Love in demon : รักวุ่นๆของเด็กหนุ่มกับ(เหล่า)ปีศา
เขียนโดย Blueheadphone
วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.19 น.
แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 21.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) การผจญภัยครั้งที่ 9
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมเดรน? คิๆ”
ชายผมชมพูในชุดตัวตลกที่กำลังใช้มีดกรีดท้องของเหยื่อแล้วล้วงมือเข้าไปดึงลำไส้เขาออกมาเคี้ยวเล่นหันหน้ามาถามเพื่อนซึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือเล่มเก่าเล่มหนึ่งอยู่ แล้วเมื่อเหยื่อของเขาร้องก็จำเป็นต้องใช้ผ้ามารัดปากเอาไว้ถึงแม้ว่าเขานั้นจะอยากฟังเสียงของความเจ็บปวดนี้มากเท่าใดก็ตาม ก็กลัวว่ามันจะทำให้ไม่ได้ยินเสียงพูดของเดรนนี่สิ
“ว่ามาสิ”เดรนเงยหน้าละจากหนังสือมาพูด “เรื่องที่ส่งไนน์เทลไปแอนทีสแทนที่จะให้อูราโนสไปงั้นสิ?”
“เรื่องนั้นก็ส่วนหนึ่ง”ว่าก่อนควักลูกตาสีฟ้านั้นออกมาจากเป้า “ผมแค่ต้องการเหตุผลคิๆ”
“เกาะที่จมลงไปน่ะให้อูราโนสหาเป็นชาติก็ไม่เจอหรอก นายจำตอนที่เราถามที่ตั้งได้ไหม? มันยังตอบเราไม่ได้เลยด้วยซ้ำ งานนี้ฉันเลยมันใจในตัวไนน์เทลมากกว่า”
“หืม? แต่ไนน์มันเป็นหมานะครับ แล้วทำไมถึงส่งหมาลงไปในน้ำ?”
“ก็เพราะว่าหมอนั่นมีเด็กคนนั้นอยู่ไงล่ะ”คนในชุดคลุมลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาพลางลูบไล้ลำตัวของร่างซึ่งกำลังหายใจโรยรินอยู่บนเตียงผ่าตัดของโจ๊กเกอร์ “ทำไมนายถึงชอบผ่ามนุษย์หรือปีศาจเป็นๆแบบนี้นะ?”
“ก็เพราะผมอยากเจอคนนี้คืนสภาพร่างกายได้เร็วเท่าผมยังไงล่ะคิๆ”
ตัวตลกโลกมืดอ้าปากของตนเองกว้างพร้อมกับฟันอันแหลมคมซึ่งอยู่ในปากกำลังยืดยาวออกมา มนุษย์คนนั้นพยายามจะขยับหนีหากแต่ด้วยสภาพของเขาตอนนี้สามารถเรียกได้ว่า ‘นอนรอความตาย’ เพราะแขนขาทั้งสี่ข้างถูกมัดติดไว้ด้วยลวดหนาม ส่วนศีรษะก็ถูกหนีบเอาไว้ด้วยเหล็กทำให้ไม่สามารถแม้แต่จะคิดหนีได้
เดรนจ้องมองเพื่อนของตนกำลังฉีกทึ้งกินเนื้อของเหยื่อทั้งเป็น ร่างนั้นชักกระตุกอยู่สัพพักแล้วจึงแน่นิ่งไป โจ๊กเกอร์ใช้มือเปล่ากระสวกลงไปในท้องแล้วลากเครื่องในแต่ละชิ้นออกมาจัดใส่ไว้ในจานเพื่อรอนำเขาตู้เย็น ศีรษะก็ตัดออกมาเก็บไว้ในตู้ราวกับของสะสม ส่วนผิวหนังและส่วนที่กินเหลือก็แยกออกไปด้านนอกห้องเพื่อแบ่งให้ปีศาจระดับล่างสามารถนำไปกินต่อได้
คนผมชมพูลูบไล้ตู้กระจกของเขาไปมาพลางจ้องมองอวัยวะชิ้นต่างๆภายในตู้โชว์ของเขาเหมือนกับศิลปินที่ชื่นชมเหล่าภาพวาดของตน ก่อนจะถูกเรียกสติกลับมาด้วยคำพูดของเดรน
“แล้วคำถามต่อไปล่ะ?”
“หืม? อ้อ! ทำไมคุณถึงเรียกเด็กที่สนใจว่า ‘ผู้สืบทอดพลังแห่งแสง’ ล่ะครับ?”
“ก็ฉันบังเอิญไปเจอหนังสือเล่มนี้มาน่ะสิ”
คนในชุดคลุมเรียกให้โจ๊กเกอร์เดินมาดูหนังสือโบราณบนโต๊ะของเขา มันถูกเปิดไปยังหน้ากลางๆ หน้าหนังสือเล่มนั้นถูกเขียนด้วยน้ำหมึกสีดำเนื่องด้วยเวลานั้นทำให้มันดูเลือนรางไปบ้าง แต่ก็ยังพอจะอ่านมันและเห็นรูปวาดของมันได้
ข้อความบอกถึงว่าแสงนั้นเป็นใครมาจากไหน ลักษณะนิสัยและอื่นๆมากมายเกี่ยวกับเขา ซึ่งจุดที่เดรนจะให้เขาดูมันไม่ใช่เรื่องนั้นเพราะของที่น่าสนใจคือรูปวาดสัญลักษณ์วงเวทย์มนต์แบบประหลาดโดยมันดูคล้ายกับเลขาคณิตทรงหกเหลี่ยม ทั้งนี้จุดวงกลมจะเป็นตัวเชื่อมเส้นแต่มีเพื่อจุดเดียวที่เป็นศูนย์กลางของเส้นทั้งหมด กล่าวคือเส้นจากทุกจุดต้องพุ่งเข้ามาหาวงกลมตรงกลางนี้
เมื่ออธิบายจนจบคนในชุดคลุมก็ถีบเก้าอี้มีล้อของเขากลับไปด้านหลังแล้วหันไปคว้าซองสีน้ำตาลมาแล้วถีบเก้าอี้กลับมาในจุดเดิมอีกครั้ง เดรนเทรูปภาพของเบ็คกาลอสซึ่งได้มาจากคาเอมและเซอร์เพ็นไว้บนโต๊ะก่อนจะหยิบรูปแผ่นหนึ่งซึ่งเป็นภาพที่ถูกถ่ายจากด้านหลังตอนที่เด็กผมฟ้านี้หันหลังให้จนสามารถมองเห็นแผ่นหลังของเขาได้อย่างชัดเจน
“กล้ามแน่นดีคิๆ”
ผลัวะ!
“ผมพูดเล่นนิดหน่อยเอง!”
“มองรอยสักที่หลังหมอนี่ไว้นะ”ชายถือรูปบอก “แล้วลองเปรียบเทียบกับรูปวาดนี้ดู”
“…”โจ๊กเกอร์หรี่ตามองรูปภาพสลับกับรูปวาดแล้วก็ต้องตกใจ “เหมือนกันเป๊ะ!”
“...ฉันก็ไม่เข้าใจหรอกนะว่ามันหมายความว่ายังไง”เดรนส่ายศีรษะเขาไปมา “แต่เราจะปล่อยให้ไอ้เด็กนี่มันได้อัญมณีครบทั้ง 7 ชิ้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้น...”
“ไม่อย่างนั้น? คิๆ?”
“แสงอาจจะกลับมาอีกครั้งก็เป็นได้...”
ในขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งบนเกาะแอนทีส
ร่างของจิ้งจอกเก้าหางกระโดดขึ้นไปบนฟ้าแล้วใช้พลังความเร็วซึ่งได้มาจากมงกุฎบนหัวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วจนสามารถทิ้งร่างเงาให้พวกปีศาจและนักล่าอีกสองคนสับสนได้ว่าร่างไหนนั้นเป็นตัวจริง ก่อนที่หางของทุกร่างจะพุ่งลงมายังพื้นดิน
เบ็คกาลอสชี้ปลายหอกหินในมือไปทางด้านบนที่ไนน์เทลอยู่ในขณะที่ทุกคนต่างกำลังหาทางหลบหางซึ่งไม่รู้ว่าของร่างไหนมันคือของจริง เมื่อคลื่นเสียงถูกยิงเป็นพลังคลื่นออกไปกระทบกับวัตถุด้านบนคนผมฟ้าก็ลืมตาขึ้นมาบอกพรรคพวก
“ร่างที่สิบสามนับจากขวามือของฉันมันคือร่างจริง”
ไนน์เทลกัดฟันกรอดหลังจากลงมาถึงพื้นดินแล้วคำรามเสียงดังเพื่อเรียกวงเวทย์ไฟออกมาทางด้านหลัง แต่คราวนี้มันมีมากและขนาดใหญ่กว่าเดิมเพราะได้มีการเพิ่มพลังมาจากร่างปีศาจที่แท้จริงของผู้ใช้แล้วคราวนี้มันถูกยิงออกมาจากร่างจริง ดังนั้นต้องมีการพิสูจน์เลยว่ามันเป็นแค่ลูกไฟปลอมๆรึเปล่า
ฉับพลันเมื่อหลบเวทย์ไฟเหล่านั้นได้วูดวูฟก็หันขวับไปเจอเข้ากับรอยยิ้มปริศนาของปีศาจจิ้งจอก มันใช้หางทางซ้ายสุดฟาดลงบนพื้นเป็นคำสั่งให้ลูกไฟทั้งหมดระเบิดออกก่อนจะแตกกระจายออกมาเป็นลูกไฟสี่ลูกใหม่ที่เล็กลงแต่พลังทำลายล้างมันยังเท่าเดิม
ด้วยการโจมตีที่ยากเกินจะคาดเดานี้เป็นผลให้บาดเจ็บกันไปหลายคนไม่เว้นแม้แต่เบ็คกาลอสซึ่งไม่ได้คาดการเอาไว้จึงโดนมันกระแทกอัดกลางอกเต็มๆ เขาดันตัวลุกขึ้นมาทำให้พบกับภาพตรงหน้าที่บริเวณการต่อสู้นี้มีเปลวไฟร้อนแรงกำลังเผาทำลายทุกสิ่งอยู่
“ฉันจะเผามันให้เหมือนกับตอนที่อูราสทำเลยคอยดู!!!”
จิ้งจอกตนนั้นว่าแล้วก็จัดการปล่อยลูกไฟเผาพื้นที่เกาะให้มากขึ้นกว่าเดิม เบ็คกาลอสหันหลังกลับไปมองชนเผ่าปลาที่กำลังทรุดเข่าลงกับพื้นไปทีละตนสองตนรวมทั้งผู้ชายที่เขาเข้าไปช่วยตอนเก็บขยะบนชายหาดนั่นด้วย
แย่ล่ะชนเผ่าปลาอยู่ในที่อุณหภูมิสูงไม่ได้เหมือนอควาฟอร์ม
“ยังมีหน้าห่วงคนอื่นอีกงั้นเหรอ?”
หางข้างหนึ่งของไนน์เทลพุ่งตรงเข้ามารัดแขนข้างขวาที่ถือหอกของเบ็คกาลอส ทันทีที่เขาถุกรัดก็รับรู้ถึงความรู้สึกคล้ายกับถูกไฟเผาตรงบริเวณที่หางนั้นจับจนต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด วูดวูฟพยายามจะพุ่งเข้ามาช่วยก็ดันถูกร่างของเขาที่ถูกขว้างไปอัดใส่อย่างเต็มแรง
เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นมาจ้องมองแขนของตนเองก็พบว่าอวัยวะของเขามีรอยบาดแผลคล้ายกับถูกไฟไหม้เป็นรอยยาวในจุดที่หางนั้นรัดเขาเอาไว้ ไนน์เทลส่งเสียงคำรามอีกรอบพร้อมเปลี่ยนสภาพร่างกายของเขาให้มีเปลวไฟปกคลุมทั่วร่างของมันเองก่อนจะพุ่งเข้าหาวูดวูฟและเบ็คกาลอสในทันที
แม้ว่าเบ็คกาลอสจะสามารถเปลี่ยนร่างของตนเป็นไฟเยอร์ฟอร์มซึ่งจะช่วยป้องกันการโจมตีประเภทไฟได้ทันเวลาแต่ก็ยังคงต้องยกหอกมารับเขี้ยวแหลมคมของไนน์เทลที่พุ่งมาหมายจะกัดเขาเอาไว้ ดวงตาของจิ้งจอกมองขึ้นมาก็เห็นวูดวูฟกำลังจับเครื่องประดับบนศีรษะของตนแล้วพยายามจะดึงออกจึงใช้หางไฟข้างหนึ่งตวัดใส่หน้าท้องของเขาจนเลือดไหลกระฉูดออกมาจากบริเวณบาดแผล
“วูฟ! เฮ้! ตั้งสติเอาไว้ก่อน!”
เด็กหนุ่มร้องเรียกชื่อคู่หูของตนเองที่ทรุดเข่าลงแล้วลงไปนอนฟุบกับพื้น ในขณะเดียวกันหอกซึ่งทำมาจากไม้ของเขาก็หักเพราะมันหักเป็นสองท่อนด้วยเขี้ยวของจิ้งจอกเก้าหาง มันใช้ขาทั้งสี่ข้างกดลำตัวของเบ็คกาลอสเอาไว้ก่อนจะพุ่งหน้าลงไปกัดบริเวณไหล่ของเหยื่อ
ไนน์เทลหัวเราะชอบใจเมื่อได้ใช้หางสี่ข้างปักทะลุมือและขาของเด็กหนุ่มลงไปในพื้นดิน คนผมฟ้ากัดฟันแน่นก่อนเปลี่ยนร่างของตนเองเป็นไลท์ฟอร์มพร้อมรวมเวทย์ระเบิดสีขาวไว้บริเวณหน้าท้องของตนซึ่งด้านบนยังมีปีศาจจิ้งจอกอยู่ ก่อนที่มันจะระเบิดใส่ร่างของทั้งสองทำให้ปีศาจตนนั้นกระเด็นขึ้นไปด้านบนส่วนคนใช้เวทย์ก็ถูกกดลงไปในพื้นจากผลแรงระเบิดนั้น
เบ็คกาลอสพยายามยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบากด้วยความเจ็บปวดเพราะร่างกายของเขากำลังฟื้นสภาพตรงบาดแผลซึ่งจะสร้างความเจ็บปวดอย่างมากเมื่อเนื้อนั้นกำลังสมานกัน
“วูฟ!”
เขาก้มตัวลงไปพลิกร่างของคนผมดำขึ้นมาพร้อมใช้มือที่กำลังสมานตบหน้าอีกฝ่ายเบาๆเพื่อปลุกเขาแต่ก็ไม่มีท่าทีใดว่าเขาจะตื่นจึงจำเป็นต้องใช้เวทย์รักษาตรงหน้าท้องที่เป็นรูของวูดวูฟ
“ลูกเล่นเยอะจริงเลยนะแกเนี่ย?”
หันหน้าไปมองทางต้นเสียงที่ร่างของหมาจิ้งจอกโชกเลือดบริเวณหน้าท้องของมันกำลังก้าวเข้ามาด้วยขาทั้งสี่ที่สั่นเครือเพราะพิษบาดแผล มนุษย์หมุนมือของตนเรียกเวทย์ระเบิดตรงจุดที่ไนน์เทลกำลังเดินมาแต่แล้วเวทย์ของเขาก็หายไป
เบ็คกาลอสพยายามใช้พลังของตนเรียกระเบิดแสงขึ้นมาอีกหลายลูกแล้วมันก็ลงท้ายในแบบเดิมคือมันหายไป เพราะไทม์ที่กำลังมองดูอยู่ไกลๆใช้เวทย์ของตนย้อนเวลาระเบิดเหล่านั้นให้กลายเป็นแค่เพียงมวลอากาศ
หมับ!
“อ๊ะ...”
“อย่าโกรธกันเลยนะ”
จู่ๆร่างที่นอนฟุบอยู่ก็พุ่งขึ้นมาจับศีรษะของคู่หูตนเองก่อนจะทำให้เขาเอียงคอพลางกระซิบบอกประโยคนั้นก่อนที่คมเขี้ยวจะฝังไปในต้นคอสีขาวของเบ็คกาลอส เด็กหนุ่มตกใจสุดขีดเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีแวมไพร์ตนใดได้เตะต้องคอเขาเลยแม้แต่น้อย
วูดวูฟถอนฟันของตนเองออกแล้วเลียริมฝีปากเมื่อได้ลิ้มรสเลือดอันหอมหวานของมนุษย์ตรงหน้าซึ่งเป็นหายลงไปนอนหมอบอยู่กับพื้นแทนตนเอง เมื่อได้อาหารโดยเฉพาะเลือดสดๆร่างกายของคนผมดำจะทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วยการรักษาบาดแผลขนาดใหญ่ตรงบริเวณหน้าท้อง
นักล่าหนุ่มพุ่งเข้าไปหาร่างของจิ้งจอกเก้าหางซึ่งในทีแรกวูดวูฟก็วิ่งไปด้วยสองเท้า แล้วเมื่อเวลาผ่านไปก็ก้มไปวิ่งด้วยสี่เท้าพร้อมกับผิวหนังมนุษย์ที่กำลังหลุดลอกออกในสภาพเช่นเดียวกับไนน์เทลตอนกำลังเปลี่ยนร่าง
หมาป่าและหมาจิ้งจอกกระโจนร่างขนาดเท่าๆกันกัดและข่วนกันไปมาจนฝุ่นตลบ แต่ดูเหมือนทางไนน์เทลนั้นจะได้เปรียบมากกว่าเพราะหางทั้งเก้าซึ่งช่วยเขาและมีเปลวไฟคลุมร่างอยู่ตลอดเวลา ทางวูดวูฟจึงจำเป็นต้องแทงปีกค้างคาวของเขาออกมาจากแผ่นหลังแล้วบินขึ้นไปบนฟ้า
“ลูกผสมงั้นเหรอ...”เก้าหางเก้าชีวิตพึมพำก่อนแสยะยิ้ม “แต่เป็นการผสมสายพันธุ์ที่ดูประหลาดซะจริง”
“เอาจริงดิ? ลูกผสมของไลแคนกับแวมไพร์เนี่ยนะ?”
คนที่กำลังลุกขึ้นพึมพำออกมากับการผสมเชื้อเผ่าพันธุ์ปีศาจอันแปลกประหลาดนั่น ไลแคนคือมนุษย์ที่ถูกสาปให้กลายเป็นหมาป่าแต่แตกต่างกับแวร์วูฟตรงที่มันสามารถเปลี่ยนร่างได้โดยไม่จำเป็นต้องการแสงจันทร์เต็มดวง ส่วนแวมไพร์คือผีดูดเลือดในร่างของมนุษย์
โดยในเรื่องปกติแล้วสายพันธุ์ของแวร์วูฟและไลแคนกับพวกแวมไพร์จะไม่ค่อยถูกชะตากันสักเท่าไหร่ ดังนั้นจะมีความเป็นไปได้น้อยเพียงใดที่จะมีเด็กเกิดมาจากสองสายพันธุ์นี้ผสมกัน...
เบ็คกาลอสหันไปมองทางชนเผ่าปลาซึ่งดูเหมือนจะหมดสติกันไปหลายคนเนื่องจากความชื้นในอากาศลดลงไปมากบวกกับอุณหภูมิที่มันสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา หรือต่อให้ไม่ใช่พวกชนเผ่าจะอยู่ไม่ได้ ในสถานการณ์แบบนี้ต่อให้เป็นมนุษย์ก็คงจะทนกับความร้อนและมลพิษจากควันสีดำนี้ไม่ไหว
“ช่วยถ่วงเวลาไว้อีกรอบแล้วกันนะ”
เด็กหนุ่มเดินฝ่าเปลวไฟแล้วเดินไปหาน้ำทะเลซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดก่อนจะต้องสะดุดเมื่อเขาพบเข้ากับเด็กน้อยผมม่วงซึ่งกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ใต้ต้นไม้ที่ไม่ได้โดยไฟไหม้ ไม่ใช่เพียงแค่นั้นเพราะเมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้มวลอากาศรอบตัวเด็กคนนี้ก็เปลี่ยนไป มันไม่ได้มีความร้อน กลับกันเลยด้วยซ้ำเมื่อมันให้ความรู้สึกเย็นสบายเหมือนอยู่ห้องแอร์ ซึ่งในขณะเดียวกันความชื้นมันก็มีมากจนไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป
“เด็กคนนี้...”เขาว่าแล้วก้มตัวลงไปจับมือของคนตรงหน้าก่อนจะกระเด็นออกมาด้วยพลังบางอย่าง “...”
เบ็คกาลอสตัดสินใจไม่ยุ่งกับไทม์แต่ก็เดินเข้าไปในมิติของอากาศที่แตกต่างนั้นก่อนจะมองหาก้อนหินขนาดเหมาะมือมากรีดข้อมือของตนเองให้เลือดไหลลงสู่ดินก่อนจะเปลี่ยนสภาพของตนเป็นอคาฟอร์มอีกครั้ง
เขาใช้เวทย์มนต์ทำให้ของเหลวสีแดงมารวมตัวกันกลายเป็นก้อนกลมขนาดกลางแล้วใช้ลมพัดมันลงไปตกในท้องทะเลสีครามเพื่อให้มันทำงาน ไม่นานเสียงร้องของสัตว์เลี้ยงอันแสนคุ้นเคยก็ร้องดังตอบออกมา เบ็คกาลอสจึงส่งกระแสจิตเข้าไปให้มันทำบางอย่างที่เขาต้องการ
สิ่งมีชีวิตใต้น้ำรับคำสั่งจากเจ้านายมาไว้ในสมองเพื่อทำตาม บลูอ้าปากอันใหญ่ตัวของมันพร้อมกับดูดน้ำทะเลจำนวนมากเข้าไปในตัวก่อนเล็งทิศทางการปล่อยของเหลวในตัวออกไปทางเกาะแอนทิส
มันยิงก้อนน้ำขนาดใหญ่ขึ้นไปบนฟ้าเหนือเกาะที่พวกเขาอยู่ ทันใดนั้นก้อนน้ำนั้นก็แตกกระจายออกกลายเป็นฝนเทียมที่มาจากน้ำทะเลเพื่อดับไฟซึ่งกำลังลุกลามไปทั่วเกาะและเพื่อฟื้นคืนพลังให้กับชนเผ่าปลาที่ขาดน้ำไม่ได้
หมาจิ้งจอกที่ใช้หางไฟของตนรัดปีกค้างคาวทั้งสองข้างหยุดชะงักเมื่อฝนห่าใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้าที่ไร้เมฆ น้ำเหล่านั้นตกลงมาช่วยดับไฟรอบตัวของไนน์เทลให้หายไปทำให้วูดวูฟไม่โดนเผาจากหางทั้งเก้าจึงหันไปกัดเข้าที่หางข้างหนึ่งเพื่อให้มันคลายปีกของเขาออก
“ไอ้บัดซบ!”
ปีศาจซึ่งถูกกัดคำรามด้วยความโมโหแล้วใช้หางข้างที่จับปีกซ้ายของลูกผสมฟาดลงกับพื้นดิน ก่อนกระโจนเข้าไปคร่อมร่างของหมาป่าตัวนั้นแล้วใช้หางข้างหนึ่งจ่อไว้ที่บริเวณส่วนศีรษะของเหยื่อหมายจะปลิดชีวิต แต่แล้วมันก็ต้องเกิดความสงสัยเพราะปีศาจซึ่งกำลังจะถูกฆ่ากลับส่งเสียงหัวเราะออกมาจึงได้เอ่ยปากถามไป
“หัวเราะอะไรของแก? จะตายแล้วถึงเสียสติรึไง?”
“ฮ่าๆ”วูดวูฟยังคงหัวเราะไม่หยุด “ไลแคนอย่างฉันมักจะเป็นผู้ถูกล่าเสมอ”
“…แกหมายความว่าอะไร?”
“ฉันว่าแกไม่เหมาะจะสวมมงกุฎว่ะ”หมาป่าสีดำบอก “เพราะถึงแม้แกจะเร็วแค่ไหนมันก็ไม่ช่วยให้สายตาแกดีขึ้นหรอก!”
ไนน์เทลเบิกตากว้างอย่างตกใจพร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองด้านบนศีรษะ มนุษย์ป่าผมน้ำเงินซึ่งได้รับพลังของน้ำกระโจนลงมาพร้อมกับพลังที่ปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มที่ทำให้หอกของเขามีกระแสน้ำพิเศษคลุมอาวุธเพื่อเพิ่มพลังโจมตี แล้วยิ่งอยู่ท่ามกลางสายฝนแบบนี้ชนเผ่าปลาจะมีพลังทำลายที่สูงมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
หอกผสานกับเวทย์มนต์น้ำพุ่งตรงลงใส่ร่างของเก้าหางเก้าชีวิตแต่กลับถูกรับไว้ได้ด้วยหางเพียงแค่สามข้าง ในจังหวะที่ไนน์เทลหันไปให้ความสนใจกับการโจมตีของชายคนนั้นวูดวูฟจึงเปลี่ยนขาหน้าของตนให้กลายเป็นแขนคนแล้วซัดกรงเล็บกะซวกเข้าไปด้านข้างลำตัวคู่ต่อสู้
จิ้งจอกสีส้มร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมใช้หางสองข้างแทงที่แขนและไหล่ของวูดวูฟเพื่อผนึกการเคลื่อนไหว ในขณะเดียวกันคมหอกด้านบนก็เหมือนจะสามารถทำลายหางที่มีพลังการป้องกันระดับสูงของเขาได้จึงจำเป็นต้องใช้หางอีกสี่ข้างที่เหลือไปช่วยรับเอาไว้
“ก็บอกไปแล้วไงว่าหางของฉันคือโล่ที่แข็งแกร่งที่สุด!”
ทันใดนั้นเสียงดนตรีจากเครื่องดนตรีก็ถูกบรรเลงออกมาด้วยความสามารถของเบ็คกาลอส เด็กหนุ่มโยนห่วงซึ่งถูกเรียกว่า ‘พันธะสัญญาชั่วคราว’ ลงใส่ครีบด้านหลังของชายผมน้ำเงินและนิ้วมือของวูดวูฟอย่างพอดีเพื่อเพิ่มศักยภาพของเวทย์มนต์ดนตรีของเขา
เหล่านางฟ้าบนสวรรค์โปรดประทานพรมอบพลังแก่ทุกสรรพสิ่ง ขอให้พรรคพวกของข้ามีพลังมากขึ้นมากกว่านี้ บทเพลงสนับสนุนปีศาจที่ 2 ‘bless’
ชายทั้งสองสัมผัสได้ถึงพลังซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเสียงขลุ่มถูกเป่าออกมา จึงได้ใส่พลังของตนเองไปอย่างเต็มที่เพื่อพิชิตศัตรูตรงหน้า ปีกค้างคาวจัดการแทงเข้าไปยังบาดแผลจากการระเบิดแล้วยกร่างของไนน์เทลขึ้นไปในรัศมีหอกน้ำถูกชักกลับไปแล้วแทงกลับมาใหม่ด้วยเหล่าน้ำซึ่งรวมตัวกันเป็นปลายแหลมสำหรับการเจาะทำลายโดยเฉพาะ
ทุกอย่างจบลงเมื่อหอกนั้นแทงเข้ากลางลำคอของปีศาจจิ้งจอกแล้วพาร่างของมันลงไปในดินก่อนที่เหล่าน้ำนั้นจะระเบิดออกแยกศีรษะและลำตัวของมันออกจากกัน เบ็คกาลอสทรุดเข่าลงกับพื้นเพราะลังเวทย์ในตัวของเขาใช้ไปหมดแล้วกับเพลงบทเมื่อกี้แต่บนใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มแห่งชัยชนะออกมาเช่นเดียวกับปีศาจทั้งสองตนที่หมดแรงแต่ก็ยังคงหัวเราะเพราะสามารถพิชิตปีศาจที่เป็น 1 ใน 6 ปีศาจที่เก่งที่สุดในทวีปได้
“ทำได้แต่แรกทำไมไม่ทำล่ะ”วูดวูฟคืนสภาพกลับเป็นร่างมนุษย์แล้วส่งเสียงถามคู่หูของตน “ไอ้เพลงสนับสนุนปีศาจเนี่ย”
“ก็เพราะไม่ค่อยได้ใช้มันเลยไงถึงไม่มั่นใจเวลาจะใช้”เด็กหนุ่มตอบแล้วหัวเราะ “นายก็รู้ว่าฉันชอบโชว์เดี่ยวซะมากกว่า”
“ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่พวกนายสองคนพูดหรอกนะ”มนุษย์ปลาคนนั้นบอก “แต่ก็ขอบใจนะ”
ยังสนทนาไม่ได้นานเท่าไหร่พื้นดินซึ่งยุบลงไปด้วยพลังทำลายกับสภาพของเกาะที่ถูกไฟเผาไหม้ทำลายนั้นก็ถูกย้อนสภาพให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ไทม์เดินผ่านเบ็คกาลอสอย่างไม่เกรงกลัวแล้วนั่งยองลงไปจิ้มศีรษะที่หลุดออกของไนน์เทล
“พวกแกรู้รึเปล่าทำไมฉันถึงมีฉายาว่า ‘เก้าหางเก้าชีวิต’?”
ส่วนที่หลุดออกจากร่างนั้นเอ่ยถามเหล่าคนที่คิดว่าตนเป็นผู้ชนะก่อนจะหัวเราะด้วยเสียงดังลั่น คิดหรือไงว่าแค่นี้จะฆ่าปีศาจที่อยู่มาเป็นเวลานานกว่า 300 ปีอย่างเขาได้?
ศีรษะของไนน์เทลค่อยๆสลายกลายเป็นผงแล้วปลิวไปกับอากาศพร้อมกับร่างที่ไม่มีหัวกำลังลุกขึ้น ทั้งสามเบิกตากว้างเพราะศีรษะใหม่ของไนน์เทลกำลังงอกออกมาแต่พวกเขานั้นไม่มีแรงแม้จะขยับร่างกายจึงทำได้เพียงแค่มองดูภาพสยดสยองนั้น
“ชีวิตที่ 3 ของฉัน”บิดคอใหม่ที่เพิ่งได้มาแล้วแสยะยิ้ม “ฉันยังตายได้อีก 7 ครั้งถึงจะตาย…ถ้าคิดว่าทำได้น่ะนะ”
“นี่แก...เป็นตัวอะไร!?”เบ็คกาลอสถามด้วยน้ำเสียงสั่นอย่างหวาดกลัวเมื่อสัมผัสได้ว่าแรงกดดันของปีศาจตนนี้มีมากกว่าเดิมหลายเท่าหากวัดกับชีวิตก่อนที่ยังไม่ถูกฆ่า
“ฉันเป็นจิ้งจอกที่พิเศษกว่าจิ้งจอกตนอื่นๆ”คนผมส้มว่าพลางยกเด็กน้อยขึ้นมาอุ้ม “ฉันมี 9 ชีวิตเหมือนกับปีศาจแมวระดับสูง แต่ฉันมีพลังมากกว่าพวกมันและทุกครั้งที่ฉันตายชีวิตใหม่นั้นจะมีพลังมากกว่าชีวิตเก่าที่เสียไป”
“หมายความว่าพวกเราต้องฆ่าแกอีก 7 ครั้ง?”คราวนี้คนผมน้ำเงินถาม
“ถูกต้องแล้ว”ชายผมส้มพยักหน้า “เอาล่ะผู้สืบทอดพลังแห่งแสง...”
ไนน์เทลว่าพลางเดินผ่านชายทั้งสองมุ่งตรงไปหาเบ็คกาลอสเพียงคนเดียว เด็กหนุ่มผมฟ้าพยายามขยับหนีแต่มันกลับไม่ได้เป็นผลอะไรเลยเพราะร่างกายของเขาไม่ยอมทำตามคำสั่งเลยแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันวูดวูฟก็พยายามจะช่วยเหมือนกับมนุษย์ปลาตนนั้น ซึ่งผลออกมาก็ไม่ต่างกันเลยสักคน
ไทม์กระโดดลงมาจากแขนของพ่อเลี้ยงแล้วล้วงกระเป๋าของตนเพื่อนำลูกออมออกมาเคี้ยวเล่นในปากพลางมองปีศาจตรงหน้าที่กำลังจับคอของเบ็คกาลอสแล้วยกขึ้นให้ลอยเหนือพื้น คนถูกยกดิ้นไปมาอย่างสุดแรงเพื่อให้หลุดแต่กลับถูกบีบคอให้ขาดอากาศหายใจทำให้เขานิ่งลง
“เห็นแก่ความพยายามของพวกแก...”
เมื่อร่างของเบ็คกาลอสถูกปล่อยลงสู่พื้นเขาก็รีบสูดออกซิเจนเข้าปอดให้เร็วที่สุดก่อนจะค้นพบว่าแขนของเขามีกำไลข้อมือซึ่งอัญมณีสีน้ำเงินเข้มประดับอยู่ในครอบครอง เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาไนน์เทลที่ดูเหมือนกำลังจะคิดอะไรบางอย่างอยู่
“ทำไม?”คนผมฟ้าถาม “ทำไมแกถึงมอบมันให้ฉัน? แกอยากได้มันไม่ใช่รึไง?”
“มันก็จริงที่งานของฉันคือการส่งมาชิงมันไป”ไนน์เทลพูดแล้วยกไหล่ “แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องทำให้มันเสร็จสิ้น”
“...แล้วพี่จะแก้ตัวกับท่านเดรนได้ยังไงล่ะครับ?”ไทม์พูดด้วยความเป็นห่วง “ถ้าเขารู้เข้าท่านได้เอาพี่ตายแน่...”
“ก็แค่อีก 1 ชีวิตเอง มันอาจจะเป็นผลดีด้วยซ้ำไป”เขาตอบ “เอาล่ะเด็กดีของพี่ไม่ต้องคิดมากพี่คิดคำพูดได้แล้ว”
จิ้งจอกหนุ่มหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นแก้มป่องของเด็กน้อยที่เขาเลี้ยงมาเองกับมือ ใบหน้าโมโหแบบเด็กๆนั้นช่างน่าหยิกเป็นที่สุด
“กลับกันเถอะ...ขอโทษนะที่ปลุดให้นายตื่น กลับไปนอนที่ห้องของเรากันเถอะ”
คนผมส้มจับมือของไทม์พลางนำของเหลวซึ่งมีลักษณะคล้ายกับน้ำเคลื่อนที่ที่เซอร์เพ็นเคยมอบมันให้กับเบ็คกาลอสรวมถึงวูดวูฟในการเดินทางไปยังไลท์แลนด์ เขาขว้างมันลงกับพื้นซึ่งเป็นวิธีใช้พื้นฐาน แต่ก่อนที่ถูกเคลื่อนย้ายผ่านช่องว่างมิติชายผมส้มก็หันกลับมาพูดอะไรบางอย่างกับคนผมฟ้า
“สงครามใกล้มาเยือนแล้ว ต้องมาดูว่าฝั่งไหนจะได้ครองมณีทั้ง 7 ชิ้น...ถ้าหากพวกเราได้มันมาความมืดจะปกคลุมทวีปนี้อีกครั้งเหมือนกับในอดีต”
“ความมืด...รึว่าจะเป็นปีศาจตนนั้น...”
“เบ็ค!”
วูดวูฟตะโกนเรียกชื่อคู่หูของตนที่จู่ๆก็หมดสติแล้วฟุบลงไปนอนกับพื้นจากความเหนื่อยล้า เจ้าตัวพยายามคลานเข้าไปหาด้วยแรงอันน้อยนิด แล้วถูกช่วยไว้ด้วยชนเผ่าปลาซึ่งฟื้นแล้วเพราะมีกระแสน้ำสร้างความชุ่มชื่นตลอดเวลา พวกเขารีบช่วยกันสร้างที่บังแดดขนาดย่อมขึ้นมาแล้วพากันยกร่างของเด็กหนุ่มและคนผมดำไปหลบแดดไว้ในนั้น
เขาพยายามขยับตัวเข้าไปใกล้คู่หูเพื่อฟังคำพึมพำเบาๆจากปากของเบ็คกาลอสที่ยังพูดอยู่แม้เขานั้นจะยังหลับอยู่ก็ตาม
“ความมืดจะปกคลุมทวีปนี้อีกครั้งเหมือนกับในอดีต...”
จบไปแล้วจ้าอีกหนึ่งตอน 555
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ