ข้าร้ายแล้วไงรักข้าหรือไม่เล่า
-
เขียนโดย กัญญาภัส
วันที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 00.36 น.
2 ตอน
0 วิจารณ์
4,549 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2561 09.25 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ต้องการอะไรจากเปิ่นหวาง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 2
ต้องการอะไรจากเปิ่นหวาง
หลิงเป่าเป้ย"สิ่งที่หม่อมฉันต้องการคือหัวใจ!"
@@@@@@
องค์ชายสามพยายามข่มพระทัยไม่ทอดพระเนตรเรือนร่างเย้ายวนตรงหน้า หากตรัสว่าพระองค์ไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่พึ่งผ่านเรื่องระหว่างชายหญิงกับหลิงเป่าเป้ยมาก็คงไม่ต่างกับการโกหก แต่หากจะตรัสว่าทรงพอพระทัยก็ตรัสได้ไม่เต็มโอษฐ์! นี่มันเป็นความรู้สึกประเภทใดกัน! กงหยางเฟยเทียนหายพระทัยเข้าออกช้าๆ ก่อนจะตวาดขึ้นด้วยสุรเสียงดุดัน
"หลิงเป่าเป้ย! เจ้ารู้จักเวลาบ้างหรือไม่! ต้องให้เปิ่นหวางรอเจ้าตื่นอีกนานเพียงใด?"
สุรเสียงดุดันทำให้พยาบาลสาวสะดุ้งตื่น ร่างบางถลันตัวลุกขึ้นแต่กลับต้องชะงักและลงไปนอนขดตัวอีกครั้ง
"โอ้ย!" ร่างบางส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
"หลิงเป่าเป้ย! เหตุใดไม่รักษากริยาต่อหน้าเชื้อพระวงศ์ "
อองตองขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ หนอย! ไอ้องค์ชายบ้ากาม เจ็บแล้วร้องไม่ได้รึไงเล่า!
"ทรงต้องการให้หม่อมฉันกราบทูลจริงๆใช่รึไม่เพคะ ว่าสตรีที่โดนเคี่ยวกรำอย่างหม่อมฉันเจ็บตรงที่ใดและผู้ใดเป็นผู้กระทำ” เธอเอ่ยขัดขึ้นก่อนที่องค์ชายสามจะทันได้ตรัสต่อ
"ไร้ยางอาย เจ้ามันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!" องค์ชายสามตวาดขึ้นด้วยสุรเสียงอันดัง
"เป็นเจ้าที่อยากเป็นหวางเฟยของเปิ่นหวางถึงขั้นวางแผนสกปรกป้ายยาปลุกกำหนัดและเป็นเจ้าเองมิใช่หรือที่ล่อลวงเปิ่นหวางจนเกิดเรื่องงามหน้านี้ขึ้น!"
พยาบาลสาวได้ฟังถึงกับสะอึก ใช่สิ! ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของเจ้าของร่างนี้ทั้งสิ้น เพราะความรักที่เกินพอดีจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้บุรุษที่ตนรักมาครอบครอง ความรู้สึกของเจ้าของร่างทำให้เธอสงสารจนปล่อยทุกอย่างเลยตามเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแล้วจะทำไม จะตอกย้ำอะไรกันนักกันหนา! ยังไงเธอก็ไม่ใช่คนวางแผนเสียหน่อยแล้วทำไมเธอจะต้องยอมผู้ชายปากร้ายคนนี้ คนที่รักและต้องการเขาคือหลิงเป่าเป้ย ไม่ใช่เธอเสียหน่อย!
"หวางเยี่ยจะทรงตำหนิหม่อมฉันฝ่ายเดียวไม่ได้ ยาปลุกกำหนัดนั้นออกฤทธิ์เพียงสองเค่อ(30นาที) วรยุทธ์สูงส่งเช่นหวางเยี่ยอาจสลายฤทธิ์ของมันได้ภายในหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดหวางเยี่ย..." เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ร่างบางกลับพูดตะกุกตะกัก ยังไงเธอก็มีความเขินอายอยู่บ้าง มาจากยุคสี่จีใช่ว่าจะต้องใจกล้าหน้าด้านเสียทุกเรื่อง
"กล่าวหาว่าเปิ่นหวางปรารถนาในตัวเจ้า เปิ่นหวางครอบครองเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งๆที่ยาหมดฤทธิ์แล้วอย่างนั้นรึ...สตรีไร้ยางอาย!"
"หากหวางเยี่ยรังเกียจหม่อมฉันถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่เสด็จกลับไปตั้งแต่ยาหมดฤทธิ์เล่าเพคะ ทรงเคี่ยวกรำทรมานหม่อมฉันค่อนคืนทำไม?" ร่างบางตะโกนตอบกลับไปด้วยโทสะ ดวงตาดอกท้อแดงก่ำ น้ำตาที่ไม่รู้มาเอ่อล้น หยดน้ำใสๆจวนจะร่วงลงมาอยู่รอมร่อ
เมื่อทอดพระเนตรเห็นหยดน้ำตา พระทัยขององค์ชายสามก็อ่อนลงกว่าครึ่ง ทรงมีพระประสงค์จะตกลงกับนางด้วยเหตุผลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เปิ่นหวางคิดว่า...”
"หม่อมฉันไม่ขอเรียกร้องสิ่งใดเพคะ! เชิญหวางเยี่ยเสด็จกลับตำหนักทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงไม่ต้องการความรับผิดชอบ!" ร่างบางกราบทูลด้วยน้ำตาที่คลอหน่วย พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ หากร้องเธอคงน่าเพชมากกว่านี้
ประโยคที่ราวกับไม่สนใจสิ่งใดทำให้โทสะที่ลดลงปะทุขึ้นอีกครั้ง
"บังอาจ!” องค์ชายสามถลึงพระเนตรก่อนจะตวาดขึ้น
“หม่อมฉันกราบทูลความจริง ไม่ได้บังอาจ!”
“เจ้าเป็นของเปิ่นหวางและเปิ่นหวางก็รับปากเจ้าว่าจะรับเป็นหวางเฟย เปิ่นหวางไม่มีทางกลับคำ!”
"หม่อมฉันลืมไปหมดแล้วและไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องน่าละอายนี้อีก หากหวางเยี่ยทรงเมตตาหม่อมฉันบ้างก็เสด็จกลับตำหนักและลืมเรื่องในครานี้เถิดเพคะ"
"หลิงเป่าเป้ย นี่มันจะมากเกินไปแล้ว บอกมา! ทำแบบนี้เจ้าต้องการอะไร?"
ร่างบางเงยหน้ามองบุรุษสูงศักดิ์ ตอนนี้พระพักตร์หล่อเหลาราวเทพบุตรไม่ได้ดูน่ามองเพราะมันถมึงทึงไม่ต่างจากผู้ร้ายในละครหลังข่าว หึ! คิดว่าเธอจะกลัวเหรอ ไม่มีทาง! ราวกับไปกินดีหมีหัวใจเสืออองตองเชิดใบหน้าของเธอขึ้น แรงโทสะทำให้เธอลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
“หากหม่อมฉันต้องการหัวใจ ต้องการรักแท้เล่าเพคะ จะทรงให้หม่อมฉันได้หรือไม่?"
กงหยางเฟยเทียนนิ่งไปทันที นี่นางเป็นบ้าอันใดถึงกล้าตอบออกมาแบบเช่นนี้!
"เจ้ากล่าวว่าต้องการรักแท้ ต้องการหัวใจของเปิ่นหวาง ทั้งๆที่กระทำเรื่องไร้ยางอาย เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางจะเชื่อใจจนยกหัวใจทั้งหมดให้เจ้า ช่างไร้สติเกินไปแล้ว!" กงหยางเฟยเทียนตรัสด้วยวาจาร้ายกาจ ในพระทัยคุกรุ่นไปด้วยโทสะ สตรีโง่งม นางช่างไม่รู้อะไรเสียเลย
“ไม่รู้ตัวเลยรึว่าเจ้าได้ทำเรื่องใหญ่หลวงเพียงใด รู้หรือไม่ว่าโทษของการวางยาเชื้อพระวงศ์หนักหนาแค่ไหน กระทำถึงเพียงนี้ยังไม่สำนึกผิด ซ้ำยังอ้างเรื่องหัวใจอย่างนั้นรึ?”
"หัวใจคือสิ่งที่หม่อมฉันต้องการ แม้หวางเยี่ยจะให้ไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีบุรุษอื่นมอบให้นะเพคะ" อองตองเชิดหน้าตอบอย่างไม่กลัวตาย
"บังอาจ! เจ้าเป็นของเปิ่นหวางแล้วยังหาญกล้าเอ่ยถึงบุรุษอื่นอีกอย่างนั้นรึ?" กงหยางเฟยเทียนตวาดขึ้นอีกครั้ง
"หลิงเป่าเป้ย ในเมื่อเจ้ารนหาที่ทั้งยังเอ่ยวาจาสามหาว จะมาโทษเปิ่นหวางว่าไม่รู้จักรักหยกถนอมบุบผาไม่ได้!" กงหยางเฟยเทียนตรัสด้วยสุรเสียงกดต่ำ พระหัตถ์หนายกขึ้นมากดไหล่บางเอาไว้ก่อนจะโน้มพระวรกายเข้าหา
"หวางเยี่ย...จะทรงทำอะไรเพคะ?" อองตองเอ่ยถามด้วยความหวาดระแวง แม้องค์ชายสามจะมีท่าทีดุดันแต่ดวงเนตรสีเทาดวงนั้นกลับเต็มไปด้วยความปรารถนา
"เปิ่นหวางจะรื้อฟื้นความทรงจำให้เจ้าอย่างไร เผื่อเจ้าจะตระหนักว่าสตรีของเปิ่นหวางมีหน้าที่อะไรและบุรุษอื่นไม่มีสิทธิ์ในตัวเจ้าเพราะอะไร" ร่างสูงไม่ยอมให้เสียเวลา โน้มพระวรกายลงทาบทับร่างบางในทันที
“หวางเยี่ย!”
“เสด็จพ่อทรงตรัสว่า หากสตรีไม่ยอมฟังเหตุผลควรปราบพยศด้วยร่างกาย เจ้าคิดว่าจริงหรือไม่ เป้ยเออร์”
"เป้ยอ๋งเป้ยเออร์อะไรกัน! หวางเยี่ยได้โปรดอย่า...อื้อ" ยังไม่ทันจะพูดจบริมฝีปากร้อนขององค์ชายสามก็ประกบลงมาดูดกลืนริมฝีปากเล็กเสียแล้ว กงหยางเฟยเทียนกดริมฝีปากลงมาอย่างหนักหน่วงก่อนจะบดเบียดดูดดึงตามความต้องการที่พุ่งสูง
อองตองเบิกตากว้าง สองมือยกขึ้นปัดป่ายทุบตีทั่วทั้งวรกาย องค์ชายสามหาได้ใส่ใจแรงเพียงเท่านี้หาได้สร้างความเจ็บปวดให้กับพระองค์ไม่ ร่างสูงยังคงปลุกเร้าด้วยสัมผัสหวามจนเธอเริ่มหายใจติดขัด ร่างบางร้อนรุ่มราวกับมีไฟแผดเผา สองมือที่ระดมทุบตีเปลี่ยนเป็นขยุ้มชายเสื้อเพื่อประคองตัวเองแทน
องค์ชายสามละจากริมฝีปากบวมเจ่อ พระพักตร์หล่อเหลาก้มลงสำรวจคนที่นอนหอบอยู่ใต้ร่าง งามนัก! ขนาดนางถูกพระองค์เคี่ยวกรำทั้งคืนจนหน้าตาซีดเซียวผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อตัวขาวผ่องเต็มไปด้วยร่องรอยกุหลาบ แต่กลับไม่ได้ลดความงามเย้ายวนของนางไปได้เลย ตรงกันข้าม...ริมฝีบางเล็กที่บัดนี้บวมเจ่อ เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยจนมองทะลุไปถึงไหนต่อไหนกลับกระตุ้นความต้องการของพระองค์ได้มากนัก! ร่างสูงก้มลงสบดวงตาดอกท้อก่อนจะเอ่ยด้วยสุรเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ
"เป้ยเออร์...เปิ่นหวางสัญญาว่าครานี้จะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ เชื่อฟังเปิ่นหวางบ้างเถิดอย่างไรเราสองคนก็ผ่านเรื่องระหว่างชายหญิงร่วมกันมาแล้ว เจ้าจะดื้อรั้นไปใย"
สุรเสียงแหบพร่าที่ปกปิดความต้องการไม่มิดทำให้ร่างบางตกตะลึง นี่เขาพูดแบบนี้ก็เป็นเหรอนี่! พระเจ้า! ผู้ชายปากร้ายคนนี้พูดดีๆกับเธอด้วย
ร่างสูงหาได้ต้องการคำอนุญาต ทันที่กล่าวจบริมฝีปากอุ่นร้อนประกบลงมาอีกครั้ง สัมผัสครานี้แตกจากคราแรกนักมันทั้งนุ่มนวลอ่อนโยนและล่อลวงให้พลั้งเผลอ ร่างบางยกแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งขณะที่ริมฝีปากเล็กเผยอขึ้นตอบรับอย่างเคอะเขิน องค์ชายสามส่งเสียงครางอย่างพอพระทัยเมื่อร่างเล็กนุ่มนิ่มบดเบียดทรวงอกเข้าหา...
อาภรณ์ที่ปกคลุมกายถูกกระชากออกไปอีกครั้ง องค์ชายสามก้มลงทอดพระเนตรเรือนร่างเปลือยเปล่า ก่อนจะตรัสขึ้นด้วยสุรเสียงหวานล้ำอย่างที่ไม่เคยใช้กับผู้ใด
"เป้ยเออร์...เปิ่นหวางคงต้องรบกวนเจ้าอีกครั้งแล้ว"
-จบตอน-
ต้องการอะไรจากเปิ่นหวาง
หลิงเป่าเป้ย"สิ่งที่หม่อมฉันต้องการคือหัวใจ!"
@@@@@@
องค์ชายสามพยายามข่มพระทัยไม่ทอดพระเนตรเรือนร่างเย้ายวนตรงหน้า หากตรัสว่าพระองค์ไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่พึ่งผ่านเรื่องระหว่างชายหญิงกับหลิงเป่าเป้ยมาก็คงไม่ต่างกับการโกหก แต่หากจะตรัสว่าทรงพอพระทัยก็ตรัสได้ไม่เต็มโอษฐ์! นี่มันเป็นความรู้สึกประเภทใดกัน! กงหยางเฟยเทียนหายพระทัยเข้าออกช้าๆ ก่อนจะตวาดขึ้นด้วยสุรเสียงดุดัน
"หลิงเป่าเป้ย! เจ้ารู้จักเวลาบ้างหรือไม่! ต้องให้เปิ่นหวางรอเจ้าตื่นอีกนานเพียงใด?"
สุรเสียงดุดันทำให้พยาบาลสาวสะดุ้งตื่น ร่างบางถลันตัวลุกขึ้นแต่กลับต้องชะงักและลงไปนอนขดตัวอีกครั้ง
"โอ้ย!" ร่างบางส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
"หลิงเป่าเป้ย! เหตุใดไม่รักษากริยาต่อหน้าเชื้อพระวงศ์ "
อองตองขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ หนอย! ไอ้องค์ชายบ้ากาม เจ็บแล้วร้องไม่ได้รึไงเล่า!
"ทรงต้องการให้หม่อมฉันกราบทูลจริงๆใช่รึไม่เพคะ ว่าสตรีที่โดนเคี่ยวกรำอย่างหม่อมฉันเจ็บตรงที่ใดและผู้ใดเป็นผู้กระทำ” เธอเอ่ยขัดขึ้นก่อนที่องค์ชายสามจะทันได้ตรัสต่อ
"ไร้ยางอาย เจ้ามันไร้ยางอายเกินไปแล้ว!" องค์ชายสามตวาดขึ้นด้วยสุรเสียงอันดัง
"เป็นเจ้าที่อยากเป็นหวางเฟยของเปิ่นหวางถึงขั้นวางแผนสกปรกป้ายยาปลุกกำหนัดและเป็นเจ้าเองมิใช่หรือที่ล่อลวงเปิ่นหวางจนเกิดเรื่องงามหน้านี้ขึ้น!"
พยาบาลสาวได้ฟังถึงกับสะอึก ใช่สิ! ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของเจ้าของร่างนี้ทั้งสิ้น เพราะความรักที่เกินพอดีจนยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้บุรุษที่ตนรักมาครอบครอง ความรู้สึกของเจ้าของร่างทำให้เธอสงสารจนปล่อยทุกอย่างเลยตามเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นแล้วจะทำไม จะตอกย้ำอะไรกันนักกันหนา! ยังไงเธอก็ไม่ใช่คนวางแผนเสียหน่อยแล้วทำไมเธอจะต้องยอมผู้ชายปากร้ายคนนี้ คนที่รักและต้องการเขาคือหลิงเป่าเป้ย ไม่ใช่เธอเสียหน่อย!
"หวางเยี่ยจะทรงตำหนิหม่อมฉันฝ่ายเดียวไม่ได้ ยาปลุกกำหนัดนั้นออกฤทธิ์เพียงสองเค่อ(30นาที) วรยุทธ์สูงส่งเช่นหวางเยี่ยอาจสลายฤทธิ์ของมันได้ภายในหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดหวางเยี่ย..." เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ร่างบางกลับพูดตะกุกตะกัก ยังไงเธอก็มีความเขินอายอยู่บ้าง มาจากยุคสี่จีใช่ว่าจะต้องใจกล้าหน้าด้านเสียทุกเรื่อง
"กล่าวหาว่าเปิ่นหวางปรารถนาในตัวเจ้า เปิ่นหวางครอบครองเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งๆที่ยาหมดฤทธิ์แล้วอย่างนั้นรึ...สตรีไร้ยางอาย!"
"หากหวางเยี่ยรังเกียจหม่อมฉันถึงเพียงนั้น เหตุใดไม่เสด็จกลับไปตั้งแต่ยาหมดฤทธิ์เล่าเพคะ ทรงเคี่ยวกรำทรมานหม่อมฉันค่อนคืนทำไม?" ร่างบางตะโกนตอบกลับไปด้วยโทสะ ดวงตาดอกท้อแดงก่ำ น้ำตาที่ไม่รู้มาเอ่อล้น หยดน้ำใสๆจวนจะร่วงลงมาอยู่รอมร่อ
เมื่อทอดพระเนตรเห็นหยดน้ำตา พระทัยขององค์ชายสามก็อ่อนลงกว่าครึ่ง ทรงมีพระประสงค์จะตกลงกับนางด้วยเหตุผลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เปิ่นหวางคิดว่า...”
"หม่อมฉันไม่ขอเรียกร้องสิ่งใดเพคะ! เชิญหวางเยี่ยเสด็จกลับตำหนักทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของหม่อมฉัน หม่อมฉันจึงไม่ต้องการความรับผิดชอบ!" ร่างบางกราบทูลด้วยน้ำตาที่คลอหน่วย พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ร้องไห้ หากร้องเธอคงน่าเพชมากกว่านี้
ประโยคที่ราวกับไม่สนใจสิ่งใดทำให้โทสะที่ลดลงปะทุขึ้นอีกครั้ง
"บังอาจ!” องค์ชายสามถลึงพระเนตรก่อนจะตวาดขึ้น
“หม่อมฉันกราบทูลความจริง ไม่ได้บังอาจ!”
“เจ้าเป็นของเปิ่นหวางและเปิ่นหวางก็รับปากเจ้าว่าจะรับเป็นหวางเฟย เปิ่นหวางไม่มีทางกลับคำ!”
"หม่อมฉันลืมไปหมดแล้วและไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องน่าละอายนี้อีก หากหวางเยี่ยทรงเมตตาหม่อมฉันบ้างก็เสด็จกลับตำหนักและลืมเรื่องในครานี้เถิดเพคะ"
"หลิงเป่าเป้ย นี่มันจะมากเกินไปแล้ว บอกมา! ทำแบบนี้เจ้าต้องการอะไร?"
ร่างบางเงยหน้ามองบุรุษสูงศักดิ์ ตอนนี้พระพักตร์หล่อเหลาราวเทพบุตรไม่ได้ดูน่ามองเพราะมันถมึงทึงไม่ต่างจากผู้ร้ายในละครหลังข่าว หึ! คิดว่าเธอจะกลัวเหรอ ไม่มีทาง! ราวกับไปกินดีหมีหัวใจเสืออองตองเชิดใบหน้าของเธอขึ้น แรงโทสะทำให้เธอลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง
“หากหม่อมฉันต้องการหัวใจ ต้องการรักแท้เล่าเพคะ จะทรงให้หม่อมฉันได้หรือไม่?"
กงหยางเฟยเทียนนิ่งไปทันที นี่นางเป็นบ้าอันใดถึงกล้าตอบออกมาแบบเช่นนี้!
"เจ้ากล่าวว่าต้องการรักแท้ ต้องการหัวใจของเปิ่นหวาง ทั้งๆที่กระทำเรื่องไร้ยางอาย เจ้าคิดว่าเปิ่นหวางจะเชื่อใจจนยกหัวใจทั้งหมดให้เจ้า ช่างไร้สติเกินไปแล้ว!" กงหยางเฟยเทียนตรัสด้วยวาจาร้ายกาจ ในพระทัยคุกรุ่นไปด้วยโทสะ สตรีโง่งม นางช่างไม่รู้อะไรเสียเลย
“ไม่รู้ตัวเลยรึว่าเจ้าได้ทำเรื่องใหญ่หลวงเพียงใด รู้หรือไม่ว่าโทษของการวางยาเชื้อพระวงศ์หนักหนาแค่ไหน กระทำถึงเพียงนี้ยังไม่สำนึกผิด ซ้ำยังอ้างเรื่องหัวใจอย่างนั้นรึ?”
"หัวใจคือสิ่งที่หม่อมฉันต้องการ แม้หวางเยี่ยจะให้ไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีบุรุษอื่นมอบให้นะเพคะ" อองตองเชิดหน้าตอบอย่างไม่กลัวตาย
"บังอาจ! เจ้าเป็นของเปิ่นหวางแล้วยังหาญกล้าเอ่ยถึงบุรุษอื่นอีกอย่างนั้นรึ?" กงหยางเฟยเทียนตวาดขึ้นอีกครั้ง
"หลิงเป่าเป้ย ในเมื่อเจ้ารนหาที่ทั้งยังเอ่ยวาจาสามหาว จะมาโทษเปิ่นหวางว่าไม่รู้จักรักหยกถนอมบุบผาไม่ได้!" กงหยางเฟยเทียนตรัสด้วยสุรเสียงกดต่ำ พระหัตถ์หนายกขึ้นมากดไหล่บางเอาไว้ก่อนจะโน้มพระวรกายเข้าหา
"หวางเยี่ย...จะทรงทำอะไรเพคะ?" อองตองเอ่ยถามด้วยความหวาดระแวง แม้องค์ชายสามจะมีท่าทีดุดันแต่ดวงเนตรสีเทาดวงนั้นกลับเต็มไปด้วยความปรารถนา
"เปิ่นหวางจะรื้อฟื้นความทรงจำให้เจ้าอย่างไร เผื่อเจ้าจะตระหนักว่าสตรีของเปิ่นหวางมีหน้าที่อะไรและบุรุษอื่นไม่มีสิทธิ์ในตัวเจ้าเพราะอะไร" ร่างสูงไม่ยอมให้เสียเวลา โน้มพระวรกายลงทาบทับร่างบางในทันที
“หวางเยี่ย!”
“เสด็จพ่อทรงตรัสว่า หากสตรีไม่ยอมฟังเหตุผลควรปราบพยศด้วยร่างกาย เจ้าคิดว่าจริงหรือไม่ เป้ยเออร์”
"เป้ยอ๋งเป้ยเออร์อะไรกัน! หวางเยี่ยได้โปรดอย่า...อื้อ" ยังไม่ทันจะพูดจบริมฝีปากร้อนขององค์ชายสามก็ประกบลงมาดูดกลืนริมฝีปากเล็กเสียแล้ว กงหยางเฟยเทียนกดริมฝีปากลงมาอย่างหนักหน่วงก่อนจะบดเบียดดูดดึงตามความต้องการที่พุ่งสูง
อองตองเบิกตากว้าง สองมือยกขึ้นปัดป่ายทุบตีทั่วทั้งวรกาย องค์ชายสามหาได้ใส่ใจแรงเพียงเท่านี้หาได้สร้างความเจ็บปวดให้กับพระองค์ไม่ ร่างสูงยังคงปลุกเร้าด้วยสัมผัสหวามจนเธอเริ่มหายใจติดขัด ร่างบางร้อนรุ่มราวกับมีไฟแผดเผา สองมือที่ระดมทุบตีเปลี่ยนเป็นขยุ้มชายเสื้อเพื่อประคองตัวเองแทน
องค์ชายสามละจากริมฝีปากบวมเจ่อ พระพักตร์หล่อเหลาก้มลงสำรวจคนที่นอนหอบอยู่ใต้ร่าง งามนัก! ขนาดนางถูกพระองค์เคี่ยวกรำทั้งคืนจนหน้าตาซีดเซียวผมเผ้ายุ่งเหยิง เนื้อตัวขาวผ่องเต็มไปด้วยร่องรอยกุหลาบ แต่กลับไม่ได้ลดความงามเย้ายวนของนางไปได้เลย ตรงกันข้าม...ริมฝีบางเล็กที่บัดนี้บวมเจ่อ เสื้อผ้าที่หลุดลุ่ยจนมองทะลุไปถึงไหนต่อไหนกลับกระตุ้นความต้องการของพระองค์ได้มากนัก! ร่างสูงก้มลงสบดวงตาดอกท้อก่อนจะเอ่ยด้วยสุรเสียงที่นุ่มนวลกว่าปกติ
"เป้ยเออร์...เปิ่นหวางสัญญาว่าครานี้จะไม่ทำให้เจ้าเจ็บ เชื่อฟังเปิ่นหวางบ้างเถิดอย่างไรเราสองคนก็ผ่านเรื่องระหว่างชายหญิงร่วมกันมาแล้ว เจ้าจะดื้อรั้นไปใย"
สุรเสียงแหบพร่าที่ปกปิดความต้องการไม่มิดทำให้ร่างบางตกตะลึง นี่เขาพูดแบบนี้ก็เป็นเหรอนี่! พระเจ้า! ผู้ชายปากร้ายคนนี้พูดดีๆกับเธอด้วย
ร่างสูงหาได้ต้องการคำอนุญาต ทันที่กล่าวจบริมฝีปากอุ่นร้อนประกบลงมาอีกครั้ง สัมผัสครานี้แตกจากคราแรกนักมันทั้งนุ่มนวลอ่อนโยนและล่อลวงให้พลั้งเผลอ ร่างบางยกแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งขณะที่ริมฝีปากเล็กเผยอขึ้นตอบรับอย่างเคอะเขิน องค์ชายสามส่งเสียงครางอย่างพอพระทัยเมื่อร่างเล็กนุ่มนิ่มบดเบียดทรวงอกเข้าหา...
อาภรณ์ที่ปกคลุมกายถูกกระชากออกไปอีกครั้ง องค์ชายสามก้มลงทอดพระเนตรเรือนร่างเปลือยเปล่า ก่อนจะตรัสขึ้นด้วยสุรเสียงหวานล้ำอย่างที่ไม่เคยใช้กับผู้ใด
"เป้ยเออร์...เปิ่นหวางคงต้องรบกวนเจ้าอีกครั้งแล้ว"
-จบตอน-
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ