9&9 His

8.0

วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.13 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 10.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ตอนที่ 6 : ราตรีแสนระทึก (อีกครั้ง)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วันนี้ผมเลิกงานช้าอีกแล้ว เพราะลูกค้าเข้าร้านตลอด ผมก็เลยมีงานทำเรื่อยๆ ทั้งเติมของในร้าน จัดของหลังร้านหรือมาช่วยคิดเงินที่เครื่อง เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนพี่อี๊ดมาไล่อีกเป็นครั้งที่สาม ผมจึงยอมเดินออกมาจากร้าน ผมแวะที่ตลาดเพื่อหาของกิน ผมไม่แน่ใจว่าวันนี้จะมีคนมากินข้าวเย็นด้วยหรือเปล่าจึงซื้อไปเผื่อแค่นิดหน่อย หากกินไม่หมดก็จับเข้าตู้เย็นซะก็ได้ แล้วก็เดินกลับหอ

 

ผมเห็นลุงโตเดินไปเดินมาอยู่ในป้อม วันนี้เก้าคงไม่ได้มาแกล้งลุงโต ผมรีบเดินขึ้นชั้นสอง ไม่มีเงาของใครผ่านไปผ่านมาในชั้นนี้เลย ผมหวังว่าในห้องน่าจะมีใครนั่งเล่นคอมพ์อยู่ จึงรีบเปิดประตูห้องเข้าไปเพื่อพบกับความว่างเปล่า ผมถอนหายใจเบาๆ และเอาของกินไปวางที่โต๊ะ และกำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นมา

 

“อย่าถอดนะ!!!” เก้าตะโกนมาจากทางฟูก

 

“เฮ้ย!!” ผมรีบบิดตัวหันหลังให้ทันที “อยู่ๆ ก็โผล่มาได้ไงเนี่ย?” ผมบ่นพึมพำต่อ เก้าเดินออกมานั่งตรงโต๊ะคอมพ์ เครื่องคอมพ์เริ่มส่งเสียง

 

“เอ่อ เธอจะไม่ขออนุญาตซักหน่อยเหรอ?” ผมแปลงร่างกลับมาอยู่ในชุดพนักงานเหมือนเดิมและเดินมาหาหาเธอ

 

“ทำไม? มีปัญหาเรอะ?” เธอหันขวับมาจ้องหน้าผม “อยากเห็นอิทธิฤทธิ์ใช่มะ?”

 

“ป่าวครับๆ เชิญเลย” คราวนี้จะแสดงอิทธิฤทธิ์เลยทีเดียว ผมกระเด้งออกมานั่งห่างๆ ปล่อยให้เธออยู่แบบนี้แหละดีแล้ว อย่างน้อยก็ไม่ใช่สภาพที่เละๆ ถ้าหากเธอสำแดงอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาแล้วตัวเละ ผมจะเผ่นหนีป่าราบไม่กลับมาอีก

 

 

สถานการณ์ตึงเครียดดำเนินไปช้าๆ ผมรู้สึกอึดอัด แถมนั่งคุกเข่านานเกินไป ขาเริ่มเป็นเหน็บแล้วด้วย ผมต้องลองชวนเธอคุย

 

“คุณตายยังไงครับ?” ผมลองชวนเธอคุยพร้อมๆ กับเปลี่ยนท่านั่งอย่างยากลำบาก

 

“ตรอมใจ” เธอหันใบหน้าด้านข้างมาตอบเรียบๆ แล้วหันกลับไป

 

“น่ารักขนาดนี้ ยังอกหักจนต้องตายเนี่ยนะ?” ผมช็อค น่าสงสารเธอจริงๆ

 

“เสียมารยาท ฉันยังไม่ได้บอกซักคำว่าอกหัก” เธอเม้งกลับ

 

“อ้อ! ขอโทษครับ” ผมผิดเอง ผมไม่ควรด่วนสรุปเลย

 

เราควรมีบทสนทนาที่ดีกว่านี้เหมือนวันแรกที่เจอกันไง เก้าเอ้ย! คิดสิ คิดว่าควรจะถามอะไร

 

“แล้วคุณตายนานหรือยัง?” ผมถามออกไป สาบานว่าคิดดีแล้ว? เธอกำลังฮัมเพลง วี โด้นท ทอลค แอนี่มอร์ เบาๆ พอเธอได้ยินก็หันใบหน้าด้านข้างมาให้เห็นอีกครั้ง

 

“เกือบร้อยปีแล้ว” เธอตอบสั้นๆ

 

ผมอึ้ง ‘ขี้โม้แล้วเหอะ’ ผมมองด้านหลังของเธอ ดูจากการแต่งตัวแล้วมันไม่ใช่เลย แม้จะไม่ได้ทันสมัยแบบสาวๆ เดี๋ยวนี้ ที่ชอบใส่รัดติ้วนุ่งสั้น แต่มันก็ไม่ใช่ชุดไทยของเมื่อร้อยปีที่แล้วแน่ๆ แล้วไหนจะนั่งฮัมเพลงฝรั่งอีก ไม่ใช่แหงๆ

 

“แล้วคุณไม่ไปไหนบ้างเหรอ?” ทำไมในหัวผมมีแต่คำถามงี่เง่าๆ แบบนี้อยู่เต็มไปหมดนะ

 

“ฉันอยู่ที่นี่!” เธอตอบสั้น ห้วน

 

ผมถอยกรูดมาอยู่ในท่าคุกเข่าอีกครั้งโดยอัตโนมัติ แม่เจ้า! เธอตรอมใจตายในห้องนี้ โคตรซวยเลยเรา ดันไปแย่งที่เธอซะแล้ว ก็ไม่เคยมีใครเคยบอกนี่ว่าหอนี้มีผีน่ะ แต่ก็นั่นแหละ ใครจะบอกละ

 

ผมยังมองเธอจากด้านหลัง ภาวนาขออย่าให้เธอทำตัวบวม ตัวเบี้ยวเลยนะ เธอยังคงนั่งนิ่งแต่ผมสังเกตว่าศีรษะของเธอค่อยต่ำลงๆ ร่างเธอสั่นพร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆ ‘ซวยแล้ว’ แล้วร่างของเธอก็จางหายไป ผมวิ่งไปคว้าโทรศัพท์วิ่งออกจากห้องและกดหาแม่ทันที

 

“แม่ เห็นจะๆ คาตาเลย แม่!” ผมฟ้องแม่ แต่แม่เม้งผมกลับ บอกว่าผมเพ้อ เหมือนในหนังผีเป๊ะเลย เวลาเราเล่าเรื่องแบบนี้ให้ผู้ใหญ่ฟัง เขาจะต้องไม่เชื่อทุกทีสิน่า แล้วผมก็ได้ยินเสียงดุๆ ของผู้หญิงอีกคนลอยเข้ามา

 

“บอกมันด้วยแม่ กินยาระงับประสาทแล้วไปนอนซะ ไอ้เด็กบ้า” แล้วเธอก็หัวเราะ ผมรู้สึกโมโหขึ้นมา แม่คงพูดดังจนยัยพี่สาวตัวแสบมาได้ยินแหงๆ สกิลเผือกของเธอเก่งที่สุดในบ้าน

 

ถ้าไม่นับพี่อี๊ด ผู้หญิงรอบตัวผมนี่ไม่ห่วงผมซักคน จิ๊!

 

 

---------------------------------------------------------

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา