koku-soja
8.0
เขียนโดย TsuKiTsuKi
วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 12.23 น.
14 ตอน
0 วิจารณ์
14.66K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มีนาคม พ.ศ. 2561 12.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) ภายในบ้าน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเน็ตไม่อำนวย ลงแล้วมันหายหมดดดด ลงใหม่T^T
ตอนที่ 7 ภายในบ้าน
“พรุ่งนี้มึงหยุด วันนี้มึงก็ค้างกับกูที่นี่” ทันที่โคคุโอะพูดออกมาจาจาก็เงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย
“ไม่ได้ครับ..ที่บ้านนัดไว้แล้ว” ผมปฏิเสธโคคุโอะโดยอ้างที่บ้าน
“นัดทำไร ไอ้โทชิมันไปด้วยรึเปล่า”
“ก็คงมา วันหยุดพี่โทชิก็คลุกอยู่ที่บ้านผมอยู่แล้ว” ผมพูดตามความจริง..ยังไงพี่เขยก็ตัวติดกับพี่ผมอยู่แล้ว
“งั้นมึงก็ต้องมาหากู” โคคุโอะพูดเสียงแข็ง
“ก็บอกแล้วไงว่า”ผมเองก็พยามจะบอก
“มึงต้องค้างกับกูที่นี่”โคคุเองก็ไม่ยอม
“แต่ผมไม่มีอะไรเลยเสื้อผ้าผมละ แล้ว..แล้วยัง...ผมยังไม่ได้บอกอะไรคุณแม่ของผมเลย เดี๋ยวท่านจะเป็นห่วง “ผมเว้าวอนคนข้างกาย
“เรื่องของมึง แค่กูไม่ไปยุ่งกับครอบครัวมึง มึงก็น่าจะพอใจแล้ว อีกอย่างมึงกล้าที่จะเอาหน้าบวมๆช้ำๆแบบนี้ไปให้แม่มึงดูหรือไง ส่วนเรื่องเสื้อผ้าเดี๋ยวกูจัดการเอง” โคคุโอะพูดแล้วเชยคางโซจา
ผมถูกบังคับให้มองตาคมนั้นโดยการเชยคางผม ผมอ่านสายตาของเขาไม่ออกผมไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร แต่ที่แน่ใจสุดๆคือเขาโคตรเอาแต่ใจ ยังไม่ท่านจะได้ตอบโต้อะไรออกไป ใบหน้าหล่อคมก็ขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของเราแตะกัน เขาค่อยบทจูบริมฝีปากช้าๆมันนุ่มนวลแต่ว่าก็ยังคงแฝงความรุนแรงอยู่ดี ชั้นเชิงการจูบที่เยี่ยมยอดทำให้ผมเผลอที่จะเผยอปากตอบรับปลายลิ้นหวานชุ่มให้เข้ามาริมรสหวานภายใน มือหยาบลูบไล้ไปทั่วร่างของผมยังรู้จุดปลุกเร้าอารมณ์ผมให้พุ่งสูง เพียงแค่สองวันที่มีอะไรกันเขากับรู้จักตัวผมดีกว่าผมเสียอีก เขารู้ดีว่าจะทำยังไงกับผม ถึงจะทำให้ผมคล้อยตามเขา เพียงไม่นานเสื้อผ้าของผมก็ถูกถอดออกจนหมด มือสั่นเทาของผมช่วยร่างสูงถอดสูทที่เขาใส่อยู่ แต่ร่างสูงกับจับมือของผมไว้ ผมมองการกระทำนั้นด้วยสายตาฉ่ำด้วยตอนนี้อารมณ์ราคะของผมเองก็ปะทุขึ้นมา
“สูท...ไม่เอา..” สูทเขาชั้นดีก็ใช้เนื้อผ้าก็นุ่ม...แต่ว่าผมไม่ชอบตอนมีอะไรกันเมื่อเช้าเขาก็ใส่สูทมันไม่โอกับตัวผม ตัวเขาเองก็คงรำคาญผมก็เลยถอดสูททิ้งก่อนเริ่มกิจกรรมขยับเข้าจังหวะอีกครั้ง
ผมตื่นขึ้นมาหลังเพราะได้ยินเสียงคนคุยมือถืออยู่ข้างๆ ผมยังคงไม่ได้ลืมตา แต่คงข้างผมคุยเรื่องธุรกิจอะไรสักอย่างผมไม่ได้สนใจ แต่ผมรับรู้ได้ถึงมือใหญ่ที่ยังคงลูบหลังเนียนของผมใต้ผ้าห่มไปมาขณะที่คุยมือถืออยู่ ที่สำคัญตอนนี้ผมก็ยังล้อนจ้อนอยู่แต่ยังดีว่ามีผ้าห่มผืนหนาห่มให้ความอบอุ่น
ผมตื่นขึ้นมาหลังเพราะได้ยินเสียงคนคุยมือถืออยู่ข้างๆ ผมยังคงไม่ได้ลืมตา แต่คงข้างผมคุยเรื่องธุรกิจอะไรสักอย่างผมไม่ได้สนใจ แต่ผมรับรู้ได้ถึงมือใหญ่ที่ยังคงลูบหลังเนียนของผมใต้ผ้าห่มไปมาขณะที่คุยมือถืออยู่ ที่สำคัญตอนนี้ผมก็ยังล้อนจ้อนอยู่แต่ยังดีว่ามีผ้าห่มผืนหนาห่มให้ความอบอุ่น
“วันนี้ไม่ทำได้ไหม คุณทำผมช้ำไปทั้งตัวแล้วนะ แล้วข้างในข้างใน...มันก็ยังเจ็บอยู่เลย ทำแค่ภายนอกนะครับ” ผมเอ่ยออกอย่ากลัวๆว่าจะโดนเข้าทำอะไร ทันที่ที่ผมพูดจบเขาก็ขยับไปหยิบกระปุกยาสีเงินอันเล็กๆที่ฝามีอัญมณีติดอยู่ด้วย แต่เห็นไม่ชัด เขาเอามันมาหาที่ช่องทางของผมมันรู้สึกดีมากๆ เพียงแค่ทาครั้งแรกพอทางจนชุ่ม..เขาก็เริ่มการสอดใส่เบิกทาง เป็นอันว่าผมโดนกินตามระเบียบ
ผมมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยรู้ตัวอีกที่ก็รับรู้ได้ว่าคนข้างกายลุกจากเตียง ผมเปิดตามองก็เห็นว่าโคคุโอะกำลังหยิบสูทสวมอีกครั้ง หรือว่าจะไปข้างนอก..ผมที่คิดได้แบบนั้นเลยส่งเสียงออกไป
“ผมหิว” เสียงของผมทำไม่เป็นแบบนี้..มันทั้งแหบทั้งแห้ง
“หึ...ร้องคราญจนเสียงแหบแห้งเลยนะมึง สภาพแบบนี้ยังจะกล้าปากดีว่ากูไม่ใช่ผัวมึงอีกไหม” เก็บทุกเม็ดจริงๆตาคนนี้ ผมเผลอยู่ปากออกมา
“กูจะไปข้างนอก เดี๋ยวซื้อเข้ามาให้ เสื้อผ้ามึงอยู่ในตู้กูให้คนหามาให้แล้วใส่ๆไปก่อน ของในตู้เย็นด้านนอกหากมึงลุกไหวก็ไปหยิบมากินรองท้องได้ เบื่อก็ไปเล่นเกมหรือดูโทรทัศน์ห้องรับแขก” โคคุโอะสั่งเด็กน้อยเสร็จก็เดินออกจากห้องไป
ผมทิ้งเวลาไว้สิบนาทีหลังจากที่โคคุโอะจากไป ถึงหยิบมือถือมาประชุมสายหา พ่อ ปู่ ย่า พี่เขย มือถือสมัยนี้ไอเทคขึ้นมาโทรกันแบบเห็นหน้าเห็นตาราวกับอยู่ด้วยกันตรงหน้าเลย แต่จะตั้งให้คุยแบบธรรมดาเหมือนโทรศัพท์ยุคสมัยพระเจ้าเหาก็ได้โทรศัพท์แบบไม่เห็นหน้า
ผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ปู่ย่าพ่อพี่เขยฟังเกือบทั้งหมด ไอ้เรื่องบนเตียงข้ามได้อย่างไปลงรายละเอียดมาก ทันที่ที่ผมเข้าเรื่องจบผมก็เห็นสีหน้าของพี่เขยที่แสดงออกว่าแปลกใจ
“(จาจา..จำได้ไหมว่าแม่อ้อน เอาใจ หรือพูดกับพ่อยังไงเวลาพ่อโกธร)” พ่อผมเอ่ยถามขึ้นมา
“ฮะ..จำได้ฮะ” ผมนึกถึงท่าทาง การพูด การจาของแม่หรือเวลาเอาอกเอาใจ
“(จำเอาไปใช้..เวลาเขาจะทำร้ายหรือทำอะไรรุนแรงพ่อว่าก็น่าจะได้ผล หรือคุณโทชิว่าไง)”พ่อเอ่ยกับผมก่อนสำทับถามพี่เขย
“(อืม..ตามพ่อเราพูดนั้นละ...เพราะดูเหมือนไอ้โคคุโอน่าจะพอใจเราอยู่พอสมควรถึงไม่ตัดเราทิ้งไปทั้งที่เข้าใจว่าเรากับพี่มีอะไรกัน)”โทชิเอ่ยออกมา
“(พ่อบอกกับทุกคนว่าเราต้องแอดมิดนะ เพราะต้องตรวจสอบเรื่องเวทที่หายไป)”พ่อเอ่ยออกมาก่อนที่ผมจะถามเสียอีกรู้ใจผมดีจัง
“(วางสายได้แล้ว วางแล้วก็ลบประวัติการโทรด้วย โคคุโอะมันขี้ระแวง)”คุณปู่เอ่ยขึ้นมา
“แต่ผมยังอยากคุยด้วย” ผมยังอยากคุยกับพ่อ
“แต่ผมยังอยากคุยด้วย” ผมยังอยากคุยกับพ่อ
“(วางได้แล้ว โคคุโอะมันจะกลับมาตอนไหนก็ไม่รู้)”คุณปู่ตัดบทผมเลยต้องฝืนใจลา
“ฮะ..ฝันดีนะฮะ” ผมเอ่ยลาด้วยเสียงเศร้าๆ ผมวางสายแล้วก็เลิกผ้าห่มออกก่อนลุกจากเตียงช่องทางข้างหลังผมดีขึ้นมาก ขอย้ำว่ามากมันไม่เจ็บเวลาเดินแล้วแต่ยังขัดๆ เนื้อตัวก็ปวดเมื่อยขาผมยังคงสั่นอยู่เวลาลุกขึ้นยืนมันเป็นหลักฐานว่าผมผ่านการร่วมรักอย่างหนักหน่วง(ถึงผมและเขาจะไม่ได้รักกันแต่ก็คงเรียกร่วมรักคงจะได้มั้งก็มีอะไรกันนี่น่า)อาจจะเป็นเพราะตัวยาที่เขาทาให้หลังจากเข้าไปอาบน้ำด้วยกันในห้องน้ำ และแน่นอนว่าผมรอดจากการโดยกินในห้องน้ำ เพราะผมร้องขอว่าผมไม่ไหวแล้วอีกอย่างที่เขายอมเพราะผมบอกว่าผมค้างกับเขาวันนี้จะรีบกินรีบเบื่อผมไปไหน เขาเลยไม่กินต่อ อย่างได้คิดว่าเขาจะห่วงอะไรผม เขาคงไม่ใช่พวกรักหยกถนอมบุปผาหรอก เอ่อ..ถึงผมจะไม่ใช่บุปผาก็เถอะ อาบน้ำเสร็จเขาก็อุ้มผมมานอนเพราะเขารำคาญที่ผมเดินช้าไม่ทันใจเขา พอถึงเตียงเขาก็ทายาให้ทั้งภายในช่องทางให้ผม ผมไม่กล้ามองตอนเขาทาให้หรอก ถึงจะทำอะไรไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วก็เถอะ แต่มันก็ไม่ชินมันอดจะรู้สึกไม่ได้หรอก
ผมเอื้อมมือมาเปิดตู้เสื้อผ้าไม้บานใหญ่แสนหรูหราแต่มันไม่ขยับเลยไม่ว่าจะลองดึง เปิด ผลัก ก็ลองมันทุกทางแล้วแต่ไม่แม้แต่ขยับ สงสัยทำอะไรเอาไว้ละมั้ง แล้วจะเอาไงละที่นี้ จะเป็นชีเปลือยลอยไปลอยมาแบบนี้ก็ไม่ดีแน่ยิ่งไม่มีเวทย์มนตร์ยิ่งไม่อยากทำ ผมมองไปรอบๆห้องก็พบเสื้อเชิ้ตสีขาววางพาดอยู่บนเก้าอี้หน้าตู้กระจก ผมเลยหยิบมันมาใส่ มันตัวใหญ่โคตรดูจากไซส์หน้าจะเป็นของเจ้าของห้องนั้นละ ผมเหมือนเด็กอนุบาลเอาเสื้อเด็กเสื้อเด็กม.ปลายมาใส่เลย ชายเสื้อก็ยาวเลยหัวเข่ามาอีก ซึงมันก็ดีถึงจะรู้สึกว่ามันโล่งๆก็เถอะ คิดซะว่าใส่กระโปรงแล้วกัน แขนเสื้อไม่ต้องพูดถึงผมต้องพับหลายทบกันเลยที่เดียว โคคุโอะเนี่ยตัวใหญ่กว่าผมเยอะเลย เอาเถอะสักวันผมก็คงใหญ่ได้ขนาดนั้นเหมือนกันละ ก็ต้องนี้ผมยังโตได้ไม่เต็มที่นี่น่า
ผมออกจากห้องโคคุมาก็ต้องประสบกับปัญหาที่ว่า ผมไม่รู้ว่าห้องครัวอยู่ไหน ผมได้แต่เดินตามหาจนในที่สุดก็พบว่าห้องควรคือห้องที่เชื่อมติดก็ห้องรับแขกบริเวณโถงทางเข้า โดยระหว่างห้องรับแขกกับห้องครัวจะมีประตูกระใส่กันเอาไว้แต่จากห้องรับแขกก็เห็นภายในห้องครัวทั้งหมด ผมเดินสำรวจห้องครัวที่ไม่คุ้นเคย ดูว่าอะไรอยู่ตรงไหนภายในตู้เย็นก็มีของสดอยู่แต่ก็ไม่ได้เยอะเท่าไร่เหมือนซื้อๆมาใส่ไว้ แต่ของในตู้เย็นโดยมากก็จะเป็นเบียร์เป็นเหล้าเสียมากว่า ส่วนฝีมือการทำอาหารของผมก็อยู่ในระดับทำได้ เป็นลูกมือแม่อยู่บ่อยๆที่บ้านชอบแย่งกันเข้าไปช่วยแม่ก็เลยทำเป็นกันทุกคนนั้นละ
“ทำอะไรกินดีหว่า”ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ผลางมองเนื้อผักต่างๆในตู้เย็น
“หรือจะเอาสลัดผักดีได้ไม่ต้องใช้ไฟ ...อืม...หม้อไฟเหรอ..แต่คนเดียวกินไม่อร่อยหรอก เอาง่ายแล้วกัน สเต็กเนื้อกับสลัดผักแล้วก็ซุบน้ำใสก็แล้วกันอ่า...ทำไอศครีมไว้กินพรุ่งนี้ด้วยดีกว่า ” ของหวานมันดีต่อใจเสมอ^^
“มีช็อกโกแลตด้วยทำช็อกโกแลตปั่นกินดีไหมนะ” จะว่าผมชิลไปไหมที่มาอยู่บ้านคนที่ทำร้ายผม แล้วทำกับเป็นบ้านของตัวเอง ก็ไม่เรื่องที่ไม่สบายใจก็ยังอยู่เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่เกิดอะไรขึ้นแถมโคคุก็...ดูจะรักษาสัญญาดีถึงแม้ผมจะไม่เชื่อ100%ก็ตาม ยังไงก็คงต้องตามน้ำไปก่อนดั่งคำที่บอกว่า เก็บมิตรไว้ใกล้ตัวแต่เก็บศัตรูให้ใกล้ตัวกว่า
แน่นอนสำหรับกับข้าวมื้อนี้ผมทำกินคนเดียว ถึงจะเป็นของของเขา แต่ว่าผมไม่พิศวาสที่จะทำอะไรให้เขากินหรอก ถ้าไม่บังคับผมก็ไม่คิดทำให้ หรืออีกคำพูดก็คือ ถ้าไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่คิดทำ เพราะถึงยังไงเขาก็คือคนที่คิดจะทำร้ายคนในครอบครัว
แน่นอนสำหรับกับข้าวมื้อนี้ผมทำกินคนเดียว ถึงจะเป็นของของเขา แต่ว่าผมไม่พิศวาสที่จะทำอะไรให้เขากินหรอก ถ้าไม่บังคับผมก็ไม่คิดทำให้ หรืออีกคำพูดก็คือ ถ้าไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่คิดทำ เพราะถึงยังไงเขาก็คือคนที่คิดจะทำร้ายคนในครอบครัว
ผมทานเสร็จก็ทำความสะอาด เก็บของเข้าที่ทางให้เรียบร้อยไม่อยากถูกบ่นหรือทำร้ายอะไรอีก ยิ่งไม่พอใจอะไรก็ชอบทำร้ายกันอยู่เรื่อย
ผมทำทุกอย่างเสร็จก็เดินมานั่งในห้องนั่งเล่น ของในห้องนั่งเล่นนี่ก็ดี..มีของทุกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโซฟาตัวใหญ่แสนนุ่ม นั่งที่แทบจะหลับเพราะความสบายของมัน...ทีวีที่ขนาดเมื่อเทียบกับห้องก็ถือว่าไม่ใหญ่หรือเล็กไป ถ้าถามผมผมก็ว่ามันดีนะ จอใหญ่ไปก็ยิ่งทำให้ต้องใช้สายตามากขึ้น ปวดตามากขึ้น ผมไม่ชอบเท่าไร่ ถ้าเล็กไปก็..ไม่ใช่ว่าดี เครื่องเกมในสมัยนี้ก็มีครบครันแถมดูจะเป็นของใหม่เสียด้วย เดี๋ยวนี้เครื่องเล่นจำพวกDVD VCD กลายเป็นเครื่องเล่นตกยุคไม่เสียแล้ว ในยุคนี้เขานิยมเครื่องฉายหนังกัน ด้วยขนาดเครื่องที่ไม่ใหญ่ ขนาดของเครื่องก็แค่ใหญ่กว่าแผ่นDVDในยุคเก่าเท่านั้นเอง แต่สามารถฉายหนังได้เหมือนอยู่ในโรงหนัง ระบบเสียงสมจริง ระบบภาพสามมิติ โดยไม่ต้องสวมแว่นตาสามมิติใดๆ ผมที่ไม่ชอบไปเที่ยวพวกห้างเพราะความแอดอัดเครื่องฉายหนังเลยเป็นไอเทมสุดโปรดของผมเวลาอยู่บ้าน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ