ปาฏิหาริย์รักข้ามพิภพ

-

เขียนโดย Richa

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 10.03 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  14.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 10.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ครูวายุ vs น้ามะปราง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

เวลาบ่ายโมงตรง ณ โรงเรียนประจำอำเภอที่ธารเข้าเรียนอยู่ น้ามะปรางในชุดสูทสีครีมที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดของหลานสาวกำลังนั่งอย่างกระวนกระวายใจอยู่ในห้องพักรับรองสำหรับผู้ปกครองนักเรียนเพียงลำพัง น้ามะปรางชำเลืองมองไปโดยรอบอย่างประหม่าระหว่างรอคอยพบกับครูประจำชั้นของธาร ภายในห้องรับรองของโรงเรียนมีขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก ตรงกลางสุดของห้องมีโต๊ะสี่เหลี่ยมยาวและรายล้อมไปด้วยเก้าอี้แบบมีพนักพิงเพียง 7-8 ตัวเท่านั้น 

น้ามะปรางเริ่มเบื่อหน่ายหรืออาจเพราะความร้อนรนกระวนกระวายใจ เธอเริ่มอยู่ไม่เป็นสุขจึงได้ชำเลืองมองออกไปทางหน้าต่างที่ทำด้วยกระจกใสบานใหญ่ จากมุมที่น้ามะปรางนั่งพอมองออกไปด้านนอกก็เห็นสนามฟุตบอลที่ถูกล้อมรอบด้วยลู่วิ่งและอัฒจันทร์สำหรับนั่งเชียร์กีฬา เธอเริ่มนึกย้อนไปถึงเรื่องราวสมัยวัยเยาว์ของตัวเอง 

ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นเด็กสาวหน้าตาธรรมดาคนหนึ่ง ถักเปียยาวสองข้าง รูปร่างอวบอัดเต็มสัดส่วน ใบหน้ากลมเหมือนลูกซาลาเปาไส้หมูสับไข่เค็ม เธออยู่ในชุดกีฬาสีของบรรดากองเชียร์และกำลังนั่งเชียร์ฟุตบอลอยู่บนอัฒจันทร์พร้อมกับบรรดาเพื่อน ๆ ในชั้นเรียนเดียวกัน นี่คืองานกีฬาสีประจำปีของโรงเรียน 

ในช่วงเวลานั้นในสนามฟุตบอลแห่งนี้กำลังมีการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมสีฟ้าและสีเหลือง สาวน้อยหน้าตาบ้าน ๆ คนนั้นอยู่ในเสื้อทีมสีเหลืองแต่เหมือนแววตาของเด็กสาวไม่ได้จ้องมองไปที่เหล่านักเตะทีมของตัวเองเลยแม้แต่น้อย เธอกลับส่งแรงใจไปเชียร์ทีมคู่แข่งอย่างลับๆ ทีมสีฟ้าคู่แข่งกำลังมีคะแนนนำ 3 -0 ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอย่างไรเสียทีมสีเหลืองก็ต้องแพ้ราบคาบ แพ้ทั้งคะแนนที่ได้มาจากการยิงประตูและแพ้คะแนนกองเชียร์เพราะทีมสีฟ้ามีนักเตะดาวรุ่ง หนุ่มน้อยผู้กุมหัวใจนักเรียนสาว ๆ ไว้ได้ทั้งโรงเรียน นักเตะหนุ่มคนนั้นคือวายุ ผู้ยังอยู่ในวัยเยาว์ 

ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้น น้ามะปรางตื่นจากภวังค์ความคิดด้วยอาการสะดุ้งเล็กน้อย เธอพยายามจะเรียกสติให้กลับคืนมาอีกครั้ง เธอนั่งอยู่ในท่าไขว่ห้างซึ่งเป็นท่าที่ทำให้เธอมั่นใจมากที่สุด ใบหน้านั้นเชิดขึ้นอย่างตั้งใจเพื่อจะให้ผู้ที่กำลังเข้ามาพบรับรู้ว่าเธอสวยขึ้นกว่าสมัยที่เป็นเด็กสาวตัวกลมคนนั้น 

ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มในชุดข้าราชการสีกากี รูปร่างสูงใหญ่ราว 180 เซนติเมตร ร่างกายกำยำอุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแม้จะอยู่ในชุดข้าราชการก็บ่งบอกได้ว่าเขาคืออดีตนักกีฬาผู้ผ่านสนามแข่งมาแล้วมากมาย เขามีผิวกายสีเข้มค่อนไปทางคล้ำ ใบหน้านั้นยังคงหล่อเหลาและคมเข้มแม้อายุจะล่วงเลยไปถึง 36 ปีแล้วก็ตาม คิ้วดกดำรกรุงรังอยู่บนใบหน้า จมูกโด่งเป็นสันปลายจมูกงองุ้มเหมือนหยดน้ำ นัยน์ตาแหลมคมของเขาช่างเหมือนเหยี่ยวและมีปากอวบอิ่มเป็นกระจับ เขาเดินเข้ามานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับน้ามะปราง พร้อมกับโยนแฟ้มเอกสารที่เคยถือติดมือมาลงบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ 

“คุณนฤมล ขอบคุณที่กรุณามาตรงเวลา” เสียงของชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างประชดประชัน 

“คุณวายุ” น้ามะปรางกระแทกเสียงขึ้นมาบ้างเพื่อให้ได้น้ำหนักของการประชดประชันเช่นกัน ใบหน้าหนุ่มนักเตะดาวรุ่งในอดีตได้เลือนรางหายไปจากภวังค์ความคิดของเธอภายในพริบตา มันถูกแทนที่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง ขึงขังและจริงจังของครูวายุ ครูประจำชั้นของธาร 

“ขอบคุณที่ไม่อนุญาตให้ฉันเลื่อนนัด ขอบคุณที่เข้าใจว่าตอนนี้ฉันกำลังมีปัญหา หลานสาวของฉันกำลังนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งคนแต่ก็ต้องมาพบคุณเพราะหลานชายอีกคนที่เป็นลูกศิษย์ของคุณ” ใบหน้าที่เคยอ่อนหวานของน้ามะปรางเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงและจ้องเขม็งไปยังใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของครูวายุอย่างไม่วางตา ในแววตาของน้ามะปรางไม่เหลือความปลื้มปีติในอดีตอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่เธอหลงเหลืออยู่คือความโกรธเกรี้ยว 

“เพราะเหตุนี้ไง ผมจึงไม่สามารถเลื่อนนัดคุณได้ คุณนฤมล!” ครูวายุยังคงเน้นเสียงอย่างหนักแน่น 

“คุณเป็นผู้ปกครองที่ไม่สามารถควบคุมเด็กในความปกครองของคุณได้” ครูวายุจ้องมองมาที่ใบหน้าแสนสวยของน้ามะปรางอย่างไม่พึงพอใจ สายตาของทั้งคู่จ้องประสานกันอย่างไม่ลงรอย 

“คุณเป็นคนที่จัดการอะไรก็ไม่ได้เรื่อง รีสอร์ทพี่สาวของคุณซึ่งมีลูกค้าเข้าพักไม่เคยขาด บางคนต้องจองกันข้ามปีข้ามชาติกว่าจะได้มาพัก ดู ซิ ตอนนี้ร้างยังกะป่าช้า” 

“แล้วยังคนงานที่เคยทำงานอย่าขะมักเขม้นและมีความสุข ตอนนี้ก็พากันลาออกหนีกลับบ้านหนีกลับประเทศกันหมด เพราะการบริหารที่ย่ำแย่ของคุณ หลานสองคนต้องทะเลาะกันอย่างดุเดือดนั่นก็เพราะคุณ” ครูวายุกล่าวตักเตือนน้ามะปรางชุดใหญ่ จนน้ามะปรางอ้าปากค้างอยากจะเถียงอะไรออกไป แต่ทุกอย่างที่ครูวายุพูดมาทั้งหมดมันคือความจริงที่เธอไม่อาจจะหาข้ออ้างได้ 

“คุณว่าอะไรนะ? คุณบอกว่าฉันเป็นผู้ปกครองที่ไม่สามารถควบคุมเด็กในความปกครองได้อย่างงั้นนะเหรอ” น้ามะปรางตอบกลับอย่างงุนงงและเสียความมั่นใจไปชั่วขณะ

“ใช่ คุณคือตัวอย่างของความล้มเหลวที่ผู้ปกครองทุกคนควรจะดูไว้เป็นตัวอย่างและหลีกเลี่ยงเสีย” ครูวายุตอกย้ำ

“คุณบอกว่า ฉันบริหารงานได้แย่ จนรีสอร์ทร้าง คนงานลาออก งั้นเหรอ?” น้ามะปรางเริ่มมีน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความโกรธ 

“หรือไม่จริง? ตอนนี้มีแขกเข้าพักกี่คน เท่าที่ผมนับได้คือศูนย์คน ตามหลักคณิตศาสตร์แล้วแบบนี้เค้าเรียกว่านับไม่ได้ต่างหาก” 

“รีสอร์ทที่เจ้าของตายพร้อมกันถึงสองคน ใครจะกล้าเข้ามาพัก ทุกคนก็กลัวผีกันทั้งนั้นล่ะ” น้ามะปรางหาข้ออ้างได้สำเร็จ เธอเริ่มรู้สึกโกรธจนตัวสั่นเทิ้ม มือทั้งสองข้างกำหมัดไว้แน่น ใบหน้าสีขาวเนียนสดใสกลายเป็นสีแดงเข้มและบึ้งตึงอย่างชัดเจน ในขณะที่ครูวายุยังคงนิ่งและเยือกเย็นอยู่เช่นเดิม 

“คุณกล้าดียังไง มาสรุปว่าคนอื่นสำเร็จและล้มเหลว คุณมันจะไปรู้อะไร คุณก็มองแค่ในมุมมองของคุณ คุณไม่รู้หรอกนะว่าที่บ้านของฉันมีปัญหาอะไร เยอะแยะแค่ไหน และฉันจัดการมันได้ยังไง” น้ามะปรางตวาดออกไป น้ำเสียงนั้นยังสั่นเครือด้วยความโกรธ 

“งั้นก็แสดงว่าคุณจัดการกับปัญหาไม่ได้” ครูวายุสรุป 

“ไม่ใช่! ฉันจัดการทุกอย่างได้ด้วยวิธีการของฉัน” น้ามะปรางยังคงยืนยันว่าเธอไม่ใช่บุคคลล้มเหลวในเรื่องการจัดการ 

“จัดการได้ทุกอย่างด้วยวิธีของคุณ? ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน? ผมเพิ่งเตือนให้คุณรู้ตัวว่า คุณคือตัวอย่างของความล้มเหลว หรือจะให้พูดแบบบ้าน ๆ คือ คุณมันไม่ได้เรื่อง” ครูวายุสรุปสั้น ๆ อย่างไม่สนใจใบหน้าที่บึ้งตึงของน้ามะปราง 

“เดี๋ยวนะ!! นี่คือคำพูดของข้าราชการครูที่ควรพูดกับผู้ปกครองนักเรียนเหรอ?” น้ามะปรางแย้งอย่างฉุนเฉียว เธอโกรธจนไม่รู้จะสรรหาคำพูดอะไรที่เจ็บปวดออกมาทิ่มแทงเขา 

“ผมก็แค่เตือนคุณ ในฐานะของคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน ด้วยความหวังดี” ครูวายุมีน้ำเสียงที่สงบลงแต่ก็ยังคงไว้ซึ่งความเยือกเย็นเหมือนเช่นเคย 

“ถ้าในฐานะของคนที่เคยรู้จักกันมาก่อน ด้วยความหวังดี? ถ้าเตือนกันแบบนี้ เก็บความหวังดีของคุณเอาไว้เถอะ ฉันขอเป็นคนที่คุณไม่เคยรู้จักยังดีเสียกว่า” น้ามะปรางตอบพลางเมินหน้าหนี ใบหน้านั้นร้อนผ่าวเหมือนโดนไฟร้อนแผดเผา 

“อย่างนั้นก็ได้ ผมเกือบลืมเด็กผู้หญิงตัวอ้วน หน้ากลมเป็นซาลาเปา ขาใหญ่ยาวเหมือนตอม่อสะพานไปแล้ว เพราะเด็กน้อยคนนั้นได้เติบโตขึ้นมาจนสวยผิดหูผิดตา” ครูวายุเอ่ยปากชมแต่มันไม่ได้ทำให้น้ามะปรางรู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่ตรงกันข้ามเหมือนกำลังโดนจิกกัดมากกว่า 

“สวยขึ้นมากขนาดนี้เพราะมีดหมอแท้ ๆ คงหมดไปเฉียดล้านหรือไม่ก็ทะลุล้านไปแล้วมั้ง” คำพูดทิ้งท้ายของครูวายุพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้า ทำเอาน้ามะปรางถึงกับสะดุ้งจนพูดอะไรไม่ออก เธออยากยืมมีดหมอมากรีดลงไปให้ทั่วใบหน้าของเขาจะไม่ให้เหลือความหล่อเหลาเอาไว้อีกต่อไป 

“เอาล่ะ ทักทายกันมาพอหอมปากหอมคอแล้ว” ครูวายุรีบตัดบทก่อนที่น้ามะปรางจะตอบโต้อะไรออกไปอีกด้วยกระแสอารมณ์ที่เดือดพล่านเหมือนภูเขาไฟที่รอวันระเบิดออกมา 

“ผมเชิญคุณมาวันนี้เพราะธาร เด็กในชั้นของผมมีผลการเรียนที่แย่และพฤติกรรมที่แย่มาก ทางโรงเรียนเลยเชิญคุณมาเพื่อให้รับรู้” ครูวายุแจ้งให้น้ามะปรางทราบอย่างเป็นทางการ 

“โอเค ฉันรับรู้แล้ว จบยัง?” น้ามะปรางตัดบท ความโกรธยังคงปะทุอยู่ในหัวสมองและสองมือนั้นก็กำเอาไว้แน่น

“ยัง” ครูวายุตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน 

“คุณรู้ปัญหาอยู่แล้วแต่คุณไม่ยอมแก้ไข หรือคุณไม่มีปัญญาที่จะแก้ แบ่งสติปัญญาที่จะไปแนะนำพวกผู้หญิงให้ไปทำศัลยกรรม ทำหน้า ทำนม มาช่วยดูแลจัดการเรื่องในครอบครัวของคุณหรือทำประโยชน์เพื่อสังคมบ้าง” ครูวายุดุน้ามะปรางเหมือนครูดุเด็กนักเรียน 

“นี่คุณวายุ ฉันไม่ใช่ลูกศิษย์ของคุณนะ คุยธุระของคุณให้จบ ฉันมีธุระที่ต้องจัดการ ไม่มีเวลามากพอจะมาฟังคำพูดตักเตือนสั่งสอนของคุณหรอกนะ” 

“เพราะคุณเป็นแบบนี้ซินะ หน้าหล่อ ๆ ของคุณถึงไม่ช่วยเหนี่ยวรั้งภรรยาของคุณไว้ เป็นโชคดีของผู้หญิงคนนั้นแท้ ๆ ที่เห็นตัวตนของคุณแล้วรีบทิ้งคุณไปก่อน” น้ามะปรางถือโอกาสตอกย้ำอดีตอันเจ็บปวดของครูวายุ เธอประทับใจหนุ่มนักเตะรุ่นน้องคนนี้มานานแสนนานแต่เขากลับไม่เคยเลี้ยวมองเธอเลยด้วยซ้ำ ตลอดเวลาเขามีหญิงสาวมากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้ามาคบหา แต่สาวสวยเหล่านั้นกลับไม่มีใครกุมหัวใจของเขาได้สักคน 

จากเหตุการณ์ที่สนามฟุตบอลวันนั้น น้ามะปรางก็ติดตามผลงานของครูวายุ เด็กหนุ่มรุ่นน้องที่โรงเรียนมาโดยตลอด จากเด็กผู้หญิงที่เกลียดกีฬาทุกชนิดก็พยายามจะฝึกฝนตัวเองเพื่อให้ชื่นชอบการออกกำลังกาย จากเด็กผู้หญิงหน้าตาธรรมดาคนหนึ่งก็พยายามจะเป็นหญิงสาวที่สวยด้วยความหวังว่า สักวันหนึ่ง เขาคนนี้จะหันมามองเธอบ้าง 

กาลเวลาได้แยกเส้นทางชีวิตของทั้งคู่ให้ห่างหายจากกัน น้ามะปรางได้กลายเป็นสาวสวยรวยเสน่ห์ แม้จะมีชายหนุ่มมากหน้าหลายตาผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ก็ไม่เคยมีใครได้หัวใจของเธอไปครอบครองเหมือนส่วนลึกในใจของเธอกำลังเฝ้ารอใครสักคนที่ใช่ แต่เขาคนนั้นไม่เคยเดินผ่านเข้ามาในชีวิตเลยแม้สักครั้งเดียว 

ครูวายุคือนักเตะหนุ่มอนาคตไกล ในความเป็นจริงแล้วเขาน่าจะสามารถไปได้ไกลกว่าการกลับมาเป็นครูสอนพละและประวัติศาสตร์ แต่เขาเลือกที่จะเดินกลับมา ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ เขามีสาวสวยรายล้อมมากมาย แต่เขากลับเลือกที่จะแต่งงานกับหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่งซึ่งไม่มีใครรู้ว่าเธอคนนั้นคือใคร มาจากไหนและสุดท้ายเธอคนนั้นก็ได้หายสาบสูญไปจากชีวิตของเขาโดยไม่มีใครเห็นเธอกลับมาอีกเลย เขาช่างมีอดีตอันดำมืดและเจ็บปวด 

“คุณไม่รู้เรื่องอะไรของผม คุณมะปราง” เสียงของครูวายุดุดันจนน่ากลัว แววตาที่โกรธเคืองนั้นเหมือนจะฉีกร่างของมะปรางออกไปชิ้น ๆ

“คุณก็ไม่รู้เรื่องราวของฉันเหมือนกัน คุณวายุ” เสียงของน้ามะปรางก็ดุดันไม่แพ้กัน 

“โอเค จัดว่ายุติธรรม ผมคงเจอคู่ปรับคารมที่สมน้ำสมเนื้อ” ครูวายุตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น แม้จะมีความโกรธซ่อนอยู่ 

“ผมขอสงบศึกชั่วคราว กลับมาที่เรื่องของน้ำและธารกันดีกว่า” ครูวายุยกธงขาวเป็นการชั่วคราว เขาตัดสินใจเปลี่ยนบทสนทนาอย่างทันท่วงทีก่อนที่เรื่องราวระหว่างเขากับน้ามะปรางจะบานปลายมากขึ้น

“เกี่ยวอะไรกับน้ำด้วย น้ำจบมัธยมไปแล้ว ไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของคุณอีกต่อไป”   

“พฤติกรรมของธารที่กระทำกับน้ำ มันเกินกว่าเหตุ เขาต้องได้รับการลงโทษและตักเตือน” ครูวายุพูดอย่างเคร่งเครียด 

“เดี๋ยว คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ฉันไม่ได้เล่าให้ใครฟังหรือธารเล่าให้คุณฟัง” 

“เอาเป็นว่าผมรู้แล้วกัน ผมจำเป็นต้องตักเตือนและลงโทษธารในเรื่องนี้รวมทั้งเรื่องพฤติกรรมแย่ ๆ ของเขาอีกด้วย” ครูวายุเปิดแฟ้มเอกสารที่หยิบติดมือเข้ามาด้วย เขาหยิบซองจดหมายออกมาหนึ่งซองแล้วเลื่อนซองนั้นให้ไหลมาหยุดอยู่ตรงหน้าน้ามะปราง ใบหน้านั้นยังคงนิ่งเรียบและเย็นชาอยู่เช่นเดิม เกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นเจ้าชายเย็นชาไปได้ถึงเพียงนี้ 

“นี่จดหมายอะไร?” 

“อ่านดูหรือปกติคุณอ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัดต่อวัน” 

น้ามะปรางถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างพยายามจะสงบสติอารมณ์และหยิบซองจดหมายปิดผนึกนั้นออกมาฉีกอ่าน แล้วก็ต้องตกใจขีดสุดถึงข้อความในจดหมายนั้น

เฮ้ย นี่มันจดหมายไล่ออก!!!” น้ามะปรางอุทานออกมาอย่างตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น “คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ ธารจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนไม่ได้” 

“ได้ซิ เพียงแค่คุณเซ็นต์รับทราบ ทุกอย่างก็จบ” 

“คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ฉันจะฟ้องอาจารย์ใหญ่” 

“อาจารย์ใหญ่เป็นคนเสนอให้ผมทำ เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กนักเรียนคนอื่น ๆ” 

“นี่อาจารย์ใหญ่ก็รู้เห็นเป็นใจด้วยเหรอ? คุณมีเหตุผลอะไรจะไล่ธารออก” 

“มีเหตุผลมากมายที่ทำให้ธารถูกไล่ออกจากโรงเรียน อย่าบอกว่าคุณไม่เคยรู้พฤติกรรมของหลานชาย” 

น้ามะปรางอ้ำอึ้งและพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง “แล้วจะมีสักเหตุผลมั้ย ที่ทำให้คุณเปลี่ยนใจไม่ไล่ธารออก”   

ก๊อก ก๊อก  เสียงเคาะประตูดังขึ้น “เข้ามาได้” ครูวายุตะโกนตอบไปโดยที่ไม่หันไปมองว่าใครกำลังจะเดินเข้ามา เขาหันหลังให้กับประตูห้อง ในขณะที่น้ามะปรางนั่งหันหน้าเขาหาประตู ธารในชุดนักเรียนชายเดินตรงเข้ามาในห้องรับรองด้วยท่าทีที่ไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด เขาเดินอ้อมไปนั่งข้างน้ามะปรางโดยไม่ต้องรอคำเชิญให้นั่งจากครูวายุ 

“นายรู้ใช่มั้ย ว่านายจะต้องถูกไล่ออก” ครูวายุหันไปจ้องมองที่แขกผู้มาใหม่

“ครับ” ธารตอบนิ่ง ๆ อย่างไม่แยแส 

“ธาร!” น้ามะปรางสะดุ้งหันไปมองที่หลานชาย 

“คุณวายุ คุณจะให้ฉันทำอะไร โอเค ฉันจะยอมปรับปรุง ฉันเป็นผู้ปกครองที่สอบตก ฉันขอสอบซ่อม ให้โอกาสฉัน ให้โอกาสธาร ได้มั้ย ขอร้อง พลีส พลีส พลีส” น้ามะปรางพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เธอลืมศึกคารมระหว่างเขาและเธอไปชั่วขณะ เรื่องของธารสำคัญกว่ามากในเวลานี้ 

“น้าสาวของนายขอโอกาส แล้วนายละ” ครูวายุหันไปมองที่ธาร ซึ่งยังคงนั่งนิ่งอย่างไม่ยอมก้มหัวให้ใคร แม้แต่กับครูประจำชั้นของเขาเอง 

“ผมไม่ต้องการโอกาสจากใคร” ธารตอบด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น 

นายคือร่างโคลนของพ่อนาย นายเหมือนพ่อของนายมากเลยรู้มั้ย นิสัยที่ไม่ยอมก้มหัวให้ใครนี่ เป็นสิ่งที่ทำให้พ่อของนายต้องเดือดร้อนมานักต่อนักแล้ว” 

“นายควรจะเป็นสิ่งที่แก้ไขข้อผิดพลาดของพ่อนาย ไม่ใช่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้” ครูวายุพูดพร้อมกับจ้องมองไปที่ธาร ธารเองก็จ้องกลับมาอย่างไม่วางสายตา 

“ครูอย่าทำเป็นมารู้เรื่องของผมและพ่อหน่อยเลย” ธารตอบกลับด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว 

“ชีวิตของนาย ทำผิดพลาดมามากมาย วันนี้ก็เช่นเดียวกัน นายผลักพี่สาวตกบันไดจนได้เลือด” ครูวายุพูดเหมือนมองเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ อยู่ตรงหน้า 

“แล้วไง” ธารตอบด้วยท่าทียียวนแต่เริ่มมีอาการไม่สบายใจแอบแฝงเข้ามาในส่วนลึกของหัวใจ เขาสำนึกผิดแล้วเรื่องพี่สาว แต่ทำไมครูวายุถึงรู้เรื่องนี้หรือน้ามะปรางเป็นคนบอกเล่าเพื่อให้เขาโดนตำหนิ 

“นายไม่เคยรู้หรอกนะว่านายรักพี่สาวของนายมากมายแค่ไหน จนกระทั่งนาทีสุดท้ายของชีวิตมาถึง นาทีที่นายกำลังจะสูญเสียเธอไป นายถึงได้เข้าใจว่าแท้จริงแล้ว นายรักและห่วงใยพี่สาวของนายมากมายเหลือเกิน” 

“อะไรทำให้นายต้องมาผูกพัน ทำไมนายต้องเกลียดชังพี่สาวของนาย เคยสงสัยบ้างมั้ย” 

“ก่อนหน้านี้นายก็เคยได้ทำสิ่งผิดพลาดจนชีวิตของนายต้องเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เพราะนายไม่ยอมขอโอกาสแก้ตัว และตอนนี้นายก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว” ครูวายุจ้องมองธารลึกลงไปในแววตา เขารับรู้ถึงแววตาที่หวาดกลัวคู่นั้นของธาร 

“ครูจะให้โอกาสนาย เป็นโอกาสสุดท้ายที่ยังเรียนต่อที่นี่ได้” 

“ถ้าผมไม่ต้องการโอกาสจากครูล่ะ?” 

“นายต้องการแน่ เพราะแม่ของนายต้องเป็นอีกคนที่เสียใจมาก ถ้ารู้ว่า นายถูกไล่ออก!!! ก่อนเวลาอันควร” ครูวายุยังคงจ้องมองลึกลงไปแววตาของธารอย่างไม่ละสายตา 

“แม่ตายไปแล้ว แม่ไม่รับรู้หรอก” ธารตัดบทแต่ไม่อาจจะตัดความวิตกกังวลลงไปได้ เขายังคงหวาดกลัวและเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด จะเพราะวัยที่ยังอ่อนเยาว์หรือเพราะความรักที่เขามีต่อมารดาจนเหลือล้น 

“นายรู้ได้ไง นายเคยผ่านชีวิตหลังความตายมาแล้วหรือ นายก็แค่เคยผ่านความลึกลับอะไรบางอย่างมาน้อยนิดแค่เท่านั้นเอง” ครูวายุพูดอย่างรู้เท่าทัน 

“คุณพูดเรื่องอะไร? ผ่านอะไรลึกลับ?” น้ามะปรางพูดแทรกขึ้นมา 

“หุบปากสวย ๆ ของคุณไว้สักครู่ได้มั้ย คุณมะปราง ก่อนที่ผมจะเป็นคนหุบมันด้วยปากของผมเอง” ครูวายุหันไปดุน้ามะปรางจนน้ามะปรางถึงกลับต้องเงียบกริบไปทันที เธอพยายามคิดทบทวนว่าเธอเข้าใจความหมายได้ถูกต้องรึเปล่า เธอจะถูกหุบปากด้วยปากของเขา มันหมายถึง ... จูบ

“ครูจะให้โอกาสเธอแก้ตัว โดยการทำรายงานส่งครู” ครูวายุหันไปบอกธาร 

“ธารต้องทำรายงานเรื่องอะไร ธารยินดีทำรายงานทุกเรื่องที่คุณต้องการ” น้ามะปรางหันไปถามครูวายุโดยไม่สอบถามความต้องการของธารเลยแม้แต่น้อย 

ครุฑ VS นาค” 

“เดี๋ยวนะ ประวัติศาสตร์สมัยนี้เขาสอนเรื่องครุฑและนาคกันด้วยเหรอ? นี่มันวิชาภาษาไทยหรือวรรณกรรมหรือวรรณคดีอะไรแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” น้ามะปรางแย้งขึ้นมาอย่างงุนงง 

“นี่ไม่ใช่วรรณกรรมสำหรับเด็ก แต่มันคือประวัติศาสตร์อันเก่าแก่สำหรับธาร” ครูวายุตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง แววตาของเขาจ้องเขม็งไปที่ธารอย่างไม่ยอมละสายตา 

“ฉันไม่เข้าใจ” น้ามะปรางเอ่ยขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่งงงวยขีดสุด

“งั้นก็หุบปาก แล้วว่าง ๆ ก็หาวรรณกรรมดี ๆ มาอ่านเสียบ้าง” 

“ผมไม่ทำ และไม่ต้องการขอโอกาสจากครู” ธารยืนยันหนักแน่น 

“การไม่ยอมขอโอกาสเพื่อแก้ตัว มันคือความเย่อหยิ่งที่ทำให้นายถลำลึกลงไปสู่ความผิดพลาด ถ้าความผิดพลาดในอดีตสอนอะไรนายไม่ได้ นายก็จะจมดิ่งลงไปเรื่อย ๆ จนยากที่จะแก้ไขและในที่สุดก็แก้ไขอะไรไม่ได้เลย" ครูวายุตักเตือน 

“แล้วไง” ธารยังคงดื้อดึงแม้หัวใจจะเต้นระรัว ครูวายุคนนี้ทำให้เขารู้สึกกลัว กลัวในสิ่งที่เขามองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อำนาจลึกลับบางอย่างกำลังปกคลุมไปรอบกายของเขา 

“มีอะไรบางอย่างที่นายยังไม่รู้เกี่ยวกับพ่อของนาย ความลึกลับของพ่อ มันไม่ได้ตายไปพร้อมกับพ่อของนายหรอกนะ มันมีชีวิตอยู่และรอวันเปิดเผย” 

“คุณพูดเรื่องอะไร? อะไรคือความลับของพ่อธาร และอะไรลึกลับ ทำไม?” 

“หุบปากสวย ๆ ของคุณ แล้วกรุณานั่งนิ่ง ๆ คุณนฤมล ถ้ายังอยากจะนั่งฟังการสนทนาระหว่างผมกับธาร ไม่งั้นก็เชิญออกไป หมดธุระคุณแล้ว” ครูวายุหันไปตวาดโดยไม่ยอมมองหน้าของน้ามะปราง 

“อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย ผมไม่หลงกลหรอก อย่ามาเอาเรื่องความลับของพ่อมาหลอกล่อผมอีก ผมไม่ทำพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่” ธารตวาดกลับด้วยความฉุนเฉียวจนเขาลืมไปว่าเขาคือนักเรียนส่วนครูวายุคืออาจารย์ประจำชั้นของเขา

“นี่ไม่ใช่ กับดัก!! แต่มันคือความลับที่นายไม่เคยได้รับรู้และนายก็จะไม่มีโอกาสได้รู้ จงอยู่กับความไม่รู้ของนายต่อไป” ครูวายุจ้องมองธารด้วยแววตาที่ขึงขัง 

“นายโดนไล่ออก!!!”  ครูวายุพูดพลางลุกยืนขึ้นแล้วเปิดประตูห้องออกไป 

“เดี๋ยวก่อนนะ คุณจะไล่เด็กอนาคตไกลออกดื้อ ๆ แบบนี้ไม่ได้นะ คุณวายุ” น้ามะปรางเปิดประตูวิ่งตามออกไปอย่างรีบร้อน   

"ผมขอโอกาสแก้ตัว" ธารเอ่ยขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยน้ำเสียงเบาต่ำ หลังจากที่ครูวายุจะเดินออกจากห้องรับรองไปแล้วอย่างไม่เหลียวหลังกลับมามองอีก แต่คำพูดที่แผ่วเบาของเขานั้นเหมือนมันดังไปกระทบโสตประสาทของครูวายุ เสียงที่เบาเกินกว่ามนุษย์จะได้ยินในระยะไกลเช่นนี้ 

ครูวายุหยุดกะทันหันจนน้ามะปรางที่วิ่งตามไปติด ๆ พุ่งเข้าชนเขาจากด้านหลัง ครูวายุหันกลับมาและจ้องมองไปที่แววตาของธาร แววตาที่กล้าแกร่งคู่นั้นของเขา มันสยบแววตาที่แข็งแกร่งและดื้อรั้นของเด็กหนุ่มผู้เป็นสำเนาถูกต้องของบิดาลงได้ 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา