รู้ตัวอีกทีผมก็กลายเป็นสาวหูแมวสุดน่ารักแทนที่จะได
-
เขียนโดย Usamin
วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00.47 น.
6 ตอน
2 วิจารณ์
9,590 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561 01.00 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) บ่อน้ำร้อนแห่งการสารภาพ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความหลังจากกิจกรรมของร้านได้ผ่านพ้นไปด้วยดีมาพักใหญ่ๆ เงินเก็บของ เนมุก็เริ่มจะมีมากขึ้น เนมุเริ่มจัดเตรียมกระเป๋าสำหรับเดินทางของตนเอาไว้ เพื่อจะเดินทาง
“อืม ถ้านั่งรถไฟไปก็พอจะถึงอยู่หรอกนะ ใกล้ๆกับชานเมือง แต่จะกลับมาก็กลัวว่า เพลเนียจะเป็นห่วงไปซะอย่างนั้นเนี่ยสิ จะพอหาคนแทนหรือว่าจะจ้างใครก่อนได้ไหมนะ อีกอย่างถ้าเราเดินทาง เพลเนียก็ต้องเป็นห่วงเราอีก ทำไมกันนะรู้สึกเหมือนเป็นลูกสาวบ้านนี้เลยแฮะ”
“พูดอะไรคนเดียวอยู่เหรอ เนมุ อีกอย่างฉันคงไม่ให้เธอเดินทางไปไหนคนเดียวอยู่แล้วล่ะจ๊ะ”
เพลเนียซึ่งเดินเข้ามาทางหน้าประตูห้อง
“เพลเนีย รู้ได้ยังไงว่า เราจะไปไหนกันล่ะ”
“ก็เพราะรู้น่ะสิ เป็นเด็กเป็นเล็ก เนมุไม่ควรจะเดินทางไปไหนคนเดียวนะ แล้วฉันก็ทิ้งร้านคนเดียวไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยจ้างเพื่อนร่วมเดินทางไปกับเธอแล้วยังไงล่ะ เนมุ”
“เพื่อนร่วมเดินทาง? ใครกัน!!”
“เอาล่ะ เข้ามาสิ มาโคโตะ”
มาโคโตะ โบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มเบาๆ แล้วมองหน้าเนมุอย่างอ่อนโยน
“ฝากตัวด้วยนะ เนมุ ฉันจะพาเธอเดินทางไปในทริปสุดพิเศษนี้เอง ฉันจองที่พัก จากสถานที่ๆคุณเพลเนียสืบเรื่องราวเอาไว้แล้วล่ะ”
“นี่จะบอกว่า เพลเนียรู้แล้วอย่างนั้นเหรอว่าเราจะไปที่ไหนกัน”
[บ้าจริง ถ้าเป็นอย่างนี้เพลเนียคงได้รู้ความจริงเป็นแน่ว่า จริงๆแล้วร่างกายของเราเป็นชายหนุ่มอายุรุ่นอาหรือลุงเธอได้แล้ว แถมยังอยู่ในบ้านของหญิงสาวน่ารักๆอีก ไม่สิ จริงๆเราเองก็น่ารักใช่ย่อยเหมือนกัน แต่เพลเนียคงน่าจะไม่รู้ถึงขนาดนั้นหรอก ดังนั้น ช่วงเวลาที่ มาโคโตะเผลอ คงต้องตีตัวแยกออกห่างจาก มาโคโตะ ให้ได้ อาจจะเอาเรื่องนางฟ้าของตานี่มาใช้ก็คงไม่เลวเท่าไหร่หรอกมั้ง]
“เอาล่ะ ถ้าเกิดเพลเนียห่วงเราจริงๆ เราจะพา มาโคโตะไปด้วยก็แล้วกัน เพลเนียก็ดูแลร้านอย่างสบายใจเถอะ มีมาโคโตะก็เหมือนมีเพลเนีย คอยดูแลเราแล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงไป”
เนมุพยายามพูดเพื่อให้เพลเนียไม่เป็นห่วงตนเองมากเกินไป อยู่ชั่วครู่หนึ่ง ในขณะที่เพลเนียกำลังทำท่าครุ่นคิดแล้วมองมาที่เนมุ แล้วจึงยิ้มให้
“เอาเถอะนะ ถ้าเนมุพูดถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็ ถ้าตัวฉันเองไม่เชื่อใจเนมุก็คงดูแย่แหละนะ เดินทางให้ปลอดภัยก็แล้วกัน มาโคโตะ ฝากเนมุด้วยก็แล้วกันนะ”
เพลเนียพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องปล่อยให้เนมุและมาโคโตะอยู่กันสองต่อสอง สายตาของ มาโคโตะยังจ้องอย่างจริงจัง
“จริงๆแล้ว ผมเองก็สงสัยมานานแล้ว เนมุน่ะ จะไปหานางฟ้าคนนั้นสินะ”
“นายนี่ฉลาดไม่เบาเลยนะ สมแล้วที่เป็นเพื่อนของเพลเนีย ใช่แล้วล่ะ เธอคนนั้นอาศัยอยู่ระแวกบ่อน้ำพุร้อนแถวนั้นนั่นแหละถ้านายไปด้วยอาจจะโชคดีได้เจอนางฟ้าของนายก็เป็นไปได้นะ”
[ตาโง่เอ๊ย นางฟ้าของนายก็อยู่ตรงหน้านายแล้วนี่ยังไงล่ะ]
“งั้นเราเริ่มเดินทางกันเถอะครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา”
มาโคโตะเป็นพวกเชี่ยวชาญทางด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่ใช้เวลาไม่นาน ต่อรถที่สถานีหนึ่งไปยังอีกสถานีหนึ่ง แล้วเปลี่ยนมาเดินบนเส้นทางลัด จากนั้นก็ย้ายสายรถที่ขึ้นเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงสถานที่พักแล้ว เขตออนเซ็นขึ้นชื่อแถวนี้อยู่ใกล้กับบ้านของเนมุไม่ห่างเท่าไหร่นัก
[การจะหลบสายตาจากมาโคโตะโดยไม่เป็นห่วงได้ก็มีเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นคงต้องไปช่วงที่มาโคโตะกำลังหลับเท่านั้นถึงจะออกห่างจากตัวมาโคโตะได้ กำหนดการส่วนใหญ่ที่เขียนก็คือ เที่ยวให้เต็มที่แล้วก็ปล่อยให้มาโคโตะหลับ การมาพักที่แห่งนี้มีเพียงเวลาแค่ 3 วันเพียงเท่านั้น รวมระยะเวลาสืบเรื่องของการที่หลับใหลด้วยแล้วก็พอมีเวลาอยู่บ้าง]
“นี่ เนมุ นางฟ้าคนนั้นเธออยู่แถวๆนี้จริงๆอย่างนั้นเหรอ”
[ก็ตรงหน้านายไงล่ะ]
“เอาเถอะ ถ้านายมีชะตาต้องกันกับเธอจริง ไม่นานก็คงได้พบกันนั่นแหละ”
“ผมก็หวังไว้เช่นนั้นเหมือนกันครับ”
เนมุพลันเดินเข้าไปในร้านขายของแล้วหยิบขนมมันจูมาหนึ่งลูก
“ตอนนี้เราก็เที่ยวกันอย่างเต็มที่ก็แล้วกันนะ มาโคโตะ”
มาโคโตะและ เนมุก็พากันหาที่พัก และเดินเที่ยวในระแวกรอบๆเพื่อเป็นการตรวจสอบพื้นที่ในเขตของตนที่เคยอาศัยอยู่
[บางอย่างผิดแปลกไปจริงๆแฮะ ปกติแล้ว ศาลเจ้าที่เคยอยู่ตรงนี้จะต้องมีต้นไม้ขนาดใหญ่ แต่การเอาต้นไม้ขนาด3คนโอบออกไปจากจุดนี้มันต้องใช้คนจำนวนมาก แถมยังเป็นเรื่องที่ใหญ่โตด้วย และก็น่าจะมีร่องรอยของการเคลื่อนย้ายด้วยนี่สิ แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลยจริงๆ]
“นี่ๆ เนมุ ข้างๆนี่มีสวนสนุกอยู่ด้วยเราไปดูตรงนั้นดีกว่านะ”
“สวนสนุกอย่างนั้นเหรอ?”
[นั่นสินะ เรามาสวนสนุกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ สมัยที่พ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า ถึงอย่างไรก็ตาม แต่สวนสนุกมันไม่น่าจะมีอยู่ที่นั่นสิ]
สวนสนุกถูกสร้างมาอย่างประณีต และสวยงาม แม้จะเป็นสวนสนุกเล็กๆที่มีคนไม่ค่อยมาก แต่มีเด็กและเหล่าลูกค้าที่มาใช้บริการในระดับหนึ่ง สวนซากุระเล็กๆที่มีซากุระปลอมประดับให้ดูงดงามทั้งที่ไม่ใช่หน้าของมัน พื้นถูกประดับด้วยหินเหมือนพื้นของเส้นทางตรงเข้าเมืองในโลกของแฟนตาซี
“การเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นเหรอ..”
“เนมุ พูดอะไรน่ะ?”
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไรเอาเป็นว่า อย่างน้อยก็เล่นเครื่องเล่นกันเถอะ”
เครื่องเล่นที่อยู่ในสวนสนุกทำให้ลืมช่วงเวลาที่เศร้าได้ ในทางกลับกันสำหรับตัวเนมุเองมันกลับทำให้รู้สึกเศร้าเองเสียด้วย มีเพียงสายตาน้อยๆที่คอยจ้องมอง เนมุอยู่ห่างๆ และสายตานั้นก็คือมาโคโตะนั่นเอง มาโคโตะยิ้มให้เนมุแล้วมองไปด้านนอก
“เมื่อก่อน ผมเองก็เคยมาที่สวนสนุกมาก่อนนะ ในตอนนั้นผมยังเด็กมาก แล้วแม่ก็ลืมผมไว้เพราะต้องไปทำธุระของเขา ในตอนนั้นผมกลัวมาก และก็หลงทางอีก บางครั้งผู้ใหญ่ก็มีเรื่องราวที่ทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจในตัวเขาเท่าไหร่ ผมดันไปหลบอยู่ในบ้านกระจกเพื่อต้องการหาสถานที่ของตัวเอง พวกพนักงานดูแล ก็ลำบากแทบตายเลยเชียวล่ะ”
“นายต้องการจะปลอบเราสินะ เราก็ไม่ได้เศร้าอะไรซักหน่อย นายไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเพื่อเราก็ได้ มาโคโตะ แต่นายเองก็คงมีช่วงเวลาที่เศร้าเหมือนกันสินะ”
“เอาเป็นว่า ได้มากับเนมุ ผมก็ตัดสินใจ ที่จะลืมเรื่องนางฟ้าคนนั้นแล้วล่ะ แล้วอีกอย่าง เรามาเที่ยวกันนี่นา ไม่เห็นต้องมาทำหน้าเศร้าอะไรเลยนะ”
“นายก็พูดถูกแหละ เอาล่ะ งั้นไปออนเซ็นกันเถอะ”
เนมุลงจากเครื่องเล่นและเดินทางต่อไปยังออนเซ็นด้วยกันกับมาโคโตะ แสงอ่อนๆจากพระอาทิตย์ก็ฉายมายังปลายอาคารที่พัก พวกเนมุเดินทางเข้าไปเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมที่จะลงออนเซ็นอย่างเต็มที่ พื้นไม้ที่เหยียบสัมผัสมีความอุ่นจนถึงปลายเท้าของพวกเขา ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“เอาล่ะ ได้เวลาออนเซ็นซะที แล้วก็ลืมเรื่องเก่าๆล่ะนะ”
[เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ เรามีสิ่งที่ต้องทำนี่นา เราต้องไปสำรวจร่างกายของเราก่อน ดีไม่ดี มันอาจจะมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วก็ได้]
“เนมุ น้ำฝั่งนั้นสบายดีรึเปล่า”
“นี่ทางฝั่งนี้เป็นห้องน้ำสำหรับสุภาพสตรีนะ อย่าเสียงดังนักสิ”
“ก็มันไม่มีคนนี่นา คงเพราะเราเข้ามาเร็วไปหน่อยล่ะมั้ง”
ไม่ทันไรก็มีเงาจากประตูห้องน้ำฝั่งห้องน้ำชาย ร่างที่ดูใหญ่ กำยำ และ ชายที่ดูปราดเปรียวกำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ
“เอาเป็นว่า เจ้าพักผ่อนให้สบายเถิด อีกเดี๋ยวถ้ามี กิจกรรมดีๆ ข้าจะบอกเจ้าเสมอนั่นแหละสหาย ทางที่ดีเจ้าก็สะสมเงินของโลกนี้ไว้พอประมาณก็แล้วกัน”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เล่นทำเอาข้าไม่อยากกลับโลกของข้าได้เลย”
กราเซล และ มือสังหารที่จะมาปลิดชีพของ เนมุ ต่างเดินทางมา ออนเซ็นที่เดียวกัน
“อ้าวนั่น ท่าน มาโคโตะไม่ใช่รึ นี่ท่านมาเที่ยวสินะ?”
“เปล่าหรอกครับ ผมมาเดทน่ะ”
[เดทบ้าเดทบออะไรกันเล่า โชคดีที่ทักษะการได้ยินของพวกเผ่านี้มันได้ยินอะไรง่ายนะ จะว่าแต่มันก็เหมือนเดทจริงๆนั่นแหละแฮะ ไม่ได้ๆ อย่าไปหลงตามคำพูดของเจ้า มาโคโตะนะ]
“โอ้ จริงรึท่าน อย่างนี้คนที่ท่านเดทคงเป็นหญิงสาวผู้โชคดีเลยสินะ ข้าล่ะ แปลกใจจริงๆที่ผู้ชายผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเช่นท่าน ทำไมท่านเพลเนียถึงไม่รับรักท่านกันนะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ ท่านก็พูดไป ผมน่ะสนใจคนอื่นอยู่ต่างหาก ลักษณะบอบบาง แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เธอเป็นคนที่เข้มแข็งและร่าเริง มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่บ้างเล็กน้อย นั่นล่ะคนที่ผมสนใจครับ”
“งั้นข้าก็จะไม่รบกวนการเดทของท่านก็แล้วกัน ขอให้สมหวังด้วยนะครับ”
“นั่นสิ หากท่านต้องการยาสเน่ห์ก็บอกข้าได้เสมอเลยนะ จะจัดให้อย่างดีเลยเชียวล่ะ คิก คิก”
“คุณนักฆ่าล่ะก็แหม ผู้ชายผู้หญิงก็ต้องเรียนรู้ความรู้สึกเข้าหากันและกันสิครับ เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเราไปที่ร้านห้องอบซาวน่ากันต่อดีไหมครับ คุณนักฆ่า”
กราเซลชวนมือสังหารเข้าห้องอบซาวน่าต่อ
“โอ้ ที่พูดมานั่นก็ดูไม่เลวหรอกนะ งั้นเราไปกันเถอะ”
“โลกนี้มันช่างสุดยอดไปเลยข้าไม่อยากจะกลับไปซะแล้วสิ”
[เดี๋ยวนะ เจ้านักฆ่านั่นมันบอกว่ากลับไปอย่างนั้นเหรอ งั้นก็แปลว่ามันก็มีทางกลับไปยังโลกฝั่งนั้นน่ะสิ เยี่ยมได้รู้ข้อมูลดีๆเข้าซะแล้ว]
ครืด!!
เสียงห้องน้ำของฝั่งผู้หญิงที่เนมุกำลังใช้งานอยู่นั้น ก็มีคนเข้ามา จากเสียงเป็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ประมาณ 3-4คน
[ไม่ได้การละ เราก็ไม่ค่อยถูกกับอะไรแบบนี้ซะด้วย จริงอยู่ที่ร่างกายเราเป็นผู้หญิงไปแล้ว แต่ยังไง การถ้ำมองก็ไม่ดีอยู่แล้วล่ะนะ ไม่สิ ซักนิดก็คงดี อย่างน้อยก็ทำให้เรายังเป็นตัวของเราอยู่ได้.... ไม่เอาน่า เราก็ผู้ชายมาก่อนนะ เดี๋ยวก่อนเราจะมาเถียงกับตัวเองทำไมเนี่ย ตอนนี้เราคงต้องรีบออกไปแล้ว]
เนมุรีบขึ้นมาจากที่อาบน้ำเข้าสู่ห้องแต่งตัวทันที
[เฮ้อ ถึงจะเห็นนิดเห็นหน่อยก็ขอโทษแล้วกันนะ แต่ทำไมกัน เราถึงใจไม่เต้นเหมือนสมัยยังอยู่ในร่างผู้ชายเลยล่ะ ป่านนี้เราคงงจะต้องมีความสุขสุดๆแล้วแท้ๆ บ้าจริงดันมานึกถึงเจ้ามาโคโตะตอนพูดอะไรเท่ๆซะได้ เราเริ่มจะมีความคิดผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ]
เนมุส่ายหน้าเบาๆ แล้วเบือนหน้าหนีจากความคิดนั้นเมื่อออกจากเขตของออนเซน ก็พบกับ มาโคโตะกำลังเดินทางไปห้องอาหาร
“อ้าวเนมุ มาพอดีเลยนะ ทานอาหารด้วยกันเลยก็แล้วกัน”
มาโคโตะ พา เนมุ เดินทางสู่ห้องอาหารที่ใหญ่มากๆประดับประดาด้วยผ้าสีทอง และเวทีสำหรับการแสดง โต๊ะเล็กๆเป็นฐานและมีที่นั่งเป็นเบาะบางๆ อาหารที่ถูกเสิร์ฟที่เรียวกังแห่งนี้นั้นเ ป็นซูชิขนาดใหญ่ มีทั้งหัวกุ้ง ซาชิมิ และยังมีเส้นโซบะที่ขึ้นชื่อ ถูกนำเสิร์ฟมาด้วย จานที่ทำจากเรือไม้ ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วกับคนที่เคยอยู่ระแวกนี้มาก่อนอย่างเนมุ
“ทานล่ะนะคะ”
เนมุค่อยๆหยิบตะเกียบและคีบขึ้นมาทานอย่างช้าๆ ทำให้ดูมีสเน่ห์ มือค่อยๆโกยปลายเส้นผมของตัวเองเล็กน้อย พอมองเห็นผิวขาวๆบริเวณคอ จึงทำให้ มาโคโตะกลืนน้ำลายทันที
“จะมัวมองอยู่แบบนั้นเดี๋ยวอาหารก็ชืดหมดหรอก มาโคโตะ”
“อะ อ้อ ใช่แล้ว ขอโทษทีนะ”
มาโคโตะค่อยๆทานอาหารไปแต่สายตาก็ยังไม่เบือนหนีจาก เนมุเลยแม้แต่นิดเดียว
“หน้าเรามีอะไรติดอยู่รึไง มาโคโตะเจ้ามองเราอยู่นั่นแหละเหมือนอย่างกับเรามีอะไรติดอยู่บนหน้าเลยนะ”
“เปล่าหรอกก็แค่ เวลา เนมุทานอาหารแล้วมันดูน่ารักดีน่ะ”
“การมองคนกำลังทานอาหารมันเสียมารยาทไม่ใช่รึ?”
“ก็ใช่แต่ก็เจ้าน่ารักจริงๆนี่นา”
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นก็ถึงเวลากลับห้องแล้วล่ะข้าจะปูเสื่อให้เจ้าก่อนก็แล้วกัน ถ้าเช่นนั้นก็รีบๆตามมานะ”
[มาโคโตะเดี๋ยวนี้ชอบพูดอะไรแปลกๆออกมาอยู่เรื่อยเลย บางทีก็ทำให้ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ไอ้ความรู้สึกดีที่อยู่ในอกนี่มันเป็นอะไรกัน เอาเถอะก็เขาชมว่าน่ารัก ก็ต้องขอบคุณเขาล่ะนะ เพราะฉะนั้น ข้าจะรอให้เจ้าหลับเพื่อที่จะได้หลบออกไปยังไงล่ะ]
เสียงเดินกลับมาที่ห้อง จากด้านหน้าของประตู
[เอาล่ะ แกล้งหลับซะหน่อยก็แล้วกัน อย่างน้อยก็เพื่อทำให้ มาโคโตะคิดว่าข้าหลับจริงๆ]
“เนมุ คงหลับแล้วสินะ เอาล่ะ ผมเองก็อยากจะบอกมานานแล้วล่ะนะว่า ผมจำความได้แล้วว่า นางฟ้าคนนั้นก็คือคุณนั่นแหละ แต่ผมก็ไม่อาจพูดออกมาได้เหมือนคุณกำลังกุมความลับบางอย่างอยู่ ผมไม่อยากเสียคุณไป เพราะฉะนั้นแล้วผมก็จะไม่พูดในสิ่งที่ผมรู้ก็แล้วกัน ดังนั้นแล้วให้เราเป็นแบบนี้ต่อไปเถอะนะ”
มาโคโตะนั่งอยู่ข้างๆในขณะที่เนมุ ก็ไม่สามารถขยับตัวได้มีเพียงหน้านิ่งๆและเหงื่อที่ไหลอาบแก้มเล็กน้อย
“ผมนอนก่อนก็แล้วกัน วันนี้ก็เหนื่อยมามากกับการเดินทางแล้วนะ”
[ได้โอกาสหนีแล้ว]
ขณะที่กำลังจะลุก มือของมาโคโตะกอดโอบร่างที่นุ่มนวลของ เนมุไว้
“อ่ะ”
[เดี๋ยวก่อนๆ เนมุ เธอต้องตั้งสตินะ มาโคโตะเป็นเพื่อน เป็นเพื่อน!! บ้าจริง แต่ดันเป็นเพื่อนที่มาบอกรักกับเราเนี่ยสิ แล้วเราก็เคยเป็นผู้ชายมาก่อนนะ เป็นผู้ชายน่ะ เข้าใจไหม มาโคโตะ]
มือนั้นดึงร่างของเนมุ เข้าไปประชิดกับมาโคโตะเรื่อยๆ
[จริงๆเราก็แค่กะว่า จะได้ยืนยันแน่ชัดว่า มาโคโตะจะหลับสนิทรึเปล่าไม่ได้คิดถึงขนาดนี้เลยแท้ๆ เอายังไงดีล่ะ]
มาโคโตะคล่อมร่างของเนมุอยู่ด้านบน
“ยังไม่หลับจริงๆด้วยสินะ เนมุ”
“มะ มาโคโตะ นี่เจ้ายังไม่หลับอยู่รึ เจ้าหลอกเราว่าหลับสินะ”
“ก็อาจจะเพราะสัญชาติญาณของนักสู้ล่ะมั้งครับ ดังนั้นแล้ว คุณก็ได้ยินเรื่องราวของผมแล้วสินะ คุณเนมุ ครั้งนี้ผมจะถอยหลังต่อไปไม่ได้อีกแล้ว คุณเนมุ ผมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น"
คำพูดนั้นทำให้ร่างของเนมุเหมือนถูกยาชาอย่างเต็มที่ และขยับไม่ได้ สาวน้อยหูแมวในชุดนอน ดวงตาที่แววใสกลับเติมเต็มไปด้วยสีแดงระเรื่อบนหน้าของเธอ
“ได้โปรด ช่วย....อ่อก”
“อ่อก?”
มาโคโตะล้มลงซบร่างของ เนมุไว้นั่นเอง
“ข้าก็คิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าท่านมาโคโตะจะมากับท่านจริงๆนั่นแหละ”
“ขอบคุณนะ กราเซล เจ้าช่วยชีวิตของข้าไว้แท้ๆเลย ขอบคุณจริงๆ”
“ไม่หรอก ท่าน แต่ยาสลบและยาลบความทรงจำของ คุณนักฆ่านี่มันได้ผลชะงักจริงๆเลย ยอดเยี่ยมสมกับที่เป็นที่ล่ำลือ”
“ว่าแต่คุณนักฆ่าอยู่ที่ไหนเหรอ”
“กลับไปแล้วน่ะ ว่าจะไปเตรียมของบางอย่างก่อน ก็เลยขอตัวกลับก่อน รู้สึกจะเป็นพวก กิจกรรมหน้าร้อนบางอย่างนี่แหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าบนโลกเขาเรียกว่าอะไร”
[อ๋อ สงสัย ตานักฆ่านั่นคงจะติดหลุมที่เรียกว่า ทางเข้าเส้นทางที่ออกไม่ได้แล้วสินะ]
“เอาล่ะ ขอบใจเจ้ามาก เราจะไปตรวจสอบที่บ้านพักของเราก่อนก็แล้วกันนะ”
ขณะที่เนมุกำลังวิ่งไปจนถึงบ้านพักของตัวเอง
“หัวมุมนั่นก็ถึงแล้วล่ะ เอาล่ะจะได้เข้าใจเสียที”
พื้นที่ที่ปรากฏตรงหน้ากลับไม่มีบ้านพักของเนมุอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่มันควรจะอยู่ตรงนั้นก็ตามทีแต่มันกลับกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่ถูกปล่อยให้เช่าไปแทน
“โกหกน่ะ ก็เราเคยอยู่ที่นี่นะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!”
เนมุทำได้เพียงร้องช็อคกับเหตุการณ์ตรงหน้าและนั่งลงไปบนถนนที่เปล่าเปลี่ยวยามค่ำคืนนั้นเอง...
To be continue..
“อืม ถ้านั่งรถไฟไปก็พอจะถึงอยู่หรอกนะ ใกล้ๆกับชานเมือง แต่จะกลับมาก็กลัวว่า เพลเนียจะเป็นห่วงไปซะอย่างนั้นเนี่ยสิ จะพอหาคนแทนหรือว่าจะจ้างใครก่อนได้ไหมนะ อีกอย่างถ้าเราเดินทาง เพลเนียก็ต้องเป็นห่วงเราอีก ทำไมกันนะรู้สึกเหมือนเป็นลูกสาวบ้านนี้เลยแฮะ”
“พูดอะไรคนเดียวอยู่เหรอ เนมุ อีกอย่างฉันคงไม่ให้เธอเดินทางไปไหนคนเดียวอยู่แล้วล่ะจ๊ะ”
เพลเนียซึ่งเดินเข้ามาทางหน้าประตูห้อง
“เพลเนีย รู้ได้ยังไงว่า เราจะไปไหนกันล่ะ”
“ก็เพราะรู้น่ะสิ เป็นเด็กเป็นเล็ก เนมุไม่ควรจะเดินทางไปไหนคนเดียวนะ แล้วฉันก็ทิ้งร้านคนเดียวไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ฉันก็เลยจ้างเพื่อนร่วมเดินทางไปกับเธอแล้วยังไงล่ะ เนมุ”
“เพื่อนร่วมเดินทาง? ใครกัน!!”
“เอาล่ะ เข้ามาสิ มาโคโตะ”
มาโคโตะ โบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มเบาๆ แล้วมองหน้าเนมุอย่างอ่อนโยน
“ฝากตัวด้วยนะ เนมุ ฉันจะพาเธอเดินทางไปในทริปสุดพิเศษนี้เอง ฉันจองที่พัก จากสถานที่ๆคุณเพลเนียสืบเรื่องราวเอาไว้แล้วล่ะ”
“นี่จะบอกว่า เพลเนียรู้แล้วอย่างนั้นเหรอว่าเราจะไปที่ไหนกัน”
[บ้าจริง ถ้าเป็นอย่างนี้เพลเนียคงได้รู้ความจริงเป็นแน่ว่า จริงๆแล้วร่างกายของเราเป็นชายหนุ่มอายุรุ่นอาหรือลุงเธอได้แล้ว แถมยังอยู่ในบ้านของหญิงสาวน่ารักๆอีก ไม่สิ จริงๆเราเองก็น่ารักใช่ย่อยเหมือนกัน แต่เพลเนียคงน่าจะไม่รู้ถึงขนาดนั้นหรอก ดังนั้น ช่วงเวลาที่ มาโคโตะเผลอ คงต้องตีตัวแยกออกห่างจาก มาโคโตะ ให้ได้ อาจจะเอาเรื่องนางฟ้าของตานี่มาใช้ก็คงไม่เลวเท่าไหร่หรอกมั้ง]
“เอาล่ะ ถ้าเกิดเพลเนียห่วงเราจริงๆ เราจะพา มาโคโตะไปด้วยก็แล้วกัน เพลเนียก็ดูแลร้านอย่างสบายใจเถอะ มีมาโคโตะก็เหมือนมีเพลเนีย คอยดูแลเราแล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงไป”
เนมุพยายามพูดเพื่อให้เพลเนียไม่เป็นห่วงตนเองมากเกินไป อยู่ชั่วครู่หนึ่ง ในขณะที่เพลเนียกำลังทำท่าครุ่นคิดแล้วมองมาที่เนมุ แล้วจึงยิ้มให้
“เอาเถอะนะ ถ้าเนมุพูดถึงขนาดนี้แล้วล่ะก็ ถ้าตัวฉันเองไม่เชื่อใจเนมุก็คงดูแย่แหละนะ เดินทางให้ปลอดภัยก็แล้วกัน มาโคโตะ ฝากเนมุด้วยก็แล้วกันนะ”
เพลเนียพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องปล่อยให้เนมุและมาโคโตะอยู่กันสองต่อสอง สายตาของ มาโคโตะยังจ้องอย่างจริงจัง
“จริงๆแล้ว ผมเองก็สงสัยมานานแล้ว เนมุน่ะ จะไปหานางฟ้าคนนั้นสินะ”
“นายนี่ฉลาดไม่เบาเลยนะ สมแล้วที่เป็นเพื่อนของเพลเนีย ใช่แล้วล่ะ เธอคนนั้นอาศัยอยู่ระแวกบ่อน้ำพุร้อนแถวนั้นนั่นแหละถ้านายไปด้วยอาจจะโชคดีได้เจอนางฟ้าของนายก็เป็นไปได้นะ”
[ตาโง่เอ๊ย นางฟ้าของนายก็อยู่ตรงหน้านายแล้วนี่ยังไงล่ะ]
“งั้นเราเริ่มเดินทางกันเถอะครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา”
มาโคโตะเป็นพวกเชี่ยวชาญทางด้านการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่ใช้เวลาไม่นาน ต่อรถที่สถานีหนึ่งไปยังอีกสถานีหนึ่ง แล้วเปลี่ยนมาเดินบนเส้นทางลัด จากนั้นก็ย้ายสายรถที่ขึ้นเพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงสถานที่พักแล้ว เขตออนเซ็นขึ้นชื่อแถวนี้อยู่ใกล้กับบ้านของเนมุไม่ห่างเท่าไหร่นัก
[การจะหลบสายตาจากมาโคโตะโดยไม่เป็นห่วงได้ก็มีเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นคงต้องไปช่วงที่มาโคโตะกำลังหลับเท่านั้นถึงจะออกห่างจากตัวมาโคโตะได้ กำหนดการส่วนใหญ่ที่เขียนก็คือ เที่ยวให้เต็มที่แล้วก็ปล่อยให้มาโคโตะหลับ การมาพักที่แห่งนี้มีเพียงเวลาแค่ 3 วันเพียงเท่านั้น รวมระยะเวลาสืบเรื่องของการที่หลับใหลด้วยแล้วก็พอมีเวลาอยู่บ้าง]
“นี่ เนมุ นางฟ้าคนนั้นเธออยู่แถวๆนี้จริงๆอย่างนั้นเหรอ”
[ก็ตรงหน้านายไงล่ะ]
“เอาเถอะ ถ้านายมีชะตาต้องกันกับเธอจริง ไม่นานก็คงได้พบกันนั่นแหละ”
“ผมก็หวังไว้เช่นนั้นเหมือนกันครับ”
เนมุพลันเดินเข้าไปในร้านขายของแล้วหยิบขนมมันจูมาหนึ่งลูก
“ตอนนี้เราก็เที่ยวกันอย่างเต็มที่ก็แล้วกันนะ มาโคโตะ”
มาโคโตะและ เนมุก็พากันหาที่พัก และเดินเที่ยวในระแวกรอบๆเพื่อเป็นการตรวจสอบพื้นที่ในเขตของตนที่เคยอาศัยอยู่
[บางอย่างผิดแปลกไปจริงๆแฮะ ปกติแล้ว ศาลเจ้าที่เคยอยู่ตรงนี้จะต้องมีต้นไม้ขนาดใหญ่ แต่การเอาต้นไม้ขนาด3คนโอบออกไปจากจุดนี้มันต้องใช้คนจำนวนมาก แถมยังเป็นเรื่องที่ใหญ่โตด้วย และก็น่าจะมีร่องรอยของการเคลื่อนย้ายด้วยนี่สิ แต่นี่กลับไม่มีอะไรเลยจริงๆ]
“นี่ๆ เนมุ ข้างๆนี่มีสวนสนุกอยู่ด้วยเราไปดูตรงนั้นดีกว่านะ”
“สวนสนุกอย่างนั้นเหรอ?”
[นั่นสินะ เรามาสวนสนุกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ สมัยที่พ่อกับแม่ยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า ถึงอย่างไรก็ตาม แต่สวนสนุกมันไม่น่าจะมีอยู่ที่นั่นสิ]
สวนสนุกถูกสร้างมาอย่างประณีต และสวยงาม แม้จะเป็นสวนสนุกเล็กๆที่มีคนไม่ค่อยมาก แต่มีเด็กและเหล่าลูกค้าที่มาใช้บริการในระดับหนึ่ง สวนซากุระเล็กๆที่มีซากุระปลอมประดับให้ดูงดงามทั้งที่ไม่ใช่หน้าของมัน พื้นถูกประดับด้วยหินเหมือนพื้นของเส้นทางตรงเข้าเมืองในโลกของแฟนตาซี
“การเปลี่ยนแปลงอย่างนั้นเหรอ..”
“เนมุ พูดอะไรน่ะ?”
“เปล่าหรอก ไม่มีอะไรเอาเป็นว่า อย่างน้อยก็เล่นเครื่องเล่นกันเถอะ”
เครื่องเล่นที่อยู่ในสวนสนุกทำให้ลืมช่วงเวลาที่เศร้าได้ ในทางกลับกันสำหรับตัวเนมุเองมันกลับทำให้รู้สึกเศร้าเองเสียด้วย มีเพียงสายตาน้อยๆที่คอยจ้องมอง เนมุอยู่ห่างๆ และสายตานั้นก็คือมาโคโตะนั่นเอง มาโคโตะยิ้มให้เนมุแล้วมองไปด้านนอก
“เมื่อก่อน ผมเองก็เคยมาที่สวนสนุกมาก่อนนะ ในตอนนั้นผมยังเด็กมาก แล้วแม่ก็ลืมผมไว้เพราะต้องไปทำธุระของเขา ในตอนนั้นผมกลัวมาก และก็หลงทางอีก บางครั้งผู้ใหญ่ก็มีเรื่องราวที่ทำให้เราไม่ค่อยเข้าใจในตัวเขาเท่าไหร่ ผมดันไปหลบอยู่ในบ้านกระจกเพื่อต้องการหาสถานที่ของตัวเอง พวกพนักงานดูแล ก็ลำบากแทบตายเลยเชียวล่ะ”
“นายต้องการจะปลอบเราสินะ เราก็ไม่ได้เศร้าอะไรซักหน่อย นายไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นเพื่อเราก็ได้ มาโคโตะ แต่นายเองก็คงมีช่วงเวลาที่เศร้าเหมือนกันสินะ”
“เอาเป็นว่า ได้มากับเนมุ ผมก็ตัดสินใจ ที่จะลืมเรื่องนางฟ้าคนนั้นแล้วล่ะ แล้วอีกอย่าง เรามาเที่ยวกันนี่นา ไม่เห็นต้องมาทำหน้าเศร้าอะไรเลยนะ”
“นายก็พูดถูกแหละ เอาล่ะ งั้นไปออนเซ็นกันเถอะ”
เนมุลงจากเครื่องเล่นและเดินทางต่อไปยังออนเซ็นด้วยกันกับมาโคโตะ แสงอ่อนๆจากพระอาทิตย์ก็ฉายมายังปลายอาคารที่พัก พวกเนมุเดินทางเข้าไปเปลี่ยนชุดเตรียมพร้อมที่จะลงออนเซ็นอย่างเต็มที่ พื้นไม้ที่เหยียบสัมผัสมีความอุ่นจนถึงปลายเท้าของพวกเขา ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
“เอาล่ะ ได้เวลาออนเซ็นซะที แล้วก็ลืมเรื่องเก่าๆล่ะนะ”
[เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนสิ เรามีสิ่งที่ต้องทำนี่นา เราต้องไปสำรวจร่างกายของเราก่อน ดีไม่ดี มันอาจจะมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วก็ได้]
“เนมุ น้ำฝั่งนั้นสบายดีรึเปล่า”
“นี่ทางฝั่งนี้เป็นห้องน้ำสำหรับสุภาพสตรีนะ อย่าเสียงดังนักสิ”
“ก็มันไม่มีคนนี่นา คงเพราะเราเข้ามาเร็วไปหน่อยล่ะมั้ง”
ไม่ทันไรก็มีเงาจากประตูห้องน้ำฝั่งห้องน้ำชาย ร่างที่ดูใหญ่ กำยำ และ ชายที่ดูปราดเปรียวกำลังเดินเข้ามาในห้องน้ำ
“เอาเป็นว่า เจ้าพักผ่อนให้สบายเถิด อีกเดี๋ยวถ้ามี กิจกรรมดีๆ ข้าจะบอกเจ้าเสมอนั่นแหละสหาย ทางที่ดีเจ้าก็สะสมเงินของโลกนี้ไว้พอประมาณก็แล้วกัน”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น เล่นทำเอาข้าไม่อยากกลับโลกของข้าได้เลย”
กราเซล และ มือสังหารที่จะมาปลิดชีพของ เนมุ ต่างเดินทางมา ออนเซ็นที่เดียวกัน
“อ้าวนั่น ท่าน มาโคโตะไม่ใช่รึ นี่ท่านมาเที่ยวสินะ?”
“เปล่าหรอกครับ ผมมาเดทน่ะ”
[เดทบ้าเดทบออะไรกันเล่า โชคดีที่ทักษะการได้ยินของพวกเผ่านี้มันได้ยินอะไรง่ายนะ จะว่าแต่มันก็เหมือนเดทจริงๆนั่นแหละแฮะ ไม่ได้ๆ อย่าไปหลงตามคำพูดของเจ้า มาโคโตะนะ]
“โอ้ จริงรึท่าน อย่างนี้คนที่ท่านเดทคงเป็นหญิงสาวผู้โชคดีเลยสินะ ข้าล่ะ แปลกใจจริงๆที่ผู้ชายผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเช่นท่าน ทำไมท่านเพลเนียถึงไม่รับรักท่านกันนะ”
“ไม่ใช่หรอกครับ ท่านก็พูดไป ผมน่ะสนใจคนอื่นอยู่ต่างหาก ลักษณะบอบบาง แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เธอเป็นคนที่เข้มแข็งและร่าเริง มีความคิดเหมือนผู้ใหญ่บ้างเล็กน้อย นั่นล่ะคนที่ผมสนใจครับ”
“งั้นข้าก็จะไม่รบกวนการเดทของท่านก็แล้วกัน ขอให้สมหวังด้วยนะครับ”
“นั่นสิ หากท่านต้องการยาสเน่ห์ก็บอกข้าได้เสมอเลยนะ จะจัดให้อย่างดีเลยเชียวล่ะ คิก คิก”
“คุณนักฆ่าล่ะก็แหม ผู้ชายผู้หญิงก็ต้องเรียนรู้ความรู้สึกเข้าหากันและกันสิครับ เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นเราไปที่ร้านห้องอบซาวน่ากันต่อดีไหมครับ คุณนักฆ่า”
กราเซลชวนมือสังหารเข้าห้องอบซาวน่าต่อ
“โอ้ ที่พูดมานั่นก็ดูไม่เลวหรอกนะ งั้นเราไปกันเถอะ”
“โลกนี้มันช่างสุดยอดไปเลยข้าไม่อยากจะกลับไปซะแล้วสิ”
[เดี๋ยวนะ เจ้านักฆ่านั่นมันบอกว่ากลับไปอย่างนั้นเหรอ งั้นก็แปลว่ามันก็มีทางกลับไปยังโลกฝั่งนั้นน่ะสิ เยี่ยมได้รู้ข้อมูลดีๆเข้าซะแล้ว]
ครืด!!
เสียงห้องน้ำของฝั่งผู้หญิงที่เนมุกำลังใช้งานอยู่นั้น ก็มีคนเข้ามา จากเสียงเป็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ประมาณ 3-4คน
[ไม่ได้การละ เราก็ไม่ค่อยถูกกับอะไรแบบนี้ซะด้วย จริงอยู่ที่ร่างกายเราเป็นผู้หญิงไปแล้ว แต่ยังไง การถ้ำมองก็ไม่ดีอยู่แล้วล่ะนะ ไม่สิ ซักนิดก็คงดี อย่างน้อยก็ทำให้เรายังเป็นตัวของเราอยู่ได้.... ไม่เอาน่า เราก็ผู้ชายมาก่อนนะ เดี๋ยวก่อนเราจะมาเถียงกับตัวเองทำไมเนี่ย ตอนนี้เราคงต้องรีบออกไปแล้ว]
เนมุรีบขึ้นมาจากที่อาบน้ำเข้าสู่ห้องแต่งตัวทันที
[เฮ้อ ถึงจะเห็นนิดเห็นหน่อยก็ขอโทษแล้วกันนะ แต่ทำไมกัน เราถึงใจไม่เต้นเหมือนสมัยยังอยู่ในร่างผู้ชายเลยล่ะ ป่านนี้เราคงงจะต้องมีความสุขสุดๆแล้วแท้ๆ บ้าจริงดันมานึกถึงเจ้ามาโคโตะตอนพูดอะไรเท่ๆซะได้ เราเริ่มจะมีความคิดผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ]
เนมุส่ายหน้าเบาๆ แล้วเบือนหน้าหนีจากความคิดนั้นเมื่อออกจากเขตของออนเซน ก็พบกับ มาโคโตะกำลังเดินทางไปห้องอาหาร
“อ้าวเนมุ มาพอดีเลยนะ ทานอาหารด้วยกันเลยก็แล้วกัน”
มาโคโตะ พา เนมุ เดินทางสู่ห้องอาหารที่ใหญ่มากๆประดับประดาด้วยผ้าสีทอง และเวทีสำหรับการแสดง โต๊ะเล็กๆเป็นฐานและมีที่นั่งเป็นเบาะบางๆ อาหารที่ถูกเสิร์ฟที่เรียวกังแห่งนี้นั้นเ ป็นซูชิขนาดใหญ่ มีทั้งหัวกุ้ง ซาชิมิ และยังมีเส้นโซบะที่ขึ้นชื่อ ถูกนำเสิร์ฟมาด้วย จานที่ทำจากเรือไม้ ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้วกับคนที่เคยอยู่ระแวกนี้มาก่อนอย่างเนมุ
“ทานล่ะนะคะ”
เนมุค่อยๆหยิบตะเกียบและคีบขึ้นมาทานอย่างช้าๆ ทำให้ดูมีสเน่ห์ มือค่อยๆโกยปลายเส้นผมของตัวเองเล็กน้อย พอมองเห็นผิวขาวๆบริเวณคอ จึงทำให้ มาโคโตะกลืนน้ำลายทันที
“จะมัวมองอยู่แบบนั้นเดี๋ยวอาหารก็ชืดหมดหรอก มาโคโตะ”
“อะ อ้อ ใช่แล้ว ขอโทษทีนะ”
มาโคโตะค่อยๆทานอาหารไปแต่สายตาก็ยังไม่เบือนหนีจาก เนมุเลยแม้แต่นิดเดียว
“หน้าเรามีอะไรติดอยู่รึไง มาโคโตะเจ้ามองเราอยู่นั่นแหละเหมือนอย่างกับเรามีอะไรติดอยู่บนหน้าเลยนะ”
“เปล่าหรอกก็แค่ เวลา เนมุทานอาหารแล้วมันดูน่ารักดีน่ะ”
“การมองคนกำลังทานอาหารมันเสียมารยาทไม่ใช่รึ?”
“ก็ใช่แต่ก็เจ้าน่ารักจริงๆนี่นา”
“เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้นก็ถึงเวลากลับห้องแล้วล่ะข้าจะปูเสื่อให้เจ้าก่อนก็แล้วกัน ถ้าเช่นนั้นก็รีบๆตามมานะ”
[มาโคโตะเดี๋ยวนี้ชอบพูดอะไรแปลกๆออกมาอยู่เรื่อยเลย บางทีก็ทำให้ตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ไอ้ความรู้สึกดีที่อยู่ในอกนี่มันเป็นอะไรกัน เอาเถอะก็เขาชมว่าน่ารัก ก็ต้องขอบคุณเขาล่ะนะ เพราะฉะนั้น ข้าจะรอให้เจ้าหลับเพื่อที่จะได้หลบออกไปยังไงล่ะ]
เสียงเดินกลับมาที่ห้อง จากด้านหน้าของประตู
[เอาล่ะ แกล้งหลับซะหน่อยก็แล้วกัน อย่างน้อยก็เพื่อทำให้ มาโคโตะคิดว่าข้าหลับจริงๆ]
“เนมุ คงหลับแล้วสินะ เอาล่ะ ผมเองก็อยากจะบอกมานานแล้วล่ะนะว่า ผมจำความได้แล้วว่า นางฟ้าคนนั้นก็คือคุณนั่นแหละ แต่ผมก็ไม่อาจพูดออกมาได้เหมือนคุณกำลังกุมความลับบางอย่างอยู่ ผมไม่อยากเสียคุณไป เพราะฉะนั้นแล้วผมก็จะไม่พูดในสิ่งที่ผมรู้ก็แล้วกัน ดังนั้นแล้วให้เราเป็นแบบนี้ต่อไปเถอะนะ”
มาโคโตะนั่งอยู่ข้างๆในขณะที่เนมุ ก็ไม่สามารถขยับตัวได้มีเพียงหน้านิ่งๆและเหงื่อที่ไหลอาบแก้มเล็กน้อย
“ผมนอนก่อนก็แล้วกัน วันนี้ก็เหนื่อยมามากกับการเดินทางแล้วนะ”
[ได้โอกาสหนีแล้ว]
ขณะที่กำลังจะลุก มือของมาโคโตะกอดโอบร่างที่นุ่มนวลของ เนมุไว้
“อ่ะ”
[เดี๋ยวก่อนๆ เนมุ เธอต้องตั้งสตินะ มาโคโตะเป็นเพื่อน เป็นเพื่อน!! บ้าจริง แต่ดันเป็นเพื่อนที่มาบอกรักกับเราเนี่ยสิ แล้วเราก็เคยเป็นผู้ชายมาก่อนนะ เป็นผู้ชายน่ะ เข้าใจไหม มาโคโตะ]
มือนั้นดึงร่างของเนมุ เข้าไปประชิดกับมาโคโตะเรื่อยๆ
[จริงๆเราก็แค่กะว่า จะได้ยืนยันแน่ชัดว่า มาโคโตะจะหลับสนิทรึเปล่าไม่ได้คิดถึงขนาดนี้เลยแท้ๆ เอายังไงดีล่ะ]
มาโคโตะคล่อมร่างของเนมุอยู่ด้านบน
“ยังไม่หลับจริงๆด้วยสินะ เนมุ”
“มะ มาโคโตะ นี่เจ้ายังไม่หลับอยู่รึ เจ้าหลอกเราว่าหลับสินะ”
“ก็อาจจะเพราะสัญชาติญาณของนักสู้ล่ะมั้งครับ ดังนั้นแล้ว คุณก็ได้ยินเรื่องราวของผมแล้วสินะ คุณเนมุ ครั้งนี้ผมจะถอยหลังต่อไปไม่ได้อีกแล้ว คุณเนมุ ผมรักคุณตั้งแต่แรกเห็น"
คำพูดนั้นทำให้ร่างของเนมุเหมือนถูกยาชาอย่างเต็มที่ และขยับไม่ได้ สาวน้อยหูแมวในชุดนอน ดวงตาที่แววใสกลับเติมเต็มไปด้วยสีแดงระเรื่อบนหน้าของเธอ
“ได้โปรด ช่วย....อ่อก”
“อ่อก?”
มาโคโตะล้มลงซบร่างของ เนมุไว้นั่นเอง
“ข้าก็คิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าท่านมาโคโตะจะมากับท่านจริงๆนั่นแหละ”
“ขอบคุณนะ กราเซล เจ้าช่วยชีวิตของข้าไว้แท้ๆเลย ขอบคุณจริงๆ”
“ไม่หรอก ท่าน แต่ยาสลบและยาลบความทรงจำของ คุณนักฆ่านี่มันได้ผลชะงักจริงๆเลย ยอดเยี่ยมสมกับที่เป็นที่ล่ำลือ”
“ว่าแต่คุณนักฆ่าอยู่ที่ไหนเหรอ”
“กลับไปแล้วน่ะ ว่าจะไปเตรียมของบางอย่างก่อน ก็เลยขอตัวกลับก่อน รู้สึกจะเป็นพวก กิจกรรมหน้าร้อนบางอย่างนี่แหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าบนโลกเขาเรียกว่าอะไร”
[อ๋อ สงสัย ตานักฆ่านั่นคงจะติดหลุมที่เรียกว่า ทางเข้าเส้นทางที่ออกไม่ได้แล้วสินะ]
“เอาล่ะ ขอบใจเจ้ามาก เราจะไปตรวจสอบที่บ้านพักของเราก่อนก็แล้วกันนะ”
ขณะที่เนมุกำลังวิ่งไปจนถึงบ้านพักของตัวเอง
“หัวมุมนั่นก็ถึงแล้วล่ะ เอาล่ะจะได้เข้าใจเสียที”
พื้นที่ที่ปรากฏตรงหน้ากลับไม่มีบ้านพักของเนมุอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่มันควรจะอยู่ตรงนั้นก็ตามทีแต่มันกลับกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าที่ถูกปล่อยให้เช่าไปแทน
“โกหกน่ะ ก็เราเคยอยู่ที่นี่นะ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย!”
เนมุทำได้เพียงร้องช็อคกับเหตุการณ์ตรงหน้าและนั่งลงไปบนถนนที่เปล่าเปลี่ยวยามค่ำคืนนั้นเอง...
To be continue..
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ