Sensuality รัก? รัญจวนใจ?
-
เขียนโดย Licht
วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.34 น.
12 ตอน
1 วิจารณ์
13.58K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2561 23.44 น. โดย เจ้าของนิยาย
10) Flower for me (BL)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบุณฑริกส่งลูกค้าออกจากร้านดอกไม้ของครอบครัวแล้ว สายตาของเขาทอดมองไปหน้าร้านก็พบว่านอกบานกระจกใสมีชายหนุ่มคนหนึ่งมองตรงไปยังตู้แช่ดอกไม้ภายในร้าน ก่อนเบนสายตาไปยังภาพโพสเตอร์รวมดอกไม้เมืองหนาวในกรอบลอยที่ประดับอยู่หน้าร้าน พอไล่สายตาคล้ายมองหาอยู่พักหนึ่งเขาก็เดินจากไป เห็นเช่นนั้นก็คิดในใจว่า ชายหนุ่มคงยังเลือกดอกไม้ไม่ได้
เย็นวันนั้นบุณฑริกขับรถออกไปซื้อของ ยามรถติดเขาติดนิสัยชอบมองไปยังร้านริมถนนเพื่อหาดอกไม้ แล้วบุณฑริกก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อชายคนเดียวกับที่ยืนอยู่หน้าร้านดอกไม้ของเขาเมื่อตอนสายของวัน ชายหนุ่มยังคงทำกิริยาเช่นเดิมคือ เหมือนจะมองหาดอกไม้ จากนั้นก็ทำหน้าเสียดายก่อนจะเดินจากไป
เขาคิดว่ามันคงจะเป็นบุบเพอาละวาดเมื่อวันถัดมาซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนทำงาน บุณฑริกมายังตลาดดอกไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านของเขานัก ทำให้ร้านของเขาโชคดีไม่ต้องสต๊อกสินค้ามาก เมื่อรับออเดอร์ใหญ่ก็จะโทรสั่งร้านประจำ จากนั้นมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็จะมาส่งถึงร้านสำหรับกรณีที่น้องสาวของเขา ‘ติดงาน’ น่ะนะ และเช้าวันนี้จงกลนีก็ไม่ว่าง เขาก็เกิดอยากจะมาเลือกดอกไม้เองขนได้พบชายคนเดิมอีกครั้ง ชายหนุ่มคนนั้นหยุดแวะทั้งแผงขายดอกไม้สดและดอกไม้อบแห้ง เมื่อเห็นสีหน้าคล้ายผิดหวังแล้วสุดท้ายบุณฑริกจึงตัดสินใจเข้าไปทัก
“คุณหาดอกไม้อะไรอยู่หรือครับ เผื่อว่าผมจะช่วยแนะนำให้ได้”
ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยหันมา สบตาบุณฑริกก่อนจะตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“...ผมหาดอกไม้ชนิดหนึ่งอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันมีอยู่จริงไหม” เขาก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าขึ้นสีก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ผมเห็นจากในฝัน”
บุณฑริกเลิกคิ้วก่อนจะรู้สึกว่าชายหนุ่มในมุมนี้ดูน่ารักดี
“ลองอธิบายลักษณะ หรือสีออกมาได้ไหม”
“ผม...ผมลองค้นหาดู แต่พอใส่ว่า ‘ดอกไม้’ มันก็ขึ้นมา เยอะมาก ระบุสีก็แล้วมันก็ยังมากอยู่ดี
บางทีมันคงเป็นแค่ฝันไป”
บุณฑริกฟังแล้วจึงหยิบนามบัตรของร้านออกมาใบหนึ่ง
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน คุณลองวาดออกมาเป็นรูปให้ดูได้ไหมไม่ต้องวาดให้สวยแต่บอกว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง ถึงจะไม่มีอยู่จริงผมช่วยประดิษฐ์ขึ้นมาได้นะ นี่นามบัตรของร้าน” บุณฑริกหยิบปากกาออกมาเขียนอีเมล์ลงไปใต้อีเมล์ร้านก่อนจะวงเบอร์โทรศัพท์ที่พิมพ์อยู่บนนามบัตร “นี่อีเมลผม คุณวาดเสร็จแล้วส่งมาให้ผมดูนะ นี่เบอร์ของผมแอดไลน์มาก็ได้”
ชายหนุ่มรับนามบัตรมาด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง ก่อนจะแนะนำตัวเอง
“ผมชื่อสุคันธชาติ เรียกผมว่าชาติก็ได้ครับ คุณ...”
“บุณฑริกครับ เรียกว่าบัวขาวก็ได้” ใช่แล้วชื่อของเขาแปลว่า ดอกบัวขาว ยัยน้องสาวชื่อจงกลนีก็แปลว่าดอกบัว พ่อแม่ของเขาก็มีชื่อแปลว่าดอกบัว
สุคันธชาติได้ยินชื่ออีกฝ่ายก็เผลอยิ้มออกมา
“ผมต้องรบกวนคุณแล้ว ผมจะรีบวาดออกมาเลย... ขอบคุณมากครับ”
เย็นวันนั้นโทรศัพท์มือถือของบุณฑริกแสดงการแจ้งเตือนขอเพิ่มผู้ติดต่อเข้ามา เป็นสุคันธชาตินั่นเอง เมื่อกดรับก็มีรูปถ่ายส่งมาทันที เป็นรูปวาดที่แม้เจ้าตัวอาจจะไม่มีฝีมือดีนักแต่ดูออกว่าพยายามวาดและเก็บรายละเอียด มีเขียนระบุสีกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ด้วย เห็นแล้วบุณฑริกก็อดยิ้มไม่ได้ ดอกไม้นี้ไม่น่าจะมีจริงตามธรรมชาติ แต่เขาจะลองสร้างมันขึ้นให้มีบนโลกดู
ข้อความจากสุคันธชาติส่งมาอีก
‘ผมพยายามวาดแล้ว คุณพอจะเห็นภาพไหมครับ’
บุณฑริกตอบกลับไปทันที
‘ครับ รายละเอียดชัดเจนดี ขอเวลาผมนึกก่อนนะครับว่าจะทำออกมาแบบไหนดี’
อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า
‘ขอบคุณมากครับ’ พร้อมสติ๊กเกอร์อีกหนึ่งตัว
บุณฑริกอมยิ้มก่อนหลับตาวาดภาพในหัว แล้วภาพดวงตาเปี่ยมความหวังของสุคันธชาติก็วาบขึ้นมาจนกระทั่งเสียงกระดิ่งที่แขวนไว้เหนือประตูร้านเรียกให้เขาต้องลืมตาขึ้นมองว่าเป็นน้องสาวของเขาซึ่งกลับมาจากส่งของ
บ่ายวันต่อมาบุณฑริกส่งข้อความหาสุคันธชาติ
‘ช่วงเย็นคุณชาติพอจะมีเวลาแวะมาที่ร้านของผมหรือเปล่าครับ ผมมีบางอย่างอยากให้คุณดู’
ไม่นานสุคันธชาติก็ตอบข้อความกลับมาทันที
‘ได้สิครับผมจะแวะไป สักกี่โมงดีที่จะไม่รบกวนคุณ’
บุณฑริกตอบกลับไปทันที ก่อนจะอ่านทวนข้อความตอบรับซ้ำไปมา
สุคันธชาติมาถึงร้านดอกไม้ บุณฑริกเปิดประตูหน้าร้านต้อนรับเขาเข้าไปด้านใน สุคันธชาติถึงได้เห็นว่า ส่วนด้านในมีจัดโต๊ะเก้าอี้เอาไว้คล้ายกับเตรียมเอาไว้สำหรับฝึกอบรม พอมองไปบนผนังมีรูปถ่ายโพลารอยด์ติดไว้บนกระดานไม้คอร์กมากมาย ชั้นติดผนังมีผลงานบางส่วน ตู้ด้านล่างเป็นที่เก็บอุปกรณ์
หลังสำรวจจนพอใจสุคันธชาติจึงได้หันกลับไปหาเจ้าของสถานที่
“เดี๋ยวนี้ทำร้านดอกไม้ รวมถึงขายไม้ดอก ไม้ประดับอย่างเดียวไม่ได้ ผมก็เลยทำงานประดิษฐ์ขาย ต่อมาก็มีมาขอให้เปิดสอนด้วย”
สุคันธชาติกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ส่งไปถึงดวงตา
“ตอนแรกที่คุณบอกว่าจะทำขึ้นมาให้ผมก็ดีใจมากแล้ว ตอนนี้ผมยิ่งมั่นใจเลยว่า ดอกไม้ในฝันของผมจะเป็นจริง”
บุณฑริกเรียกให้สุคันธชาตินั่งลง ก่อนยื่นรูปที่เขาวาดขึ้นใหม่พร้อมทั้งลงสีอย่างเรียบง่ายให้ดู
“นี่คือแบบที่ผมร่าง” บุณฑริกอธิบาย “คุณเห็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
สุคันธชาติมองรูป แล้วหันไปหาคนวาดรู้สึกทึ่งกับคนตรงหน้าเหลือเกิน
“คุณมีฝีมือ”
“คุณอยากได้วัสดุแบบไหน อะไรยังไงลองเสนอมาได้เลยนะ” บุณฑริกกล่าว
สุคันธชาติมองเข้าไปในดวงตาบุณฑริกแล้วยิ่งรู้สึกดีด้วย เขามองรูปที่บุณฑริกวาดแล้วก็เสนอออกมา
“ขอผมมาช่วยด้วยนะ”
จากนั้นทุกวันหยุดสุดสัปดาห์สุคันธชาติจะมาที่ร้าน แม้ว่าส่วนใหญ่คนลงมือทำจะเป็นบุณฑริก หลังสรุปว่าจะใช้อะไรทำเป็นพื้นฐานตกแต่งอย่างไร ก็เริ่มทำแบบ
คนที่แทบไม่ได้จับงานประดิษฐ์อย่างสุคันธชาติรู้สึกสนุกไปด้วยยามเฝ้ามองบุณฑริกค่อย ๆ นำชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมารวมกัน
ไม่นานนัก...ดอกไม้หนึ่งดอกก็เสร็จ ให้สุคันธชาติรู้สึกเติมเต็มในใจ
เมื่อเห็นบุณฑริกจะเริ่มทำดอกที่สอง
สุคันธชาติมองนาฬิกาก็ร้องห้ามว่าดึกแล้ว เอาไว้ทำต่อภายหลังเถอะ จากนั้นก็ชิงเก็บอุปกรณ์ไม่ให้บุณฑริกปฏิเสธ โดยไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
คืนนี้สุคันธชาติตั้งใจเตรียมของมาค้างที่ร้านตามคำชวน บุณฑริกบอกว่าเห็นเขาต้องกลับบ้านตอนดึกดูจะอันตราย และเขาก็ไม่ปฏิเสธด้วยหวังบางสิ่งอยู่ลึก ๆ
สำหรับผู้ชายสองคนเมื่ออยู่บนเตียงคิงไซส์ช่างพอเหมาะ สุคันธชาติจับมือเย็น ๆ หลังอาบน้ำของบุณฑริกมาแนบใบหน้า มือเกี่ยวมือ ดวงตาสองคู่สอดประสาน ใจที่คล้องจองกัน ไม่มีอะไรให้ปฏิเสธที่จะดำเนินความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
-----
หลังทำเสร็จและประดับประดาเรียบร้อย บุณฑริกนำดอกไม้นั้นไปวางประดับไว้หน้าร้านในตู้กระจกครอบซึ่งเรียกแขกได้มากพอควร
วันนี้ลูกค้าคนหนึ่งที่แวะมาซื้อดอกไม้ก็จ้องมองอยู่นานก่อนจะหันไปถามว่า “นี่ดอกอะไร?”
“ดอกฝันรักครับ” บุณฑริกตอบพร้อมหันไปส่งยิ้มให้สุคันธชาติที่นั่งอยู่ในร้าน
สุคันธชาติเล่าให้บุณฑริกฟังว่า เขาฝันเห็นดอกไม้นี้ในวันครบรอบวันเสียชีวิตของพ่อกับแม่ เมื่อลูกค้าออกจากร้านไปแล้วบุณฑริกมองไปยังปฏิทินที่แขวนอยู่
“จะสงกรานต์แล้ว เอาไว้เราไปทำบุญกระดูกด้วยกันนะ จะได้ฝากเนื้อฝากตัวกับคุณพ่อคุณแม่คุณด้วย”
#เรื่องสั้นร้านดอกไม้
Talk:
หายไปนาน แต่กลับมาเพราะอยากร่วมแท็ก เรื่องสั้นร้านดอกไม้กับเขาบ้างค่ะ หลงรักพ่อบัวขาวค่ะ
เย็นวันนั้นบุณฑริกขับรถออกไปซื้อของ ยามรถติดเขาติดนิสัยชอบมองไปยังร้านริมถนนเพื่อหาดอกไม้ แล้วบุณฑริกก็ต้องเลิกคิ้วเมื่อชายคนเดียวกับที่ยืนอยู่หน้าร้านดอกไม้ของเขาเมื่อตอนสายของวัน ชายหนุ่มยังคงทำกิริยาเช่นเดิมคือ เหมือนจะมองหาดอกไม้ จากนั้นก็ทำหน้าเสียดายก่อนจะเดินจากไป
เขาคิดว่ามันคงจะเป็นบุบเพอาละวาดเมื่อวันถัดมาซึ่งเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ของคนทำงาน บุณฑริกมายังตลาดดอกไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านของเขานัก ทำให้ร้านของเขาโชคดีไม่ต้องสต๊อกสินค้ามาก เมื่อรับออเดอร์ใหญ่ก็จะโทรสั่งร้านประจำ จากนั้นมอเตอร์ไซด์รับจ้างก็จะมาส่งถึงร้านสำหรับกรณีที่น้องสาวของเขา ‘ติดงาน’ น่ะนะ และเช้าวันนี้จงกลนีก็ไม่ว่าง เขาก็เกิดอยากจะมาเลือกดอกไม้เองขนได้พบชายคนเดิมอีกครั้ง ชายหนุ่มคนนั้นหยุดแวะทั้งแผงขายดอกไม้สดและดอกไม้อบแห้ง เมื่อเห็นสีหน้าคล้ายผิดหวังแล้วสุดท้ายบุณฑริกจึงตัดสินใจเข้าไปทัก
“คุณหาดอกไม้อะไรอยู่หรือครับ เผื่อว่าผมจะช่วยแนะนำให้ได้”
ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะค่อยหันมา สบตาบุณฑริกก่อนจะตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“...ผมหาดอกไม้ชนิดหนึ่งอยู่ แต่ผมไม่แน่ใจว่ามันมีอยู่จริงไหม” เขาก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าขึ้นสีก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ผมเห็นจากในฝัน”
บุณฑริกเลิกคิ้วก่อนจะรู้สึกว่าชายหนุ่มในมุมนี้ดูน่ารักดี
“ลองอธิบายลักษณะ หรือสีออกมาได้ไหม”
“ผม...ผมลองค้นหาดู แต่พอใส่ว่า ‘ดอกไม้’ มันก็ขึ้นมา เยอะมาก ระบุสีก็แล้วมันก็ยังมากอยู่ดี
บางทีมันคงเป็นแค่ฝันไป”
บุณฑริกฟังแล้วจึงหยิบนามบัตรของร้านออกมาใบหนึ่ง
“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน คุณลองวาดออกมาเป็นรูปให้ดูได้ไหมไม่ต้องวาดให้สวยแต่บอกว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง ถึงจะไม่มีอยู่จริงผมช่วยประดิษฐ์ขึ้นมาได้นะ นี่นามบัตรของร้าน” บุณฑริกหยิบปากกาออกมาเขียนอีเมล์ลงไปใต้อีเมล์ร้านก่อนจะวงเบอร์โทรศัพท์ที่พิมพ์อยู่บนนามบัตร “นี่อีเมลผม คุณวาดเสร็จแล้วส่งมาให้ผมดูนะ นี่เบอร์ของผมแอดไลน์มาก็ได้”
ชายหนุ่มรับนามบัตรมาด้วยแววตาเปี่ยมความหวัง ก่อนจะแนะนำตัวเอง
“ผมชื่อสุคันธชาติ เรียกผมว่าชาติก็ได้ครับ คุณ...”
“บุณฑริกครับ เรียกว่าบัวขาวก็ได้” ใช่แล้วชื่อของเขาแปลว่า ดอกบัวขาว ยัยน้องสาวชื่อจงกลนีก็แปลว่าดอกบัว พ่อแม่ของเขาก็มีชื่อแปลว่าดอกบัว
สุคันธชาติได้ยินชื่ออีกฝ่ายก็เผลอยิ้มออกมา
“ผมต้องรบกวนคุณแล้ว ผมจะรีบวาดออกมาเลย... ขอบคุณมากครับ”
เย็นวันนั้นโทรศัพท์มือถือของบุณฑริกแสดงการแจ้งเตือนขอเพิ่มผู้ติดต่อเข้ามา เป็นสุคันธชาตินั่นเอง เมื่อกดรับก็มีรูปถ่ายส่งมาทันที เป็นรูปวาดที่แม้เจ้าตัวอาจจะไม่มีฝีมือดีนักแต่ดูออกว่าพยายามวาดและเก็บรายละเอียด มีเขียนระบุสีกับรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไว้ด้วย เห็นแล้วบุณฑริกก็อดยิ้มไม่ได้ ดอกไม้นี้ไม่น่าจะมีจริงตามธรรมชาติ แต่เขาจะลองสร้างมันขึ้นให้มีบนโลกดู
ข้อความจากสุคันธชาติส่งมาอีก
‘ผมพยายามวาดแล้ว คุณพอจะเห็นภาพไหมครับ’
บุณฑริกตอบกลับไปทันที
‘ครับ รายละเอียดชัดเจนดี ขอเวลาผมนึกก่อนนะครับว่าจะทำออกมาแบบไหนดี’
อีกฝ่ายตอบกลับมาว่า
‘ขอบคุณมากครับ’ พร้อมสติ๊กเกอร์อีกหนึ่งตัว
บุณฑริกอมยิ้มก่อนหลับตาวาดภาพในหัว แล้วภาพดวงตาเปี่ยมความหวังของสุคันธชาติก็วาบขึ้นมาจนกระทั่งเสียงกระดิ่งที่แขวนไว้เหนือประตูร้านเรียกให้เขาต้องลืมตาขึ้นมองว่าเป็นน้องสาวของเขาซึ่งกลับมาจากส่งของ
บ่ายวันต่อมาบุณฑริกส่งข้อความหาสุคันธชาติ
‘ช่วงเย็นคุณชาติพอจะมีเวลาแวะมาที่ร้านของผมหรือเปล่าครับ ผมมีบางอย่างอยากให้คุณดู’
ไม่นานสุคันธชาติก็ตอบข้อความกลับมาทันที
‘ได้สิครับผมจะแวะไป สักกี่โมงดีที่จะไม่รบกวนคุณ’
บุณฑริกตอบกลับไปทันที ก่อนจะอ่านทวนข้อความตอบรับซ้ำไปมา
สุคันธชาติมาถึงร้านดอกไม้ บุณฑริกเปิดประตูหน้าร้านต้อนรับเขาเข้าไปด้านใน สุคันธชาติถึงได้เห็นว่า ส่วนด้านในมีจัดโต๊ะเก้าอี้เอาไว้คล้ายกับเตรียมเอาไว้สำหรับฝึกอบรม พอมองไปบนผนังมีรูปถ่ายโพลารอยด์ติดไว้บนกระดานไม้คอร์กมากมาย ชั้นติดผนังมีผลงานบางส่วน ตู้ด้านล่างเป็นที่เก็บอุปกรณ์
หลังสำรวจจนพอใจสุคันธชาติจึงได้หันกลับไปหาเจ้าของสถานที่
“เดี๋ยวนี้ทำร้านดอกไม้ รวมถึงขายไม้ดอก ไม้ประดับอย่างเดียวไม่ได้ ผมก็เลยทำงานประดิษฐ์ขาย ต่อมาก็มีมาขอให้เปิดสอนด้วย”
สุคันธชาติกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ส่งไปถึงดวงตา
“ตอนแรกที่คุณบอกว่าจะทำขึ้นมาให้ผมก็ดีใจมากแล้ว ตอนนี้ผมยิ่งมั่นใจเลยว่า ดอกไม้ในฝันของผมจะเป็นจริง”
บุณฑริกเรียกให้สุคันธชาตินั่งลง ก่อนยื่นรูปที่เขาวาดขึ้นใหม่พร้อมทั้งลงสีอย่างเรียบง่ายให้ดู
“นี่คือแบบที่ผมร่าง” บุณฑริกอธิบาย “คุณเห็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
สุคันธชาติมองรูป แล้วหันไปหาคนวาดรู้สึกทึ่งกับคนตรงหน้าเหลือเกิน
“คุณมีฝีมือ”
“คุณอยากได้วัสดุแบบไหน อะไรยังไงลองเสนอมาได้เลยนะ” บุณฑริกกล่าว
สุคันธชาติมองเข้าไปในดวงตาบุณฑริกแล้วยิ่งรู้สึกดีด้วย เขามองรูปที่บุณฑริกวาดแล้วก็เสนอออกมา
“ขอผมมาช่วยด้วยนะ”
จากนั้นทุกวันหยุดสุดสัปดาห์สุคันธชาติจะมาที่ร้าน แม้ว่าส่วนใหญ่คนลงมือทำจะเป็นบุณฑริก หลังสรุปว่าจะใช้อะไรทำเป็นพื้นฐานตกแต่งอย่างไร ก็เริ่มทำแบบ
คนที่แทบไม่ได้จับงานประดิษฐ์อย่างสุคันธชาติรู้สึกสนุกไปด้วยยามเฝ้ามองบุณฑริกค่อย ๆ นำชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมารวมกัน
ไม่นานนัก...ดอกไม้หนึ่งดอกก็เสร็จ ให้สุคันธชาติรู้สึกเติมเต็มในใจ
เมื่อเห็นบุณฑริกจะเริ่มทำดอกที่สอง
สุคันธชาติมองนาฬิกาก็ร้องห้ามว่าดึกแล้ว เอาไว้ทำต่อภายหลังเถอะ จากนั้นก็ชิงเก็บอุปกรณ์ไม่ให้บุณฑริกปฏิเสธ โดยไม่กล้าสบตาอีกฝ่าย
คืนนี้สุคันธชาติตั้งใจเตรียมของมาค้างที่ร้านตามคำชวน บุณฑริกบอกว่าเห็นเขาต้องกลับบ้านตอนดึกดูจะอันตราย และเขาก็ไม่ปฏิเสธด้วยหวังบางสิ่งอยู่ลึก ๆ
สำหรับผู้ชายสองคนเมื่ออยู่บนเตียงคิงไซส์ช่างพอเหมาะ สุคันธชาติจับมือเย็น ๆ หลังอาบน้ำของบุณฑริกมาแนบใบหน้า มือเกี่ยวมือ ดวงตาสองคู่สอดประสาน ใจที่คล้องจองกัน ไม่มีอะไรให้ปฏิเสธที่จะดำเนินความสัมพันธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
-----
หลังทำเสร็จและประดับประดาเรียบร้อย บุณฑริกนำดอกไม้นั้นไปวางประดับไว้หน้าร้านในตู้กระจกครอบซึ่งเรียกแขกได้มากพอควร
วันนี้ลูกค้าคนหนึ่งที่แวะมาซื้อดอกไม้ก็จ้องมองอยู่นานก่อนจะหันไปถามว่า “นี่ดอกอะไร?”
“ดอกฝันรักครับ” บุณฑริกตอบพร้อมหันไปส่งยิ้มให้สุคันธชาติที่นั่งอยู่ในร้าน
สุคันธชาติเล่าให้บุณฑริกฟังว่า เขาฝันเห็นดอกไม้นี้ในวันครบรอบวันเสียชีวิตของพ่อกับแม่ เมื่อลูกค้าออกจากร้านไปแล้วบุณฑริกมองไปยังปฏิทินที่แขวนอยู่
“จะสงกรานต์แล้ว เอาไว้เราไปทำบุญกระดูกด้วยกันนะ จะได้ฝากเนื้อฝากตัวกับคุณพ่อคุณแม่คุณด้วย”
#เรื่องสั้นร้านดอกไม้
Talk:
หายไปนาน แต่กลับมาเพราะอยากร่วมแท็ก เรื่องสั้นร้านดอกไม้กับเขาบ้างค่ะ หลงรักพ่อบัวขาวค่ะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ