koku-soja
เขียนโดย TsuKiTsuKi
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.23 น.
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561 12.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ผู้หญิงคนนั้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่8 ผู้หญิงคนนั้น
ไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน ไม่รู้ว่าหลับไปนานไหมแต่ตอนนี้ผมรู้สึกตัวเต็มที่แต่ยังคงไม่ลืมตาเพราะเสียงที่ทำให้ผมตื่นคือเสียงครวญครางของผู้หญิงที่ดังก้อง ท่ามกลางเสียงของผู้หญิงก็มีเสียงผู้ชายที่ผมคุ้นในช่วงสองวันนี้อย่างดี เสียงครางของผู้ชายดังจากลำคอเสียงครางต่ำๆ เสียงเร่งเร้าของผู้หญิงดังอย่างกะเส่าคงปลุกเร้าผู้ชายน่าดูมั้ง เพราะเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังถี่ถี่อย่างต่อเนื่อง
แค่เผลอนอนในห้องนั่งเล่นก็คิดว่ามันน่าจะปลอดภัยแต่ทำไม่ผมถึงต้องตื่นมาเพราะได้ยินเสียงคนอื่นมีอะไรกัน ผยังต้องแกล้งทำนอนหลับอีกนานไหมถึงจะตื่นได้ ช่วงนี้ดวงของผมคงซวยจริง ผมภาวนาขอให้เขาเสร็จกิจกันเร็ว แต่เหมือนกับว่านอกจากพระเจ้าหรือไม่ก็ซาตานไม่รับฟังคำขอ แต่ยังกลั่นแกล้งผม
โซฟาข้างกายผมยวบลง ก่อนจะเริ่มขยับตามจังหวะผมด้วยเสียงโอ้ว...อ่า..แบบ FULL HD [High-Definition] อยู่ข้างหูผมนี่ล่ะ ไม่แค่เสียงเท่านั้นบ้างครั้งผมยังรู้สึกถึงลมหายใจอยู่ข้างหูของผม และยิ่งนานมันยิ่งหนักขึ้น จากลมหายใจเริ่มเป็นการสัมผัสตัวผม มือใหญ่เริ่มจากใช้นิ้วลูบไล้ริมฝีปาก จากปากลงมาคอ จากคอ ก็เล่นยอดอกผมผ่านเสื้อ ตัวผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนโดนกระทำแบบนี้จะไม่เกิดอารมณ์เลยมันก็ไม่ใช่ บางครั้งผมก็รับรู้ได้ว่ามีการเปลี่ยนตำแหน่งจากการยวบของโซฟาและการที่มือหนานั้นไม่ได้แตะต้องปลุกเร้าอารมณ์ผม แต่แล้วอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าจากมือใหญ่ก็ต้องกระเจิง เมื่อรับรู้ว่ามีมือบางของผู้หญิงมาลูบไล้ที่เป๋ากางเกงของผมแต่มือนั้นไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้นก็รับรู้ว่ามือบางนั้นถูกกระชากอย่างแรงลูกน้อยของผมได้ผลกระทบจากมือบางที่ถูกกระชากอย่างแรงทำให้มือของผู้หญิงกระแทกกับลูกน้อยของผม มันแรงพอทำให้ผมเบิกตากว้าง มันจุก มันเจ็บ มันปวด และภาพแรกที่ผมเห็นก็คือภาพผู้หญิงกำลังออนท็อปให้กับโคคุโอะมือของโคคุโอะจับที่ข้อมือบาง นั้นเอาไว้ แต่ภาพที่เห็นก็ไม่ได้ชัดอะไรนัก เพราะตอนแรกที่ผมดูหนังผมเปิดไฟเอาไว้ แต่ลืมตาขึ้นมาไฟในห้องรับแขกก็มีเพียงไฟเพดาลสีส้มสลัวที่เปิด มันก็ไม่ได้สว่างอะไรนักขนาดหน้าผู้หญิงผมยังไม่เห็นเลย
ผมที่เริ่มดีขึ้นก็รีบออกไปจากตรงนั้น ถ้าผมยังอยู่ตรงนั้นรับประกันได้ว่าผมคงไม่แคล้ว...ได้จบลงที่เตียงอีกแน่ ผมเดินเข้ามาในห้องนอนที่เข้ามาตอนแรกทันที่ที่ก้าวเข้ามาไฟในห้องก็สว่างขึ้นมาอย่างกับระบบอัตโนมัติ แต่พอผมเข้ามาโคคุก็อุ้มผู้หญิงคนนั้นเข้ามา มันอะไรกับผมนักหนา ก็ได้แค่คิดพูดอะไรไม่ออก เมื่อเขาเข้ามาผมก็เลยจะเดินออกมา..แต่กับมีเสียงของเขาดังว่าอะไรสักอย่างผมไม่ได้ฟัง เพราะมีบางอย่างดึงดูดผม ทำให้ผมไม่ได้สนใจโคคุโอะ สิ่งที่ดึงดูดความสนใจคือผู้หญิงที่โคคุโอะอุ้มเข้ามา ทั้งที่เอ่อ....ไอ้นั้นของเขายังคาเสียบคาในช่องทางข้างหน้าของผู้หญิง และผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่เขารู้จักดี ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะไม่รู้จักผมก็เถอะ
“โอ๊ย..”ผมสะดุ้งด้วยความตกใจและความเจ็บที่แล่นที่มา สายตาจับจ้องไปจุดที่มีอาการก็เห็นมือใหญ่บีบแขนผมอย่างแรง
“ออกไป” เสียงเข้มจากเจ้าของมือเอ่ยปากไล่ผมด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมาก แล้วผมจะอยู่ทำไม ผมรีบแผ่นออกมาทันที่ ใครจะอยากอยู่ให้เจ็บตัวละ
ผมมานั่งหายใจทิ้งอยู่ที่โซฟาแสนนุ่ม ผมกับคิดถึงผู้หญิงคนเมื่อกี้ เธอจัดว่าเป็นคนสวย เป็นพิมพ์นิยมที่พวกผู้ชายชอบ เธอคนนั้นอายุมากกว่าแม่ของผม ใบหน้าของเธอดูแล้วคนไม่รู้จักอาจะคิดว่าเป็นสาวรุ่น แม้อายุจริงจะปาเข้าไปจะสี่สิบแล้ว ..แล้วทำไมถึงได้มามีอะไรกับคนนี้ได้ หรือว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันมาจากแผนการของผู้หญิงคนนี้หรือเปล่าผู้หญิงคนนี้เกลียดแม่ของเขา(หรือที่คนทั่วไปคิดว่าเป็นพ่อ เพราะแม่ของพวกเขาคือผู้ชายหน้าสวย) ผู้หญิงคนนี้รู้จักแม่แต่ไม่รู้จักพวกผมหรอก ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยเจอพวกผมที่เป็นลูกแม่ แต่พวกผมรู้จักเขาดีเลย คงต้องเอาเรื่องนี้ไปคุยกับพวกคุณพ่อให้ระวังไว้หน่อยดีกว่า
ผมนั่งอยู่ตรงนั้นสักพัก โคคุโอะก็เดินเข้ามานั่งข้างผม ผมแค่หันไปมองแล้วก็หันกลับมา ก็ไม่รู้จะพูดอะไร เป็นคุณคุณจะพูดออกไหมล่ะ เจอคนเล่นหนัง Av ให้ดูชัดทั้งภาพ (ตอนเข้าห้อง) ชัดทั้งเสียงฟูลเอชดีข้างหูมาก จะให้พูดอะไร
“ของกินมึงอยู่ในตู้เย็น” โคคุโอะเอ่ยออกมา
“ผมทำกินเองแล้ว เห็นมีของสดในตู้ก็เลยทำ”
“งั้นก็ทำให้กูกับเพื่อนกูด้วย” น้ำเสียงทุ่มของโคคุเอ่ยบอกคนข้างกาย
แค่ทำให้เขากินก็ไม่ใช่เรื่องที่อยากทำอยู่แล้ว แล้วยังเพิ่มผู้หญิงคนนั้นมาอีกคน..เจริญละไม่ทำแน่นอน...เอาไงดีหว่า...เอ่อ.เอางี้แล้วกัน ผมประมวลเรื่องในหัวตัวเองก่อนหันไปสบตาอีกคน
“ซื้อกินเถอะ ฝีมือผมน่ะชาวบ้านธรรมดาพอทานได้ แต่คนดูดีมีชาติตระกูลแบบคุณและเพื่อนคุณไม่น่าจะทานได้ ” ว่าแต่เขาบอกว่าเป็นเพื่อนกัน เพื่อนแบบไหนเขาเอากันแบบนั้น พอผมพูดจบเขาก็ลุกจากไป ปล่อยผมนั่งคนเดียวพอเขาจากไปผมก็เริ่มหาวอีกแล้ว
ง่วง..ผมเริ่มง่วงอีกแล้ว ช่วงนี้ผมมักอยากจะพักสายตาแต่ก็ไม่ได้อยากนอนนัก ก็แค่อยากจะนั่งหลับตาอาการแบบนี้มันเพิ่งจะเริ่มเป็นหลังจากเวทย์ของผมหายไป อาจะเป็นอาการป่วยอะไรหรือเปล่านะ แต่หากว่าผมล้มตัวนอนบนที่นอนตาของผมก็สว่างขึ้นมาเฉยๆเป็นเรื่องประหลาดแท้
ผมงัวเงียตื่นขึ้นมาบนเตียงแสนนุ่มจนแทบไม่อยากจะตื่นกันเลย สายตาที่ค่อยเปิดมองเพดาลห้องที่ไม่คุ้นตาเป็นสิ่งแรก ก่อนบิดขี้เกียจทั้งที่ยังนอนอยู่
“เมื่อคืนคุยอยู่กับหมอนั้นนี่หว่า มาอยู่ที่นี่ได้ไง ผมมองไปรอบๆห้อง ห้องนี้ตกแต่งในสไตล์ที่เขาชมชอบ สไตล์ยุโรปคลาสสิก เครื่องเรื่องทำจากไม้ แกะอย่างปราณีตของที่ตกแต่งที่นี่แค่ดูผ่านๆยังรับรู้ได้ว่าเป็นของชั้นหนึ่ง หน้าตู้เสื้อผ้ามีเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่สีดำ(ไซซ์ของโคคุ)กับกางเกงขาสั้นสีดำแขวนเอาไว้ สงสัยจะเตรียมไว้ให้ ผมเดินเข้าไปอาบน้ำ แต่งตัวโดยชุดที่เห็นแขวนอยู่
ผมตั้งใจจะเดินออกมาทำอะไรกิน แต่ยังไม่ทันเดินเข้าครัวก็ถูกเรียกโดยผู้หญิงที่..เล่นหนังสดให้ผมดู
“มานั่งคุยกับฉันสิ” ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าผมไม่วางตา เธอใช้สายตากดดันให้ผมไปหาเธอ ถ้าถามว่าได้ผลไหม คำตอบคือไม่ สายตาของเธอทำอะไรผมไม่ได้ เหตุผมเหรอก ผมเคยเจอมาแรงกว่านี้ไง คุณพ่อของผมนะเด็ดขาดกว่านี้เยอะ ไม่ต้องพูดถึงคุณปู่หรือคุณย่า พูดเลยยัยนี่เด็กอนุบาลชัดๆ แต่ก็ต้องไปนั่งเกิดยัยนี่ไปฟ้องอะไรโคคุโอะผมก็ซวย ผมไม่กลัวโคคุโอะก็จริง แต่ไม่นับการกระทำของเขา อันนั้นผมกลัวโคคุโอะรุนแรงทั้งลีลาบนเตียง ทั้งอารมณ์ ถึงจะเห็นผมไม่เก็บอะไรมาคิด หรือดูเฉยๆกับการถูกขืนใจ แต่ผมไม่ใช่กระสอบทรายให้โคคุโอะมาซ้อมผม เอะอะตบเอะอะลากขึ้นเตียง เร็วๆนี้ผมอาจจะตายเพราะช้ำในตายก็เป็นได้ เพราะงั้นอะไรที่ทำให้ผมไม่ต้องเจ็บตัวทำได้ก็ทำไป สองวันนี้ที่อยู่ที่นี่ทำให้ผมรู้การขัดใจโคคุโอะ จะทำให้ผมเจ็บตัว
“เฮ้อ”ผมถอนหายใจออกมา หนีไม่พ้น..หนีไม่พ้นจากผู้หญิงคนนี้จริงๆ ก็ได้แค่คิด ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาตรงข้ามกับผู้หญิงคนนั้น
“ฉันไม่สนว่าเธอชื่ออะไรหรือเป็นใคร และเธอก็ไม่ต้องมาสนว่าฉันเป็นใครหรือจะอยากมารู้จักฉัน สิ่งที่ฉันจะถามคือเธอเป็นอะไรกับโคคุ” เสียงที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสดังออกจากปากสีสด
ผมมองผู้หญิงตรงหน้าอย่างสำรวจ ตอนนี้เธอใส่ชุดแบรนด์เนม ทั้งตัวไหนจะเครื่องประดับไม่วาจะเป็นแหวน นาฬิกา สร้อยคอ สร้อยข้อมืออย่างเต็มยศ เอาจริงๆผมก็ไม่รู้ว่าเขาใส่แบรนด์เนมไหมก็คิดว่าน่าจะใช่ คนมีชอบอวดนะไม่เคยพลาดที่จะโชว์ว่าตัวเองมีหรอกและแบรนด์ที่ผมรู้จักก็มีไม่กี่แบรนด์คือคือแบรนด์เนมของป้าซากุระเพื่อนสนิทแม่กับแบรนด์ของคุณลุงยุนเท่านั้นเอง แต่เท่าที่รู้มาก็เป็นคนบ้าแบรนด์เนมนั้นละครับ ผมคงเงียบนานไปมั้งไปถึงโดนผู้หญิงคนนั้นเอาอะไรสักอย่างปาใส่ผม แล้วมันก็เจ็บถึงมันจะโดนแค่ไหล่
“โอ๊ย” ผมจ้องมองคนที่เอาอะไรสักอย่างปาผม
“ฉันไม่สนว่าเธอชื่ออะไรหรือเป็นใคร และเธอก็ไม่ต้องมาสนว่าฉันเป็นใครหรือจะอยากมารู้จักฉัน สิ่งที่ฉันจะถามคือเธอเป็นอะไรกับโคคุ” ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยถามผมอีกครั้ง คงคิดว่าผมไม่ได้ยินมั้ง
“เฮ้อ...คุณไปถามคุณโคคุเถอะครับ ผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าเป็นอะไร เขาสั่งผมก็ต้องทำ” ไม่ได้กวนทีนเลย หรือยียวนเลย เพราะผมก็ไม่รู้ว่าสถานะของผมคืออะไร เขาเป็นคนแรกที่ผมมีสัมพันธ์ทางกายด้วย แต่เรื่องของสัมพันธ์ทางใจผมไม่ได้มีกับเขา เพื่อนเหรอ..ก็ไม่คิดว่าจะใช่นะ โคคุโอะมันไม่ได้คิดว่าผมเป็นเพื่อนแน่นอน แล้วผมก็ไม่คิดว่ามันเป็นเพื่อนผมด้วย และที่สำคัญเอาจริงๆผมก็ไม่อยากมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
สายตาของผู้หญิงที่มองผมยามได้ยินคำตอบเต็มไปด้วยโทสะ ตาโตจ้องมองผมเขม็ง คำตอบผมมันก็คงดูกวนเกินไปมั้ง
“อย่ามากวนฉัน”
“ก็ไม่ได้กวนแต่ไม่รู้จริงๆ ผมต้องทำทุกอย่างที่เขาต้องการ ไม่มีสิทธิ์ที่อะไรทั้งนั้น ” ผมก็ไม่รู้ว่าเขาให้ผมอยู่ในฐานะอะไร เกิดพูดผิดไปผมอาจจะโดนทำร้ายอีก
ผมจับจ้องผู้หญิงตรงหน้า ไม่วางตา ผมไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรจะหึงหวงโคคุหรือจะแสดงตัวว่าตัวเองเป็นอะไรกับโคคุ ทันที่ที่ผมพูดจบตาโตๆของผู้หญิงคนนั้นก็ฉายแววที่บ่งบอกว่ากำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่แน่
“แกเป็นเด็กซีบิลหรือเปล่า” อยู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็เอ่ยถามเรื่องนี้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย พร้อมกับหยิบกระเป๋าใบหรูขนาดเหมาะมือมาวางบนตักตัวเอง
“ใช่ครับผมเป็นเด็กซีบิล คุณทราบไดยังไงครับ” จาจาเอ่ยถามออกมา
“ฉันเห็นเสื้อผ้าของเด็กซีบิลในห้องนอนโคคุ “...ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยออกมาทั้งที่ไม่มองผม เธอกำลังค้นหาอะไรบางอย่างจากกระเป๋าสีหวาน ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าขึ้นเมื่อหาอะไรสักอย่างเจอ แล้วส่งมือถือที่มีรูปคนคนนึ่งให้ผมดู คนในรูปก็เป็นอีกคนที่ผมคุ้นหน้า คุ้นตาดี
“มีอะไรหรือครับ” ผมส่งมือถือคืนให้คนตรงหน้า
“รู้จักหรือเปล่า” หญิงตรงหน้าพูดกับผม หลังรับมือถือไป
“จะมีใครบ้างไม่รู้จัก เด็กของตระกูลมินาโมโตะ” ทันที่ที่ได้ยินผมพูดออกไปคนตรงหน้าก็ฉีกยิ้ม แต่เป็นยิ้มที่ดูชั่วร้าย ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดต่อไป
“จากที่เห็นเมื่อวาน แกคงจะเป็นเด็กที่โคคุหิ้วมานอนสินะ เป็นถึงเด็กของซีบิลแต่ทำไมถึงมานอนกับโคคุได้ ท่าทางเธอก็ไม่ได้ดูรักใคร่หรือชอบพอกับโคคุเลย หรือว่าหิวเงินหรือไง” ผู้หญิงตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกชัดเจนว่าดูถูกผมอยู่
“หากคุณเห็นชุดนักเรียนของผมก็น่าจะรู้นะว่าผมนะเป็นนักเรียนทุนของซีบิล” ใช่ผมเป็นนักเรียนทุนของซีบิล และนักเรียนทุนของซีบิล ไม่ว่าจะภาคเรียนปกติแบบผม ภาคพิเศษ ภาคดนตรี ภาคการแสดง หรือภาคอื่นๆ นักเรียนทุนจะมีชุดที่ต่างออกไปสิ่งที่ต่างออกไปก็มีเพียงแค่สีของชุด ต่างเพื่อให้แยกกันออก
“ผมเป็นนักเรียนทุน นั้นแปลว่าผมไม่มีเงิน การที่จะหาเงินก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่างที่คุณรู้ปัจจัยทั้ง4ในการดำรงชีวิตคือการกิน การอยู่ เครื่องนุ่มห่มและยารักษาโรค และของที่สามารถจะทำให้ผมมีสิ่งเหล่านั้นได้คือเงิน เพราะงั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเงิน ถ้าคุณมีเงินมาต่อรองกับผม ผมก็พร้อมทำเรื่องที่คุณต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไร แต่ในเมื่อผมกระทำลงไปผมจะรับผิดชอบเอง ไม่เกี่ยวกับผู้ว่าจ้างอย่างใคร เหมือนกับผมยอมขายตัวให้โคคุโอะ หากโรงเรียนทราบผมก็พร้อมออกจากโรงเรียนด้วยตัวเอง” ผมไหลตามน้ำ หากว่าเขาคิดว่าผมเป็นเด็กหิวเงิน และขายตัวให้โคคุโอะผมก็จะเป็น ผมอยากรู้นักว่าเขาจะทำอะไร
“แกกับมันผมสนิทกันแค่ไหน” ผู้หญิงเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานมากขึ้น
“จะเรียกว่าสนิทได้ไหมผมไม่ทราบแต่พี่ชายของผมกับพี่ชายของมันต่อยกันบ่อย ก็เลยคุ้นหน้าคุ้นตากันดี ” ผมคิดว่าผู้หญิงคนนี้ที่ให้ผมดูรูปไม่น่าจะคิดจะทำอะไรดีดีกับคนในรูปสักเท่าไร่ ผมเลยเสริมต่ออีกด้วยการทำเป็นวิเคราะห์คนในรูปกับพี่ชายของเป้าหมาย ไหลตาน้ำไม่เรื่องยาก
“ตัวน้องชายเข้าถึงยากหากคิดจะทำอะไร ทั้งผู้หญิงผู้ชายล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ตัวพี่ชายนะง่ายยิ่งกว่าปลอกกล้วยแค่ยั่วโมโหหน่อยก็ล่อออกมาได้แล้ว ว่าแต่ที่ถามผมคุณคิดจะทำอะไร” ผมพูดแล้วมองหน้าคนที่กำลังคิดตามที่ผมพูด
“ถ้าฉันจะจ้างให้เธอไปทำอะไรกับเด็กสองคนนั้นเธอจะคิดเท่าไร่” ผู้หญิงคนนั้นกระโดดงับเหยื่อของผมอย่างไม่เฉลียวใจ
“ผมคิดแพง เพราะหากว่าพลาดขึ้นมา ผมต้องรับผิดชอบตัวเอง “ ผมต้องหน้าเงิน ผมท่องไว้ในใจ หากว่ารับงานนี้โดยง่ายผู้หญิงคนนี้อาจจะระแวงได้ ต้องค่อยๆล่อลวงที่ละนิด ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนกำลังครุ่นคิด ผมเลยพูดต่อไป
“เอางี้เพราะคุณเป็นคนสำคัญของนายท่านโคคุโอะ ผมจะเสนอแบบนี้ คนเดียวผมคิด 20ล้าน สองคนผมคิด 35 ล้าน ผมลดให้สำหรับคุณ จริงๆถ้าทำสองคนผมคิดเยอะนะ แต่เห็นว่าเรามีศัตรูคนเดียวกัน”
“ดูท่าแกอยากจะทำงานนี้เหลือเกินนะ” หญิงตรงหน้าดูจะถูกใจที่ผมพูด
“ก็นะ...พี่ผมเกลียดพี่เป้าหมาย ตัวผมเองก็กระหายเงิน แถมทำงานนี้ผมก็จะได้ทั้งเงินทั้งแก้เผ็ด พวกมันเดินชูคอเป็นเจ้าชายในซีบิลมันน่าทำลายทิ้งจะตาย” โชคดี...โชคดีจริงๆที่ป้าซากุระเคยสอนหลักการแสดงให้ผม ผมพูดไปก็แทบอยากลอบปาดเหงื่อตัวเอง การแสดงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ทั้งจะต้องสื่อออกทางสายตา ทั้งต้องสื่อถึงอารมณ์
“ถ้าฉันอยากให้แกทำลายมันสองคนจะว่ายังไง” ผู้หญิงคนนี้เริ่มเสนอขึ้นมา
“อืม...พอคุณบอกไห้ผมทำลาย ผมก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ การข่มขืนเป็นไง ได้ทั้งทำลายจิตใจและทำให้เจ็บตัวอยู่และถ้าถ่ายคลิปข่มขู่ขึ้นมาก็ยังเอาไว้ใช้เล่นงานได้ต่อ แน่นอนว่าถ้าจะเอาคลิปผมก็ต้องคิดคุณเพิ่ม แต่ถึงไม่มีคลิปผมก็คิดว่าสองคนนั้นคงไม่กล้าพูดว่าโดนข่มขืนมาหรอก และต่อให้รอดไปได้ถึงผมโดนจับผมก็แค่บอกว่าผมแอบชอบเขาก็จบ ไม่มีใครสาวถึงคุณได้“ ผมยิ้มมุมปากทำให้ดูเป็นยิ้มที่ชั่วร้ายเบาๆ
“แต่ฉันว่าไม่สำเร็จ หุนแบบเธอไม่น่าจะกดคนเป็นพี่ชายได้” ผู้หญิงพูดเสียงเข้มพร้อมใช้สายตาสำรวจโครงร่างของผม
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะกดคนพี่ แต่ผมจะกดคนน้อง คนพี่ก็ให้พี่ชายผมทำ..^^มันไม่ใช่เรื่องยากอะไร เงินถึงนอกจากฆ่าคนผมก็ทำได้หมด”จาจาพูดจบก็ยักไหล่แบบเป็นเรื่องชิลๆ
“ฉันมีข้อแม้อีกข้อ ฉันไม่ต้องการให้โคคุรู้เรื่องนี้” หญิงตรงหน้าเอ่ยออกมา
“เขาจะไม่ทราบแน่นอน สรุปว่าคุณตกลงที่จะจ้างผมหรือเปล่า” ผมถามย้ำ
“ฉันตกลงที่จะทำงานกับเธอ เพียงแต่ฉันยังคิดแผนไม่ออก”หญิงตรงหน้าเอ่ยออกมา
“เรื่องแผนผมมีอยู่แล้วไม่ต้องห่วง แต่ผมไม่เชื่อใจคุณผมกลัวคุณจะแค่มาหลอกผม ผมต้องการเงินมัดจำ คุณต้องเอาเงินมามัดจำผมก่อน หรือไม่ก็ต้องเอาอะไรมาเป็นหลักประกันว่าคุณจะไม่เบี้ยวและต้องเป็นตอนนี้ด้วย เงินสำคัญกว่าคุณ กว่าเด็กคู่นั้น“ พอพูดเรื่องเงินผมเน้นเสียงให้ดูว่าเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นเรื่องใหญ่
ผู้หญิงคนนั้นทำหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะถอดสร้อยเพชรบลูไดมอนด์ ดีไซน์ร่วมสมัยออกจากคอ ก่อนส่งให้ผม
“นี่คือสิ่งหลักประกันว่าฉันจะนำเงินมาให้เธอแน่นอน สร้อยเส้นนี้สามีฉันซื้อมาให้ ราคามันอยู่ที่สิบล้าน เสร็จงานฉันจะเอาเงินมาให้เธอทั้งหมด แล้วเธอก็คืนสร้อยให้ฉันโอเคไหม” ผมหยิบสร้อยขึ้นดูแล้วยิ้มออกมา ผมเคยเห็นมันนะ และเคยหยิบมาดูด้วยซ้ำไป ผมไม่ได้ยิ้มเพราะมูลค่าของผมมัน แต่ยิ้มด้วยสองสาเหตุหนึ่งเพราะสร้อยเส้นนี้มันมีราคาก็จริงเพียงแต่ว่า ค่าจริงๆของมันคือของแถม สามีเธอเอาของแถมให้เธอใส่^^ และก็เพราะเจ้าของสร้อยที่สามีเธอซื้อของให้จนได้สร้อยตัวนี้เป็นของแถม เธอไม่ชอบสร้อยเส้นนี้ สามีเธอถึงนำมาให้เธอ และสองเรื่องนี้มันมีผลประโยชน์กับครอบครัวผมเต็มๆ
“ได้ได้..มีหลักประกันแบบนี้ยิ่งดี แล้วคุณจะเริ่มวันไหน ยิ่งเร็วยิ่งดีผมต้องการเงิน”ผมถามเธอในขณะที่ผมเก็บสร้อยลงกระเป๋ากางเกง
“เอาเบอร์เธอมา..ฉันจะได้ติดต่อเธอไปอีกที” ผมยืนนามบัตรให้เธอ และแน่นนอนว่ามันคือนามบัตรของไซโซ เด็กซีบิลทุกคนมักมีนามบัตรเพื่อการขายความสามารถตัวเองเพื่อความก้าวหน้าในการทำงาน หญิงคนนั้นไม่เพียงแค่จับบัตรยังจับมือของผม แถมยังส่งสายตาวิบวับออกมา
“ว่าแต่ว่า..เธอกับโคคุมีอะไรกันนานหรือยัง หรือเพิ่งโดนซื้อมา”อยู่ๆผู้หญิงคนคนนั้นก็ถามขึ้นมา
“ไปถามเขาสิครับ เขาว่ายังไงก็อย่างนั้นล่ะครับ”เกิดพูดอะไรไม่ถูกไป คนซวยมันก็ผม สงบปากเรื่องของผมกับโคคุไว้ย่อมดีที่สุด
“ถ้าคุณอยากรู้อะไร ผมแนะนำว่าคุณควรไปถามเขาครับ ผมไม่มีหน้าที่ตอบ”จาจาเอ่ยย้ำอีกที่
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ