Oh my god! ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดกับฉันได้

-

เขียนโดย Murasamu

วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.26 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,901 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561 16.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เด็กสาวทั้งสอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
         มาชิโระตักพายแอปเปิ้ลเข้าปาก เคี้ยวตุ้ยๆด้วยเอร็ดอร่อย 
         ก็แหม…พายแอปเปิ้ลฝีมือของมิคาเซะอร่อยมากๆเลยนี่น่า ยิ่งได้ทานคู่กับชาเอิร์ลเกรย์ร้อนๆที่พ่อบ้านหนุ่มรินให้  เรียกว่าได้ทั้งความสุขและความฟินแบบจุใจ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่เธออยากจะหยุดไว้ให้นานแสนนาน 
        แต่คงจะเป็นไปไม่ได้…เวลานี้ดึกมากแล้ว พ่อบ้านของเธอก็ควรจะกลับไปพักเสียที ด้วยเหตุนี้เธอเลยขอตัวลากลับห้องไป
         “อิ่มแล้วล่ะ...”
         มาชิโระวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ พ่อบ้านหนุ่มที่เห็นเธอกินอิ่มแล้วจึงรับหน้าที่เข้ามาเก็บกวาดทำความสะอาดให้ ไม่วายหันมาบอกลาเธอเบาๆเมื่อเห็นเธอลุกจะเดินกลับห้อง
          “ฝันดีครับคุณหนู”
         มิคาเซะส่งยิ้มลา 
          อ๊ากกก!เธอจะไม่ทนอีกต่อไป เวลาเขายิ้มทีไรพาลให้ใจเธอแทบจะสลาย แต่เดี๋ยวก่อน…นี้เป็นเพียงแค่ความคิดมโนภาพในส่วนลึกของจิตใจเธอเท่านั้น เธอคงไม่กล้ากระโจนเข้าไปหาพ่อบ้านหนุ่มตรงๆได้ตามที่ใจคิดหรอก ทำไงได้ล่ะ…เกิดเธอทำแบบนั้นจริงๆเขาคงได้เกลียดแน่ 
          มาชิโระเพียงส่งยิ้มหวานปานนางงาม และตอบกลับพ่อบ้านหนุ่มไปแบบสุขภาพๆ
           “ฝันดีจ้ามิคาเซะ”
          พูดจบเธอก็รีบเดินไวๆตรงกลับเข้าห้องนอนไปเลย หน้าเธอตอนนี้คงแดงได้ทีแล้วมั้ง ก็เขาเล่นทำให้ใจเธอสั่นไหวด้วยคำพูดแสนอ่อนโยนแบบนั้นอีกแล้ว เป็นเหตุให้พอเดินเข้ามาถึงในห้องนอน เธอนั้นแทบจะกระโจนลงนอนกับเตียงกลิ้งไปมาอย่างเขินอาย
 ให้ตายสิ…ไอ้ประโยคคำบอกฝันดีก่อนหน้านี้ เล่นเอาเธอแทบรู้สึกฟินไปถึงชาติหน้าเลย คืนนี้เธอต้องนอนหลับฝันดีอย่างไม่ต้องสงสัย ฉะนั้นก็ราตรีสวัสดิ์นะทุกท่าน คร่อกฟี้….
          
 
เช้าวันต่อมา
          มาชิโระเดินเข้ามาในโรงเรียนเช่นปกติ วันนี้ถ้าจำไม่ผิดมีเรียนแค่ครึ่งวันเท่านั้น ส่วนคาบบ่ายก็ลุยกับกิจกรรมชมรม ส่วนคนที่ไม่มีก็กลับบ้านได้ตามอัธยาศัย และแน่นอนว่าคนอย่างเธอเหลืออย่างหลัง โดดมันแม่งเลยเพื่อจะไปกินเค้กช็อกกาแลคลาวากับยัยยูกิ
         “ไงมาชิโระ”
        ยูกิโบกมือทักทายเพื่อน เมื่อเห็นมาชิโระกำลังจะเดินเข้าตึกเรียนมา ไม่วายรีบดึงเพื่อนสาวให้ตามหลังเธอไปยังที่แห่งหนึ่ง ด้วยความสงสัยมาชิโระจึงได้ถาม 
        "จะพาฉันไปไหนน่ะ???"
       แต่ดูท่าว่าเพื่อนสาวเธอจะไม่ยอมบอกอะไรเลย ในที่สุดเราทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องชมรมเคนโด้และที่นั้นมียัยซากุยะกัปตันชมรมเคนโด้แห่งนี้และมิยูกิฉายาโลลิค่อนประจำชมรมผู้ควบตำแหน่งรองกัปตันชมรมยืนรออยู่
          เอ๋…วันนี้เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ ทำไมมากันเสียพร้อมหน้าพร้อมตา แล้วยัยยูกิลากเธอมาทพบ้าอะไรที่นี่นะ! 
         มาชิโระได้แต่ยืนจ้องตาแม่กัปตันชมรมสาวเสียตาแบ๊วด้วยความใคร่รู้แบบสุดซึ้ง
          “มาชิโระ!”
           “ห๊ะ! ไรเหรอ???”              
          เธอขานรับอีกฝ่าย เมื่อได้ยินคำเรียกชื่อ ดูท่ายัยซากุยะจะกำลังโกรธอะไรเธออยู่แน่ ไม่งั้นคงไม่ยืนจ้องหน้าเธอด้วยสายตาน่ากลัวปานจะกินเลือดกินเนื้อกันแบบนั้นหรอก เล่นเอาเธอรู้สึกหวั่นใจอยู่ลึกๆเหมือนกันนะนี่
          “ฉันจะขอพูดแบบเกิลๆเลยนะ(พูดแบบสาวๆนั่นแหละ เพียงแต่ยัยซากุยะแค่เปลี่ยนจากคำว่าแมน เป็นเกิลแทนเท่านั้น เข้าใจคิดเนอะ//มาชิโระอธิบาย) อย่าได้คิดจะโดดคาบชมรมอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะลงโทษเธอให้กลับมาทำหน้าที่รองกัปตันเหมือนเดิม”
         ซากุยะขู่เสียงเด็ดขาด หน้าตาหล่อนตอนนี้ดูจริงจังมาก แบบว่าหากวันนี้มีการโดดคาบชมรมเกิดขึ้นอีกครั้ง เธอจะทำอย่างที่ลั่นวาจาไปเมื่อครู่จริงๆแน่ และคนที่เกลียดการทำหน้าที่รองกัปตันชมรมแบบเธอ มีหรือเธอจะไม่โวยวายตอบกลับมา              
       “อย่าได้คิดจะมายัดหน้าที่รองกัปตันชมรมให้ฉัน ฉันบอกแล้วไงว่าไม่อยากทำหน้าที่นั้นนะ เพราะมันทำให้เวลาเล่นเกมส์อันมีค่าฉันสั้นลง ขนาดเป็นแค่สมาชิกชมรมเฉยๆ เวลาหยุดพักหายใจยังแทบจะไม่มีเลย”
         “ถ้าอย่างนั้น วันนี้คาบบ่าย…ถ้าฉันเดินเข้ามาในชมรมแล้วไม่เห็นหน้าเธออยู่ที่นั่น ก็จงเตรียมตัวกลับมารับหน้าที่รองกัปตันทีมเคนโด้ได้เลย”
         นี่คือคำสั่งเด็ดขาดจากยัยปีศาจร้ายว่าที่กัปตันทีมเคนโดของฉันเอง ก่อนเจ้าหล่อนจะเดินจากไป ไม่วายยื่นซองสีขาวบางอย่างให้กับยัยยูกิอีก ยัยยูกินี่แทบแกะซองออกมานับเงินแบบชิวล์ๆต่อหน้าต่อตาฉันเลยล่ะ อ๊ากกก!!ยัยเพื่อนบ้า เธอกล้าทรยศหักหลังฉันคนนี้ได้อย่างไร แอบไปรับสินบนจากยัยนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ตอบ!!!
          “ยูกิ!”
          “ขอโทษนะเพื่อน พอดีเงินค่าขนมช่วงนี้มีไม่พอนะ”
          ยูกิตอบเธอด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้ววิ่งหายไปจากตรงหน้าฉันเร็วราวกับสายลม 
          หึอย่าหวังเลย…ว่าหล่อนจะหนีรอดพ้นเงี้ยวมือของฉันคนนี้ไปได้!!!!
          สุดท้ายมาชิโระก็วิ่งตามไปลากคออีกฝ่ายกลับมาจนได้ และได้ลงโทษเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดคนนี้โดยการริบเอาสินบนนั้นมาใช้แทนเอง 
           นั่นแหละสมควรล่ะ จงอดใช้เงินนั้นซะ แล้วยอมรับชะกรรมของหล่อนไปเงียบๆ
           สรุปว่าสุดท้ายวันนี้ฉันก็ยังคงอด…อดไปกลิ่นช็อกกาแลคลาวาร้าน sweet day เหมือนเดิม แล้วต้องมารับหน้าที่ฝึกซ้อมพวกรุ่นน้องและเพื่อนในชมรมตลอดทั้งคาบชมรมถึงเย็นจนได้
 
          ฟุบ…
         “เฮ้อ หมดสภาพเลยเรา”
         มาชิโระ แทบล้มตัวลงไปนอนกับเตียงในสภาพอ่อนแรง ร่างกายปวดร้าวไปหมดทั้งตัว ตั้งแต่แขนลงไปถึงขา วันนี้นี่มันคือวันซวยของเธอโดยแท้  ทำไมโลกนี้ถึงได้สรรสร้างให้ยัยซากุยะเกิดมาเจอฉันคนนี้ด้วย
        ดูสิ…ดูสิ่งที่ยัยนั้นทำกับฉันคนนี้ ยัยปีศาจร้ายนั้นจิกใช้แรงงานอย่างกับทาสในเรือนเบี้ย ทั้งใช้เธอไปช่วยฝึกสอนดาบให้กับคนในชมรม ทั้งยังลากตัวให้มาเป็นคู่มือฝึกซ้อมดาบให้กับแม่คุณอีก ไม่รู้ไปเอาแรงควายมาจากไหนเยอะแยะ ฟันใส่เอาๆจนดาบกับไหล่เธอแทบจะหลุดออกจากบ่าไปอยู่แล้ว ให้ตายเซ่! ยัยนั่นมันเป็นปีศาจโดยของแท้เลยจริงๆ
 
           ครืน…ครืน…
 
          “หืม…ใครโทรมาอีกนะเวลานี่”     มาชิโระบ่น พลางพลิกตัวหันไปหยิบมือถือข้างเตียงมาดูรายชื่อ แต่พอเห็นรายชื่อคนโทรเข้ามาเท่านั้น เธอแทบอยากจะโยนโทรศัพท์กลับเข้าที่เดิม
           ทำไมนะเหรอ…
          คนที่โทรมานะสิ…หมอนั้นคือคู่หมั้นของเธอเอง ชื่อว่าคิริกายะ สุบารุเจ้าเก่านี้เอง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมหมอนั้นถึงโทรมาหาเธอ ทั้งที่ร้อยปีจะโผล่มาครั้งแท้ๆ มาชิโระเลยปล่อยเสียงหนวกหูของโทรศัพท์ดังต่อไปเรื่อยๆจนหยุดเอง เธอไม่มีวันรับสายหมอนั้นอย่างเด็ดขาด
             
           ครืน…ครืน…ครืน…ติ๊ก!
 
          “อ๊ากกกก!!! ไอ้บ้านี่ก๊ะจะโทรจิกจนกว่าจะตายกันไปข้างเลยใช่ไหม ใช่ไหม!”
          พอทนไม่ไหว มาชิโระเลยคว้าหมับหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย ด้วยความรำคาญแบบสุดๆ ถึงจะเปิดระบบสั่นไว้ แต่คนโทรมานี่สิ โทรจิกอย่างกับอะไรดี
           “ยอมรับสายได้ซะทีนะ…ไม่ใช่ว่าฉันอยากโทรมาหาอะไรมากมายหรอกนะ แต่วันหยุดพรุ่งนี้เธอต้องไปเดทกับฉัน คงรู้ใช่ไหมว่าเพราะอะไร เพราะเราสองคนเป็นคู่หมั้นกัน และพ่อแม่ฉันบังคับมายังไงล่ะ ว่าให้พาเธอออกไปเที่ยวเพื่อกระชับความสัมพันธ์พรุ่งนี้ เพราะงั้นตอนเช้า9โมงก็เตรียมตัวรอฉันได้เลย ถ้าฉันไปถึงล่ะเธอยังไม่ลุกจากเตียง ฉันจะลากเธอออกไปทั้งสภาพอย่างนั้นแหละ”
         พอโทรมาบอกสิ่งที่ต้องการเสร็จ หมอนั่นก็ชิ่งตัดสายหนีไปทันที 
          กร๊อดดด!! มันน่านักนะ นายคิดเหรอว่าฉันคนนี้อยากจะไปเดทกับนายมากขนาดนั้น เหอะ!
           มาชิโระแทบเขวี้ยงโทรศัพท์ลงเตียงสุดแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิดแบบสุดๆ  วันนี้คงวันซวย วัยนรกแตกของเธอจริงๆนั้นแหละ ไม่งั้นคงไม่มีเรื่องปวดหัวมากมายเข้ามาหาเธอได้ทั้งวี้ทั้งวันแบบนี้หรอก
              
             วูบ…
 
           “หืม??? ไรอีกเนี่ย”            
            มาชิโระมองหาต้นตอของเสียง ก่อนหันไปสะดุดตากับกระจกบานใหม่ตรงหน้า กระจกที่เพิ่งซื้อมาได้ไม่นานและในตอนนี้มันกำลังสั่นไหวแปลกๆ ดูน่ากลัวยังชอบกล
 
    
เวลาก่อนหน้านี้ในโลกอีกฝั่งหนึ่ง
            เด็กสาวผมสีทองยาว ผิวขาวซีก ดวงตาสีฟ้าใสกลมโต ในชุดโลลิต้าสีแดงนั่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่จากข้างในห้อง อยู่ท่านั้นไม่มีทีท่าจะขยับเขยื้อนไปไหน ถ้าเมดสาวคนสนิทไม่เข้ามาเรียกเธอก็คงยังอยู่ในท่านั่งนั้นอีกนานแน่   
           “คุณหนูวิคตอเรีย ท่านผู้ชายท่านผู้หญิงกำลังรอทานข้าวเย็นด้วยกันกับคุณหนูอยู่นะเจ้าคะ ไม่ลงไปทานซักหน่อยหรือเจ้าคะ”          
           “ฉันไม่หิว ออกไป!! ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น!!!”
          เธอตวาดลั่นใส่เมดของเธอ ทั้งหยิบเอาหมอน ข้าวของที่วางใกล้มือเขวี้ยงใส่เมดของเธอเพื่อไล่ให้ออกจากห้องนอนของเธอไป จนเมดสาวจำยอมล่าถอยออกไปก่อน เพราะไม่อยากให้คุณหนูเกลียดเธอไปมากกว่านี้
           “ทำไม…ทำไมถึงไม่มีใครเข้าใจฉันเลยซักคนเดี๋ยว ฮึก…”
          หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ขอบตาเธอแทบร้อนผ่าว ไม่ช้าหยดน้ำตาใสเริ่มรินไหลอาบแก้มบางจนชุบ ก่อนเธอจะฟุบหน้าลงกับเข่าแล้วร้องไห้อีกครั้ง
          เมื่อภาพของเจ้าชายหนุ่มว่าที่คู่หมั้นของเธอฉายซ้ำขึ้นมาตอกย้ำเธออีกครั้ง ภาพของเขาที่ปกป้องยัยผู้หญิงตอแหลคนนั้น ที่เป็นคนแย่งเขาไปจากเธอและทำให้เธอกลายเป็นเหมือนนางร้ายในสายตาคนอื่นๆ
          “ออสติน..ฮึก…ทำไม…ทำไมกันล่ะ…ทำไมถึงไม่เชื่อฉันเลย”
           เธอก็แค่อยากอยู่ห่างจากยัยผู้หญิงคนนั้นเท่านั้น แต่ทำไมทุกครั้งที่ยัยนั้นพยายามเข้ามาหาเธอ แล้วเธอพยายามปฏิเสธหรือผลักไสไล่ส่ง คนอื่นๆกลับมองเห็นว่าเป็นเธอที่พยายามจะทำร้ายยัยนั้นไปแทน
 
          ไม่ยุติธรรมเลย…
 
          ทำไมทุกคนต้องมาเห็นเข้าในตอนที่เธอกำลังผลักยัยนั้นให้ออกห่างจากตัวเองด้วย เธอไม่มีเจตนาจะทำร้ายยัยนั้นเสียหน่อย แค่รำคาญเลยจะแค่ไล่ยัยนั้นไปไกลๆเอง แล้วทำไมถึงไม่มีใครเอ๊ะใจเลยล่ะ ถึงตัวตนจริงๆของผู้หญิงคนนั้นว่าภายใต้ใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์นั้น ยัยนั้นมันร่านยิ่งกว่าอะไรดี และเพื่อจะเอาชนะเธอ และแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ ยัยนั้นมันทำได้ทุกอย่างกระทั่งตีสองหน้าเรียกน้ำตาให้คนมาสนใจ
            
         ‘ฉันจะไม่มีวันยอมแพ้คุณหรอกนะคะ ฉันจะทำให้คุณต้องเจ็บปวดทรมาน ให้สาสม…’
 
         เธอก็ไม่เข้าใจในคำพูดของยัยนั้นหรอกนะ ว่ายัยนั้นอยากจะสื่อถึงเรื่องอะไรกับกันแน่ แต่สิ่งที่ยัยนั้นทำมันร้ายแรงนัก คนรอบข้างของเธอเริ่มออกห่างจากเธอไปเรื่อยๆ ทั้งเพื่อน กระทั่งคู่หมั้นของเธอเอง ยัยนั้นเป็นฝ่ายแย่งไปจนหมด ตลอดเวลาที่อยู่ในรั้วโรงเรียนนั้นเธอต้องพบเจอกับสายตาดูถูก เหยียดหยามมาโดยตลอด พวกเขาต่างรังเกียจเธอ และนับวันก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
 
          อยากหนีไปยังที่อันไกลแสนไกล..ที่ไหนก็ได้…ให้ไกลจากที่นี่…
          เจ็บปวด…ทรมานเหลือเกิน…พระเจ้าคะ…ถ้าท่านมีอยู่จริง…
          ได้โปรดช่วยรับฟังคำขอของฉัน…ช่วยพาฉันออกไปจากสถานที่แห่งนี้ทีเถอะคะ
 
          วูบ….
 
         ในตอนนั้นเองกระจกบานใหญ่ภายในห้องของเธอพลันสั่นไหว มันกำลังส่งเสียงหวีดร้องบางอย่าง จากนั้นภาพสะท้อนในกระจกกลับวูบไหวไปมา สะท้อนเงาห้องของเธอกับภาพบางอย่างที่เธอดูไม่คุ้นเคย ภาพสะท้อนเงาห้องของใครอีกคนที่อยู่ตรงข้ามกันพอดี
          “เธอเป็นใครกัน…”
           กระจกที่หยุดสั่นไหวไปนานแล้ว กลับมีเงาสะท้อนของเด็กสาวอีกคนในห้องนอนแปลกตาโผล่มาตรงหน้า ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกับฉันพอดี เป็นเด็กสาวผมยาวสีดำสนิทเหมือนกับสีดวงตาของเธอ เอ่ยปากถามชื่อของฉัน เธอแต่งกายอยู่ในชุดแขนยาวกระโปรงสั้น เป็นเครื่องแต่งกายประหลาดๆที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
           “ฉันชื่อวิคตอเรีย วอคเกอร์”
           แม้จะสงสัยอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมพวกเราถึงได้มาเจอกันได้ แถมยังคุยกันผ่านทางกระจกอีก แต่ความรู้สึกของฉันมันกลับบอกว่าเธอคนนี้ปลอดภัย เลยกล้าบอกชื่อให้อีกฝ่ายได้รู้จัก
            “ห๊ะ! ว่าไงนะ”
            ดูท่าอีกฝ่ายคงตื่นตกใจไม่น้อยหลังจากได้รู้ชื่อของฉัน เธอดูร้อนรนแปลกๆ จนรีบเดินลุกจากเตียงตรงเข้ามาใกล้ๆกระจกเพื่อมองหน้าของฉันให้ได้เห็นชัดๆ
          คงแปลกไม่น้อยใช่ไหม ถ้าหากเราจะเอาแต่นั่งไกลๆคุยกัน ทั้งที่คุยผ่านกระจกด้วยสิ ดูตลกจัง ฉันเองก็เลยลุกจากเตียงตัวเองบ้าง เพื่อไปนั่งใกล้กับกระจกเราจะได้คุยกันสะดวกขึ้น 
          “ไม่ผิดแน่ๆ เธอก็คือวิคตอเรีย วอคเกอร์ตัวจริง ฉันเคยเห็นเธอมาก่อนผ่านทางเกมส์จีบหนุ่ม เอ๊ะ…แล้วทำไมเราถึงมาเจอกันได้ นี่มันคือความฝันใช่ไหมๆ”
          "ถ้าเธอบอกว่าฝันไป บางทีฉันเองก็อาจจะฝันเหมือนกันกับเธอด้วยก็เป็นได้”
           ฉันพูด เพราะเรื่องแบบนี้มันก็พึ่งเกิดกับฉันเป็นครั้งแรกเหมือนกัน มันทำให้ฉันคนนี้ทั้งน่าตกใจและน่าอัศจรรย์ในคราวเดียวกัน ที่เราทั้งสองได้เจอหน้ากันและสามารถคุยกันได้ผ่านทางกระจกบานนี้  
 
            หรือว่าเธอจะเป็นคนที่พระเจ้าส่งมากันนะ…
 
           ฉันห้วนนึกถึงคำขอก่อนหน้านี้ของตัวเอง ขณะที่ตัวฉันลังเลอยู่มือมัน ก็พลันเอื้อมออกไปวางทับซ้อนมือเธอคนนั้นไว้ดั่งเป็นการเริ่มเวลามนตรา จากรอยสัมผัสผ่านสองมือของเรา ชั่ววูบเดียวเท่านั้น…กลับเกิดเป็นประกายแสงสว่างจ้าแสบตาปรากฏขึ้น ก่อนภาพทุกๆอย่างจะดำมืดไปหมด ไปพร้อมกับร่างของฉันค่อยๆล้มลงหมดสติไป
           เมื่อร่างของเด็กสาวทั้งสองต่างล้มลงหมดสติไปพร้อมเพรียงกัน ภาพกระจกใสตรงหน้าพลันสะท้อนเปลี่ยนกลับมาเป็นเช่นดังเดิมเหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา