NEO MEMORiAL

8.0

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 22.17 น.

  21 ตอน
  2 วิจารณ์
  20.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 01.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตอนที่ 4 : เด็กหญิงและคุณครู 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ทำไมมันจึงรวดเร็วขนาดนี้น่ะเหรอ ก็เพราะนางสาวจูดิธ บลูมส์ เป็นคนกว้างขวางน่ะสิ เธอเป็นที่รู้จักในฐานะนักกิจกรรมดีเด่นตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาแล้วละ เพื่อนฝูงเพียบเลย แถมปัจจุบันก็ยังเป็นครูนักพัฒนา ถูกเชิญไปร่วมสัมมนาบ่อยๆ อีกด้วย นอกจากจะเพื่อนเยอะแล้ว เจ้าหน้าที่กระทรวงก็ยังคุ้นหน้าเธออีก และนั่นยังไม่พอ เธอเคยมีวีรกรรมเด็ดกับเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกด้วย ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันอยู่เกรดห้า วันที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบโรงเรียนเข้ามา ทางโรงเรียนของเรากำลังจะพาเด็กเกรดสี่ออกไปร่วมกิจกรรมวันเฉลิมฉลองของเมืองพอดี พอเจ้าหน้าที่ฯ มาถึงก็เรียกทีมครูพี่เลี้ยงไปตำหนิและสั่งระงับกิจกรรมทันที แต่บังเอิญว่าปีนั้นครูจูดิธอยู่ในทีมครูพี่เลี้ยงด้วย เธอจึงสวนกลับไปสองหมัด

 

หมัดแรกแย็บเบาๆ ด้วยการยกประเด็นที่ว่าเด็กจะได้รับโอกาสในการเรียนรู้วัฒนธรรมบ้านเมืองได้ชัดเจนกว่านั่งอยู่ในชั้นเรียน ซึ่งจะส่งผลให้เด็กสามารถทำความเข้าใจวิชาสังคมศึกษาได้ง่ายขึ้น และตามด้วยหมัดตรงว่า เธอจะเป็นผู้รับผิดชอบเองหากกระทรวงศึกษาจะเอาเรื่อง พอพูดจบแล้วเธอก็พาเด็กๆ ออกไปร่วมงานของเมืองทันที ส่วนทางเจ้าหน้าที่ฯ โดนเข้าไปสองหมัด ต่อให้ไม่ถึงกับสลบก็คงมึนๆ ไปทั้งวันล่ะฉันว่า หลังจากนั้นสามวัน ครูจูดิธก็ถูกเชิญไปที่กระทรวงศึกษาหนึ่งครั้ง แล้วเรื่องก็เงียบไป ด้วยเหตุนี้คุณจูดิธจึงเป็นที่รู้จักของกระทรวงศึกษาและคนในแวดวงการศึกษามากขึ้นในฐานะครูนักวิวาทะ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ครูของทั้งสองโรงเรียนกระตือรือร้นที่จะตอบรับจดหมายของครูจูดิธ ทุกคนคงอยากจะมาเห็นนักเรียนในอุปภัมถ์ของเธอและถือโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเธอด้วย แต่การสัมภาษณ์ทั้งสองครั้งก็ล้มเหลวไม่เป็นท่า

 

การสัมภาษณ์ทั้งสองครั้งจัดติดกันสองวัน ทำให้ฉันพอจะจำรูปแบบการสัมภาษณ์และนำมาเปรียบเทียบกันได้ ฉันมานั่งประเมินดูว่าอะไรที่ทำให้การสัมภาษณ์ล้มเหลว ฉันประเมินแบบเป็นกลางอย่างสุดๆ เลยว่าครึ่งหนึ่งเป็นความผิดของฉันที่ไม่เตรียมตัวให้มากพอ แต่อีกครึ่งหนึ่งฉันคิดว่าเป็นที่คนสัมภาษณ์ เหตุผลก็เพราะพวกเขามีประวัติย่อของฉัน แต่ฉันไม่แน่ใจว่าพวกเขาได้อ่านมันบ้างหรือเปล่า เพราะเจ้าหน้าที่ทั้งสองโรงเรียนเริ่มการสัมภาษณ์เหมือนกันเลย คือขอให้ฉันแนะนำตัว ตั้งแต่ชื่อ สกุล อายุ วันเดือนปีเกิด ชั้นเรียน ฯลฯ ฉันก็แนะนำตัวในแบบที่เขาต้องการ แต่ในใจก็คิดว่าถ้าพวกเขาอ่านซักหน่อยก็จะรู้ชื่อและนามสกุลของฉัน ทั้งอายุ ส่วนสูง น้ำหนัก บอกไว้หมดแล้วในประวัติย่อ เราสามารถข้ามขั้นตอนพวกนี้ไปได้ และเข้าคำถามสำคัญๆ ได้เลยไม่ใช่เหรอ? แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อทั้งสองโรงเรียนมารูปแบบเดียวกัน มันคงมีนัยยะอะไรบางอย่าง ฉันพยายามยิ้มและตอบคำถามต่อไป

 

พอมาถึงคำถามกิจกรรมและความถนัด เมื่อไรที่ฉันตอบ เจ้าหน้าที่ก็จะพลอยเสริมด้วยคำพูดประมาณว่า สมัยพี่อายุเท่าหนูนะ มันจะแบบนู้น แบบนี้ หรือไม่ก็ เด็กสมัยนี้สบายอย่างนู้น อย่างนี้ สมัยพี่จะต้องทำไอ้นั้น ไอ้นี่ แถมพูดเยอะกว่าฉันอีก ฉันก็ทำได้แค่ยิ้มไปตามเรื่องตามราว ฉันไม่ได้รังเกียจที่จะรับฟังหรอกนะ อย่างน้อยครูจูดิธก็สอนฉันมาในเรื่องของการเป็นนักฟังที่ดี แต่มันควรเป็นฉันที่ต้องพูดเยอะกว่าสิ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเขาอยากจะพูด ฉันจะห้ามได้อย่างไร

 

ที่หนักสุดก็คือทักษะการสัมภาษณ์ของพวกเขา ทั้งสองคนมานั่งอ่านคำถามสัมภาษณ์ให้ฉันฟังแบบคำต่อคำเลย ก้มหน้าก้มตาอ่านพอจบจึงเงยหน้ามามองฉันพร้อมกับส่งยิ้มหวาน เขาทำเหมือนกับไม่รู้ก่อนว่าต้องการรู้อะไรและกำลังมองหาสิ่งไหนจากฉัน และเมื่อเวลามันล่วงเลยไป คำถามสำคัญๆ มาช้ากว่าที่ควรจะเป็น หลายๆ คำตอบมันจึงถูกรวบรัดให้จบ แล้วสุดท้าย ฉันก็เลยหมดอารมณ์จะพูด ผลก็เลยออกมาเป็นว่า "เด็กคนนี้ยังไม่สามารถแสดงออกได้อย่างชัดเจนว่ามีทักษะที่เหมาะสมกับโรงเรียนของพวกเรา" กล่าวโดยเจ้าหน้าที่พิเศษจากโรงเรียนพยาบาลอะไรซักอย่าง และอีกโรงเรียนก็สรุปว่า "ตอบคำถามได้ดี ตรงประเด็น แต่เป็นเด็กที่ไม่ค่อยแสดงความรู้สึก ขาดปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด" กล่าวโดยเจ้าหน้าที่พิเศษโรงเรียนอะไรซักอย่าง ฉันไม่ได้จำชื่อด้วยซ้ำ

 

หลังจบสัมภาษณ์แต่ละวันครูจูดิธจะเข้าไปพบเพื่อฟังสรุปซึ่งฉันก็อยากรู้เหมือนกัน แต่ครูจูดิธบอกว่าให้รอฟังพร้อมกันทีเดียวจะง่ายกว่า และเมื่อจบการสัมภาษณ์วันที่สอง ฉันถูกครูจูดิธเรียกไปพบ เธอถามถึงเหตุการณ์ในห้อง ถามความรู้สึกฉัน ซึ่งฉันก็เล่าแบบไม่ปิดบัง หลังจากนั้นเธอก็สรุปผลการสัมภาษณ์ให้ฟัง ตลอดเวลาที่นั่งอยู่ด้วยกันฉันสงสัยว่าครูจูดิธรู้สึกอย่างไร ผิดหวัง หรือเสียใจ หรือโกรธ แต่เธอก็แค่อ่านสรุปไปเรื่อยๆ จนจบ แล้วเธอก็หัวเราะ

 

"นี่เขาเขียนอะไรลงไปเนี่ย? โรงเรียนนึงบอกไม่มีทักษะ อีกโรงเรียนนึงบอกขาดปฏิสัมพันธ์" แล้วเธอก็หัวเราะต่อ ฉันจึงตัดสินใจถาม

 

"ครูไม่เสียใจเหรอคะ?" ฉันถามเพราะอยากรู้จริงๆ ครูจูดิธมองฉันซักพักและตอบคำถามช้าๆ

 

"ไม่จ้ะ ครูไม่เสียใจ ดีใจด้วยซ้ำ เราได้ลองแล้วและครูเชื่อว่ามันคุ้มกับเวลาที่เราเสียไป ส่วนพวกเขา..." ครูจูดิธมองเอกสารในมือและยักไหล่ "...ก็คงเหมือนมานั่งจิบน้ำชากันนั่นแหละ" เธอตอบและยิ้มให้ฉัน แต่ฉันยังนิ่ง สรุปว่าครูจูดิธหาสนามให้ฉันได้เข้าไปลองซินะ แล้วครูจูดิธก็พูดต่อ

 

"จำได้ไหมว่าเราเคยคุยกันเรื่อง เราเป็นใคร มาจากไหน และจะเป็นอะไรต่อไป" ใช่! ฉันจำได้ เราเคยคุยกันตอนที่ฉันอยู่เกรดแปด ช่วงนั้นฉันเริ่มกลัวการที่จะต้องออกจากโรงเรียน การที่ต้องออกไปเผชิญชิวิตข้างนอก และฉันก็เริ่มตั้งคำถามงี่เง่าๆ อย่างฉันเป็นเด็กกำพร้าเพราะอะไร? พวกเขาทิ้งฉันเพราะไม่ต้องการใช่ไหม? ชีวิตจะดีกว่านี้ไหมหากมีพ่อและแม่อยู่ด้วย? คำถามมีมามากมาย มันทำให้ฉันเครียดและเริ่มเก็บตัว ครูจูดิธจึงหาโอกาสพาฉันไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะประจำเมือง เด็กๆ อย่างพวกเราไม่ค่อยได้มีโอกาสออกมาข้างนอกบ่อยนัก การได้มองอะไรอย่างอื่นนอกจากเด็กกำพร้าด้วยกัน มันจึงทำให้ฉันรู้สีกสบายใจขึ้น และวันนั้นเราก็คุยกันถึงเรื่องๆ หนึ่งเรื่องที่ฉันเคยได้ยิน แต่ไม่เคยเก็บมันไว้ในสมอง เรื่องที่ให้ทำฉันคิดเยอะขึ้น จนลืมคำถามงี่เง่าๆ พวกนั้น และเป็นเรื่องที่ทำให้ฉันกำหนดชีวิตตัวเองตั้งแต่นั้นมา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา