรอฟ้าไปรับเอกสารมากรอก  ผมก็ชะโงกไปดูตอนกรอกไม่ได้คิดอะไร  จนเมื่อเธอเขียนวันเดือนปีเกิด  อ้าวน้องผมตั้งหลายเดือน

          “ฟ้า  นี่วันเกิดเหรอ”   ผมถามขึ้นเบาๆ

          “ใช่สิ  จะให้ฟ้าเขียนวันเกิดใคร”  ตอบไม่ทันได้คิด  สักพักคงคิดออกรีบเอามือปิดทันที  มองผมตาโตอีกแล้ว

          “นี่  หลอกให้เขาเรียกพี่ตั้งนานนะ”  ผมทำเสียงดุ

          “เอ่อ  ฟ้าไม่ได้ตั้งใจนะ  ก็ฟ้ารุ่นพี่ไง  รุ่นพี่อ่ะ”  โอ้ยผมละคิดว่ามีแฟนแก่กว่าอยู่ตั้งนาน  ยกมือขึ้นยีหัวเธอสักหน่อย

          “เด็กน้อยเอ้ย” 

          “เอาบัตรตัวเองมาดูซิ  จะกี่เดือนกันเชียว”  ผมรีบเอาบัตรประชาชนออกมาแบให้ดูเลยครับ  เจ้าตัวดูรูปผมแล้วหัวเราะใหญ่

          “นี่เหรอเดือนมหาฯ ลัย  ถ่ายบัตรใหม่พร้อมฟ้าเลยมั้ย  มาไกลนะเราอ่ะ” ผมให้ดูวันที่นะครับ  โดนล้อเรื่องรูปซะงั้น  ก็ตอนนั้นเรียน รด.  ตัดผมเกรียน  ออกจากค่ายด้วย  ผอม  ดำ  เกรียน  สุดๆ ครับ

          “ไม่เอา  เขามั่นใจในความหล่อ”  ที่จริงผมขี้เกียจครับ  ไม่ได้สนใจมันด้วยซ้ำ

          “จ้าพ่อคนหล่อ”  ว่าแล้วก็กรอกต่อแล้วไปยื่นถ่ายบัตรใหม่  ไม่นานครับก็ได้บัตรใหม่มาถือเป็นที่เรียบร้อย  แฟนผมไม่ทำอะไรก็สวย  มาในแนวใสๆ  ไม่แต่งหน้ายังสวยขนาดนี้  ตอนที่นั่งกินข้าวก่อนไปติดต่อธนาคาร  ผมก็ถามให้หายสงสัย

          “ฟ้าเข้าเรียนเร็วเหรอ”

          “ใช่  ตอนเด็กๆ  ฟ้าตามแม่ไปโรงเรียนตลอด  เพราะเงินไม่พอใช้  น้ากิ่งต้องออกไปหางานทำ  ผอ.  สงสารเลยรับฟ้าเข้าเรียนก่อนเกณฑ์เลย  ได้เปรียบป่ะหล่ะ”

          “เรียกเขาว่าพี่เลย”

          “เรื่องอะไรหล่ะ  แค่  เดือนเอง”

          “ตั้งสามเดือนต่างหากหล่ะ”

          “ไม่เอา  ตลกตาย  ไม่พูดหรอก  ไม่พูดแน่ๆ”

          “เด็กดื้อเอ้ย”

          หลังจากนั้นผมต้องพาเด็กดื้อของผมไปทำบัตร ATM  ใบขับขี่  ไปรับรถคืนจากร้านซ่อม  (จริงๆ  ไม่อยากให้ฟ้ามีรถเลย  อยากรับส่งตลอด  แต่ว่าเราเรียนคนละที่กัน  เสียดาย)  จนเรียบร้อยแล้วเสร็จ  ผมดีใจจัง  ต่อไปนี้จะแกล้งจะหยอกจะไม่เกรงใจแล้วนะ  เด็กดื้อเอ้ย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา