Love in demon : รักวุ่นๆของเด็กหนุ่มกับ(เหล่า)ปีศา

8.0

เขียนโดย Blueheadphone

วันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 21.19 น.

  13 ตอน
  3 วิจารณ์
  13.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 21.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) การผจญภัยครั้งที่ 10

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          “แน่ใจนะว่าจะไม่หยุดพักอีกสักหน่อย? ยังรู้สึกอยู่เลยว่าพลังของนายยังฟื้นมาไม่เต็มที่”

          “ไม่ต้องห่วงหรอก เรื่องที่พ่อของนายโทรมามันใหญ่มากเกินจะมานั่งรอ”

          “นายแน่ใจนะ? เพราะประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมใหญ่น่าจะคุยกันนานพอสมควร”

          “ก็บอกว่าไหวไง”

          “แล้ว...”

          “อย่าให้พูดอีกรอบไม่ชอบ”

          “สำคัญตัวผิดไปนะ ฉันกำลังพูดกับไอ้คนข้างหลังต่างหาก! นายจะตามพวกเรามาทำไม?”

          เมื่อพูดจบก็เงยหน้าไปมองกระจกมองหลัง ชายผมน้ำเงินซึ่งมารู้ภายหลังว่า ‘ชาครัส ดีฟบลูซี’ ซึ่งติดตามพวกเขามาตั้งแต่อยู่บนเกาะเรื่อยมาจน เขาจ้องมองกลับดวงนัยน์ตาสีแดงในขณะนั่งกอดอกนั่งฟังบทสนทนาที่ไม่น่าจะเข้าใจยากของสองคนด้านหน้า

          “ฉันมาปกป้องอัญมณี”

          “เผ่าของนายยกให้พวกเราแล้วไม่ใช่รึไง?”

          “แต่ฉันไม่ไว้ใจ”

          ฉลามหนุ่มพูดอย่างตรงไปตรงมาเพราะว่าแม้ชนเผ่าของเขายอมยกสมบัติล้ำค่าที่เก็บรักษามันไว้อย่างยาวนานให้กับฝั่งของ 7 นักล่าปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ด้วยเหตุผลที่ว่า ‘ไม่ต้องการให้ความสูญเสียของอดีตกลับมาเยือนอีกรอบ’ แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวซึ่งไม่เห็นด้วยในการตัดสินใจของพวกผู้ใหญ่จึงแอบ...ไม่สิต้องพูดว่าขอติดตามมาเพื่อจับตามองสมบัติชิ้นนี้ซะมากกว่า

          “อัญมณีก็อยู่กับนายจะห่วงอะไรล่ะ?”

เบ็คกาลอสว่าพลางหันหลังกลับไปมองแรนทัธหรืออีกชื่อหนึ่งว่ากำไลข้อมือน้ำเงินนักสู้บรรพกาลซึ่งชาครัสสวมอยู่ในแขนขวา ซึ่งเขาเป็นคนยกมันคืนให้อยู่ในการดูแลของชายผมน้ำเงินคนนี้เองหลังจากได้รับมันมาไว้ในครอบครอง นั่นก็เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับคนคนนี้และชนเผ่าของเขาเช่นกัน

เมื่อบรรยากาศภายในรถยนต์กลับมาเงียบอีกครั้งหมีเท็ดดี้บนตักของเจ้านายจึงเอื้อมมือไปเปิดเพลงเพื่อสร้างเสียงและทำลายความเงียบนี้

“แล้วทำไมจู่ๆพ่อนายถึงเรียกรวมตัว 7 นักล่าแถมยังให้พวกเราไปเข้าร่วมการประชุมอีกต่างหาก?”คนผมฟ้าหันไปถามคนขับ “เพลงเพาะดีแฮะ”

“อะไรคือการพูดเรื่องงานแล้ววกไปเรื่องเพลง?”วูดวูฟทำหน้าเอือมๆ “มีข่าวรายงานว่าพวก 6 ตัววิปลาสมีแผนบางอย่างอยู่”

“สายข่าวที่ว่านี่คงไม่พ้นคาเอมกับเซอร์เพ็นสินะ?”

“แม่นขนาดนี้ไปเป็นหมอดูไหม?”เฉลยโดยไม่จำเป็นต้องพูดคำว่าใช่ “ฉันก็เพิ่งจะรู้นะว่าพ่อใช้พวกมันทำงานด้วย”

“ถ้าเงินดีสองคนนั้นไม่เคยปฏิเสธหรอกน่า”

“คุยเรื่องอะไรกันไม่เห็นเข้าใจสักอย่าง?”คนด้านหลังที่ฟังอยู่ยื่นหน้าออกมา “ว่าแต่นี่มันคืออะไร?”

ชาครัสผู้ไม่เคยรู้จักคำว่า ‘เทคโนโลยี’ และ ‘รถยนต์’(ที่ในตอนแรกเขาบอกว่ามันคือปลาเหล็ก)เอ่ยถามพร้อมกับจิ้มนิ้วไปยังปุ่มที่มีไฟสีเขียวเรืองแสงออกมามิหนำซ้ำยังกดมันค้างไว้จนเสียงภายในรถดังจนถึงขีดสุดแทบทำให้ทุกคนแทบหูแตก

ไม่พอแค่นั้นผู้ชายคนนี้ยังเปิดปิดกระจกข้างรถทั้งสองข้างอย่างสนุกมือด้วยความตื่นเต้นกับความแปลกใหม่ เบ็คกาลอสพยายามห้ามจนถึงกับต้องปีนมานั่งเบาะด้านหลังแทนเพื่อบอกและห้ามในสิ่งที่ชาครัสจะทำ

ขับรถมานานพอสมควรก็เริ่มเข้ามาในเขตไลท์แลนด์ แสงสีของเมืองยามค่ำคืนซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องราตรีสามารถทำให้พวกเขาสามารถหลงในเสน่ย์ได้อย่างไม่ยากเย็น เช่นเดียวกับคนบ้านนอกเข้ากรุงอย่างชายคนนี้ซึ่งถามมาตลอดทางว่านั่นคืออะไร นี่คืออะไรและนู่นคืออะไร ทำเอาเบ็คกาลอสต้องปาดเหงื่อ งานนี้มันหนักกว่าการที่ให้เขาไปนั่งเลี้ยงเด็กทารกเองเสียอีก...

เมื่อรถจากรถตรงบริเวณหน้าประตูของวังก็ดูเหมือนว่าราชาไลท์เรย์จะมีการเตรียมการต้อนรับกลับเอาไว้แล้ว พวกพ่อบ้านแถวนั้นเชิญชายทั้งสามกับอีกหนึ่งตุ๊กตาให้ตามพวกเขาเข้าไปในลิฟต์ซึ่งจะพาขึ้นไปจนเกือบชั้นบนสุด ส่วนรถของวูดวูฟจะมีอีกส่วนนำไปเก็บและดูแลเอง

“เราจะไปไหน?”เบ็คกาลอสเขย่งเท้าไปกระซิบถามคู่หูพลางดึงแขนของชาครัสที่พยายามจะกดปุ่มลิฟต์มห้เปิดทุกชั้น

“น่าจะชั้นที่ 24 เพราะเวลามีประชุมใหญ่ที่ไรก็มักจะเป็นชั้นนี้”วูดวูฟหันมาบอก “เวลาเข้าไปในห้องกรุณาช่วยอยู่ในความสงบและอย่าแตะต้องอะไรถ้าไม่จำเป็นนะครับ”

“...ฉันหรอ?”คนผมน้ำเงินชี้นิ้วหาตนเอง

“แล้วมันจะมันมีมะ...ปลาตัวไหนอีกล่ะ?”

คนนำทางพาชายทั้งสามผ่านประตูบานใหญ่ซึ่งถูกทำมาจากทองพร้อมประดับด้วยเพชรแท้จำนวนหลายกระรัตที่บานจับเข้าไปภายในห้องประชุมที่มีเหล่าชายผู้มีอายุนั่งประจำเก้าอี้เต็มระหว่างโต๊ะไม้สักยาวเหยียด

นักล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 6 คนหันมามองพวกเขาเป็นสายตาเดียว วูดวูฟกระซิบบอกให้อีกสองคนทำตามเขาเริ่มด้วยการคำนับซึ่งเป็นการเคารพที่ดี ซึ่งในตอนแรกก็กะว่าจะพาไปนั่งด้านข้างซึ่งปกติก็นั่งบริเวณนั้นประจำหากแต่คราวนี้ราชาไลท์เรย์ดันเรียกให้มานั่งร่วมโต๊ะประชุมด้วยกัน จึงจำเป็นต้องนั่งติดกับชายผู้มีฉายาว่า ‘โล่กำแพงเหล็กกล้า’

ชายวัยกลางคนหันหน้ามามองทั้งสามพลางพิจารณาอะไรบางอย่างภายในตัวก่อนจะส่งยิ้มอันอ่อนโยนให้ วูดวูฟจึงคำนับเป็นการแสดงความนับถือและขอบคุณในการต้อนรับ

“มีเรื่องด่วนอะไรถึงเรียกพวกเรามา?”

เปิดคำถามของการประชุมด้วยคำพูดของ ‘เฟรม เอเลเมนต์’ ผู้ครอบครองฉายา ‘คิมหันต์แผดเผา’ ผู้ครอบครองซีแลนด์ ชายที่มีความสามารถในการใช้เวทย์ประเภทไฟได้มีประสิทธิภาพมากที่สุดคนหนึ่งเอ่ยปากแล้วหันไปมองคนตรงหัวโต๊ะ

“มันอธิบายยากพอสมควร…”ราชาไลท์เรย์ตอบ “ฉันจะให้สองคนนี้อธิบายก็แล้วกัน”

ชายผมขาวเอื้อมไปกดปุ่มข้างโต๊ะเพื่อปิดม่านทั้งหมดภายในห้องพร้อมกับหน้าจอยักษ์ที่กำลังเคลื่อนตัวลงมา เพียงไม่นานภาพของจอก็ถูกฉายเป็นภาพของเซอร์เพ็นที่กำลังให้อาหารหางงูของเขากับคาเอมซึ่งกำลังนั่งไขว่ห้างรอสัญญาณการให้พูดของผู้จ้างงาน

ดวงตาของกิ้งก่านั้นเหลือบมามองทางเบ็คกาลอสเล็กน้อยพลางส่งยิ้มให้ เจ้าตัวเลยยกมือโบกเล็กๆพอเป็นพิธี

“สรุปความแล้วเป็นยังไงว่ามาเลย”

“ก่อนอื่นผมคงต้องขอขอบคุณในน้ำใจของเหล่านักล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 7 ก่อนเลยนะครับที่อุตสาห์เรียกใช้บริการของพวกเรา”คาเอมกล่าวพร้อมคำนับ “ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าองค์ราชาไลท์เรย์จะยอมจ้างปีศาจเพื่อสืบข่าวปีศาจด้วยกันเอง”

“ก็เพราะพวกนายเป็นมือหนึ่งของการสืบเรื่องราวต่างๆไม่ใช่รึไง?”

“ขอบคุณในคำชมนั่นนะครับ”

“เมื่อไหร่จะเข้าเรื่องกันสักที?”

เอจิ คลีเอท ผู้ครอบครองฉายา ‘ผู้สร้างสรรค์จักรกล’ ผู้ครอบครองอาเมอร์แลนด์ ชายผู้มีสติปัญญาในการประดิษฐ์สิ่งต่างๆโดยใช้จากวัสดุที่มีค่าจนถึงขยะที่ไม่มีใครต้องการ เริ่มเบื่อกับการไม่พูดถึงงานสักทีเพราะเขานั้นถูกเรียกตัวในขณะกำลังก่อสร้างอุปกรณ์ชิ้นใหม่ซึ่งมันขัดใจมากๆ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาอารมณ์เสียแบบสุดๆ

คาเอมกระแอ่มทีสองทีพร้อมหันไปบอกให้เซอร์เพ็นไปนำของมา มันลักษณะเป็นหนังสือเล่มโบราณที่อายุหลังจากการตรวจสอบแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 1000 ปีในแบบเดียวกันกับหนังสืออีกเล่มซึ่งคาเอมครอบครองอยู่

“บันทึกโบราณของสงครามครั้งใหญ่ของมนุษย์และปีศาจ”กิ้งก่าหนุ่มบอก “มันถูกเขียนด้วยอักษรโบราณทำให้พวกเราต้องใช้เวลาสักพักในการแกะข้อความของมัน ผมจะสรุปให้คร่าวๆแล้วกันนะว่าหนังสือเล่มนี้พูดถึงเรื่องสงคราม เรื่องของแสง พลังของแสง 7 นักล่าและ6 ตัววิปลาสรุ่นแรก รวมไปถึงเรื่องราวของความมืด”

“ความมืดคืออะไร?”ไลท์เรย์ถาม

“คำนี้คุณเองก็น่าจะได้ยินนะคุณเบ็ค”เซอร์เพ็นหันมามองเด็กหนุ่มผมฟ้าที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ “ใช่ไหมครับ?”

“ใช่...ไนน์เทลเคยพูดไว้เมื่อตอนนั้น”

ประโยคนี้ของเบ็คกาลอสทำให้เหล่าผู้มีอายุรอบโต๊ะประชุมจะสนใจในความเป็นมาเป็นพิเศษ จึงตามมาด้วยประโยคคำถามมากมายของพวกเขา

“นี่พวกเธอเคยสู้กับไนน์เทลด้วยอย่างงั้นเหรอ!?”คนนั่งข้างวูดวูฟอย่าง ‘เอริธ์ เอเลเมนต์’ ผู้ครอบครองแซนด์แลนด์หันมาถามด้วยสีหน้าตกใจ “แล้วพวกเธอรอดมาได้ยังไงกันล่ะเนี่ย!?”

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะครับ?”เด็กผมฟ้าถาม “ถามอย่างกับพวกคุณไม่เคยสู้กับพวกเขา?”

“อันที่จริงนะครับคุณเบ็ค”อสรพิษหนุ่มยกมือเรียก “พวกเขาไม่เคยสู้กับ 6 ตัววิปลาสหรอกครับ”

“ว่าไงนะ!? เอาจริงดิ!?”

ในความเป็นจริงแล้วก็เป็นอย่างเดียวกับที่เซอร์เพ็นบอกเพราะ 7 นักล่าปีศาจที่เก่งที่สุดในทวีปกับ 6 ตัววิปลาสในรุ่นนี้นั้นไม่เคยปะทะกันแบบตรงๆเลยกันสักครั้ง ส่วนมากก็แค่ส่งทหารของแต่ละฝั่งมาต่อกรกันเท่านั้น

“ช่วยเขาเรื่องงานต่อเถอะนะ”

“โอเคครับมาเข้างานกันต่อก็ได้”คนผมม่วงว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิดผมคิดว่าทุกคนในที่นี่คงรู้เรื่องราวของ 7 อัญมณีแห่งแสงแล้วสินะครับ?...พยักหน้ากันทุกคนผมถือว่ารู้นะครับ แต่ผมคิดว่าคงมีอีกตำนานหนึ่งที่ทุกคนอาจจะไม่ทราบกัน”

“…”

“ความมืด”คาเอมแย่งพูด “เขาคือศัตรูเพียงหนึ่งเดียวของแสง หากเปรียบเทียบกันพวกเขาก็คือเหรียญสองด้านที่แตกต่าง ฝั่งนึงคือมนุษย์ที่แข่งแกร่งที่สุด ส่วนอีกฝั่งก็คือปีศาจที่แข็งแกร่งมากที่สุด ตำนานเขาบอกไว้ว่าพลังของสองคนนี้มีมากพอจะทำลายเขตทั้งเขตได้ภายในไม่กี่นาที”

“อย่าแย่งพูดขอร้อง”อสรพิษหันไปแยกเขี้ยวใส่ “หน้าหนังสือของพวกเรามันหายไปบางส่วนแต่ได้ฟังความมาจากท่านเดรนว่าพวกเราสามารถชุบชีวิตแสงกลับมาได้หากนำอัญมณีมาครบทั้ง 7 ชิ้นและแลกกับคำขอพรทั้ง 7 ข้อ...แต่ถ้าท่านเดรนคิดถูกเขาก็สามารถคืนชีพความมืดได้เช่นกันหากเขาสลับตำแหน่งของอัญมณี”

“หมายความว่าฝ่ายไหนถ้าได้อัญมณีครบก็ได้ชัยชนะในสงครามที่จะเกิดขึ้นสินะ?”เอจิถาม “หรือฉันเข้าใจผิด?”

“ใช่ครับท่านเดรนเคยบอกว่าถ้าหากเขาต้องการอัญมณีให้ครบแล้วฝั่งมนุษย์มีมันไว้ในครอบครองอยู่เขาก็จะทำสงครามเพื่อเอามันมา”เซอร์เพ็นบอก “ในความคิดของผมไม่ว่าทางไหนฝั่งมนุษย์ก็มีแต่ผลเสียเพราะถ้าหากพวกคุณครอบครองอัญมณีพวกเขาก็จะมาเอามันไป แล้วถ้าหากพวกคุณไม่มีพวกเขาก็จะรวมมันให้ครบแล้วนำความมืดมาโจมตีพวกคุณในคราวเดียว”

“ตามข้อมูลของพวกเรา 5 ใน 7 อัญมณีมีเจ้าของแล้วคือ แม่จุญแจยูลาสอยู่กับเบ็ค ต่างหูซ้ายมานุสอยู่กับวูดวูฟ กำไลข้อมือแรธทัธอยู่กับชาครัส ส่วนต่างหูขวาราเทลกับมงกุฏม่วงอยู่กับไนน์เทล”คาเอมอ่านตามที่เขาจดมา “ในขณะที่สร้อยคอดาเว็นอยู่เขตแซนด์แลนด์ แต่ปัญหาก็คือกำไลข้อเท้าอีสเตอร์ไม่มีใครเคยพบเจอมัน”

“อยู่กับพวกเราสามส่วนพวกมันมีสองอย่างงั้นเหรอ?”เฟลมทำท่าครุ่นคิด

“ขอโทษนะอะไรคือคำพูดที่ว่าอยู่กับพวกนายสาม?”ชาครัสโพลงถามขึ้นมา “อัญมณีของเผ่าฉันไม่ใช่ของฝ่ายไหนทั้งนั้น พวกฉันขอไม่ยุ่งในสงครามครั้งนี้”

“เห็นว่าคงไม่ได้หรอกพ่อหนุ่ม”เอริธ์เป็นคนพูด “ถ้าฉันจำไม่ผิดเผ่าพันธุ์เธอเคยถูกอูราโนสโจมตีสินะ? แล้วเธอไม่คิดหรอว่าถ้าหากฝั่งนั้นได้ไปมันจะยังเห็นพวกเธอเป็นพวก? ดีไม่ดีอูราโนสอาจจะย้อนกลับมาทำลายเผ่าพันธุ์เธออีกครั้งก็เป็นได้”

“ผมเห็นด้วยกับคำพูดนั้นครับโล่กำแพงเหล็กกล้า”อสรพิษหนุ่มเสริม “สายบอกมาอีกว่าอีกสามวันตัวตลกโลกมืดจะถูกส่งตัวไปค้นหาดาเว็น ดังนั้นผมจึงขอเสนอให้พวกคุณส่งคนไปหามันมาก่อน แต่ก็ระวังตัวหน่อยนะครับเพราะโบราณสถานที่ทุกคนว่ามีดาเว็นอยู่ภายในเหมือนจะมีอะไรบางอย่างเฝ้าอยู่”

“พวกเราจะไปเอามาเอง”

วูดวูฟลุกขึ้นพูดอย่างมั่นใจจนทำให้ทุกคนเกิดความประหลาดใจไม่เว้นแต่เบ็คกาลอสที่กำลังคิดอยู่ว่าคู่หูของตนไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน?

“แน่ใจนะโอเวล?”องค์ราชาแห่งนครแสงถามด้วยความเป็นห่วง

“แน่ใจครับ”ว่าพลางหันมามองเด็กหนุ่มผมฟ้า “พวกเรารับมือกับปีศาจระดับเดียวกันมาแล้วเลยพอรับรู้ถึงพลังของพวกมันได้ในระดับหนึ่ง ดังนั้นผมพูดได้เลยว่าทหารของที่นี่ต่อให้ส่งไปก็ต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน”

“แล้วถ้าฉันจะไปด้วยล่ะ?”ชายนั่งข้างๆหันมาถาม “ฉันคือผู้ได้รับมอบหมายในการปกครองแซนด์แลนด์ ดังนั้นฉันอาจจะพอช่วยป้องกันพวกเธอได้ เพราะฉันนั้นไม่ค่อยมีเวทย์จู่โจมสักเท่าไหร่”

“เป็นเกียรติอย่างมากครับที่ได้ร่วมงานกับท่านเอริธ์”ชายผมดำว่า “ตกลงตามนี้นะครับท่านไลท์เรย์?”

“ไม่ถามฉันสักคำเลยรึไง!?”เบ็คกาลอสพยายามโวยวาย

“ก็เอาสิ...แต่สัญญากับฉันสิโอเวลและเบ็คกาลอส”คนผมขาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พวกเธอจะต้องกลับมาที่นี่พร้อมอัญมณี ส่วนทางนี้ถ้าหากพวกมันจะบุกมาจริงๆเราจะถือไพ่เหนือกว่าในเรื่องสถานที่ ทางนี้จะเตรียมตัวรอคอยการบุกของพวกมัน เราจะจบพวกมันที่นี่”

“ผมสัญญาครับท่านไลท์เรย์”

“ดูเป็นแผนที่น่าสนใจนะ”คาเอมหัวเราะในลำคอ “คงหมดธุระของพวกเราแล้วเพราะงั้นลากะ...”

“เดี๋ยว!”เฟลมร้องห้ามคนในจอ “เรื่องที่พวกเราพูดในวันนี้ห้ามไปบอกไอ้เดรนของพวกแกเด็ดขาดไม่งั้นฉันจะย่างสุกพวกแกทั้งเป็นเลยคอยดู!”

“ขอเพิ่มเงินเป็น 3 เท่าแล้วพวกเราสัญญาว่าจะไม่บอกใคร”

กิ้งก่าหนุ่มว่าทำให้คนผมแดงนั้นเดือดเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบจะเผาห้องนี้ทั้งห้อง ยังดีที่เอริธ์พยายามคุมสติของน้องชายฝาแฝดตน ไลท์เรย์ถอนหายใจดังเฮือกแต่ก็ต้องยอมทำตามคำขอของปีศาจทั้งสองตนจึงจัดการโอนเงินไปให้ เมื่อได้รับเงินคู่หูนักส่งข่าวก็กล่าวขอบคุณแล้วโบกมือลาพร้อมกับภาพหน้าจอที่หายไป

องค์ราชากล่าวปิดการประชุมให้ทุกคนแยกย้ายแต่โล่กำแพงเหล็กกล้าดันเรียกตัวของวูดวูฟและเบ็คกาลอสไปคุยในห้องทำงานซึ่งอยู่ข้างห้องประชุมถึงภารกิจที่จะเดินทางในวันมะรืนเพราะเขาต้องเดินทางกลับไปเอาของที่ต้องการเสียก่อน

“เดินทางในสองวันข้างหน้าเจอกันที่ทางออกตะวันออกเวลา 8 โมงตกลงนะ?”ชายวัยกลางคนถาม

“ครับ”ทั้งสองคนตอบ

“แล้วเพื่อนของพวกเธอล่ะ?”

“ฉันก็จะตามไปด้วยยังไงล่ะ”คนผมน้ำเงินที่นั่งดื่มเครื่องดื่มอยู่เงยหน้าขึ้นมาตอบ “ให้อยู่กับคนที่จะเอาอัญมณีฉันไปเนี่ยนะ? ขอไปกับไอ้เด็กที่มันให้อัญมณีคืนฉันจะดีกว่า”

“จะบอกว่าไม่ไว้ใจพวกเราสินะ?”

“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว!”

“เฮ้! พูดจาให้มันสุภาพหน่อย”คนผมดำเตือน “ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านของนายนะที่จะพูดอะไรโดยไม่เกรงใจผู้ใหญ่น่ะ”

“เออๆจะพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมของมนุษย์ก็แล้วกัน”

“ถือว่าเข้าใจงานตรงกันแล้วนะ?  นี่มันก็เย็นมากแล้วพวกเธอไปพักซะเถอะฉันยังมีธุระที่ต้องทำอยู่อีกนิดหน่อย แล้วเจอกันนะ”

เอริธ์ทิ้งท้ายเอาไว้พร้อมกับโบกมือลาจากไป ในคืนนี้พวกเบ็คกาลอสได้เข้าพักในโรงแรมระดับ 5 ดาวที่อยู่ใกล้กับวังตามที่ไลท์เรย์ได้จัดการหาที่พักเอาไว้ให้ วูดวูฟนั่งจิบเบียร์กระป๋องเย็นๆพลางจ้องมองเบ็คกาลอสที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าพลางคิดบางอย่างในสมอง...ซึ่งมันเป็นอีกหนึ่งคำคอบที่ทำไมเขามั่นใจว่าภารกิจต่อไปมันต้องสำเร็จอย่างแน่นอน

‘ตัวตนอีกคนของนาย...มันจะช่วยพวกเราได้มากถ้าหากนายใช้มัน’

          555 คุยกันอย่างเดียวเลยตอนนี้

          ปล.ขอโทษที่มาสายนิดหน่อยนะจ๊ะเพิ่งกลับมาจากรายงานตัวเข้ามหาลัยจ้า 555

          คอมเม้นให้เค้าหน่อยจิ *0*

          Blueheadphone

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา