Oh my god! ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดกับฉันได้

-

เขียนโดย Murasamu

วันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.26 น.

  4 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,822 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มีนาคม พ.ศ. 2561 16.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) กระจกโบราณ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

           คุณเชื่อในเรื่องของโชคชะตาไหม? โชคชะตาของเรามักเล่นตลกอยู่เสมอ อย่างเช่นฉันคนนี้ยังไงล่ะ 

            เรื่องที่ฉันกำลังจะเล่าให้ฟังคือเรื่องราวของกระจกพิเศษบานหนึ่ง ท่านฟังไม่ผิดหรอก…มันคือกระจกพิเศษจริงๆนั้นแหละ ที่มาพร้อมกับเรื่องราวอันน่าอัศจรรย์ รับรองว่าคุณต้องไม่อยากเชื่อแน่

         ณ ประเทศญี่ปุ่น โตเกียวในยามเช้า

        เด็กสาวในชุดนักเรียนเอกชนชื่อดัง ผมยาวสลวยสีดำสนิท ดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่รับกับใบหน้าสวยสดจนดูน่าอิจฉา

         คนๆนั้นคือฉันเอง...อะแฮ่ม!แนะนำตัวหน่อยล่ะกันนะ ชื่อฉันคือ... มาชิโระ เป็นลูกคุณหนูตระกูลทาจิบาระ เป็นคุณหนูสาวตระกูลที่มีชื่อเสียงมากในญี่ปุ่นเพราะครอบครัวทำธุรกิจชั้นนำอยู่หลายสาขาทั่วโลก 

          แต่ไม่ขอบอกนะว่าธุรกิจอะไรบ้าง....เพราะมันมีเยอะเสียจนค้านจะพูดอ่านะ

          ฉันเดินออกมาจากคฤหาสน์หรูด้วยท่วงท่าสง่างาม ข้างกายมีเมดสาวคนสนิทและพ่อบ้านหน้าตาดีเธอตามหลังมาติดๆเพื่อเตรียมไปโรงเรียนตามปกติ

          “ไปดีมาดีนะคะคุณหนูมาชิโระ”

          คุโรซากิ เนโกะ เมดสาวประจำตัวกล่าวลาคุณหนูแสนสวยของเธอด้วยรอยยิ้มละมุน มาชิโระเองเพียงแค่หันมายิ้มเล็กๆให้ ก่อนจะเดินไปนั่งบนรถลีมูนซีนหรูที่คุณพ่อบ้านมิคาเซะเป็นคนเปิดประตูรถให้ จากนั้นพ่อบ้านหนุ่มจึงเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับแล้วขับรถยนต์ออกจากบ้านไปตรงยังโรงเรียน

          “คุณหนูครับ วันนี้หลังเลิกเรียนไม่มีเรียนพิเศษ คุณหนูจะให้กระผมมารอรับหน้าประตูทางเข้าโรงเรียน เช่นเดิม  หรือว่าคุณหนูจะออกไปเที่ยวข้าวนอกกับเพื่อนคุณหนูหรือครับ?”  

           มิคาเซะถาม เผื่อว่าคุณหนูเขาอาจจะมีโปรแกรมออกไปเที่ยวไหนกับเพื่อนสนิท ซึ่งเขาก็มักถามไว้ก่อนเสมอเพื่อจะได้ไม่ต้องขับรถมารับให้เสียเวลา ก็คุณหนูของเขามักจะชอบไปเที่ยวกับเพื่อนของเธอบ่อยๆในวันที่เธอไม่มีเรียนพิเศษ

           “อืม…วันนี้กะจะเที่ยวกับยูกิจังนะ นานๆทีจะมีวันว่างได้ออกไปเที่ยวกับยัยนั้น เพราะงั้นมิคาเซะไม่ต้องมารับมาชิโระหรอกนะ”

          “ครับ คุณหนูมาชิโระ”

         พ่อบ้านหนุ่มตอบ ก่อนจะหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูโรงเรียน ซึ่งตรงประตูทางเข้าหน้าโรงเรียนมีเพื่อนสาวคนสนิทของเธอกำลังยืนรออยู่เช่นทุกที เมื่อรถลีมูนซีนจอดสนิทพ่อบ้านหนุ่มจึงเดินลงมาเปิดประตูรถให้กับคุณหนูตามหน้าที่ 

         “ไงมาชิโระ”

         ฮิราซาวะ ยูกิ เอ่ยทักเพื่อนสาวเสียงใสทันทีที่เห็นอีกฝ่ายเดินลงจากรถที่มีคุณพ่อบ้านหนุ่มสุดหล่อทำหน้าที่เปิดประตูรถให้ ไม่วายหันไปส่งยิ้มหวานทักทายพ่อบ้านหนุ่มไปทีหนึ่ง              ดูกี่ทีๆเขาคนนี้ก็ยังคงความหล่อไม่เปลี่ยนแปลง ดวงตาสีอำพันภายใต้กรอบแว่นสายตาแบบทันสมัย บนใบหน้าหล่อคมเข้มได้ยิ้มหวานตอบกลับเธอมาตามมารยาท รับกับเส้นผมสีดำสนิทที่ยาวระต้นคอ วันนี้เขาก็ยังแต่งกายในชุดพ่อบ้านประจำตัวตระกูลเช่นเคยในชุดทักซิโด้สีดำ ยิ่งมองแล้วก็ฟินไปอีก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมยัยมาชิโระถึงได้ตกหลุมรักเขาคนนี้ไปได้

         “อะแฮ่ม”

         มาชิโระ กระแอมไอขัดเพื่อนสาวที่กำลังยืนจ้องพ่อบ้านของเธอปานจะกลืน เห็นแบบนี้บางครั้งมันก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ก่อนเธอจะเดินเข้ามาดึงแขนพาเพื่อนสาวแล้วลากพาเข้าโรงเรียนไป      "อย่ามั่วแต่มองไปได้แล้ว"

         พอเดินเข้ามาในโรงเรียน ยัยเพื่อนตัวดีถึงกับได้สติหลุดออกมาจากห้วงแห่งความฝัน ไม่วายหันมาชวนคุย เอ่ยปากชมพ่อบ้านของเธอต่อไม่หาย

          “วันนี้เขาก็ยังดูหล่อไม่เปลี่ยนเหมือนเดิมเลยนะ พ่อบ้านเธอน่ะ!"

           ยูกิว่า แต่พอเห็นท่าทางของคนขี้หวงตรงหน้า มาชิโระที่หันมาส่งยิ้มแยกเขี้ยวแบบน่ากลัวส่งให้ ยูกิเองแทบเหงื่อตกอย่างเกรงเกรงต่ออำนาจมืดนี้ 

          ถ้าเป็นเรื่องคุณพ่อบ้านทีไรนี่ทำน่ากลัวซะเรื่อยเลยเชียว...

          ยูกิยิ้มอย่างลำบากใจก่อนรีบชิ่งเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่องอื่นแทน 

          “น่าๆฉันไม่คิดแย่งคนของเธอหรอก แล้วสรุปตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับพ่อบ้านไปถึงไหนแล้วมาชิโระ ถ้าไม่รีบทำคะแนนระวังเถอะ ชะนีแถวนี้เยอะนะ เดี๋ยวก็โดนคาบไปก่อนหรอก”

        ยูกิ กล่าวเตือนเพื่อนด้วยใบหน้าจริงจังอย่างอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ 

        พูดอีกก็ถูกอีกตามที่ยัยยูกิว่า ความจริงที่พ่อบ้านประจำตระกูลของเธอดูหล่อ แถมยังโสดสนิทอีกตากหาก 

        ไม่แปลกเลย....หากจะมีสาวๆมาติดมาชอบเขามากมาย นั่นรวมถึงตัวมาชิโระเองด้วย ซึ่งเรื่องนี้นอกจากเมดประจำตัวคนสนิทอย่างเนโกะจังที่รู้แล้ว ก็มียัยเพื่อนบ้าของฉันนี้อีกคนแหละที่รู้ เฮ้อ…ไม่น่าเผลอหลุดปากบอกไปเลย 

       “เรื่องนั้นนะไม่เป็นปัญหาสำหรับฉันหรอกนะ เพราะว่า….”

        มาชิโระพูดค้างไว้เท่านั้น พลางนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ที่มีเพื่อนสาวหลายคนในห้องพยายามจะส่งจดหมายรักผ่านทางเธอไปให้เขา 

         แต่บอกเลยว่าพวกเธอทุกคนนั้นคิดผิด!

         จดหมายรักพวกนั้นล่าสุดถูกมาชิโระผู้นี้เผาทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานเรียบร้อยแล้ว สาวๆทั้งหลายก็อย่าหวังเลยว่าจะได้แอ้มมิคาเซะคุงเสียให้ยาก วะฮ่ะฮ่าฮ่า

          มาชิโระได้แต่หัวเราะอย่างชั่วร้ายแบบแอบสะใจลึกๆ

         “ดูทำหน้าเข้าสิ รู้ไหมหน้าของเธอตอนนี้ทำเอาฉันแอบผวาไปวูบหนึ่งเลยล่ะ”

        “ก็มันสะใจมากเลยนี่น่า พอคิดถึงเรื่องกองจดหมายรักพวกนั้น”

        “อ๋อ…กองจดหมายรักที่เธอเผาทิ้งไปเมื่อหลายวันก่อนใช่ไหม เฮ้อ…เธอนี่ก็ร้ายเอาเรื่องนะมาชิโระ”

        ยูกิแทบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เมื่อนึกไปถึงเรื่องในวันนั้น วันที่เธอ...ช่วยทำลายกองจดหมายรักพวกนั้นไปตามความต้องการของมาชิโระ

        จะให้ลืมลงได้ยังไงกัน! ไม่ใช่ฉันหรอกเหรอคนที่จุดไฟเผากองจอดหมายพวกนั้นนะ ส่วนยัยมาชิโระเพียงยืนมองดูกองจดหมายรักพวกนั้นไหม้เกรียมไป ทั้งยังหัวเราะเยาะอย่างชั่วร้ายไม่ต่างกับนางมารร้ายตามละครหลังเช้าซะงั้น

         “ช่วยไม่ได้นิ ใครบอกให้ยัยพวกนั้นบังอาจมายุ่งกับมิคาเซะของฉันได้ ใช่แล้ว…ฉันนะทำถูกแล้วล่ะ เพราะมิคาเซะเองก็ต้องคิดอยากกำจัดกองขยะ เอ้ย! กองจดหมายรักน่าปวดหัวนั้นอย่างแน่นอน”

        มาชิโระทุบอกตัวเองอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้มเป็นกระกาย บ่งบอกได้ว่าเจ้าหล่อนไม่รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่ทำไปเลยซักนิด

        ให้ตายสิ…ยัยนี้ไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากที่ใดกัน 

        นี่คือความคิดภายในใจยูกิ แต่ถึงอย่างนั้นยูกิก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอออกจะภาคภูมิใจอยู่นิดๆเหมือนกันกับเพื่อนที่ทุ้มเทให้กับความรักของตนเองมากขนาดนี้ 

        ใช่…ทุ้มเท่มาก ถึงขั้นกล้าเผากองจดหมายรักพวกนั้นจนสลายหายไปในพริบตา!!

         “จะว่าไป…เย็นนี้ไปกินเค้กร้านเดิมดีไหม เค้าว่าช็อกโกแลตลาวาที่เป็นเมนูออกใหม่น่าทานมากเลยนะ”

        ยูกิเสนอความเห็น และแน่นอนว่าคนที่ชื่นชอบของหวานมากอย่างยัยมาชิโระก็ตอบตกลงเธอในทันทีในเวลาต่อมา โดยที่ไม่หยุดตัดสินใจเลยซักนิด และเมื่อความเห็นตรงกัน ก็สรุปได้ว่าเย็นนี้พวกเธอจะไปร้านเค้ก “sweet day”ร้านเดิมตามที่ได้ตกลงกันไว้ 

 

                         ..................................................

           

         ครืนนน ซ่า ซ่า ซ่า

         ในเย็นวันนั้น…

 

        “ไม่จริงใช่ไหม!!!”

        เสียงโวยวายของมาชิโระแทบดังลั่นไปทั้งตึก เมื่ออยู่ๆฝนก็เทตกลงมาไม่ขาดสาย เป็นอันว่าวันนี้เธอคงอดไปกินช็อกโกแลตลาวาแล้วล่ะเพื่อน แม้จะแอบสงสารเพื่อนอยู่นิดๆก็เถอะ แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

        “เอาไว้วันหลังดีกว่าเนอะมาชิโระ วันนี้แกคงต้องอดกินช็อกโกแลตลาวาไปก่อนแล้วล่ะนะ”

        ยูกิ วางมือบนบ่าเพื่อนอย่างปลอบใจกีบท่าทีจิตตกของเพื่อน

        ส่วนทางมาชิโระ ด้วยความดื้อด้านไม่ยอมเลิก เธอถึงขั้นยืนแหกปากร้องท้าฟ้าเบื้องบนไม่เลิกเหมือนเด็กน้อยที่ถูกขัดใจ

        “ไอ้ฟ้าบ้า! เมื่อเช้ายังสว่างสดใสอยู่เลยนะ ตอนนี้เอ็งจะมาฝนตกเพื่อ!? บ้าเอ้ย! วันอื่นก็มีไม่รู้จักตก ดันมาตกวันที่ฉันจะไปกินช็อกโกแลตลาวา ฝนเฮงซวย!!!! ”

         “เอาน่าๆ ก็มันช่วยไม่ได้นี่น่า เพราะงั้นวันนี้ก็ทำใจซะ ทำใจให้สงบ อย่าโวยวายอีกเลยแก เพราะขืนแกบ่นไม่เลิก ฟ้าคงผ่าเปรี้ยงลงมาตรงนี้แน่ ถ้าแค่แกคนเดียวก็พอว่า แต่ฉันนี้สิ…คงได้ลาไปโลกหน้าพร้อมกับแกด้วยนี่สิ”

         “เออๆ นั้นก็เข้าไปในตึกกัน เพราะคงอีกนานกว่าฝนจะหยุด ร่มก็ไม่ได้เอามาด้วยกันทั้งคู่แบบนี้คงอยู่ยาวจนได้รากงอกแน่ๆ”

         มาชิโระพูดแล้วก็คอตกหายเข้าตึกเรียนไป 

         ทั้งสองเลือกจะไปนั่งรวมอยู่กันเพื่อนคนอื่นๆภายในโรงอาหาร ด้านในเองก็แออัดไปด้วยนักเรียนหลายชั้นปีที่ติดฝนกลับบ้านไม่ได้เหมือนพวกหล่อน และในช่วงเวลานั้นทั้งสองก็หยิบเอาเครื่องเล่นpspมากดเล่นเกมฆ่าเวลาไปพลางๆ

          หากพูดถึงสไตล์ความชื่นชอบเรื่องเกมของทั้งสอง...

        บอกได้คำเดียว...ว่าออกไปคนละแนวกันสุดขั้ว! ดั่งฟ้ากับเหว...มาชิโระที่เป็นพวกชอบเล่นเกมส์แนวต่อสู้ ลงดันเจี้ยน ก็เล่นลงดันไปพร้อมกับปาร์ตี้ของเธอ ส่วนยูกิเป็นพวกคลั่งไคล้เกมส์จีบหนุ่ม เธอก็เล่นเกมส์จีบหนุ่มของหล่อนไปเงียบๆ    

         “ยังเล่นเกมส์นี้ไม่จบอีกเหรอยูกิ?”

         มาชิโระที่พึ่งเคลียร์ลาสบอสจบไปหมาดๆทักขึ้น เมื่อหันมาเห็นเกมส์ที่เพื่อนเล่นอยู่ ส่วนเธอนั้นเล่นจบไปเป็นชาติแล้ว 

          ก็เริ่มเล่นพร้อมกันนะ...แล้วไหงเพื่อนเธอมันยังเล่นไม่จบซักทีนะ เห็นกี่ทีๆก็นั่งเล่นเกมส์เดิมนี่แหละ ไม่รู้จักเบื่อมั้งเลยหรือไงกัน?

           มาชิโระขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย

          ถ้าพูดถึงเนื้อเรื่องในเกมก็ไม่เห็นสนุกเลยซักนิด พระเอกก็เหมือนกัน หน้าตางั้นๆพอไปวัดไปวาได้ ถ้าให้เปรียบเทียบเธอคิดว่าพ่อบ้านของเธอยังหล่อกว่าอีกเลย (ยัยคนสองมาตรฐาน//Void_Princess ) บอกได้เลยคำเดียวตอนที่เล่นเธอยังกดข้ามๆไปเสียส่วนใหญ่ อ่านผ่านๆไปแค่พอรู้ว่าใครเป็นใครเท่านั้น ส่วนเนื้อเรื่องในเกมส์มีแต่ฉากเน้นจีบกันเป็นส่วนใหญ่ทั้งที่เป็นโรงเรียนเวทมนตร์แท้ๆ  

           “คนที่ไม่มีความโรแมนติกเป็นทุนเดิมอย่างแก พูดไปคงไม่มีวันเข้าใจหรอก ว่าเนื้อเรื่องเขาทำออกมาดีแค่ไหน เอาเถอะ…เห็นแบบนี้ฉันก็รู้สึกขอบคุณแกอยู่หน่อยๆล่ะนะ ที่ยอมเล่นเป็นเพื่อนทั้งที่ไม่ใช่แนวแกเลยซักนิด”

         “อ่า…ขอบคุณที่ตอบ นั้นเชิญแกก้มเล่นเกมส์ต่อไปเถอะ”

          มาชิโระรีบพูดดักเพื่อนสาวไปก่อนอีกฝ่ายจะทันได้เทศนาเธอเรื่องโลก2Dหนุ่มหล่อเสมือนจริงให้เธอฟังไปยาวๆ 

          แน่นอนว่าคนที่ไม่มีความชอบในเกมส์จีบหนุ่มเลยอย่างเธอคงได้นั่งหน้าโง่ฟังเจ๊แกบ่นๆให้ฟังแบบหูซ้ายทะลุออกหูขวาอีกนั่นแหละ

          “เฮ้อแกนี้จริงๆเลย…”

          “พอเถอะแก ฝนเองก็หยุดแล้วรีบกลับบ้านกันเถอะ”

           มาชิโระว่า แล้วทั้งสองได้พากันเดินกลับบ้านแทน โดยที่วันนี้ไม่ได้ไปกินช็อกโกแลตลาวาอย่างที่ตั้งใจไว้จนได้ แม้จะแอบเสียดายอยู่นิดๆก็เถอะ ไม่เป็นไรเธอยังมีแผนสำรองอยู่ กลับบ้านไปกินพายแอปเปิ้ลที่เก็บไว้ในตู้เย็นแทนเอาก็ได้ ยิ่งนึกถึงก็รู้สึกฟินแล้ว อย่าให้ต้องพูดเลยว่าใครเป็นคนทำ.. ก็คุณพ่อบ้านมิคาเซะสุดหล่อของเธอเองนี่ไง 

          “นั้นเจอกันพรุ่งนี้นะมาชิโระ”

         ยูกิโบกมือลาเพื่อน เมื่อเดินมาถึงทางแยกระหว่างทางกลับบ้านของนางแล้ว ซึ่งยูกิจะต้องเดินแยกไปทางว้าย ส่วนฉันทางขวาอย่างไม่ต้องสงสัย แถมยังต้องเดินตรงไปอีกนิดหน่อยกว่าจะถึงบ้าน

          “จ้า แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมพาไปกินช็อกโกแลตลาวาล่ะ”

         “แน่นอนยะ”

         ยูกิตอบ จากนั้นเราก็เดินแยกไปกันคนละทาง ตลอดทางที่เดินกลับคฤหาสน์อยู่ๆฟ้าก็เทฝนลงมาอีกครั้งราวกลับกลั่นแกล้ง(อีกล่ะ) 

          มาชิโระเลยจำต้องหลบเข้าข้างทางมาอยู่หน้าร้านขายของเก่าร้านหนึ่ง แต่จะเข้ามาหลบลี้ภัยฝนฟรีๆก็กระไรอยู่ เธอเลยถือวิสาสะเดินเข้าชมของในร้านที่ว่าไปพลางๆ เลือกซื้ออะไรติดไม้ติดมือกลับไปซักอย่างตามมารยาทหน่อยก็ดี อุตส่าห์มาขอหลบฝนที่ร้านเขาทั้งทีนี่เนอะ 

         “ร้านขายของเก่าโยฮันน่ายินดีต้อนรับจ้า”  

         เสียงพูดทักทายจากเจ้าของร้านดังขึ้น เรียกมาชิโระให้หันไปมอง ก่อนจะพบกับหญิงสาวคนหนึ่งในชุดสาวยิปซีที่เดินออกมาต้อนรับเธอด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร

          “สนใจสินค้าอะไรในร้านเป็นพิเศษหรือเปล่าจ้าสาวน้อย”

         เธอถามมาชิโระเสียงใส

           มาชิโระเองยังไม่ได้หมายตาอะไรในร้านเป็นพิเศษเลย แม้ว่าข้างในร้านนี้จะมีของสวยๆงามๆตั้งวางเรียงรายอยู่เต็มร้านก็ตามที จึงตอบแบบเลี่ยงๆไป

          “ขอเดินดูก่อนดีกว่าค่ะ”

         “จ้า หวังว่าเธอจะเจอของที่ถูกใจนะ หึหึหึ”

          ผู้หญิงคนนั้นพูดแล้วยิ้มแปลกๆให้ พร้อมกับร่างเจ้าหล่อนที่เดินแยกหายไปอีกทาง ส่วนมาชิโระถึงจะสงสัยอยู่บ้างนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากเป็นพิเศษ เธอเดินดูทั่วร้านมองหาของที่สนใจไปเรื่อยๆไม่ช้าเธอก็เดินมาถึงโซนหลังร้าน

 

         วูบ..

 

         หญิงสาวแทบหยุดชะงักไปชั่วครู่ เริ่มรู้สึกได้ถึงไอเย็นจากสายลมปริศนาที่ลอยผ่านหลังไปวูบหนึ่ง และเมื่อเธอหันหลังกลับไปมองดู

 

       ว่างเปล่า....

 

      ไม่มีใคร....นอกจากกระจกโบราณบานหนึ่ง เป็นกระจกบานใหญ่ที่ส่องพอมองเห็นได้ทั้งตัว มีกรอบเป็นสีทองอร่ามแบบยุโรป ที่สลักลวดลายเป็นรูปดอกกุลาบสามดอกและมีเถาวัลย์ลากยาวออกมาเป็นทาง

       ไม่รู้เพราะอะไร…ตัวเธอเหมือนกับกำลังต้องมนสะกด ยากจนไม่อาจถอนสายตาออกไปจากภาพกระจกโบราณบานนี้ได้เลย

พอรู้ตัวอีกทีเธอก็เดินมาหยุดอยู่ด้านหน้ากระจกบานนั้นแล้วโดยไม่รู้ 

           

        “ดูเหมือนจะเจอของที่ถูกใจแล้วสินะเจ้าคะ”

 

         เฮือก!!!

         แล้วก็เป็นอีกครั้งที่เธอแทบสะดุ้งตกใจ อยู่ๆแม่สาวยิบซีคนนั้นก็โผล่มายืนข้างเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมยังยืนยิ้มเหมือนไม่สะทกสะท้านอะไรอีก ทั้งที่ใจเธอแทบล่วงลงไปถึงตาตุ่มข้างล่างล่ะนี่ เล่นโผล่ออกมาอย่างกับผีเสียงั้น เป็นใครก็ตกใจเป็นธรรมดา 

           “ค่ะ ฉันสนใจกระจกบานนี้”

           "รับทราบค่ะ"

           จากนั้นมาชิโระจึงเดินตามหลังสาวยิปซีไป เพื่อทำเรื่องจ่ายเงินซื้อกระจกบานนั้นให้เสร็จสรรพ ส่วนเรื่องว่าจะเอากลับไปยังไงนั้น เธอได้โทรเรียกพ่อบ้านหนุ่มให้ขับรถมารับที่หน้าร้านนี้แล้ว ซึ่งเธอรออยู่ร้านนั้นเพียงไม่นานเท่านั้น  พ่อบ้านหนุ่มของเธอก็ขับรถมารับเธอที่หน้าร้านในเวลาต่อมา

       

                       .....................................................

 

          “เฮ้อ…เหนื่อยชะมัดเลยวันนี้”

           มาชิโระที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ เดินมานั่งลงกับเตียงนอนนุ่มขนาดคิงไซด์ ภายในห้องของตัวเองด้วยความเหนื่อยล่ามาทั้งวัน 

           ตรงหน้าเธอนั้นที่ตั้งอยู่ต่อหน้าเธอพอดีเป๊ะ ก็คือกระจกบานใหม่เจ้าปัญหาที่เธอพึ่งซื้อมาหมาดๆนี้เองด้วยเงินค่าขนมทั้งหมดของเธอ ที่พ่อบ้านหนุ่มเป็นคนยกมันขึ้นมาตั้งไว้ในห้องนอนให้

          “กระจกบ้าไรแพงอย่างกับอะไรดี เล่นเอากระเป๋าเงินฉันแทบฉีกเลย ให้ตายสิ…”

          ยิ่งมองดูกระจกตรงหน้า หญิงสาวแทบรู้สึกฉุนใจขึ้นมาตงิดๆ มาชิโระเลยเลือกจะล้มตัวลงไปนอนกับเตียงนอนแทน 

         แต่ไม่ช้า…หญิงสาวก็สะดุ้งตื่นลุกขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าตังเองดันลืมกินพายแอปเปิ้ลในตู้เย็นไปเสียสนิท ด้วยความกลัวว่าจะเสียของ ก็แม้…พ่อบ้านหนุ่มสุดที่รักอุตส่าห์ทำให้กับมือ เธอเลยรีบลุกจากเตียงออกจากห้องไปรวดเร็วปานสายลม

          “พายแอปเปิ้ลจ้า ฉันกำลังจะลงไปหากินแกเดี๋ยวนี้แหละ”  

 

          กริ๊ก!

                    

           เมื่อเสียงประตูห้องปิดลง กระจกโบราณภายในเริ่มสั่นไหวไปมา ก่อนฉายภาพสะท้อนสลับไปมาระหว่างภาพห้องนอนของเธอ กับภาพห้องของใครอีกคนที่ไม่ใช่ห้องของมาชิโระ ไม่ช้าภาพในกระจกก็เปลี่ยนกลับมาเป็นภาพห้องนอนมาชิโระอีกครั้ง แล้วแนบนิ่งไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา