MysteryCode.Com
8.7
เขียนโดย KoonHame
วันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 18.34 น.
13 ตอน
7 วิจารณ์
13.72K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2561 12.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) Case1 ; Ep.5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ร้านกาแฟตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้ามากนัก หากนับเป็นระยะทางก็คงประมาณ 100 เมตรเห็นจะได้ ร้านกาแฟอยู่ติดกับถนน หน้าร้านเป็นถนนใหญ่ขนาดหกเลน มีเกาะกลางถนนคั่นกลางระหว่างเลนที่สามกับสี่ ฝั่งตรงข้ามของร้านกาแฟมีห้องพักรายวันและรายเดือนอยู่มากมาย มินามิเช่าห้องพักที่ตึกตรงข้ามกับร้านกาแฟพอดี เพื่อที่จะสังเกตุการณ์ได้ถนัดๆ หากมองกล้องส่องทางไกลผ่านหน้าต่างของห้องออกมาจะสามารถเห็นตำแหน่งที่สุริยันกับคนนัดพบได้อย่างชัดเจน หน้าต่างห้องเป็นกระจกสีชาทั้งบาน คุณลักษณะที่ดีของกระจกชนิดนี้คือคนนอกจะไม่สามารถมองเข้าไปข้างในได้ แต่คนข้างในจะสามารถมองออกมาข้างนอกเห็นอย่างชัดเจน เนื่องจากข้างนอกมีแสงสว่างมากกว่าข้างใน ส่วนด้านข้างของร้านกาแฟ ฝั่งซ้ายติดกับร้านขายเบ็ดตกปลาส่วนฝั่งขวาเป็นทางเลี้ยวเข้าซอยเพื่อไปวัดใกล้ๆ ด้านหลังของร้านกาแฟเป็นที่จอดรถของร้าน มีขนาดไม่ใหญ่จอดรถยนต์ได้ประมาณสี่คัน ในเวลาปกติจะไม่มีคนนำรถมาจอดเยอะส่วนใหญ่จะเป็นรถมอเตอร์ไซด์ของพนักงานมาจอดเสียมากกว่า เราสามารถขับรถเข้าซอยเพื่อมาจอดรถบริเวณนี้ได้ มีรั้วรอบขอบชิดเป็นกำแพงอิฐสูงทั้งหมด
"สวัสดีครับน้อง Nomad พี่แนะนำตัวก่อนนะครับพี่ชื่อมาสนะ เป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวี เข้าเรื่องเลยละกันเนอะ คือตอนนี้พี่จะทำรายการทีวี เป็นรายการแข่งขันตอบปัญหาที่ยากมากๆระดับที่ผู้ใหญ่เองก็ตอบไม่ได้ โดยจะเอาเด็กเก่งๆจากทั่วโลกมาแข่งขันกัน เรียกว่าเป็นรายการใหญ่ระดับโลกเลยล่ะ ประจวบเหมาะกับพี่ได้เห็นคะแนนจากเกมส์น้องเล่น แล้วมันเข้าตาพี่มากๆเลย พี่เลยอยากชวนน้องไปร่วมแข่งขันรายการนี้ ไม่ทราบว่าน้องสนใจมั้ย" พี่มาสทักทายและเข้าเรื่องทันทีอย่างมืออาชีพ มินามิจังที่กำลังฟังอยู่ก็นำรูปพรรณสัณฐาน ชื่อ และอาชีพ หาข้อมูลว่าเป็นจริงดังที่กล่าวอ้างหรือไม่
"แล้วตอนนี้มีผู้เข้าแข่งขันกี่คนแล้วหรอครับ" สุริยันเริ่มถามเพื่อเอาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด
"รายการเราต้องการผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 5 คน ตอนนี้เราหาได้ 4 คนแล้ว มีเด็กหนุ่มชาวรัซเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น และอีกคนฝรั่งเศส แต่ไม่ต้องกังวลไปนะ ทางรายการเราจะแปลภาษาเป็นภาษาไทยให้ เพื่อง่ายต่อการแข่งขัน ผู้ชนะจะได้รับการยอมรับว่าฉลาดที่สุดในโลกประจำปีนี้ และได้เงินรางวัล 10 ล้านดอลล่าสหรัฐเป็นเงินรางวัล" พี่มาสกล่าว
"โห เงินรางวัลสูงมากเลยนะครับเนี่ย ใครเป็นสปอนเซอร์หลักหรอครับ?" สุริยันถาม
"เรื่องนี้เราคงบอกไม่ได้นะเพราะถือเป็นความลับทางธุรกิจ ว่าแต่เราสนใจมั้ย?" พี่มาสถาม
"ถ้าผมไม่รู้ว่าใครเป็นสปอนเซอร์หลัก ผมก็คงไม่สนใจหรอกครับ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจของผมด้วย" สุริยันเริ่มหยั่งเชิง
"แหมมมมมม แค่เรื่องใครเป็นสปอนเซอร์หลักเอง ไม่ต้องคิดมาก เงินรางวัล 10 ล้านดอลล่าสหรัฐเลยนะ เป็นตัวแทนคนไทยไปสร้างชื่อเสียงไง" พีมาสเริ่มมีน้ำเสียงปนหงุดหงิดนิด
"ก่อนจะตัดสินใจอะไรก็อยากจะรู้ข้อมูลให้มากขึ้นก่อนนี่ครับ" สุริยันยังคงไม่ตอบรับคำชวน แต่เหมือนย้ำคำถามให้พี่มาสตอบอีกรอบ
"ก็ได้ พี่จะบอกข้อมูลมากกว่านี้ก็ได้ แต่ต้องไปเซ็นสัญญากับพี่ที่บริษัทก่อน รถพี่จอดอยู่หลังร้าน ป่ะไปกัน" พี่มาสเหมือนขี้เกียจตอบคำถามและพยายามทำท่าเหมือนจะลุก
"อย่าตามไปนะสุริยัน มันกำลังจะลักพาตัวนายไป" เสียงมินามิจังดังจากหูฟังเตือนเขา
"ไม่ไปครับ ผมยังไม่สะดวกเท่าไหร่ เอางี้ผมขอเบอร์พี่ไว้แล้วเดี๋ยวผมจะโทรกลับไปถ้าสนใจ" สุริยันปฏิเสธครั้งที่สามและเริ่มรู้สึกว่าเขาเริ่มเข้าตาจนขึ้นเรื่อยๆ เขาคงไม่สามารถได้ข้อมูลมากไปกว่านี้แล้วแน่ๆ และตอนนี้คงต้องหาทางชิ่งหนีไปให้ได้
"เฮ้อ ไม่ไปก็ไม่ไป นามบัตรพี่อยู่ที่รถน่ะ ตามมาเอาสิ" พี่มาสพูดจาด้วยอารมณ์ที่ผ่อนความหงุดหงิดลงกว่าเมื่อกี้ แต่เขาก็บีบให้สุริยันเดินเกมส์ตามเขา
"อย่าตามไปโดยเด็ดขาดเลยนะสุริยัน แถวที่จอดรถมันเปลี่ยว มันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ ฉันตามไปช่วยเธอไม่ทันนะ" มินามิเตือนด้วยน้ำเสียงที่เหมือนตะโกนเข้ามาในไมค์
"ได้ครับ ตามไปเอานามบัตรพี่ที่รถก็ได้ครับ" สุริยันรู้สึกว่าตัวเองยังต้องการข้อมูลมากกว่านี้อีกหน่อย เขาอยากที่จะลองเสี่ยงอีกนิดเพื่อข้อมูลสำคัญอีกสักนิดก็ยังดี
สุริยันกับพี่มาสลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบกระเป๋าสัมภาระของใครของมันแล้วเดินออกจากร้านกาแฟในทันที มินามิจังได้ยินทั้งเสียงและเห็นภาพแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอได้แต่นั่งกระวนกระวายใจอยู่ตรงนั้นและเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไป สุริยันเดินตามพี่มาสมาที่ลานจอดรถ บริเวณนั้นเปลี่ยวและเงียบมาก แทบจะเป็นซอยที่ไม่มีรถอะไรขับผ่านเลย สุริยันพยายามมองไปที่หอพักว่ามินามิจังมองเห็นรึเปล่า แต่ก็มองไม่เห็นเนื่องจากพอเดินเข้าลานจอดรถตัวอาคารของร้านกาแฟก็บังหอพักซะมิดเลย ในหูฟังเองก็ไม่มีเสียงอะไร คิดว่ามินามิจังคงกำลังตั้งใจฟังอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เมื่อทั้งคู่เข้าไปในลานจอดรถ พี่มาสก็เดินไปเปิดท้ายรถตัวเองเพื่อจะหยิบของบางอย่าง ขณะที่กำลังค้นหาของบางอย่างพี่มาสก็ชวนคุยไปเรื่อย "จริงๆพี่ก็อยากให้เราตามไปวันนี้เลยนะ เราจะได้ทำสัญญากันคุยกันให้มันจบๆไป” สุริยันพยายามยืนทิ้งระยะห่างจากพี่มาส “พี่ก็ไม่ได้อยากใช้ไม้แข็งหรอกนะ แต่เข้าใจพี่หน่อยเถอะ" เมื่อพูดจบ พี่มาสก็หันปืนจ่อมาที่สุริยันทันที
ปืน Glock 9 mm. เป็นปืนที่นิยมพกพาไว้ใช้ป้องกันตัวในเมืองไทย มีน้ำหนักเบาเนื่องจากทำจากโพลิเมอร์ไม่มีระบบเซฟตี้เหมือนรุ่นอื่นๆ แต่ปืน Glock ก็มีระบบกันลั่นและระบบไกสองระดับเพื่อความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ พี่มาสหันปืนที่ขึ้นลำเรียบร้อยมาที่สุริยันพร้อมกับขู่ให้สุริยันเดินไปขึ้นรถ "พี่ไม่อยากใช้วิธีนี้หรอก แต่ถ้าเรื่องมันยากมากพี่ก็ขอใช้ทางลัดละกัน ขึ้นรถไปซะ ไม่อยากให้ใครเจ็บตัว" ระยะห่างระหว่างพี่มาสกับสุริยันประมาณ 5 เมตร สุริยันอยู่ใกล้ประตูทางออกลานจอดรถ ส่วนพี่มาสอยู่ที่ท้ายรถของเขา สุริยันรู้เรื่องปืนดี และเขาก็มองออกว่าพี่มาสเป็นมือใหม่ ทั้งตำแหน่งการวางนิ้วบนไกปืน ทั้งลักษณะการจับปืน ยิ่งยืนยันว่าพี่มาสอาจจะไม่เคยยิงปืนจริงๆเลยก็ได้ แต่ปัญหาสำคัญที่ทำให้สุริยันเหงื่อตกได้ก็คือ พวกมือใหม่ที่จับปืนครั้งแรกนี่แหละอันตรายที่สุด ตอนนี้ในหูฟังของสุริยันไม่ได้ยินเสียงของมินามิจังเลย และเขาก็ไม่คิดว่ามินามิจังจะมาช่วยเขาได้ทัน "รออะไรล่ะ ไปขึ้นรถสิ อย่ามาตุกติก ยิงจริงนะไอ้หนู" พี่มาสตะโกนบอกให้ไปขึ้นรถ สาเหตุที่พี่มาสตะโกนเรียก แทนที่จะเดินเข้าไปเอาปืนจ่อใกล้ๆ ก็เพราะว่าสุริยันยืนอยู่ใกล้ทางออก ถ้าตัวเองเดินถือปืนเข้าไปหาแล้วเกิดมีคนเห็นเข้าจะเป็นปัญหาได้ พี่มาสจึงเลี่ยงที่จะเดินไปและยืนเรียกอยู่ไกลๆแทน
"ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วยครับ ทั้งๆที่ผมไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย เป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนนึง" สุริยันพูด "เหอะๆๆ เพราะเอ็งมันเป็นเด็กอัจฉริยะไง พวกพี่กำลังหาตัวเด็กอัจฉริยะกันอยู่ และผลตอบแทนจากการจับเด็กอย่างพวกแกได้ รายได้อย่างงามเลยล่ะ" พี่มาสแสดงธาตุกท้ของตัวเองออกมาทันที "งั้นเด็กคนที่เป็นข่าวเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่ก็ฝีมือพวกพี่ใช่มั้ย" สุริยันถามต่อ "อ๋า เอ็งได้ดูข่าวด้วยรึ ใช่แล้วล่ะ ฝีมือพวกพี่เอง แต่จริงๆแล้วมีก่อนหน้านั้นอีก 3 คนนะ ที่ประเทศอื่น แกคงไม่เคยยินข่าวหรอก" "งี้ผมจะต้องถูกจับไปฆ่าสินะ" สุริยันถามต่อ "ไม่หรอก แกจะได้กินอยู่อย่างสุขสบายเหมือนเพื่อนๆของแกทุกคนตอนนี้ เยี่ยงราชาเลยล่ะ แต่หลังจากนั้นไม่นานสิ่งที่พวกแกจะได้เจอ อย่าให้เรียกว่านรกเลย มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆๆๆ เอาล่ะรีบมานี่ซะทีเซ่ ชักจะหมดความอดทนกับการตอบคำถามงี่เง่าของแกละ" พี่มาสแสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดขึ้นมาและเล็งไปที่ขาของสุริยัน
ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้น
"สวัสดีครับน้อง Nomad พี่แนะนำตัวก่อนนะครับพี่ชื่อมาสนะ เป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวี เข้าเรื่องเลยละกันเนอะ คือตอนนี้พี่จะทำรายการทีวี เป็นรายการแข่งขันตอบปัญหาที่ยากมากๆระดับที่ผู้ใหญ่เองก็ตอบไม่ได้ โดยจะเอาเด็กเก่งๆจากทั่วโลกมาแข่งขันกัน เรียกว่าเป็นรายการใหญ่ระดับโลกเลยล่ะ ประจวบเหมาะกับพี่ได้เห็นคะแนนจากเกมส์น้องเล่น แล้วมันเข้าตาพี่มากๆเลย พี่เลยอยากชวนน้องไปร่วมแข่งขันรายการนี้ ไม่ทราบว่าน้องสนใจมั้ย" พี่มาสทักทายและเข้าเรื่องทันทีอย่างมืออาชีพ มินามิจังที่กำลังฟังอยู่ก็นำรูปพรรณสัณฐาน ชื่อ และอาชีพ หาข้อมูลว่าเป็นจริงดังที่กล่าวอ้างหรือไม่
"แล้วตอนนี้มีผู้เข้าแข่งขันกี่คนแล้วหรอครับ" สุริยันเริ่มถามเพื่อเอาข้อมูลมาให้ได้มากที่สุด
"รายการเราต้องการผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 5 คน ตอนนี้เราหาได้ 4 คนแล้ว มีเด็กหนุ่มชาวรัซเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น และอีกคนฝรั่งเศส แต่ไม่ต้องกังวลไปนะ ทางรายการเราจะแปลภาษาเป็นภาษาไทยให้ เพื่อง่ายต่อการแข่งขัน ผู้ชนะจะได้รับการยอมรับว่าฉลาดที่สุดในโลกประจำปีนี้ และได้เงินรางวัล 10 ล้านดอลล่าสหรัฐเป็นเงินรางวัล" พี่มาสกล่าว
"โห เงินรางวัลสูงมากเลยนะครับเนี่ย ใครเป็นสปอนเซอร์หลักหรอครับ?" สุริยันถาม
"เรื่องนี้เราคงบอกไม่ได้นะเพราะถือเป็นความลับทางธุรกิจ ว่าแต่เราสนใจมั้ย?" พี่มาสถาม
"ถ้าผมไม่รู้ว่าใครเป็นสปอนเซอร์หลัก ผมก็คงไม่สนใจหรอกครับ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินใจของผมด้วย" สุริยันเริ่มหยั่งเชิง
"แหมมมมมม แค่เรื่องใครเป็นสปอนเซอร์หลักเอง ไม่ต้องคิดมาก เงินรางวัล 10 ล้านดอลล่าสหรัฐเลยนะ เป็นตัวแทนคนไทยไปสร้างชื่อเสียงไง" พีมาสเริ่มมีน้ำเสียงปนหงุดหงิดนิด
"ก่อนจะตัดสินใจอะไรก็อยากจะรู้ข้อมูลให้มากขึ้นก่อนนี่ครับ" สุริยันยังคงไม่ตอบรับคำชวน แต่เหมือนย้ำคำถามให้พี่มาสตอบอีกรอบ
"ก็ได้ พี่จะบอกข้อมูลมากกว่านี้ก็ได้ แต่ต้องไปเซ็นสัญญากับพี่ที่บริษัทก่อน รถพี่จอดอยู่หลังร้าน ป่ะไปกัน" พี่มาสเหมือนขี้เกียจตอบคำถามและพยายามทำท่าเหมือนจะลุก
"อย่าตามไปนะสุริยัน มันกำลังจะลักพาตัวนายไป" เสียงมินามิจังดังจากหูฟังเตือนเขา
"ไม่ไปครับ ผมยังไม่สะดวกเท่าไหร่ เอางี้ผมขอเบอร์พี่ไว้แล้วเดี๋ยวผมจะโทรกลับไปถ้าสนใจ" สุริยันปฏิเสธครั้งที่สามและเริ่มรู้สึกว่าเขาเริ่มเข้าตาจนขึ้นเรื่อยๆ เขาคงไม่สามารถได้ข้อมูลมากไปกว่านี้แล้วแน่ๆ และตอนนี้คงต้องหาทางชิ่งหนีไปให้ได้
"เฮ้อ ไม่ไปก็ไม่ไป นามบัตรพี่อยู่ที่รถน่ะ ตามมาเอาสิ" พี่มาสพูดจาด้วยอารมณ์ที่ผ่อนความหงุดหงิดลงกว่าเมื่อกี้ แต่เขาก็บีบให้สุริยันเดินเกมส์ตามเขา
"อย่าตามไปโดยเด็ดขาดเลยนะสุริยัน แถวที่จอดรถมันเปลี่ยว มันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ ฉันตามไปช่วยเธอไม่ทันนะ" มินามิเตือนด้วยน้ำเสียงที่เหมือนตะโกนเข้ามาในไมค์
"ได้ครับ ตามไปเอานามบัตรพี่ที่รถก็ได้ครับ" สุริยันรู้สึกว่าตัวเองยังต้องการข้อมูลมากกว่านี้อีกหน่อย เขาอยากที่จะลองเสี่ยงอีกนิดเพื่อข้อมูลสำคัญอีกสักนิดก็ยังดี
สุริยันกับพี่มาสลุกขึ้นจากโต๊ะ หยิบกระเป๋าสัมภาระของใครของมันแล้วเดินออกจากร้านกาแฟในทันที มินามิจังได้ยินทั้งเสียงและเห็นภาพแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอได้แต่นั่งกระวนกระวายใจอยู่ตรงนั้นและเฝ้าดูสถานการณ์ต่อไป สุริยันเดินตามพี่มาสมาที่ลานจอดรถ บริเวณนั้นเปลี่ยวและเงียบมาก แทบจะเป็นซอยที่ไม่มีรถอะไรขับผ่านเลย สุริยันพยายามมองไปที่หอพักว่ามินามิจังมองเห็นรึเปล่า แต่ก็มองไม่เห็นเนื่องจากพอเดินเข้าลานจอดรถตัวอาคารของร้านกาแฟก็บังหอพักซะมิดเลย ในหูฟังเองก็ไม่มีเสียงอะไร คิดว่ามินามิจังคงกำลังตั้งใจฟังอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เมื่อทั้งคู่เข้าไปในลานจอดรถ พี่มาสก็เดินไปเปิดท้ายรถตัวเองเพื่อจะหยิบของบางอย่าง ขณะที่กำลังค้นหาของบางอย่างพี่มาสก็ชวนคุยไปเรื่อย "จริงๆพี่ก็อยากให้เราตามไปวันนี้เลยนะ เราจะได้ทำสัญญากันคุยกันให้มันจบๆไป” สุริยันพยายามยืนทิ้งระยะห่างจากพี่มาส “พี่ก็ไม่ได้อยากใช้ไม้แข็งหรอกนะ แต่เข้าใจพี่หน่อยเถอะ" เมื่อพูดจบ พี่มาสก็หันปืนจ่อมาที่สุริยันทันที
ปืน Glock 9 mm. เป็นปืนที่นิยมพกพาไว้ใช้ป้องกันตัวในเมืองไทย มีน้ำหนักเบาเนื่องจากทำจากโพลิเมอร์ไม่มีระบบเซฟตี้เหมือนรุ่นอื่นๆ แต่ปืน Glock ก็มีระบบกันลั่นและระบบไกสองระดับเพื่อความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ พี่มาสหันปืนที่ขึ้นลำเรียบร้อยมาที่สุริยันพร้อมกับขู่ให้สุริยันเดินไปขึ้นรถ "พี่ไม่อยากใช้วิธีนี้หรอก แต่ถ้าเรื่องมันยากมากพี่ก็ขอใช้ทางลัดละกัน ขึ้นรถไปซะ ไม่อยากให้ใครเจ็บตัว" ระยะห่างระหว่างพี่มาสกับสุริยันประมาณ 5 เมตร สุริยันอยู่ใกล้ประตูทางออกลานจอดรถ ส่วนพี่มาสอยู่ที่ท้ายรถของเขา สุริยันรู้เรื่องปืนดี และเขาก็มองออกว่าพี่มาสเป็นมือใหม่ ทั้งตำแหน่งการวางนิ้วบนไกปืน ทั้งลักษณะการจับปืน ยิ่งยืนยันว่าพี่มาสอาจจะไม่เคยยิงปืนจริงๆเลยก็ได้ แต่ปัญหาสำคัญที่ทำให้สุริยันเหงื่อตกได้ก็คือ พวกมือใหม่ที่จับปืนครั้งแรกนี่แหละอันตรายที่สุด ตอนนี้ในหูฟังของสุริยันไม่ได้ยินเสียงของมินามิจังเลย และเขาก็ไม่คิดว่ามินามิจังจะมาช่วยเขาได้ทัน "รออะไรล่ะ ไปขึ้นรถสิ อย่ามาตุกติก ยิงจริงนะไอ้หนู" พี่มาสตะโกนบอกให้ไปขึ้นรถ สาเหตุที่พี่มาสตะโกนเรียก แทนที่จะเดินเข้าไปเอาปืนจ่อใกล้ๆ ก็เพราะว่าสุริยันยืนอยู่ใกล้ทางออก ถ้าตัวเองเดินถือปืนเข้าไปหาแล้วเกิดมีคนเห็นเข้าจะเป็นปัญหาได้ พี่มาสจึงเลี่ยงที่จะเดินไปและยืนเรียกอยู่ไกลๆแทน
"ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้ด้วยครับ ทั้งๆที่ผมไม่ใช่คนสำคัญอะไรเลย เป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนนึง" สุริยันพูด "เหอะๆๆ เพราะเอ็งมันเป็นเด็กอัจฉริยะไง พวกพี่กำลังหาตัวเด็กอัจฉริยะกันอยู่ และผลตอบแทนจากการจับเด็กอย่างพวกแกได้ รายได้อย่างงามเลยล่ะ" พี่มาสแสดงธาตุกท้ของตัวเองออกมาทันที "งั้นเด็กคนที่เป็นข่าวเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่ก็ฝีมือพวกพี่ใช่มั้ย" สุริยันถามต่อ "อ๋า เอ็งได้ดูข่าวด้วยรึ ใช่แล้วล่ะ ฝีมือพวกพี่เอง แต่จริงๆแล้วมีก่อนหน้านั้นอีก 3 คนนะ ที่ประเทศอื่น แกคงไม่เคยยินข่าวหรอก" "งี้ผมจะต้องถูกจับไปฆ่าสินะ" สุริยันถามต่อ "ไม่หรอก แกจะได้กินอยู่อย่างสุขสบายเหมือนเพื่อนๆของแกทุกคนตอนนี้ เยี่ยงราชาเลยล่ะ แต่หลังจากนั้นไม่นานสิ่งที่พวกแกจะได้เจอ อย่าให้เรียกว่านรกเลย มันยังน้อยเกินไปด้วยซ้ำ ฮ่าๆๆๆๆ เอาล่ะรีบมานี่ซะทีเซ่ ชักจะหมดความอดทนกับการตอบคำถามงี่เง่าของแกละ" พี่มาสแสดงท่าทางกระฟัดกระเฟียดขึ้นมาและเล็งไปที่ขาของสุริยัน
ทันใดนั้นเสียงก็ดังขึ้น
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ