นายปากร้ายกับยายใจแข็ง
เขียนโดย นาราชา
วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.59 น.
แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) ตอนที่ 11 สอบใหญ่หัวใจว้าวุ่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 11 สอบใหญ่หัวใจว้าวุ่น
หลังจากก้มหน้าก้มตาเรียนไปพร้อมกับทำกิจกรรมไม่ได้ว่างเว้น เวลาให้แฟนก็แทบจะไม่มี มิหนำซ้ำแฟนผมก็ดูจะไม่เป็นทุกข์เป็นร้อน ไหนใครบอกผู้หญิงชอบโทรจิก ชอบตาม เอาแต่ใจ ด้วยอาการงงๆ เราก็ผ่านมาจนถึงช่วงสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ทุกที่ทุกแห่งทุกเวลา กลายเป็นสถานที่จับกลุ่มติวเข้ม ตามโรงอาหารคณะ ศูนย์อาหาร ห้องสมุด ใต้อาคารเรียน บรรยากาศดูเครียดเคร่ง พอๆ กับใจผมที่เคร่งเครียด ถึงผมจะขี้เกียจแต่ผมเก่งนะครับ เรื่องเรียนอ่ะเบาใจได้แต่เรื่องหัวใจนี่หนักใจสุดๆ
“ฟ้าครับ เขาติวแมทให้ไหม๊” ผมโทรไปถามคนที่บอกว่าขอห่างกันสักพัก หมายถึงขอเวลาอ่านหนังสือเตรียมสอบและสอบรวม 2 สัปดาห์ ในเย็นวันหนึ่ง
“ฟ้ารู้ว่าเขาเก่ง แต่จะให้ฟ้าบอกเพื่อนยังไง มีเดือนมหาฯ ลัยมาติวให้งี้อ่ะ” ก็บอกเค้าว่าแฟนเก่งสิครับ จะไปยากอะไร
“อยากอยู่ด้วย” น้ำเสียงอ้อนสุดในชีวิต
“เพื่อนฟ้าเป็นโขยง ไม่ดีมั้ง เขาไปติวให้เพื่อนๆ สิ ” ไม่เอ๊า จะอยู่กะฟ้า
“เดี๋ยวพาไอ้ทิว ไอ้กอล์ฟ กะคุณลุงไปด้วย” ผมบอกตัวเสริมเผื่อคนสวยจะใจอ่อน
“จะมาให้ได้? ” ถามทำไมครับ ก็จะไปให้ได้สิ
“คร๊าบ” ลากเสียงยาว
“มาก็มา ฟ้าอยู่หน้าสโมศึกษา” บอกแบบขัดไม่ได้มากกว่าเต็มใจนะนี่
“รอแป๊บนะครับ อย่าร้องไห้คิดถึงเขานะ เดี๋ยวซื้อขนมไปฝาก” ผมนี่คิดถึงนางฟ้าจะร้องไห้
“ฮึ” สบถในคอเบาๆ แล้ววางสายไป หลังจากนั้นผมก็โทรไปชวนไอ้ทิว ไอ้กอล์ฟ มันก็ยินดีให้ความร่วมมือผมอย่างเต็มใจ แถมไอ้ทิวยังยินดีตามไอ้ลุงให้อีกด้วย
โรงอาหารศึกษาคือที่นัดหมาย ไอ้ทิวตัวร้ายซ้อนท้ายมาด้วยไอ้ลุง สงสัยมันอยากเปลี่ยนบรรยากาศมารับลมเย็นๆ ส่วนไอ้กอล์ฟมากับผมครับ พวกผมเคยมาถึงคณะศึกษาศาสตร์มากสุดแค่โรงอาหาร แล้วสโมสรมันอยู่ตรงไหนกันนี่ ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ไม่นาน ก็มีสาวสวยมาเสนอตัวเป็นมัคคุเทศก์
“หนุ่มๆ วิศวะ มาด้อมๆ มองๆ อะไรที่ศึกษาคะ” ทักทายพร้อมรอยยิ้มจริงใจ
“เอ่อ ขอโทษครับสโมสรศึกษาไปทางไหนครับ” ผมถามอย่างสุภาพกับพี่สาวไป
“อ่อ น้องเห็นกลุ่มที่ติวอยู่นั่นไหม นั่นแหละหน้าสโม” เธอชี้ไปทางปีกอาคารฝั่งซ้ายที่เปิดไฟสว่างจ้า มีกลุ่มนักศึกษาเกือบๆ 20 คนนั่งฟังนักศึกษาคนนึงที่บรรยายอยู่หน้ากระดานไวท์บอร์ดขนาดกลางๆ
“ขอบคุณนะครับ” พวกผมหันมาก้มหัวขอบคุณพี่สาวใจดีแล้วมุ่งหน้าไปที่สโมสรศึกษาศาสตร์
“เอาขนมมาเสริมทัพครับ” ผมรีบทักก่อนจะไปถึง ประมาณว่าเสียงมาก่อนตัว
“น้องเขา เฮ้ยเดือนมหาลัยมาได้ไงอ่ะ” ทุกสายตาที่มองมาอย่างตื่นตะลึง ยกเว้นคนเดียวที่แทบจะซุกหัวลงไปบนโต๊ะ
“พวกน้องๆ ฟ้าเอง เรียนแมท 1 ด้วยเลยให้มาอ่านด้วยกัน” เงยหน้ามาตอบให้คนอื่นหายสงสัย แต่นายขุนเขานี่สงสัยหนัก ทำไมไปบอกเค้ายังงั้น แฟนครับ แฟนมาเฝ้า
“มาสิ วิศวะอ่ะเก่งพี่ขาดตรงไหนก็มาเสริมๆ กัน ” พี่ผู้ชายที่ติวอยู่หน้ากระดานพูดขึ้น
“ขอดูแนวก่อนนะพี่” ผมพูดขึ้นพร้อมกับเดินไปนั่งแทรกระหว่างฟ้ากับพี่แอน ซึ่งคนหลังเธอทำหน้ารู้ดีว่าต้องหลบ ดูเพื่อนฟ้ากลุ่มนี้เป็นคนละกลุ่มกับที่ผมเคยรู้จัก ผมรู้จักกลุ่มกิจกรรมประกวดกับเพื่อนเล่นบาสของเธอแล้ว แน่นอนพวกเขาก็ไม่ได้รู้ว่าผมกับพี่ฟ้าคบกันแน่ๆ เจ้าตัวก็ไม่ได้บอกให้ใครรู้ เพื่อนๆ ก็ดูเป็นหนอนหนังสือ หนอนพวกนี้คงไม่ชอบกินเผือก ไอ้ผมจะเอาจังหวะไหนไปประกาศว่าผมเป็นแฟนนางฟ้ากันหล่ะ นอกจากนั่งฟังไปเงียบๆ ส่วนไอ้กอล์ฟมันลากเก้าอี้เดี่ยวหน้าสโมมาสิงหลังพี่แอน ไอ้ทิวกะไอ้ลุงเปิดโต๊ะใหม่เป็นที่เรียบร้อย การติวก็ดำเนินต่อไปมีการพักกินขนมกันบ้าง เข้าห้องน้ำบ้างจนเกือบๆ สี่ทุ่มจึงแยกย้ายเพราะเห็นแก่หอในที่ต้องรักษาคะแนนหอ
“ฟ้ากะแอนกลับรถเขานะ พรุ่งนี้เรียนที่คณะวิทย์เดี๋ยวเขาไปรับ” ผมชวนเพราะรู้ว่าสองสาวแว๊นแมงกะไซมา แต่มันดึกแล้วน่าเป็นห่วงครับ อีกใจคืออยากยืดเวลาอยู่ด้วยกัน
“อือ เอาสิ ฟ้าก็เหนื่อยไม่อยากขับรถเอง จอดรถไว้คณะก็ได้เน๊อะแอน” ฟ้าหันไปถามเพื่อนสนิท ที่คุยกระหนุงกระหนิงกะไอ้กอล์ฟ ไม่ได้สนใจกันเล้ย
“ไอ้กอล์ฟ มึงกลับยังไง” ผมตะโกนข้างหูไอ้กอล์ฟแม่ง
“ไอ้เหี่ย หูจะแตก กลับกับมึงสิครับ” มันเบิ๊ดกะโหลกผมทีหนึง มีเหรอ ผมจะยอม ซัดคืนไปในอัตราที่หนักกว่า
“ก็มึงตกอยู่ในโลกสีชมพูฟรุ๊งฟริ๊งกระดิ่งแมวอะไรของมึง สนใจหน่อยหอจะปิดแล้วเนี่ย” หลังจากนั้นก็เคลื่อนขบวนขึ้นรถผม ส่วนไอ้ทิวมันล่ำลาก่อนขับมอไซคู่ใจพาไอ้ลุงบ่ายหน้าออกทางนอกมอไปแล้ว ดูจากเวลามันไม่น่าเข้าหอทันแน่ๆ
“ปีหน้าฟ้าจะไปอยู่หอนอกแล้วอ่ะ เบื่อกลับสี่ทุ่ม” จะหนีเที่ยวเหรอครับ
“เขาไปด้วย” ผมนี่อย่างรีบ ไปไหนไปด้วย
“แอนก็จะย้ายเหนื่อยทำกิจกรรมหอ” พี่แอนสมทบ
“กอล์ฟตามใจแอน” ไอ้กอล์ฟนี่ตัวแถมพี่แอนตลอด
“จะบ้าเหรอ ตามใจแอนอะไรหล่ะ” ปากว่าตาเขินนะครับพี่แอน
เราล่ำลากันนิดหน่อย ฟ้ากะพี่แอนก็เข้าหอผมกับไอ้ทิวก็รีบเข้าหอทันเวลาฉิวเฉียด ก็โทรหาไอ้ทิวสิครับ ไม่รู้มันจะนอนไหนหรือจะยอมกลับมาเสียคะแนนหอ
“ทิว มึงอยู่ไหน” ทันทีที่มันรับสาย ผมก็กรอกเสียงถามไป
“เอ่อ....” เสียงไอ้ลุงครับ
“ลุง มึงบอกมันด้วยหอปิดแล้ว หาที่นอนข้างนอกเลย” ผมบอกจุดประสงค์ที่โทรมาฝากไอ้ลุงบอกมัน ว่าแต่ไอ้ลุงรับโทรศัพท์แล้วไอ้ทิวไปไหน
“เอ้อ ทิวนอนห้องผมนะครับ ไม่ต้องเป็นห่วง” น่านๆ ว่าแล้ว
“ไม่ห่วงไอ้ทิวแล้ว ห่วงมึงอ่ะ ระวังมันด้วย” เพราะไอ้ทิวมันเอาใจออกห่างผม ไปตามติดไอ้ลุงต้อยๆ ผมเลยเตือนไอ้ลุงเพราะเป็นห่วง ไม่รู้ไอ้ฉลาดมันไปติดอกติดใจไอ้นิ่มตรงไหน
“ไม่หรอก เพื่อนกัน” เสียงตอบดูแผ่วๆ วันหลังผมต้องเค้นถามกับไอ้ทิวให้ได้ ความสัมพันธ์ของไอ้สองคนนี้มันยังไง
“เออ งั้นพรุ่งนี้เจอกัน” ผมวางสายเดินสบายใจขึ้นห้องไป
ผ่านมา 2 อาทิตย์วันสอบวันสุดท้ายแล้ว วันนี้พี่รหัสนัดเลี้ยงสายก่อนปิดเทอม ผมก็โทรไปขออนุญาตแฟนตามระเบียบ
“ฟ้าครับ แฟนขอไปกินเลี้ยงสายนะครับ พี่รหัสเลี้ยง” นี่ชอบย้ำคำว่าแฟน กลัวแฟนลืม
“เอาสิ พรุ่งนี้ฟ้ากลับบ้านนะคะ” โห เร็วไป๊ทำใจไม่ทัน
“อยากไปด้วย” จริงๆนะ
“คนละทางเลยจ้า กลับบ้านตัวเองสิ” ไร้เยื่อใยสุดๆ
“คิดถึงแม่ครูหญิงด้วย” อ้อนต่อ
“คิดถึงแม่ก็ไปหาแม่สิคะ” หื้อ ตอบมาได้
“คิดถึงแม่ อยากไปสู่ขอลูกสาวแม่” อิอิ จะหนีไปไหนได้อีก
“ยังไม่ไปกินเลี้ยงเลย เมาซะแล้ว” อยากเห็นหน้าเจ้าของเสียงเขินๆ นี่จัง
“เมารักฟ้านะครับ” ใคร ใครอ้วกครับ
“แค่นี้แหละ เป็นเอามาก ฟ้าจะเก็บกระเป๋า อ่อ ฟ้ากลับกะลุงนะ ไม่ต้องห่วง” เธอบอกเหมือนนึกขึ้นได้
“เดี๋ยวกลับจากงานเลี้ยง เขาโทรหานะครับ” ผมบอกเพราะกลัวเธอไม่รอ ขอคุยนิดนึงก่อนนอน
“อย่าดื่มหนักนะ ฟ้าเป็นห่วง เอ่อ หวงด้วย” วางสายไปแล้วครับ โอ้ยๆๆๆ ไม่ไปก็ได้น๊า คิดถึงแฟน
ประมาณเที่ยงคืน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทำให้มือบางคลำไปทางต้นเสียง แม้เปลือกตายังไม่ได้เปิดขึ้น
“ฟ้า มาหาเขาหน่อย ” เสียงอ้อแอ้ของคนโทรมา ทำให้ตากลมเบิกกว้าง รีบดึงโทรศัพท์ออกดูเวลาที่หน้าจอ
“เที่ยงคืนแล้ว ฟ้าจะไปยังไง” ถามกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วง
“เขาอยู่ร้าน มีเรื่องเล่า นะ ฟ้ามาเร็วๆ” เหมือนคนพูดพยายามดึงสติสุดฤทธิ์
“เขารออยู่นั่นนะ ฟ้าจะรีบไป” สมองประมวลสถานการณ์ ประการแรกที่จะเอาคนเมากลับได้ต้องใช้รถยนต์ ซึ่งเธอขับไม่เป็น เจ้าลุง ไวเท่าความคิด มือเลื่อนหาเบอร์น้องชายในโทรศัพท์ หลังรอสายเพียงครู่เดียว คนปลายสายก็รับ
“ครับ พี่ฟ้า” คนรับสายทำน้ำเสียงงงๆ เพราะเพิ่งโทรนัดแนะเวลากลับบ้านกันตอนเย็น ไม่เห็นเหตุผลที่พี่สาวจะโทรมากลางดึกอย่างนี้
“ลุงไปที่ร้าน มีเรื่องเล่า นะ เขาเมามากกลับไม่ได้” รีบบอกไปอย่างร้อนใจ
“ให้ลุงไปรับพี่ฟ้าไหม๊” คนน้องก็ห่วงพี่สาว ที่ต้องเดินทางดึกๆ
“ไม่ต้องเจอกันที่ร้านเลย” ยังไม่รอให้ปลายสายรับทราบ ก็กดวางแล้วรวบกระเป๋าเงิน โทรศัพท์ ใส่ในเป้สะพายหลังใบโปรด มือคว้ากุญแจรถ แล้ววิ่งออกห้องโดยไม่ลืมล็อกห้องให้รูมเมทที่ยังหลับใหล
หน้าร้าน มีเรื่องเล่า ฟ้ายืนรอลุงอย่างกระวนกระวาย สักพักก็เห็นรถเก๋งสีขาวเคลื่อนเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว เสียงเครื่องยนต์ที่ดับไปพร้อมๆ กับประตูหน้าทั้งสองฝั่งเปิดออก คนขับเป็นทิวและผู้โดยสารเป็นลุงเจ้าของรถ
“ป่ะ ไปข้างในกัน พี่โทรหาเขาไม่มีคนรับเลย” ทั้งสามคนรีบสาวเท้าเข้าร้านอย่างเร่งร้อน ต้องใช้ระยะเวลาชั่วครู่เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงไฟภายใน ทิวพยายามสอดส่ายสายตาหาพี่เขตพี่รหัสของเพื่อน
“โต๊ะนั้นพี่ฟ้า” ทิวออกนำไปโต๊ะยาวที่เหมือนถูกเลื่อนมาต่อกัน เมื่อไปถึง ทิวกับลุงก็ยกมือไหว้รอบโต๊ะ
“ไอ้เขาหล่ะพี่เขต” ทิวถามอย่างสนิทสนม
“เห็นบอกว่าจะไปล้างหน้าล้างตา หายไปเกือบ 20 นาที พี่กำลังจะตามไปดู ทิวมาก็ดีตามไปดูมันหน่อย พี่ก็เริ่มเอียงๆ แล้ว” พี่เขตบอกมาแบบคางยานๆ
“ลุงมึงอยู่กับพี่ฟ้านะ เดี๋ยวกูไปตามเอง” หันมาสั่งแล้ววิ่งไปทางป้ายห้องน้ำ สักพักก็พยุงคนบอกว่าไปล้างหน้าแต่เปียกโชกไปทั้งตัวออกมา ฟ้ากับลุงรีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงอีกสองแรง
“ฟ้า อย่ามาใกล้เขา อย่าเข้ามา” คนตัวบางที่วิ่งเข้าไปจับหน้าคนตัวเปียกถูกเจ้าตัวผลักออกมาไม่แรงมาก ยืนทำหน้างง
“พามันออกหลังร้าน ลุงมึงขับรถกลับห้องมึง พี่ฟ้านั่งหน้าเดี๋ยวไปคุยกันในรถ” ทิวจัดการทุกอย่างรวดเร็ว ขบวนการนำคนเมากลับห้องจึงเริ่มขึ้น
เมื่อขึ้นรถ การสนทนาจึงเริ่มขึ้น
“เขาเป็นอะไร ทำไมเปียกโชกขนาดนั้น” ฟ้าหันกลับไปถามคนที่นั่งตัวเกร็งหายใจเสียงดัง ท่าทางกระสับกระส่าย
“ผมว่ามันโดนยาปลุก ไอ้ลุงมึงขับเร็วๆ ดิ๊ ไปส่งพี่ฟ้ากลับหอด้วย” ทิวพูดฮึดฮัดเหมือนไม่ได้อย่างใจ
“ฟ้าไม่กลับ” คนดื้อบอกเสียงจริงจัง
“ไอ้เขามันบ้าไปแล้ว พี่ฟ้าต้องกลับมันอันตราย” ทิวพูดอย่างเป็นห่วง
“ทิวก็อยู่ ลุงก็อยู่จับเขามัดไว้สิ พี่เป็นแฟนเขานะ จะทิ้งเขาไปได้ยังไง” ตาแดงก่ำเว้าวอนถูกส่งมาถึงคนตัวเปียก ถ้าเป็นเวลาปกติ ขุนเขาคงดีใจระริกระรี้ แต่ขณะนี้เจ้าตัวขดตัวงอเอาหัวดันพนักเก้าอี้คนขับ
“เขาทรมานมากมั้ย เขาอดทนนะ” เสียงสะอื้นกับคำพูดปลอบดังมาพร้อมๆ กัน
รถเคลื่อนเข้าจอดที่โรงจอดรถชั้นล่างเขาถูกทิวและลุงพยุงปีกคนละข้าง ส่วนฟ้าวิ่งนำหน้าไปตามทิศทางที่น้องชายบอกเพื่อเปิดประตู
เมื่อทุกคนเข้ามาอยู่ในห้อง ทิวลากเขาเข้าห้องน้ำที่อยู่ข้างทางเข้าห้องแล้วล็อกประตูอยู่ภายในสองคน พี่กับน้องมองหน้ากันเลิกลั่ก
“มึงต้องช่วยตัวเอง จนกว่ามึงจะหมดแรงหรือยามันหมดฤทธิ์ เดี๋ยวกูออกไปหาวิธีช่วยมึงอยู่ข้างนอก มึงห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด ถ้ามึงกล้าออกไปมึงเจอตีนกูแน่” ว่าแล้วก็หมุนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว มือคว้าโทรศัพท์เข้าเวปที่ถามได้ทุกเรื่องราวในโลกใบนี้
“เราจะช่วยเขาได้ยังไงทิว” ฟ้าเดินตามทิวมานั่งโซฟาบริเวณโซนรับแขก
“ผมไม่เคยโดนอ่ะพี่ฟ้า ใครหว่ะ แม่งโครตเลว ผู้หญิงก็ผู้หญิงเถอะถ้ากูรู้กูตามกระทืบมึงแน่” ประโยคแรกคงตอบคำถาม ประโยคที่ตามๆ มา นี่สบถล้วนๆ เมื่อไม่เห็นวิธีช่วย ฟ้าจึงเดินกลับไปนั่งเกาะประตูห้องน้ำ
“ฟ้า ฟ้า ช่วยเขาด้วย อื้อออออออออออออ ซี๊ดดดดดดดดดดดดดด” เสียงเบาๆ ดังลอดออกมาจากข้างในห้องน้ำเป็นช่วงๆ คนที่นั่งแนบหูกับประตูหน้าแดงแล้วแดงอีก แต่ไม่ได้ขยับออกห่างไปไหน และไม่ได้นอน จนเวลาล่วงเลยเกือบเช้าวันใหม่ เสียงภายในจึงเงียบหายไป
“ทิว เสียงเงียบไปแล้ว ทิวเข้าไปดูเขาหน่อย” ฟ้ามาปลุกทิวที่นั่งหลับหัวพิงกับลุง ทำให้ทั้งสองงัวเงียตื่นขึ้นมาพร้อมๆ กัน ทิวลุกเดินไปห้องน้ำ
“ไปลุงไปนอนที่เตียง มานั่งหลับกันทำไม เตียงก็มี” ว่าพร้อมลากแขนน้องชายที่ยังงัวเงียไปส่งที่เตียงนอน
“พี่ฟ้า เอาชุดผมในตู้ไอ้ลุงมาให้หน่อยสิ ชุดกีฬาอ่ะ ผ้าเช็ดตัวด้วยนะครับ” ฟ้าเดินไปตู้เปิดประตูเลือกชุดกีฬาที่ตัวใหญ่กว่าน้องชายของเธอ พร้อมผ้าเช็ดตัวนำไปส่งเข้าประตูที่แง้มอยู่
“พี่ฟ้าปรับโซฟาไว้ให้มันนอนด้วยนะ เดี๋ยวเรียบร้อยแล้วผมพามันออกไป” ฟ้าเดินกลับไปปรับโซฟา ยึดหมอนบนเตียงและผ้าห่มมาด้วยอย่างละหนึ่ง เมื่อจัดเตรียมที่นอนแล้วก็เดินไปรอหน้าห้องน้ำ สักพักสองร่างสูงก็พยุงกันออกมาจากห้องน้ำ เขายังไม่หลับแต่ดูอ่อนแรง ฟ้าโผเข้าไปกอดคนรักทิวจึงยอมปล่อยมือ
“พามันไปนอนด้วยนะพี่ ผมง่วง มันไม่มีแรงทำอะไรพี่แล้วหล่ะ ถีบเบาๆ มันก็ร่วง” ว่าแล้วเจ้าตัวก็มุ่งไปขึ้นเตียงดึงผ้าห่มแย่งคนที่นอนอยู่ก่อน แล้วซุกตัวเบียดกันที่ขอบเตียงด้านหนึ่ง
“นอนโซฟานะ” ฟ้าช้อนสายตามองคนที่โอบไหล่เธอ
“นอนกับเขานะ เขาสัญญาฟ้าจะปลอดภัย” หน้าขาวๆ แต้มสีแดงขึ้นรวดเร็วก่อนจะซุกหน้าเข้าไปในอกกว้าง แล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพยุงคนตัวใหญ่ไปโซฟา แล้วให้นั่งลงเบาๆ
“ฟ้าปิดไฟนะ นอนไม่หลับ” เธอปล่อยมือแล้วเดินไปปิดไฟก่อนเดินกลับมาโซฟาโดยอาศัยแสงสลัวที่เข้ามาทางหน้าต่าง เขาดึงมือเธอให้นั่งลงแล้วเอนตัวลงนอน ฟ้าอาศัยแขนของขุนเขาหนุนนอน ซุกหน้ากับอกกว้าง โดยมีแขนของชายหนุ่มกอดนอน ความรู้สึกสุดท้ายก่อนหลับใหลคือรอยจูบเบาๆ บนเรือนผมนุ่มสลวยของเธอ
เกือบๆ เที่ยง
ฟ้าลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ด้วยอาการปวดล้าตัวนิดหน่อย ด้วยโซฟาที่แคบและคนกอดที่ไม่นำพาว่าแขนตัวเองหนักแค่ไหน เสียงก๊อกแก๊กดังมาเบาๆ เหมือนคนทำการจะกลัวรบกวนคนที่กำลังนอนหลับอยู่ ถอยศีรษะจากอกกว้างมามองหน้าคนที่กอดตอนใกล้รุ่งมาถึงตอนนี้ คนปากร้ายที่สิ้นฤทธิ์กับดีกรีความหล่อระดับเดือนมหาวิทยาลัย ทำให้ปากอิ่มยิ้มอย่างนึกครึ้มใจ ก่อนทำใจกล้ายืดคอไปจุ๊บที่ปากบางๆ ที่เปลี่ยนจากชวนทะเลาะมาชวนรักอย่างรักใคร่ คนที่ถูกปลุกด้วยจุ๊บเปิดเปลือกตามาทันเหมือนตื่นอยู่ก่อนกอดกระชับร่างบางและจูบคืนหนักๆ ที่ริมฝีปากอิ่มสวย
“จะกินข้าวก่อนหรือจะกินไก่ครับ ไอ้เหลือมเขา” เสียงทักทำให้สองร่างชะงักและมองไปทางต้นเสียง ฟ้าหน้าแดงก่อนมุดลงไปในผ้าห่ม
“ฟ้าลืมไป” คนตัวบางพึมพำ มีเพียงเสียงหัวเราะเบาๆ จากคนที่กอดกระชับเธอ
“ลุกมาล้างหน้าแปรงฟันได้แล้วครับพี่ฟ้า ลุงเตรียมอาหารเที่ยงให้แล้ว” ลุงที่จัดโต๊ะอาหารเรียกพี่สาว คนถูกเรียกจึงยอมลดผ้าห่มลงถึงคอ
“มีอะไรกิน หอมจัง” ฟ้าลุกขึ้นนั่งโดยมีคนข้างๆ ลุกมานุ่งกอดเหมือนไม่อยากปล่อย
“ข้าวต้มถอนพิษรักครับ” ทิวทำหน้าทะเล้นก่อนตอบ
“เลิกล้อเถอะมึง กูหิว ฟ้าอาบน้ำด้วยกันไหม๊ครับ” ได้คำตอบเป็นทุบรัวๆ เข้าที่แขน
“เซี้ยวจริงๆ เด็กซน เรื่องเมื่อคืนยังไม่ได้เคลียร์เลยนะ นั่งอยู่นี่คิดหาคำตอบไว้ดีๆ หล่ะ” ฟ้าลุกขึ้นพร้อมๆ กับที่น้องชายมาส่งแปรงสีฟันและผ้าเช็ดหน้าให้ เธอรับแล้วไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว ผ่านไปเกือบห้านาทีประตูห้องน้ำจึงเปิดออก ร่างบางที่หน้าตาดูสดชื่นขึ้นมีผ้าเช็ดหน้าสีเขียวพาดบนคอ เดินตรงมาที่โต๊ะอาหาร
“อี๊ เขาสกปรกอ่ะ ฟันยังไม่แปรงเลย กินไปได้ยังไง” ท่าทางรังเกียจไม่จริงจังทำเอาคนถูกว่าขำพรืด ก่อนจะเอามือตบแปะๆ ที่เก้าอี้ตัวข้างๆ เป็นการเชิญชวนให้นั่ง
“เดี๋ยวแปรงทีเดียวไง สะอาดกว่าฟ้าอีก” ตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน มือก็ทำหน้าที่ตักข้าวต้มไม่ขาดตกบกพร่อง ฟ้าเลยได้แต่มองอย่างอึ้งๆ
“มองอยู่นั่นแหละ เขาไม่อิ่มจะกินชามของฟ้าจริงๆ ด้วย รีบกินยังอุ่นๆ อร่อยดีนะ” ว่าพลางทำทีจะไปดึงชามมา คนตัวบางรีบยื่นมือไปจับชามข้าวต้ม ทำให้มือเธอที่ถึงก่อนถูกกุมไว้ด้วยมือคนจะแย่งข้าวต้ม
“ปล่อยเลย อันนี้ของฟ้า” คนได้ทียิ้มกว้างแต่ไม่ยอมปล่อยมือ
“ไม่ต้องแย่งกันครับ ผมต้มเองมืออีกเยอะเลย” ลุงรีบห้ามทัพ
“มึงดูยังไงว่าเค้าแย่งข้าวต้มกัน เค้ากำลังจีบกันอยู่” ทิวดีดหน้าฝากลุงไปทีนึง เจ้าตัวยกมือขึ้นลูบหน้าผากป้อยๆ
“แต่ เอ้ คนที่เป็นแฟนกันแล้วเค้าต้องจีบกันด้วยเหรอครับ” ทำท่าใสซื่อ หน้าตาซื่อบื้อได้ดี
“นอกจากแก๊งเรา มีใครในโลกใบนี้รู้ไหม๊หล่ะว่ามันสอยนางฟ้าได้แล้วอ่ะ ตอนนี้คือจีบเป็นแฟนสำเร็จไง ต่อไปคือจีบให้เปิดเผยสู่สาธารณะชน” นี่จะบรรยายเป็นฉากๆ
“แม่กับพ่อกูรู้แล้วอ่ะ” เขาลอยหน้าลอยตาตอบ
“หยุด เงียบไปเลยทุกคน ต่อจากนี้คือมีหน้าที่ตอบคำถามฟ้า ตอบให้ตรงคำถาม ตอบตามความเป็นจริง ใครตุกติกตายสถานเดียว” เสียงใสแต่ทรงพลัง สายตาแน่วแน่ที่กวาดมองทั้งสามหนุ่ม เกิดความนิ่งและเงียบ หลังตึงหน้ามองตรง ประนึ่งอยู่ในห้องเชียร์
“ใครก่อนดี อื่อ เขาทำไมโดนยา แล้วรู้ไหม๊ว่าใครทำ” เธอหันมองแฟนหนุ่มแล้วเริ่มเชือดไก้ให้ลิงดูด้วยเสียงนิ่งๆ
“คือ เขาไม่รู้นะครับ มีคนแบบฝากเครื่องดื่มมาให้ เขาก็รับมาดื่ม” เจ้าตัวคนตอบส่ายหน้าเบาๆ
“แล้วสงสัยใครไหม๊” ยังเค้นคำตอบ
“พี่ฟ้าจะตามไปจัดการให้มึงแล้วเขา สบายใจได้” ทิวพูดทะลุปล้องขึ้น ฟ้าเบนสายตาสยบมารไปทางทิว คนถูกหมอจึงพงกหัวเป็นการขอลุแก่โทษ ก่อนสายตาดุจะเบนกลับมาหาเจ้าของเรื่อง
“คือ เขาพูดจริงๆ นะ เขาไม่ได้สงสัยใครเลย คือถ้าสงสัยเขาคงไม่รับแก้วมาดื่ม”
“เขาต้องรู้จักระวังตัวนะ เขาต้องไม่รับแก้วจากคนอื่นหรือแก้วตัวเองที่วางไว้แล้วลุกออกจากโต๊ะไปก็ต้องเปลี่ยน รู้ไหม๊ว่าฟ้าเป็นห่วงมากแค่ไหน” คนที่ผ่านโลกมหาวิทยาลัยมาก่อนเตือนอย่างหวังดี
“เขาขอโทษนะครับ เขาจะระวังตัวให้มากกว่านี้” คนตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะเบนสายตามาทางทิว
“ต่อไป ทิว” เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนขานรับ
“ครับ”
“ย้ายหอมาอยู่กับน้องชายพี่ตั้งแต่เมื่อไหล่”
“พี่ฟ้า” คนน้องเรียกพี่อย่างอึ้งๆ
“ถึงพี่จะไม่พูดแต่อย่าคิดว่าพี่ไม่สังเกต เมื่อคืนนี้พี่โทรเที่ยงคืนถ้าวนไปรับทิวในมอต้องนานกว่านั้น แต่นี่คือทิวอยู่ด้วยใช่ไหม๊ แล้วเสื้อผ้าในตู้อีก ครึ่งนึงมันของทิวชัดๆ” คนถามหลิ่วตาเหมือนไม่ได้รอท่าคำตอบ เพียงรอการรับสารภาพเท่านั้น
“ห๊า ไอ้ทิวที่กูไปหาไม่เจอ ชวนไปไหนแล้วมึงเลี่ยงตลอดนี่คือมึงย้ายหอ” คนไม่ได้สังเกตเพื่อนถามอย่างสงสัย
“ผม ไปๆ มาๆ อ่ะ กูไม่ได้จะปิดมึงนะโว้ยแต่ไอ้ลุงมันไม่ให้บอก” ตอบพี่สาวลุงก่อนหันมาตอบเพื่อน
“ไม่ใช่อะไรหรอก ถ้าจะมาอยู่ก็ไปทำเรื่องย้ายออกจากหอใน รู้ไหม๊ยังมีนักศึกษาอีกหลายคนที่เค้าอยากอยู่หอ อย่าไปขัดโอกาสคนอื่น อีกอย่างจะได้ดูแลลุงให้พี่ด้วย” คนห่วงน้องบอก
“แล้วเจ้าลุง” เจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจ
“ตกใจอะไร พี่จะบอกให้ปั๊มกุญแจให้เพื่อน แล้วก็เก็บกระเป๋ากลับบ้านได้แล้ว แม่รออยู่” หลังประโยคนี้มีเสียงถอนหายใจเบาๆ ของคนสองคน ทั้งหมดจึงลงมือกินข้าวได้อย่างสบายใจ ก่อนล่ำลาแยกย้ายกันเตรียมตัวกลับบ้านในช่วงปิดภาคเรียน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ