this is my hero นายนั่นแหละคือฮีโร่
-
เขียนโดย smlieofsummer
วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.47 น.
4 chapter
0 วิจารณ์
5,553 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2561 18.45 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) chapter 1
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความEvery Saturday night I seem to come alive for you, babySanta Monica, I'm racing in the lights for you, babyI drive fast, radio blares, have to touch myself to pretend you're thereYour hands were on my hips, your name is on my lipsOver over again, like my only prayer
Burning Desire – Lana del rey
2 ปีก่อน
คฤหาสน์โอ่อ่าหลังใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าสีเขียว พุ่มไม้ และดอกไม้พันธุ์หายากแต่ละดอกมีสีสันสวยงามคละกันไป ภายในบ้านถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรป ด้วยขนาดที่ใหญ่ของคฤหาสน์พอเปรียบเทียบกับคนที่อาศัยอยู่ในบ้านคงจะไม่สมดุลกันเท่าไหร่. ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องทานอาหาร ทุกห้องล้วนว่างเปล่า
'โอ้ว...ฮ่าๆ..ใช่ นั่นแหละ.อืออ.'
เสียงหัวเราะคิกคักปนครางดังเล็ดลอดออกมาทางประตูห้องนอนชั้นบน
สาวร่างบางในชุดชั้นในสีนู้ด กำลังนอนผมสยายอยู่บนเตียง บนร่างของเธอถูกทับด้วยร่างสูง ที่กำลังลูบไล้เธอและพรมจูบไปทั่วร่างของหญิงสาว
'อืมม~' มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปตามลำตัวไล่ลงมาเรื่อยจนถึงต้นขาของเธอ เธอใช้มือทั้งสองข้างรวบไปที่ท้ายทอยของเขาพร้อมกับดึงเข้ามาจูบ มันดูดดื่มและเนิ่นนาน จากนั้นเขาก็เลื่อนมือขึ้นมากุมใบหน้าของเธอช้าๆและถอนจูบอย่างอ่อนโยน
แม้ว่าอลิสจะรู้สึกเสียดายแต่เธอก็ไม่อยากจะขัดใจเดสม่อน ตาสีเทาคู่นั้นที่ทำให้เธอเหมือนถูกสะกดให้ตกอยู่ในพะวังรอยยิ้มมุมปากแสนเจ้าเล่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่ได้เห็นมัน
'นายคิดอะไรอยู่เดสม่อน?' อลิสถาม นิ้วเรียวยาวของเธอลูบไปตามเส้นผมสีดำสนิทของเดสม่อนอย่างอ่อนโยน
เดสม่อนไม่พูดอะไรเพียงแต่จ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลเฮเซลนัทของอลิส
'เดสม่อน?'
'ฉันก็แค่คิดว่า ถ้าวันนึงที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีฉันมันจะเป็นยังไง'
อลิสขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเดสม่อนถึงพูดแบบนั้น หรือเขากำลังจะบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขากำลังจะจบลงกันแน่
'นายกำลังจะบอกฉันว่า..'
'ชู่ว~' เดสม่อนใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของอลิสหยุดประโยคนั้นที่เธอกำลังจะพูดออกมา เขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะบอกเธอแน่นอน
'ฉันรักเธออลิส แค่เธอเท่านั้น' ทันทีที่เดสม่อนพูดประโยคนี้ออกมา จากสีหน้าที่บึ้งตึงของอลิสก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที
'พิสูจน์สิ'
สิ้นสุดคำพูดของอลิส เดสม่อนก็ก้มลงจูบเธออย่างอ่อนโยน เป็นเหมือนคำสัญญาว่าความรักของเขาและเธอจะคงอยู่ตลอดไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
'สัญญากับฉันนะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะต้องเข้มแข็งเพราะฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ'
‘ได้สิ ฉันสัญญา’ เธอพยักหน้ายิ้มตอบและกอดชายหนุ่มที่เธอรัก ทั้งสองตกอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของกันและกัน
อลิสตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงงและสับสน เธอพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงแรมภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือตอนที่ขึ้นไปยืนเต้นบนบาร์ท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องของคนในผับ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ พรึบ! เหมือนภาพตัด เธอจำอะไรไม่ได้หลังจากนั้น เธอค่อยๆควานหาโทรศัพท์มือเธอในกระเป๋าคลัชเพื่อโทรหานีน่า
'ฮัลโหล นี่ฉันเองนะ เมื่อคืนใครมาส่งฉันที่โรงแรมน่ะ' อลิสพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ผิดกับนีน่า เสียงของเธอปกติสะจนเหมือนว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ดื่มเลยสักนิด
'ก็ฉันโทรไปที่โรงแรมให้ส่งคนขับรถมารับเธอน่ะสิ ให้ตายเถอะอลิสเธอน่ะเมาสุดๆถึงกับขึ้นไปโชว์ลีลาบนบาร์แน่ะ'
'แล้วใครเป็นคนท้าฉันล่ะ'
'ฮ่าๆ ฉันรู้น่า ก็แค่แซวเล่นเท่านั้นเอง'
'งั้นหรอ.. ขอบใจนะไม่มีเธอ เมื่อคืนฉันคงได้นอนอยู่หน้าผับแล้วล่ะ'
'เฮ้ย เล็กน้อยน่า พักผ่อนเถอะมีอะไรโทรหาฉันแล้วกันนะ ฉันต้องไปละ บาย'
'โอเค บาย' อลิสกดวางสาย แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตั้งแต่ที่เธอต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีเขาทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด เธอรู้สึกห่อเหี่ยว ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เธอไม่อยากกลับบ้านไปเจอหน้าพ่อ แม้ว่าเธอจะกลับไปพ่อก็คงจะไม่อยู่ให้เธอเห็นหน้าอยู่ดี อลิสเริ่มคิดถึงแม่ แต่ถ้าหากว่าเธอคิดจะไปอเมริกาเพื่อไปหาแม่ มีหวังเธอได้โดนกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านไปตลอดชีวิตแน่ๆ พ่อไม่ต้องการให้เธอกับแม่ได้เจอกันอีก นี่คือข้อห้ามเด็ดขาด อลิสใส่เสื้อคลุมอาบน้ำลุกเดินออกไปที่หน้าระเบียงและสูบบุหรี่ วิวที่เห็นคือตึกน้อยใหญ่ตั้งอยู่เรียงราย บริเวณรอบๆ มีสวนสาธารณะตั้งอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ ที่นั่นเธอและเขามักจะไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน แต่หลังจากที่เขาหายไป อลิสไม่เคยไปเหยียบที่นั่นอีกเลย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องของเธอดังขึ้นอลิสดับบุหรี่แล้วเดินไปที่ประตูทันที เมื่อประตูถูกเปิดออกชายหนุ่มร่างกำยำในชุดสูท ผมสกินเฮด อลิสมองหน้าชายตรงหน้าและพิจารณาอย่างรวดเร็ว ทั้งริมฝีปากได้รูปกับตาสีฟ้า ที่จู่ๆก็ทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
‘รูมเซอร์วิสครับคุณผู้หญิง’
แม้แต่เขาเองก็ยังคงจ้องมองเธอเช่นกัน อลิสก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าว ส่วนเขาก็เดินก้าวเข้ามาหาเธอหนึ่งก้าว อลิสเดินถอยหลังมาเรื่อยๆจนเธอทรุดตัวลงไปนั่งบนเตียงนอน เขาค่อยๆโน้มตัวลงและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอพร้อมกับกระซิบข้างหูเธอเบาๆว่า
‘เจอกันอีกแล้วนะ’ อลิสทำตัวไม่ถูกเธอได้แต่จ้องหน้าชายคนนั้นและปล่อยให้เขาจัดแจงเตรียมอาหารเช้าที่โต๊ะอาหารในห้อง ทุกอย่าง ภายในเวลาไม่กี่นาทีโดยที่อลิสไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไร
‘ทานให้อร่อยนะครับคุณผู้หญิง’ เขาโค้งให้เธอเล็กน้อยและหันหลังเดินกลับไปที่ประตู ทันทีที่เขากำลังจะก้าวขาพ้นประตูห้อง
‘เดี๋ยวก่อน’
‘ครับ?’
อลิสเดินเข้ามาหาเขาที่หน้าประตูอีกครั้งเธอจ้องเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยต่างจากครั้งแรกตอนที่เปิดประตู
เพี้ยะ!
มือเรียวฟาดลงไปบนใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง แต่ไม่ทันที่อลิสจะชักมือกลับเขาก็คว้ามือเธอเอาไว้เสียก่อน
‘อย่าได้เข้ามาใกล้ฉันอีกเป็นอันขาด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้’ อลิสพูดเสียงแข็งและสะบัดข้อมือเล็กๆของเธอออกจากมือใหญ่ของเขา
‘หึหึ เริ่มต้นก็ไม่สวยเลยแฮะ ’ เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และสบตาเธอก่อนที่จะหันหลังและเดินออกไปจากตู ทิ้งให้อลิสยืนกัดฟันกรอดอยู่ที่หน้าประตู เธอปิดประตูห้องใส่เขาดัง ปัง! ก่อนที่จะเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร โดยที่เธอไม่รู้ว่าผู้ที่เดินจากไปหลังบานตูนั้นกำลังผิวปากอย่างอารมณ์ดี
“เราได้เจอกันอีกแน่สาวน้อย”
ระหว่างที่อลิสกำลังนั่งกินอาหารเช้าด้วยความหงุดหงิดในหัวของเธอก็มีแต่ใบหน้าของชายคนนั้นผุดขึ้นมากวนใจเธออยู่ตลอด รวมถึงเสียงของเขาตอนที่ก้มหน้าลงเข้ามากระซิบใกล้ๆหูของเธออีก เธอไม่เข้าใจว่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนั้นได้ยังไง ถ้าหากเขาจะทำร้ายเธอ เธอก็จะปล่อยให้เขายอมทำอย่างนั้นหรือ หมอนี่คือคนเดียวกันกับคนที่ขับรถไปส่งเธอที่ผับเมื่อคืน เขาต้องการอะไรกันแน่ถึงได้เข้ามาป้วนเปี้ยนให้เธอเห็นหน้าอยู่ได้
ระหว่างที่เธอกำลังแช่น้ำในอ่างจากุชชีอยู่เพลินๆเสียงโทรศัพท์ของโรงแรมก็ดังขึ้น
กริ้งงงงๆ
เธอลุกออกจากอ่างอาบน้ำพันผ้าเช็ดตัวอย่างหลวมๆแล้วเดินไปรับโทรศัพท์
นี่มันวันบ้าอะไรของฉันกันนะทำไมถึงได้มีคนเข้ามากวนใจบ่อยนัก
“ฮัลโหล”
“อรุนสวัสครับคุณอลิสา สายตรงจากล้อบบี้นะครับ คุณพ่อคุณสั่งให้ผมโทรมาบอกคุณว่าอีกสิบห้านาทีให้คุณลงมารอที่ล้อบบี้ด้านล่าง ท่านจะส่งคนขับรถมารับคุณกลับบ้านครับ”
“ได้ค่ะ อีกสิบห้านาทีฉันจะลงไป”
สิ้นสุดสายเธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ให้คนมารับฉันกลับบ้านงั้นหรอ นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีแน่อลิส ตัวเธอรู้ดีว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจในช่วงตลอดสองปีมานี้ กิจการของพ่อเธอกำลังไปได้ดี อีกทั้งเขายังเป็นคนที่รักชื่อเสียงของตัวเองมากกว่าลูกแท้ๆอย่างเธอเสียอีก อลิสได้แต่เก็บของบางอย่างอย่างลงกระเป๋าเป้ แต่งตัวและเตรียมตัวลงไปรอคนขับรถที่ด้านล่าง
ไม่นานนักคนขับรถประจำบ้านของเธอการพาเธอมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่จนได้ ที่ๆเธออยู่และโตมาด้วยความเงียบเหงา อลิสมองดูรอบๆบริเวณบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมาบ้านเป็นเวลาสามเดือนทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ต้นไม้ สนามหญ้า ดอกไม้ที่รายล้อมรอบบ้านที่ส่งกลิ่นหอมเป็นระยะ ความจริงมันเป็นที่ ที่สงบที่สุดเท่าที่เธอเคยอยู่มา อลิสสูดรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด ใจนึงก็รู้สึกดีที่ได้กลับบ้าน แต่อีกใจก็ไม่อยากจะกลับมาเจอพ่อ แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นห้องไปพักผ่อนชายวัยกลางคนสวมแว่นหนาเตอะหอบเอกสารมาอย่างทุลักทุเล รีบเดินเข้ามาหาเธอสะก่อน เขาคือผู้ช่วยรองผู้บริหารในบริษัทของพ่อฉัน คุณมาร์ช นั่นเอง
“สวัสดีครับคุณอลิส ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับเนี่ย” พี่มาร์ชทักทายและยิ้มอย่างเป็นมิตร
“หวัดดีค่ะพี่มาร์ช ฉันก็ไม่ได้ไปอยู่ไหนไกลหรอกค่ะแถวๆนี้แหละ” อลิสตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆก่อนที่จะพยายามเดินเลี่ยงไปที่บันไดเพื่อจะขึ้นห้อง
“เดี๋ยวก่อนครับ คุณศุภชัยท่านอยากพบคุณก่อนนะครับ เห็นว่ามีเรื่องจะคุยเป็นการส่วนตัว”
“ตอนนี้เลยหรอ?”
“ใช่ครับ เชิญทางนี้ครับ” พี่มาร์ชเดินนำฉันไปที่ห้องทำงานของพ่อส่วนฉันที่ทำอะไรไม่ได้ทำได้แค่จำใจเดินตามไปอย่างเซ็งๆ
พอเข้ามาถึงภายในห้องทำงานของพ่อภายในห้องแอร์เย็นเฉียบทำให้ฉันยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปอีก กลิ่นบุหรี่ยังคงลอยแตะจมูกของฉันอยู่เป็นระยะ ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ได้สูบอยู่ก็ตาม หน้าของพ่อดูไม่ค่อยเคร่งเครียดเท่าไหร่นักจากเท่าที่ฉันสังเกตในตอนนี้ พี่มาร์ชผายมือให้ฉันนั่งรอที่โซฟารับแขกแล้วเอาเอกสารที่ถืออยู่ในมือไปวางที่โต๊ะของพ่อและเดินออกไปอย่างเงียบๆ
ฉันไม่รู้ว่าครอบครัวอื่นพ่อลูกเขาคุยเรื่องส่วนตัวกันอย่างไรแต่สำหรับฉัน พ่อมักจะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเหลือบมองฉันบ้างเป็นครั้งคราวส่วนฉันนั่งอยู่ที่โซฟาอีกฝั่งมันทำให้ฉันรู้สึกห่างเหินเหมือนว่าฉันไม่ใช่คนในครอบครัว มันเหมือนฉันเป็นคนอื่นมากกว่า
“หายหน้าหายตาไป บ้านช่องไม่กลับเลยนะแก” พ่อพูดขึ้นมาพร้อมกับหยิบเอกสารขึ้นมาตรวจเช็คไปพลาง
“ก็อยู่แถวๆนี้แหละค่ะ” พ่อไม่พูดอะไรยังคงเงียบและตรวจเอกสารไปเรื่อยๆ
“มีอะไรจะคุยกับหนูหรอคะ” ฉันเริ่มเข้าประเด็น ไหนๆก็คุยแล้วฉันไม่อยากจะเสียเวลานานมากกว่านี้ พ่อเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“ที่โรงเรียนโทรหาฉัน เชาบอกว่าแกขาดเรียนบ่อย และผลการเรียนของแกแทบจะไม่ถึงเกณฑ์ จำเป็นต้องให้แกลาออกไปเรียนที่อื่น คิดว่าฉันควรจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ หื้ม?” พ่อวางเอกสารและมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นักฉันยังคงนิ่งไม่ตอบอะไรได้แต่มองไปที่อื่นไม่ยอมสบตาพ่อ
“แกเป็นอะไรของแก บ้านก็ไม่กลับ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาสะที วันๆสร้างแต่ปัญหา ฉันเหนื่อยที่จะต้องคอยตามเก็บกวาดให้แกเต็มทนแล้วนะ”
“ก็ไม่ต้องทำสิคะ” ฉันตอบโดยที่ไม่จำเป็นต้องมานั่งคิด เหนื่อยก็ไม่ต้องทำเพราะฉันก็เหนื่อยที่จะต้องทำเรื่องงี่เง่านี่แล้วเหมือนกัน ถึงฉันพูดอะไรออกไปพ่อก็คงไม่เข้าใจฉันอยู่ดี
“ทำอะไรสักอย่างให้ฉันภูมิใจที่มีลูกอย่างแกไม่ได้หรือไง ฮะ” พ่อเริ่มขึ้นเสียง
“ถ้าอยู่ที่นี่มันลำบากพ่อมากนักก็ส่งหนูไปอยู่กับแม่ที่อเมริกาซะก็หมดเรื่อง เพราะแม่ก็คงเข้าใจปัญหาของหนูมากกว่าพ่ออยู่แล้ว”
“หยุดพูดถึงแม่แกก่อนที่ฉันจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้อลิส” ฉันไม่อยากจะทำลายบรรยากาศไปมากกว่านี้จึงจำเป็นต้องเงียบไปแบบไม่เต็มใจ เพราะแม่คือบุคคลที่ห้ามเอ่ยถึงภายในบ้านหลังนี้ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ใดๆ เราทั้งคู่เงียบไปชั่วขณะจนพ่อเริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ระหว่างช่วงนี้ที่ฉันไม่ค่อยมีเวลาให้แกมากนักฉันตัดสินใจแล้วว่าต่อไปนี้จะให้คนมาคอยดูแลแกไม่ให้สร้างปัญหาอีก”
ก๊อกๆ
“เข้ามาได้”
สิ้นสุดเสียงของพ่อร่างสูงกำยำก็ก้าวผ่านเช้ามาภายในห้องนั่นยิ่งทำให้ฉันประหลาดใจยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น นั่นมันเป็นไปไม่ได้ต้องไม่ใช่เขา พ่อต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ
Burning Desire – Lana del rey
2 ปีก่อน
คฤหาสน์โอ่อ่าหลังใหญ่ที่ล้อมรอบไปด้วยสนามหญ้าสีเขียว พุ่มไม้ และดอกไม้พันธุ์หายากแต่ละดอกมีสีสันสวยงามคละกันไป ภายในบ้านถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรป ด้วยขนาดที่ใหญ่ของคฤหาสน์พอเปรียบเทียบกับคนที่อาศัยอยู่ในบ้านคงจะไม่สมดุลกันเท่าไหร่. ไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก ห้องทานอาหาร ทุกห้องล้วนว่างเปล่า
'โอ้ว...ฮ่าๆ..ใช่ นั่นแหละ.อืออ.'
เสียงหัวเราะคิกคักปนครางดังเล็ดลอดออกมาทางประตูห้องนอนชั้นบน
สาวร่างบางในชุดชั้นในสีนู้ด กำลังนอนผมสยายอยู่บนเตียง บนร่างของเธอถูกทับด้วยร่างสูง ที่กำลังลูบไล้เธอและพรมจูบไปทั่วร่างของหญิงสาว
'อืมม~' มือของชายหนุ่มลูบไล้ไปตามลำตัวไล่ลงมาเรื่อยจนถึงต้นขาของเธอ เธอใช้มือทั้งสองข้างรวบไปที่ท้ายทอยของเขาพร้อมกับดึงเข้ามาจูบ มันดูดดื่มและเนิ่นนาน จากนั้นเขาก็เลื่อนมือขึ้นมากุมใบหน้าของเธอช้าๆและถอนจูบอย่างอ่อนโยน
แม้ว่าอลิสจะรู้สึกเสียดายแต่เธอก็ไม่อยากจะขัดใจเดสม่อน ตาสีเทาคู่นั้นที่ทำให้เธอเหมือนถูกสะกดให้ตกอยู่ในพะวังรอยยิ้มมุมปากแสนเจ้าเล่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่ได้เห็นมัน
'นายคิดอะไรอยู่เดสม่อน?' อลิสถาม นิ้วเรียวยาวของเธอลูบไปตามเส้นผมสีดำสนิทของเดสม่อนอย่างอ่อนโยน
เดสม่อนไม่พูดอะไรเพียงแต่จ้องลึกลงไปในดวงตาสีน้ำตาลเฮเซลนัทของอลิส
'เดสม่อน?'
'ฉันก็แค่คิดว่า ถ้าวันนึงที่เธอต้องอยู่โดยไม่มีฉันมันจะเป็นยังไง'
อลิสขมวดคิ้วเข้าหากัน เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเดสม่อนถึงพูดแบบนั้น หรือเขากำลังจะบอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอและเขากำลังจะจบลงกันแน่
'นายกำลังจะบอกฉันว่า..'
'ชู่ว~' เดสม่อนใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของอลิสหยุดประโยคนั้นที่เธอกำลังจะพูดออกมา เขารู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดจะบอกเธอแน่นอน
'ฉันรักเธออลิส แค่เธอเท่านั้น' ทันทีที่เดสม่อนพูดประโยคนี้ออกมา จากสีหน้าที่บึ้งตึงของอลิสก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันที
'พิสูจน์สิ'
สิ้นสุดคำพูดของอลิส เดสม่อนก็ก้มลงจูบเธออย่างอ่อนโยน เป็นเหมือนคำสัญญาว่าความรักของเขาและเธอจะคงอยู่ตลอดไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
'สัญญากับฉันนะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอจะต้องเข้มแข็งเพราะฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ'
‘ได้สิ ฉันสัญญา’ เธอพยักหน้ายิ้มตอบและกอดชายหนุ่มที่เธอรัก ทั้งสองตกอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของกันและกัน
อลิสตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงงและสับสน เธอพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงแรมภาพสุดท้ายที่เธอจำได้คือตอนที่ขึ้นไปยืนเต้นบนบาร์ท่ามกลางเสียงปรบมือและโห่ร้องของคนในผับ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ พรึบ! เหมือนภาพตัด เธอจำอะไรไม่ได้หลังจากนั้น เธอค่อยๆควานหาโทรศัพท์มือเธอในกระเป๋าคลัชเพื่อโทรหานีน่า
'ฮัลโหล นี่ฉันเองนะ เมื่อคืนใครมาส่งฉันที่โรงแรมน่ะ' อลิสพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ผิดกับนีน่า เสียงของเธอปกติสะจนเหมือนว่าเมื่อคืนเธอไม่ได้ดื่มเลยสักนิด
'ก็ฉันโทรไปที่โรงแรมให้ส่งคนขับรถมารับเธอน่ะสิ ให้ตายเถอะอลิสเธอน่ะเมาสุดๆถึงกับขึ้นไปโชว์ลีลาบนบาร์แน่ะ'
'แล้วใครเป็นคนท้าฉันล่ะ'
'ฮ่าๆ ฉันรู้น่า ก็แค่แซวเล่นเท่านั้นเอง'
'งั้นหรอ.. ขอบใจนะไม่มีเธอ เมื่อคืนฉันคงได้นอนอยู่หน้าผับแล้วล่ะ'
'เฮ้ย เล็กน้อยน่า พักผ่อนเถอะมีอะไรโทรหาฉันแล้วกันนะ ฉันต้องไปละ บาย'
'โอเค บาย' อลิสกดวางสาย แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ตั้งแต่ที่เธอต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีเขาทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด เธอรู้สึกห่อเหี่ยว ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีจุดมุ่งหมายในการใช้ชีวิตในแต่ละวัน เธอไม่อยากกลับบ้านไปเจอหน้าพ่อ แม้ว่าเธอจะกลับไปพ่อก็คงจะไม่อยู่ให้เธอเห็นหน้าอยู่ดี อลิสเริ่มคิดถึงแม่ แต่ถ้าหากว่าเธอคิดจะไปอเมริกาเพื่อไปหาแม่ มีหวังเธอได้โดนกักบริเวณให้อยู่แต่ในบ้านไปตลอดชีวิตแน่ๆ พ่อไม่ต้องการให้เธอกับแม่ได้เจอกันอีก นี่คือข้อห้ามเด็ดขาด อลิสใส่เสื้อคลุมอาบน้ำลุกเดินออกไปที่หน้าระเบียงและสูบบุหรี่ วิวที่เห็นคือตึกน้อยใหญ่ตั้งอยู่เรียงราย บริเวณรอบๆ มีสวนสาธารณะตั้งอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่ ที่นั่นเธอและเขามักจะไปเดินเล่นดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน แต่หลังจากที่เขาหายไป อลิสไม่เคยไปเหยียบที่นั่นอีกเลย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูห้องของเธอดังขึ้นอลิสดับบุหรี่แล้วเดินไปที่ประตูทันที เมื่อประตูถูกเปิดออกชายหนุ่มร่างกำยำในชุดสูท ผมสกินเฮด อลิสมองหน้าชายตรงหน้าและพิจารณาอย่างรวดเร็ว ทั้งริมฝีปากได้รูปกับตาสีฟ้า ที่จู่ๆก็ทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
‘รูมเซอร์วิสครับคุณผู้หญิง’
แม้แต่เขาเองก็ยังคงจ้องมองเธอเช่นกัน อลิสก้าวถอยหลังมาหนึ่งก้าว ส่วนเขาก็เดินก้าวเข้ามาหาเธอหนึ่งก้าว อลิสเดินถอยหลังมาเรื่อยๆจนเธอทรุดตัวลงไปนั่งบนเตียงนอน เขาค่อยๆโน้มตัวลงและยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอพร้อมกับกระซิบข้างหูเธอเบาๆว่า
‘เจอกันอีกแล้วนะ’ อลิสทำตัวไม่ถูกเธอได้แต่จ้องหน้าชายคนนั้นและปล่อยให้เขาจัดแจงเตรียมอาหารเช้าที่โต๊ะอาหารในห้อง ทุกอย่าง ภายในเวลาไม่กี่นาทีโดยที่อลิสไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไร
‘ทานให้อร่อยนะครับคุณผู้หญิง’ เขาโค้งให้เธอเล็กน้อยและหันหลังเดินกลับไปที่ประตู ทันทีที่เขากำลังจะก้าวขาพ้นประตูห้อง
‘เดี๋ยวก่อน’
‘ครับ?’
อลิสเดินเข้ามาหาเขาที่หน้าประตูอีกครั้งเธอจ้องเขาด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยต่างจากครั้งแรกตอนที่เปิดประตู
เพี้ยะ!
มือเรียวฟาดลงไปบนใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง แต่ไม่ทันที่อลิสจะชักมือกลับเขาก็คว้ามือเธอเอาไว้เสียก่อน
‘อย่าได้เข้ามาใกล้ฉันอีกเป็นอันขาด ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้’ อลิสพูดเสียงแข็งและสะบัดข้อมือเล็กๆของเธอออกจากมือใหญ่ของเขา
‘หึหึ เริ่มต้นก็ไม่สวยเลยแฮะ ’ เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และสบตาเธอก่อนที่จะหันหลังและเดินออกไปจากตู ทิ้งให้อลิสยืนกัดฟันกรอดอยู่ที่หน้าประตู เธอปิดประตูห้องใส่เขาดัง ปัง! ก่อนที่จะเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร โดยที่เธอไม่รู้ว่าผู้ที่เดินจากไปหลังบานตูนั้นกำลังผิวปากอย่างอารมณ์ดี
“เราได้เจอกันอีกแน่สาวน้อย”
ระหว่างที่อลิสกำลังนั่งกินอาหารเช้าด้วยความหงุดหงิดในหัวของเธอก็มีแต่ใบหน้าของชายคนนั้นผุดขึ้นมากวนใจเธออยู่ตลอด รวมถึงเสียงของเขาตอนที่ก้มหน้าลงเข้ามากระซิบใกล้ๆหูของเธออีก เธอไม่เข้าใจว่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนั้นได้ยังไง ถ้าหากเขาจะทำร้ายเธอ เธอก็จะปล่อยให้เขายอมทำอย่างนั้นหรือ หมอนี่คือคนเดียวกันกับคนที่ขับรถไปส่งเธอที่ผับเมื่อคืน เขาต้องการอะไรกันแน่ถึงได้เข้ามาป้วนเปี้ยนให้เธอเห็นหน้าอยู่ได้
ระหว่างที่เธอกำลังแช่น้ำในอ่างจากุชชีอยู่เพลินๆเสียงโทรศัพท์ของโรงแรมก็ดังขึ้น
กริ้งงงงๆ
เธอลุกออกจากอ่างอาบน้ำพันผ้าเช็ดตัวอย่างหลวมๆแล้วเดินไปรับโทรศัพท์
นี่มันวันบ้าอะไรของฉันกันนะทำไมถึงได้มีคนเข้ามากวนใจบ่อยนัก
“ฮัลโหล”
“อรุนสวัสครับคุณอลิสา สายตรงจากล้อบบี้นะครับ คุณพ่อคุณสั่งให้ผมโทรมาบอกคุณว่าอีกสิบห้านาทีให้คุณลงมารอที่ล้อบบี้ด้านล่าง ท่านจะส่งคนขับรถมารับคุณกลับบ้านครับ”
“ได้ค่ะ อีกสิบห้านาทีฉันจะลงไป”
สิ้นสุดสายเธอก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง ให้คนมารับฉันกลับบ้านงั้นหรอ นั่นไม่ใช่สัญญาณที่ดีแน่อลิส ตัวเธอรู้ดีว่าเธอจะต้องเจอกับอะไร พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจรายใหญ่ที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจในช่วงตลอดสองปีมานี้ กิจการของพ่อเธอกำลังไปได้ดี อีกทั้งเขายังเป็นคนที่รักชื่อเสียงของตัวเองมากกว่าลูกแท้ๆอย่างเธอเสียอีก อลิสได้แต่เก็บของบางอย่างอย่างลงกระเป๋าเป้ แต่งตัวและเตรียมตัวลงไปรอคนขับรถที่ด้านล่าง
ไม่นานนักคนขับรถประจำบ้านของเธอการพาเธอมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่จนได้ ที่ๆเธออยู่และโตมาด้วยความเงียบเหงา อลิสมองดูรอบๆบริเวณบ้านหลังจากที่ไม่ได้กลับมาบ้านเป็นเวลาสามเดือนทุกอย่างก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม ต้นไม้ สนามหญ้า ดอกไม้ที่รายล้อมรอบบ้านที่ส่งกลิ่นหอมเป็นระยะ ความจริงมันเป็นที่ ที่สงบที่สุดเท่าที่เธอเคยอยู่มา อลิสสูดรับอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด ใจนึงก็รู้สึกดีที่ได้กลับบ้าน แต่อีกใจก็ไม่อยากจะกลับมาเจอพ่อ แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นห้องไปพักผ่อนชายวัยกลางคนสวมแว่นหนาเตอะหอบเอกสารมาอย่างทุลักทุเล รีบเดินเข้ามาหาเธอสะก่อน เขาคือผู้ช่วยรองผู้บริหารในบริษัทของพ่อฉัน คุณมาร์ช นั่นเอง
“สวัสดีครับคุณอลิส ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับเนี่ย” พี่มาร์ชทักทายและยิ้มอย่างเป็นมิตร
“หวัดดีค่ะพี่มาร์ช ฉันก็ไม่ได้ไปอยู่ไหนไกลหรอกค่ะแถวๆนี้แหละ” อลิสตอบพร้อมกับยิ้มแห้งๆก่อนที่จะพยายามเดินเลี่ยงไปที่บันไดเพื่อจะขึ้นห้อง
“เดี๋ยวก่อนครับ คุณศุภชัยท่านอยากพบคุณก่อนนะครับ เห็นว่ามีเรื่องจะคุยเป็นการส่วนตัว”
“ตอนนี้เลยหรอ?”
“ใช่ครับ เชิญทางนี้ครับ” พี่มาร์ชเดินนำฉันไปที่ห้องทำงานของพ่อส่วนฉันที่ทำอะไรไม่ได้ทำได้แค่จำใจเดินตามไปอย่างเซ็งๆ
พอเข้ามาถึงภายในห้องทำงานของพ่อภายในห้องแอร์เย็นเฉียบทำให้ฉันยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปอีก กลิ่นบุหรี่ยังคงลอยแตะจมูกของฉันอยู่เป็นระยะ ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ได้สูบอยู่ก็ตาม หน้าของพ่อดูไม่ค่อยเคร่งเครียดเท่าไหร่นักจากเท่าที่ฉันสังเกตในตอนนี้ พี่มาร์ชผายมือให้ฉันนั่งรอที่โซฟารับแขกแล้วเอาเอกสารที่ถืออยู่ในมือไปวางที่โต๊ะของพ่อและเดินออกไปอย่างเงียบๆ
ฉันไม่รู้ว่าครอบครัวอื่นพ่อลูกเขาคุยเรื่องส่วนตัวกันอย่างไรแต่สำหรับฉัน พ่อมักจะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเหลือบมองฉันบ้างเป็นครั้งคราวส่วนฉันนั่งอยู่ที่โซฟาอีกฝั่งมันทำให้ฉันรู้สึกห่างเหินเหมือนว่าฉันไม่ใช่คนในครอบครัว มันเหมือนฉันเป็นคนอื่นมากกว่า
“หายหน้าหายตาไป บ้านช่องไม่กลับเลยนะแก” พ่อพูดขึ้นมาพร้อมกับหยิบเอกสารขึ้นมาตรวจเช็คไปพลาง
“ก็อยู่แถวๆนี้แหละค่ะ” พ่อไม่พูดอะไรยังคงเงียบและตรวจเอกสารไปเรื่อยๆ
“มีอะไรจะคุยกับหนูหรอคะ” ฉันเริ่มเข้าประเด็น ไหนๆก็คุยแล้วฉันไม่อยากจะเสียเวลานานมากกว่านี้ พ่อเงยหน้าขึ้นมามองหน้าฉันเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“ที่โรงเรียนโทรหาฉัน เชาบอกว่าแกขาดเรียนบ่อย และผลการเรียนของแกแทบจะไม่ถึงเกณฑ์ จำเป็นต้องให้แกลาออกไปเรียนที่อื่น คิดว่าฉันควรจะทำยังไงดีล่ะทีนี้ หื้ม?” พ่อวางเอกสารและมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์นักฉันยังคงนิ่งไม่ตอบอะไรได้แต่มองไปที่อื่นไม่ยอมสบตาพ่อ
“แกเป็นอะไรของแก บ้านก็ไม่กลับ เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาสะที วันๆสร้างแต่ปัญหา ฉันเหนื่อยที่จะต้องคอยตามเก็บกวาดให้แกเต็มทนแล้วนะ”
“ก็ไม่ต้องทำสิคะ” ฉันตอบโดยที่ไม่จำเป็นต้องมานั่งคิด เหนื่อยก็ไม่ต้องทำเพราะฉันก็เหนื่อยที่จะต้องทำเรื่องงี่เง่านี่แล้วเหมือนกัน ถึงฉันพูดอะไรออกไปพ่อก็คงไม่เข้าใจฉันอยู่ดี
“ทำอะไรสักอย่างให้ฉันภูมิใจที่มีลูกอย่างแกไม่ได้หรือไง ฮะ” พ่อเริ่มขึ้นเสียง
“ถ้าอยู่ที่นี่มันลำบากพ่อมากนักก็ส่งหนูไปอยู่กับแม่ที่อเมริกาซะก็หมดเรื่อง เพราะแม่ก็คงเข้าใจปัญหาของหนูมากกว่าพ่ออยู่แล้ว”
“หยุดพูดถึงแม่แกก่อนที่ฉันจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้อลิส” ฉันไม่อยากจะทำลายบรรยากาศไปมากกว่านี้จึงจำเป็นต้องเงียบไปแบบไม่เต็มใจ เพราะแม่คือบุคคลที่ห้ามเอ่ยถึงภายในบ้านหลังนี้ไม่ว่าจะด้วยสถานการณ์ใดๆ เราทั้งคู่เงียบไปชั่วขณะจนพ่อเริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ระหว่างช่วงนี้ที่ฉันไม่ค่อยมีเวลาให้แกมากนักฉันตัดสินใจแล้วว่าต่อไปนี้จะให้คนมาคอยดูแลแกไม่ให้สร้างปัญหาอีก”
ก๊อกๆ
“เข้ามาได้”
สิ้นสุดเสียงของพ่อร่างสูงกำยำก็ก้าวผ่านเช้ามาภายในห้องนั่นยิ่งทำให้ฉันประหลาดใจยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น นั่นมันเป็นไปไม่ได้ต้องไม่ใช่เขา พ่อต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ