รู้ตัวอีกทีผมก็กลายเป็นสาวหูแมวสุดน่ารักแทนที่จะได

-

เขียนโดย Usamin

วันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00.47 น.

  6 ตอน
  2 วิจารณ์
  9,569 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561 01.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) นี่ยังไงล่ะ พลังแห่งไอดอล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                แก้มสีแดงที่นูนออกมาราวกับลูกมะนาวน้อยๆ กับการกอดอกพร้อมทั้งคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน  เนมุ จ้องมายังชายผู้ที่กำลังสำนึกผิดและเห็นร่างของ เนมุ ทั้งหมดไปแล้ว

                “ผมขอโทษจริงๆนะ ก็เห็นว่า เพลเนีย บอกให้ใช้ห้องน้ำได้ แล้วก็ยังบาดเจ็บมาด้วยผมก็เลยรีบใช้ ไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาในห้องน้ำอีก ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”

                [ก็รู้อยู่หรอก ไอ้เราก็ผู้ชายมาก่อน แต่การจะให้คนอื่นเห็นร่างกายของเราในลักษณะแบบนี้มันไม่ชินจริงๆด้วยนี่สิ เจ้านี่มันก็บังอาจเห็นรูปร่างของเราแล้ว จะให้ เพลเนียสำเร็จโทษก็เหมือนจะทำเกินไป]

                เนมุมองเพลเนียที่กำลังนั่งนิ่งอยู่กับบรรยากาศกดดัน จนทำให้เพลเนียไม่กล้าสบตากับ เนมุ หรือ มาโคโตะ ตรงๆ

                “เนมุ ฉันขอโทษจริงๆนะ ลืมไปว่า มาโคโตะกำลังอาบน้ำอยู่เลยไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลย อภัยให้ด้วยนะ เดี๋ยวจะหาพุดดิ้งแบบเต็มจานจากร้านมาให้เลย”

                เนมุมองเพลเนียซักพัก ก่อนถอนหายใจออกมาเบาๆ

                “ไม่เป็นไรหรอก ก็เรื่องนี้เพลเนียไม่ได้ตั้งใจนี่ ว่าแต่ ชายคนนี้เป็นเพื่อนของ เพลเนียอย่างนั้นสินะ งั้นเราขอพูดคุยกับชายคนนี้ซักพักหน่อยจะได้ไหม เราไม่โกรธหรือทำร้ายชายคนนี้หรอก เพลเนีย สบายใจได้เลย เอาเป็นว่าขอให้ เพลเนีย ไปทำงานของเพลเนียเถอะนะ เราจะคุยส่วนตัวกับชายคนนี้ซักพักเดี๋ยวจะตามไป ฝากเรื่อง พุดดิ้งของเราด้วยละกันนะ”

                เพลเนียเดินออกจากห้องไปเหลือเพียงแค่ เนมุ กับ มาโคโตะเท่านั้น

                “นายน่ะ มาโคโตะสินะ นายคงไม่ได้บอกเรื่องที่เราทำลงไปในวันนี้ใช่ไหม”

                “ไม่ได้บอกหรอก ถ้าบอก เพลเนีย ก็คงจะเป็นกังวลใช่ไหมล่ะ ส่วนตัว ผมเองก็ไม่อยากให้เพลเนียต้องกังวลหรอกนะ มันก็ทำให้ผมไม่สบายใจเช่นเดียวกัน”

                [สีหน้าที่จริงจังของ มาโคโตะ นั้น คงไม่ได้พูดเล่นแน่ งั้นตอนที่ มาโคโตะมาหาเพลเนีย เขาอธิบายอย่างไรกันล่ะ ถ้าหากเพลเนีย รู้เรื่องนี้ เราก็คงจะลำบากที่จะออกไปจัดการศัตรูแน่นอน]

                “งั้นนายบอกอะไรกับเพลเนียไปบ้างล่ะ?”

                “ผมบอกแค่ว่า มีป้ายตกลงมาใส่หัว นอกเหนือจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ค่อยได้แล้วครับ ก็ตอนผมตื่นมาก็มีป้ายร้านอยู่ข้างๆตัวผมแล้วนี่นา”

                “แล้วนายจำเรื่องก่อนหน้านั้นได้ไหมล่ะ?”

                มาโคโตะยืนคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วก็เหมือนจะคิดบางอย่างออก

                “ผมจำได้แค่ว่า ตอนนั้นผมจะมาหา เพลเนียนั่นแหละ เอาการบ้านมาให้เธอ จากนั้นผมเดินผ่านซอยที่เป็นทางลัด ก็เหมือนมีเสียงอะไรบางอย่างพุ่งมายังข้างหน้าผม จากนั้นที่เหลือผมจำได้ลางๆว่าเห็น ผู้หญิงคนหนึ่ง สวยดั่งนางฟ้าเลยล่ะ แต่ก็จำไม่ได้แล้วว่าเป็นใคร ถ้าเกิดผมจำได้ล่ะก็ ผมจะไปบอกรักเธอคนนั้นแน่นอน งั้นที่คุณถามอย่างนี้ก็แปลว่า คุณรู้จักผู้หญิงคนนั้นสินะครับ ช่วยบอกผมทีเธอเป็นใครกัน!!”

                [นั่นน่ะเราเองยังไงล่ะ แต่จะบอกได้ยังไงเล่า เอาเป็นว่า ขอโทษละกัน ที่ทำให้นายมาพัวพันเรื่องนี้แล้วก็ ขอบคุณนะที่นายจำอะไรไม่ได้ แต่สายตาของนายและใบหน้าแดงๆที่นายมองมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ช่วยลืมๆมันได้ไหม ขอร้องล่ะพ่อหนุ่ม]

                “เอาล่ะ เรื่องที่นายเห็นราในห้องน้ำจะไม่เอาความก็แล้วกัน แต่ช่วยลืมๆเรื่องนี้เหมือนกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นละกันนะ”

                “ครับ ว่าแต่ เนมุ สินะ น่ารักจริงๆเหมือนที่เพลเนียเล่าให้ฟังเลย ถ้าเกิดผมไม่เจอนางฟ้าคนนั้นผมคงมาจีบคุณแทนแล้วล่ะ คุณหน้าเหมือนเธอคนนั้นมาก แต่ผมอยากรู้จริงๆนะ เนมุ ถ้าคุณอยู่แถวนั้น ช่วยบอกผมทีเถอะ”

                “เอาเป็นว่า เขาพยายามช่วยนายแล้วก็จากไปในที่ไกลแสนไกลแล้วล่ะตอนนั้น ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไงดี เลยไปหาคนช่วย กลับมาอีกทีนายก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ฉันพานายออกมาจากจุดนั้นได้ก็โอเคแล้วล่ะนะ”

                [บอกไม่ได้น่ะ ขอโทษนะที่ต้องโกหกน่ะ]

                “ถ้าได้ข่าวคราวอะไรกับเธอคนนั้นก็บอกผมได้เสมอเลยนะครับ”

                “แน่นอนสิ….”

                เนมุรับปากพร้อมกับยิ้มให้ มาโคโตะเพียงเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นจากพื้น

                “เอาล่ะ เราจะไปทานพุดดิ้งของเพลเนียก่อนนะ แล้วจะลองถามเพลเนียว่าช่วยงานอะไรได้บ้างก่อนเราก็เป็นเพียงแค่ผู้อาศัย ยังไงซะคงอยู่เฉยๆ นานๆคงไม่ได้หรอก”

                “เข้าใจแล้วล่ะ ถ้าเนมุมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกผมนะ”

                “ว่าแต่นายเรียนศิลปะการต่อสู้ที่ไหนมาเหรอ?”

                “ผมมีชมรมที่ศึกษาเฉพาะทางน่ะ ถ้าสนใจก็บอกได้เสมอนะ มันพอใช้ป้องกันตัวได้บ้างน่ะแหละแม้จะไม่ได้ช่วยอะไรได้เยอะก็ตาม ถ้าหากว่าเนมุสนใจที่จะฝึกฝนล่ะก็ มาหาผมที่โรงเรียนได้เสมอนะ ถ้าหาห้องชมรมไม่เจอก็ถามเพลเนียได้เลย”

                “ไว้ซักวันเราอาจจะต้องการเรียนรู้สิ่งที่นายมีก็ได้นะ”

                เนมุพูดจบก็เดินออกมาจากห้องแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่หน้าห้อง

                [เอาเถอะ ซักวัน มาโคโตะอาจจะเป็นคนที่มีประโยชน์สำหรับเราก็ได้ ตอนนี้ก็ขอให้มาโคโตะ เก็บเรื่องเราเป็นความลับไปก่อน และก็เรื่องที่เราอยากเรียนรู้เทคนิคของเขาก็ด้วยเอาไว้ก่อนก็แล้วกัน  ไม่นานนี้อาจจะได้ไปที่โรงเรียนของ เพลเนียเร็วๆนี้ก็ได้แฮะ]

                เนมุเดินออกมาแต่งตัวชุดสาวเสิร์ฟชุดใหม่ที่ถูกตระเตรียมไว้ให้ เพราะชุดเก่าขาดไปในการต่อสู้ครั้งที่แล้ว จนไม่คิดว่า เพลเนียจะสามารถเตรียมชุดที่เข้ากับเธอได้เร็วขนาดนี้เพราะขนาดของตัวเธอเล็กกว่า พนักงานคนอื่นเป็นอย่างมากเมื่อสวมชุดเสร็จเพลเนียก็เดินเข้ามา พร้อมวางจานพุดดิ้งเอาไว้ให้

                “นี่พุดดิ้งนะ ก็บอกแล้วนี่นาว่า อยากจะให้ เนมุได้พักก่อนซักวัน แล้วค่อยทำงานก็ได้”

                “ไม่ได้หรอก ก็เราเป็นคนวิ่งพรวดออกไปก่อนนี่นาแล้วเราก็ไม่อยากจะให้ เพลเนียต้องคิดว่าเราเป็นพวกอยู่เฉยๆวันๆไม่ตอบแทนบุญคุณอะไรเลย”

                “แต่ฉันไม่ได้คิดถึงขนาดว่านั่นเป็นเรื่องใหญ่อะไรหรอกนะ ก็แค่อยากจะให้ เนมุได้พักบ้าง”

                “ขอบคุณนะ เพลเนีย แต่เรายังไหว ให้เราช่วยงานอีกซักนิดก็แล้วกัน”

                เนมุยิ้มเล็กน้อยก่อนหยิบช้อนเงินที่บางเบาตัก พุดดิ้งเข้าปากอย่างช้าๆ รสชาติหวานๆ นุ่มลิ้นและกลิ่นที่หอม ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าของเนมุลงได้อย่างดี

                “พุดดิ้งนี่ อร่อยมากเลย เพลเนียเป็นคนทำอย่างนั้นเหรอ?”

                “เปล่าหรอกจ้า นี่น่ะเป็นสูตรของพ่อกับแม่ที่เคยทำเอาไว้ก่อน ฉันก็ได้แค่เรียนรู้จากสิ่งที่ท่านเหลือเอาไว้ให้ก่อนที่ท่านจะจากไปก็เท่านั้นเอง”

                “เพลเนีย ก็เหมือนกับเราสินะ ไม่เหลือใคร”

                เพลเนียใช้มือที่ดูอบอุ่นลูบหัวของเนมุ สองสามครั้งแล้วค่อยๆพูดกับเนมุว่า

                “ไม่จริงหรอกนะ ที่บอกว่าไม่เหลือใคร ฉันเองตอนแรกก็เคยคิดแบบนั้นตอนที่พวกท่านจากไป คิดว่าทำไมพวกท่านถึงรีบด่วนจากไปทิ้งให้พวกเราต้องอยู่เพียงลำพังกับร้าน พาเนล พาเซเรีย ตอนนั้นน่ะ ก็เหมือนกับว่าพวกท่านทิ้งภาระ แต่เมื่อฉันได้เข้าไปนั่งและสัมผัสกับบรรยากาศพวกนั้นก็รู้สึกเหมือนทำให้ฉันได้รู้ว่า พวกท่านไม่ได้ทิ้งเราไปไหนหรอก บรรยากาศที่เราอยู่ด้วยกันในร้านก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม มีเพียงแต่ว่า เราจะตีความหมายของครอบครัวเป็นแบบไหนเท่านั้นก็เท่านั้นแหละ ก็เหมือนที่ เนมุโผล่มา แล้วทำให้ฉันได้รู้ว่า คนในครอบครัวเราได้เพิ่มขึ้นมาอีกคนก็แค่นั้นแหละจ้ะ”

                เนมุมองสีหน้าที่ยิ้มอ่อนๆของ เพลเนีย

                “เอาเถอะ เรารีบไปทำงานกันเถอะนะ เดี๋ยวลูกค้าจะรอเยอะได้ อย่าให้เราเป็นตัวดึงเธอเอาไว้กับจุดนี้เลย พยายามตั้งใจเพื่อให้ ร้าน พาเนล พาเซเรีย เป็นร้านอาหารที่โด่งดังกันเถอะนะ เพลเนีย”

                เนมุเดินเข้าสู่ร้าน พาเนล พาเซเรียที่เต็มไปด้วยลูกค้า

                “อาหารยังไม่ได้อีกเหรอครับ?”

                “มันฝรั่งกับ คาโบนาร่าที่สั่งไปเมื่อซักครู่ยังไม่มาอีกเหรอคะ?”

                “พี่ครับเก็บจานโต๊ะนี่ให้หน่อยนะครับ!”

                เสียงของเหล่าลูกค้าที่ดังระงมไปทั่วทั้งร้าน และพนักงานพิเศษที่จ้างมาก็ต่างรนรานจนทำอะไรไม่ถูก เพราะหัวหน้าของร้าน ซึ่งก็คือ เพลเนียเพิ่งจะกลับมา

                “เอาล่ะ ก็ค่อยๆมาเริ่มกันก็แล้วกันนะ”

                เพลเนียมองมาที่เนมุ แม้ว่า ตัวของเนมุ จะหน้าซีดกับงานที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็ตาม

                “เนมุ ไปจัดจานโต๊ะนั้นก่อนก็แล้วกัน จากนั้นเดี๋ยวฉันจะไปช่วยคนที่อยู่ในครัว แล้วจะตามออกมาช่วยงานที่อยู่ตรงด้านหน้าด้วย เนมุรับมือกับลูกค้าด้านหน้าก่อนนะ ถ้าคนไม่พอ ฉันจะโทรตามมาโคโตะมาช่วยด้วยอีกแรงหนึ่ง”

                เพลเนียเมื่อมาถึงร้านก็ดูราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน การสั่งการของเพลเนีย สั่งการอย่างรวดเร็วและเข้าถึงทุกพื้นที่ จน เนมุได้แต่ยืนตกตะลึงกับสิ่งที่เพลเนียทำ เหมือนกับว่า เพลเนียไม่ใช่สาวที่ดูเฉื่อยชาคนหนึ่งแต่เธอคล่องแคล่วกับงานในร้านของเธออย่างรวดเร็วสมกับที่หลายๆคนได้พูดว่าเป็นพนักงานอันดับหนึ่งของร้านแห่งนี้เลยทีเดียว

                [ก็สมกับเป็นเจ้าของร้านเหมือนกันนะ]

                ขณะที่งานทุกอย่างกำลังผ่านไปด้วยดีก็มีลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้ามานั่ง ร้านนี้เป็นร้านที่ไม่ใหญ่มาก ดังนั้นการเตรียมการของร้าน เมื่อต่อคิว จะมีพนักงานคนหนึ่งเดินออกไปจัดแถวรอคิว แต่ด้วยชื่อเสียงที่ถึงขนาดมีโฆษณาในช่องวีดีโอทางอินเทอร์เน็ตแล้วล่ะก็ มันย่อมไม่ธรรมดาจริงๆ เมื่อลูกค้าออกไป 1โต๊ะ โต๊ะพิเศษจะมีการจัดเข้ามาแทนที่ และมันเป็นเหมือนจุดขายจุดหนึ่ง โต๊ะที่เปลี่ยนตามบรรยากาศของร้านตามเวลา กลิ่นไม้เก่าๆในช่วงยามบ่าย และเก้าอี้พิเศษสีขาวที่ตัดกับแสงของหลอดไฟในยามค่ำคืน กับเวทีตรงกลางในยามดึกที่จะมีการร้องเพลงให้กับลูกค้า

                [โอเคเลย ถ้าเราไม่คิดว่า นี่เป็นร้านอาหารธรรมดาล่ะก็ Maid café ดีๆนี่เอง]

                “เอาละ ถึงเวลาที่จะต้องร้องเพลงแล้ว”

                เนมุได้ยินเสียงบางอย่างจากหูแหลมๆของเธอ เหมือนกับว่ามีเรื่องอยู่ด้านหลังของครัว ทำให้เวลาแก่การร้องเพลงถูกหยุดลง

                “ไม่จริงน่ะ มันถึงเวลาแล้วนะ ทำไมพนักงานยังไม่ออกมาอีก”

                เมื่อลูกค้าเริ่มเสียงดังเรียกร้องให้คนออกมาร้องเพลง เนมุจึงเดินเข้าไปหลังร้าน

                “แย่แล้วล่ะ เนมุ คนในร้านกำลังคอเจ็บ จริงๆแล้วคนที่รับหน้าที่ร้องเพลงจะต้องเป็นเธอคนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ” 

                    มาโคโตะกล่าวออกมาด้วยความกระวนกระวายใจ

                “งั้นให้ฉันไปแทนก็แล้วกันค่ะ”

เพลเนียจึงเสนอตัวเข้ารับการร้องเพลงแทนคนที่คอเจ็บ

“แต่เพลเนีย เธอร้องเพลงไม่เป็นไม่ใช่รึไง”

เพลเนียหลบสายตาเล็กน้อย

“ฉันเคยร้องสมัยตอนที่ยังเป็นเด็กนะคะ แล้วก็พอคิดว่าน่าจะช่วยอะไรได้บ้างดีกว่าให้ เรื่องนี้ผ่านไป ถ้าไม่มีคนออกไปร้องเพลงเลย”

เพลเนียเปลี่ยนชุดเป็นชุดน่ารัก เธอเฉิดฉายมากในชุดนี้ เธอผูกโบว์ไว้ช้างหนึ่งก่อนเดินออกไปยังข้างนอกจนทำให้เหล่าลูกค้า ปรบมือตามๆกัน มือที่กำแน่นจนเห็นเหงื่อออกมาอย่างชัดเจน เหมือนกับเธอจะพูดว่า ฉันต้องทำได้อย่างนั้นเลย ร่างกายที่ดูเกร็งราวกับหิน  มีแต่คำวิงวอนที่อยู่ด้านหลังของเวที ที่คิดว่ามันต้องผ่านไปให้ได้ในเวลานี้จังหวะดนตรีบรรเลงขึ้นมาอย่างช้าๆ ถึงจังหวะที่ต้องร้อง

“อ้า.....”

เสียงของเธอกลับไม่ออก เหมือนว่าจะเกร็งเกินไปที่จะต้องร้องเพลง จนคนดูเริ่มไม่ค่อยพอใจ

[เอาละ เป็นไงเป็นกัน]

ด้วยแสงดวงดาวที่มาบรรเลงอยู่ปลายฝัน

ด้วยเสียงกระซิบที่เดินเข้ามาอยู่ข้างกัน

อยากให้เธอรู้ อยากให้เธอเข้าใจ

เนมุเดินมาร้องเพลงอยู่ข้างๆ ทำให้ เพลเนีย คลายความรู้สึกเกร็งออกไปได้ เนมุค่อยๆขยิบตาเพื่อให้ เพลเนียร้องเพลงต่อ

ด้วยเสียงบรรเลงบทเพลงที่มาคล้องกัน

ด้วยฝันของใครคนหนึ่งที่อยากให้เธอได้รู้

เข้ามาเติมเต็ม ในชีวิตฉัน

และทำให้เธอได้รู้

เพลเนียเริ่มร้องอย่างเป็นธรรมชาติ แม้ว่าจะ เชื่อมบทเพลงที่รับมาจากเพลเนีย ด้วยเสียงเบาๆต่อเนื่องก็ตามแต่ก็ไม่ยอมย่อท้อ

[จังหวะนี้แหละ]

“Aura of Idol!!”

เสียงประสานของ เพลเนีย และ เนมุที่เข้ามาจับมือคู่กันและกัน ทำให้เหล่าผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าต่างชูแท่งไฟขึ้นมาโบกเป็นสีชมพูไปทั่วร้าน  บางคนก็ตะโกนเรียกชื่อของเนมุและเพลเนียอย่างต่อเนื่อง เป็นจังหวะ และกระโดดไปมา พวกเขาพยายามเชียอย่างสุดกำลัง จนเพลงได้จบลง

อังกอร์ อังกอร์

เสียงจำนวนมากต่างตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน เหมือนเรียกให้ เนมุและ เพลเนียต่างขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาตอบรับอย่างรวดเร็ว

“เอาล่ะ เรามาตอบรับคำเรียกร้องของพวกเขาดีกว่านะ เพลเนีย”

“นั่นสินะ เนมุ ขึ้นเวทีกันอีกรอบเถอะ ขอบคุณนะ เพราะเธอ ฉันถึงมีความกล้าขนาดนี้ได้ไม่เช่นนั้น วันนี้คงร้องเพลงต่อหน้าทุกคนไม่ได้หรอก”

เพลเนียจับมือของเนมุ

                [จริงๆ ก็เพิ่งรู้ว่าสกิลนี้มันทำแบบนี้ได้เนี่ยแหละ จากที่ดูพื้นฐานของทักษะมาล่ะนะ เอาเถอะนับว่าเป็นการเสี่ยงดวงที่ไม่เลวเลย ทักษะนี้คงไม่น่ากลัวกว่าที่คิดหรอกนะ]

                ภายนอกร้าน มีเสียงฝีเท้าที่กำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อยๆ จากผู้ชายผู้สวมหน้ากาก

                “อุคริ ในที่สุดก็มาถึงจนได้ ตอนนี้นี่แหละ ที่ข้าจะได้สังหารและขโมย พลังงานที่เจ้าครอบครอง ราชาแห่งความมืดเข้าใจดีสินะที่ส่งข้ามาที่นี่ ยอดมือสังหารอันดับหนึ่ง ว่าแต่ ทำไมคนในร้านนี้มันถึงเยอะขนาดนี้กันล่ะ”

                “เฮ้ย นายก็มาเชียร์ ท่านเพลเนียด้วยเหมือนกันสินะ รับอาวุธไปสิ

                ชายหนุ่มที่ดูอ้วนๆ ต่างยื่นแท่งไฟให้กับนักฆ่าที่จะมาสังหารเนมุและร่างของเขาก็ถูกกลุ่มชายสวมกระเป๋าลากเข้าไปอยู่ในดงของกองเชีย

                “นะ..นี่มันอะไรกัน การจู่โจมครั้งใหม่อย่างนั้นรึ”

                เสียงเชียร์ดังจน นักฆ่าพูดอะไรไม่ได้ จนมีมืออันใหญ่กอดคอ

                “เอ้าแหกปากดังๆเลย เชียให้สุดใจขาดไปเลย ไอดอลไม่เหนื่อย พวกเราก็จะไม่เหนื่อยเว้ย!!”

                “พวกแกทำอะไรกัน....”

                เสียงแหกปากดังจน นักฆ่าเริ่มปวดหัวไปหมด หัวใจที่ถูกเหล่าสหายรุมล้อมจนเริ่มกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพวกเขาไป

                “นี่มันอะไรกัน ความสนุกนี้ ทำไม ข้าไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อนเลยนะ”

                มือสังหารที่กำลังซาบซึ้งในความสามัคคีของกลุ่มลูกค้า ก็หันไปเจอหน้ากับชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหลังกำลังชูนิ้วโป้งให้นั่นก็คือกราเชลนั่นเอง พร้อมกับยิ้มบางๆอย่างหมดห่วง

                และหลังจากวันนั้น นักฆ่าอันดับหนึ่งก็กลายเป็นหนึ่งในแฟนคลับของเนมุไปตลอดกาล.....

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา