9&9 His
8.0
เขียนโดย สกิลพิมพ์เต่าคลาน
วันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 17.13 น.
11 ตอน
0 วิจารณ์
10.71K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 10.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ตอนที่ 2 : กล่องของขวัญหน้าห้อง 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เก้าๆ ไปช่วยแจ๋มคิดเงินหน่อยไป” ผมได้ยินพี่อี๊ดทักมา ผมจึงปิดประตูตู้แช่และวางถาดกระป๋องน้ำอัดลมไว้ตรงที่ของมัน “ถ้าเสร็จแล้วก็กลับได้เลยนะ วันนี้พอแค่นี้แหละ ขอบใจที่อยู่ช่วย” พี่อี๊ดพูดต่อตอนที่ผมกำลังเปิดประตูเข้าร้าน
“ได้ฮะ พี่” ผมตอบไปสั้นๆ และวิ่งออกมาจากหลังร้านตรงไปที่เครื่องคิดเงิน วันนี้ลูกค้าในร้านไม่เยอะ แต่ร้านสะดวกซื้ออย่างเราไม่ชอบให้ลูกค้ารอคิว พนักงานจึงมักจะต้องวางมือจากงานอื่นๆ เพื่อมาคิดเงินให้ลูกค้าก่อนเสมอ
แต่การรับมือกับลูกค้าไม่ใช่งานง่ายสำหรับผม ผมเป็นคนที่ไม่ชอบการตอบคำถาม ไม่ว่าใครจะถามเรื่องอะไรก็แล้วแต่ผมจะรู้สึกประหม่ามากๆ และทุกครั้งที่ตอบก็จะทำได้ไม่ดีนัก และที่ไม่ชอบยิ่งขึ้นไปอีกก็คือรับมือกับลูกค้าที่ชอบโวยวาย พี่อี๊ดรู้ดี เธอจึงไม่ว่าอะไรหากผมจะแอบไปเติมของเข้าชั้น หรือเข้ามาจัดของอยู่หลังร้านในช่วงที่หมดกะของผมแล้ว
“ขอบคุณมากครับ แล้วกลับมาอุดหนุนอีกนะครับ” ผมส่งเงินทอนให้ลูกค้าคนสุดท้ายที่รอคิวอยู่เครื่องของผม และกำลังจะปิดเครื่อง ก็มีลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามา
“อันนี้มีสิทธิ์แลกซื้อหรือเปล่าลูก? ดูให้ป้าทีซิ” ผมหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยื่นใบเสร็จมาที่ผม แต่ตาเธอไม่ได้มองผมเลย เธอกำลังกวาดสายตาไปรอบๆ ร้าน ผมยื่นมือไปรับใบเสร็จมาดูก็พบว่าสิทธิ์แลกซื้อของเธอมีหลายรายการ แต่ผมยังไม่ทันได้ตอบ พี่อี๊ดก็เดินมาต้อนรับลูกค้าเองและเอามือไล่ผมออกจากเครื่อง ผมก้มหัวให้เธอและเดินออกมา
ผมออกมาจากร้านและข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามที่เป็นตลาดเพื่อหาของกิน ที่นี่ตอนเย็นๆ ของกินจะเยอะมาก ผมจึงไม่เดือดร้อนอะไรหากจะต้องอยู่ช่วยงานต่ออีกซักชั่วโมงหลังเลิกงาน ผมทำอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มงาน พี่อี๊ดจึงค่อนข้างเอ็นดูผม อะไรที่ผิดพลาดนิดๆ หน่อยๆ เธอก็จะตำหนิพอเป็นพิธีเท่านั้น
วันนี้ผมซื้อข้าวและกับข้าวมาสองสามอย่าง และบังเอิญเดินผ่านร้านขนมไทยจึงหยิบขนมชั้นติดมือมาด้วยอีกหนึ่งชิ้น นานๆ ทีได้กินขนมแบบนี้ก็มีความสุขดีนะ เพราะปกติผมก็ซื้อแต่ขนมปัง ขนมปังกรอบ คุ๊กกี้ และขนมอื่นๆ มาอัดไว้เต็มตู้เย็น
ผมเดินกลับมาจนถึงหอพัก หลังจากทักทายลุงโตที่เป็น รปภ. แล้วก็ตรงดิ่งขึ้นบันไดมาชั้นสองทันที และเป็นธรรมดาที่ผมมักจะมองไปที่หน้าห้องของตัวเอง มันจึงทำให้ตาของผมสะดุดเข้ากับกล่องใบใหญ่ใบหนึ่งที่วางอยู่หน้าประตู ผมรีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไปดู
กล่องที่วางอยู่เป็นกล่องสีน้ำตาลเข้มแบบที่เป็นฝาครอบแยกจากตัวกล่อง ใบใหญ่ทีเดียว มีริบบิ้นสีน้ำตาลอ่อนพันสี่ด้านและทำเป็นโบว์ที่ค่อนข้างสลับซับซ้อนอยู่ด้านบน มีการ์ดแผ่นเล็กๆ วางอยู่ด้วยผมจึงเปิดอ่าน ‘ของขวัญสำหรับเก้า’ ผมคิดว่าคงมีคนเอามาวางผิดห้อง มันไม่ใช่ของๆ ผมแน่นอน แต่จะวางทิ้งไว้แบบนี้ก็กลัวจะหาย ผมจึงเปิดประตูและอุ้มมันเข้าห้องมาด้วย
ผมอุ้มมันอยู่แบบนั้นในขณะที่กำลังมองหาที่วาง ซ้ายมือก็เป็นกองฟูกสำหรับนอนกับโต๊ะอ่านหนังสือ ลึกเข้าไปก็เป็นหน้าห้องน้ำที่มีตู้เย็นและโต๊ะตัวใหญ่วางกินที่ไปหมดแล้ว ผมจึงเอามันไปวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวที่ผมเอาไว้วางหนังหนังสือ โต๊ะตัวนี้วางอยู่ข้างๆ ฟูกเสมอ เผื่อเวลาอ่านหนังสือแล้วง่วงจะได้นอนไปเลย หลังจากนั้นจึงเดินไปหน้าห้องน้ำเพื่อวางของกินแล้วก็เดินกลับมามองกล่องใบนี้อีกครั้ง ‘ใครเอามาวางไว้ให้ใครหว่า?’ ผมพยายามหาคำตอบ ถึงแม้ในการ์ดจะระบุชื่อเก้า แต่ผมคิดว่าคงเป็นคนอื่น เพราะไม่เคยมีใครเอากล่องของขวัญสวยหรูแบบนี้มาให้ผม อย่างมากก็ใส่ถุงพลาสติกของห้างเท่านั้น
เกือบๆ จะหนึ่งทุ่มแล้วตอนที่ผมนั่งกินข้าวพร้อมๆ กับดูหนังไปด้วย แต่ผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไร ในหัวมันคอยแต่จะนึกถึงเจ้ากล่องปริศนาใบนี้ ผมจึงปิดหนังหลังจากกินข้าวเสร็จและเตรียมจะอาบน้ำ ผมถอดเสื้อพนักงานออกแล้ว ตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
---------------------------------------------------------
“ได้ฮะ พี่” ผมตอบไปสั้นๆ และวิ่งออกมาจากหลังร้านตรงไปที่เครื่องคิดเงิน วันนี้ลูกค้าในร้านไม่เยอะ แต่ร้านสะดวกซื้ออย่างเราไม่ชอบให้ลูกค้ารอคิว พนักงานจึงมักจะต้องวางมือจากงานอื่นๆ เพื่อมาคิดเงินให้ลูกค้าก่อนเสมอ
แต่การรับมือกับลูกค้าไม่ใช่งานง่ายสำหรับผม ผมเป็นคนที่ไม่ชอบการตอบคำถาม ไม่ว่าใครจะถามเรื่องอะไรก็แล้วแต่ผมจะรู้สึกประหม่ามากๆ และทุกครั้งที่ตอบก็จะทำได้ไม่ดีนัก และที่ไม่ชอบยิ่งขึ้นไปอีกก็คือรับมือกับลูกค้าที่ชอบโวยวาย พี่อี๊ดรู้ดี เธอจึงไม่ว่าอะไรหากผมจะแอบไปเติมของเข้าชั้น หรือเข้ามาจัดของอยู่หลังร้านในช่วงที่หมดกะของผมแล้ว
“ขอบคุณมากครับ แล้วกลับมาอุดหนุนอีกนะครับ” ผมส่งเงินทอนให้ลูกค้าคนสุดท้ายที่รอคิวอยู่เครื่องของผม และกำลังจะปิดเครื่อง ก็มีลูกค้าคนหนึ่งเดินเข้ามา
“อันนี้มีสิทธิ์แลกซื้อหรือเปล่าลูก? ดูให้ป้าทีซิ” ผมหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยื่นใบเสร็จมาที่ผม แต่ตาเธอไม่ได้มองผมเลย เธอกำลังกวาดสายตาไปรอบๆ ร้าน ผมยื่นมือไปรับใบเสร็จมาดูก็พบว่าสิทธิ์แลกซื้อของเธอมีหลายรายการ แต่ผมยังไม่ทันได้ตอบ พี่อี๊ดก็เดินมาต้อนรับลูกค้าเองและเอามือไล่ผมออกจากเครื่อง ผมก้มหัวให้เธอและเดินออกมา
ผมออกมาจากร้านและข้ามถนนมายังฝั่งตรงข้ามที่เป็นตลาดเพื่อหาของกิน ที่นี่ตอนเย็นๆ ของกินจะเยอะมาก ผมจึงไม่เดือดร้อนอะไรหากจะต้องอยู่ช่วยงานต่ออีกซักชั่วโมงหลังเลิกงาน ผมทำอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มงาน พี่อี๊ดจึงค่อนข้างเอ็นดูผม อะไรที่ผิดพลาดนิดๆ หน่อยๆ เธอก็จะตำหนิพอเป็นพิธีเท่านั้น
วันนี้ผมซื้อข้าวและกับข้าวมาสองสามอย่าง และบังเอิญเดินผ่านร้านขนมไทยจึงหยิบขนมชั้นติดมือมาด้วยอีกหนึ่งชิ้น นานๆ ทีได้กินขนมแบบนี้ก็มีความสุขดีนะ เพราะปกติผมก็ซื้อแต่ขนมปัง ขนมปังกรอบ คุ๊กกี้ และขนมอื่นๆ มาอัดไว้เต็มตู้เย็น
ผมเดินกลับมาจนถึงหอพัก หลังจากทักทายลุงโตที่เป็น รปภ. แล้วก็ตรงดิ่งขึ้นบันไดมาชั้นสองทันที และเป็นธรรมดาที่ผมมักจะมองไปที่หน้าห้องของตัวเอง มันจึงทำให้ตาของผมสะดุดเข้ากับกล่องใบใหญ่ใบหนึ่งที่วางอยู่หน้าประตู ผมรีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไปดู
กล่องที่วางอยู่เป็นกล่องสีน้ำตาลเข้มแบบที่เป็นฝาครอบแยกจากตัวกล่อง ใบใหญ่ทีเดียว มีริบบิ้นสีน้ำตาลอ่อนพันสี่ด้านและทำเป็นโบว์ที่ค่อนข้างสลับซับซ้อนอยู่ด้านบน มีการ์ดแผ่นเล็กๆ วางอยู่ด้วยผมจึงเปิดอ่าน ‘ของขวัญสำหรับเก้า’ ผมคิดว่าคงมีคนเอามาวางผิดห้อง มันไม่ใช่ของๆ ผมแน่นอน แต่จะวางทิ้งไว้แบบนี้ก็กลัวจะหาย ผมจึงเปิดประตูและอุ้มมันเข้าห้องมาด้วย
ผมอุ้มมันอยู่แบบนั้นในขณะที่กำลังมองหาที่วาง ซ้ายมือก็เป็นกองฟูกสำหรับนอนกับโต๊ะอ่านหนังสือ ลึกเข้าไปก็เป็นหน้าห้องน้ำที่มีตู้เย็นและโต๊ะตัวใหญ่วางกินที่ไปหมดแล้ว ผมจึงเอามันไปวางไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นตัวที่ผมเอาไว้วางหนังหนังสือ โต๊ะตัวนี้วางอยู่ข้างๆ ฟูกเสมอ เผื่อเวลาอ่านหนังสือแล้วง่วงจะได้นอนไปเลย หลังจากนั้นจึงเดินไปหน้าห้องน้ำเพื่อวางของกินแล้วก็เดินกลับมามองกล่องใบนี้อีกครั้ง ‘ใครเอามาวางไว้ให้ใครหว่า?’ ผมพยายามหาคำตอบ ถึงแม้ในการ์ดจะระบุชื่อเก้า แต่ผมคิดว่าคงเป็นคนอื่น เพราะไม่เคยมีใครเอากล่องของขวัญสวยหรูแบบนี้มาให้ผม อย่างมากก็ใส่ถุงพลาสติกของห้างเท่านั้น
เกือบๆ จะหนึ่งทุ่มแล้วตอนที่ผมนั่งกินข้าวพร้อมๆ กับดูหนังไปด้วย แต่ผมไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไร ในหัวมันคอยแต่จะนึกถึงเจ้ากล่องปริศนาใบนี้ ผมจึงปิดหนังหลังจากกินข้าวเสร็จและเตรียมจะอาบน้ำ ผมถอดเสื้อพนักงานออกแล้ว ตอนที่ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น
---------------------------------------------------------
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ