ปาฏิหาริย์รักข้ามพิภพ

-

เขียนโดย Richa

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 10.03 น.

  14 ตอน
  0 วิจารณ์
  14.20K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 10.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ตามติดชีวิตของธาร

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
 
ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วบริเวณ แสงตะวันยามพลบค่ำได้กล่าวคำร่ำลาไปเรียบร้อยแล้ว ความมืดแห่งราตรีกาลกำลังจะเข้ามาทักทาย หลอดไฟที่ประดับประดาไว้รอบรีสอร์ทเริ่มติดสว่าง ธารยืนยิ่งเหมือนรูปปั้นแห่งปริศนา ใบหน้าของเขาไม่เหมือนเด็กน้อยวัยเพียง 15 ปีอีกต่อไป  เงาอันดำมืดทาบลงมาบนใบหน้าอันหล่อเหลาของธาร ความเก็บกดและกังวลใจที่เคยปิดบังซ่อนเร้นไว้ตลอดมาบัดนี้มันได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนบนใบหน้าเขา หญิงสาวจ้องมองใบหน้าของน้องชายอย่างค้นหาความหมายแต่เขาก็ยังนิ่งงันอยู่เช่นนั้น 
ลมพัดมาอย่างแรงจนร่างกายของหญิงสาวหนาวสะท้าน เส้นผมยาวสลวยของเธอปลิวไสวไปตามแรงลม ใบหน้าของเธอเย็นวาบด้วยความหนาวเหน็บ มันเย็นยะเยือกไปจนทั่วไขสันหลังของเธอ 
“ธาร นายเป็น …” หญิงสาวไม่รู้จะเอ่ยคำใดออกมา “พี่เห็นนายเป็นพญานาค” ในที่สุดหญิงสาวก็สามารถระบุสิ่งที่เธอมองเห็นด้วยตาออกมาเป็นคำพูดได้ 
“ใช่ ผมเป็นนาคราชเหมือนอนันดา” ธารตอบโดยไม่ยอมสบตาพี่สาว 
“อนันดา? ” หญิงสาวทำท่าทางใช้ความคิด ชื่อนี้เธอเคยได้ยินมาก่อนและเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ชายแปลกหน้าที่เธอสุดประทับเขาเพิ่งจะบอกเธอว่าเขาคือ อนันดา
“นายหมายถึงผู้ชายคนนั้นใช่มั้ย” 
“ใช่ ชายแปลกหน้าที่ชอบปรากฏตัวพร้อมไอหมอก ชายแปลกหน้าที่มาพูดจากับพี่ในตอนพลบค่ำก่อนวันออกพรรษา ชายแปลกหน้าที่มาพูดคุยกับพี่เมื่อเย็นวันนี้นี้ คนนี้แหละ เขาคือนาคราชนามว่า 'อนันดา'” ธารตอบด้วยสีหน้าเศร้าหมองและแววตาเหม่อลอย 
“เดี๋ยวนะ! พี่งงไปหมดแล้ว หนุ่มลาวผู้มีตาสีเขียวคนนั้นคือ นาคราช แล้วนายก็เป็นนาคราชเหมือนเขา มันเป็นไปได้ยังไง? มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมพี่ไม่เคยรู้เลย? แล้วพ่อกับแม่รู้เรื่องนี้รึเปล่า?” น้ำยิงคำถามออกไปมากมาย   
ภาพที่ธารเลื้อยไปมาบนพื้นดินยังคงชัดเจนในความรู้สึกนึกคิดของเธอ ลำตัวที่เคยเป็นมนุษย์ของธารได้ขยายตัวยาวขึ้นเรื่อย ๆ และเปลี่ยนไปเป็นอสรพิษขนาดใหญ่ยักษ์ ตามลำตัวของเขามีเกล็ดสีดำระยิบระยับ ศีรษะและใบหน้าที่เคยเป็นมนุษย์ผู้ชายก็ได้แปรเปลี่ยนไป เป็นใบหน้าที่แปลกประหลาดภายใต้ศีรษะของ “อสรพิษร้ายในตำนาน” 
“นี่มันนิยายชัด ๆ พี่กำลังฝันไปใช่มั้ย พี่เห็นนายแปลงร่างเป็นพญานาค พี่เห็นนกยักษ์ในร่างของมนุษย์ พี่เห็นรีสอร์ทของเราถูกครอบเอาไว้ด้วยลูกแก้วขนาดใหญ่และมันก็ส่องแสงเรืองรอง พี่เห็นฝนกับพ่อถูกชายแปลกหน้าที่มีชื่อเรียกว่าอนันดาคนนั้นจู่โจมด้วยลำแสงสีขาวพุ่งออกมาจากมือจนสลบไป แล้วก็ฟื้นขึ้นมาด้วยอาการแปลกประหลาด” หญิงสาวหยุดนิ่งไปแล้วในที่สุดเธอก็พูดมันออกมา 
“ที่สำคัญ ... ความจำส่วนนั้นหายไป มันหายไปเฉพาะภาพนั้น มันเคยเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้กับพี่ ตอนเกิดอุบัติเหตุพี่ก็จำเหตุการณ์ตรงหน้าไม่ได้เลย มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง" หญิงสาวพล่ามบ่นออกมาด้วยความงุนงง 
“พญานาคเท่านั้นที่จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ และนี่คือชีวิตของผม ไม่ใช่นิยาย สิ่งที่พี่มองเห็นคือตัวตนของผม พี่ฝนและพ่อของพี่ฝนถูกลบความทรงจำ เหมือนที่พี่เคยถูกลบ” ธารจ้องมองพี่สาวด้วยแววตากึ่งสงสาร กึ่งโกรธเกรี้ยว 
“พี่เคยถูกลบความทรงจำ?” 
“พี่เคยสงสัยมั้ย ทำไมพี่ถึงจำเหตุการณ์ในอุบัติเหตุครั้งนั้นไม่ได้ ทำไมความทรงจำถึงได้จางหายไปเฉพาะภาพที่เกิดขึ้นในวันนั้น ตอนนั้น และเวลานั้นเท่านั้น” ธารย้ำเตือน 
“สงสัยมาตลอด แต่หมอบอกว่า ศีรษะของพี่ถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงหรือไม่ก็สภาพจิตใจย่ำแย่จนถึงขีดสุด สมองจึงปิดการทำงานในส่วนของการรับรู้ไปชั่วขณะ”   
“ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจจะพิสูจน์ได้เลย แต่ผมอยู่ที่นั่นผมเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ แต่ผมไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ของเรา ทางเดียวที่พี่จะรู้ คือรื้อฟื้นความทรงจำนี้ให้ได้” ธารตอกย้ำอย่างชัดเจน 
“นายเห็นเหรอ? เห็นได้อย่างไร? ทำไมนายไม่เคยบอกหรือเล่าให้พี่ฟังเลย? แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับพี่?”    
“ภาพที่ผมเห็นคือพี่อยู่ในอ้อมกอดของอนันดา ผมไปถึงช้าเกินไป เขาลบความทรงจำของพี่เรียบร้อยแล้วและจากนั้นไม่นานผู้คนเริ่มทยอยกันมามุงดูเหตุการณ์ ทั้งอนันดาและผมจึงต้องอันตรธานไปอย่างไร้ร่องรอย ทิ้งร่างกายของพี่ไว้ที่ริมหาดนั่นเพียงลำพัง” ธารตอบ 
“อนันดา? ทำไมเขาต้องทำแบบนั้นด้วย” น้ำจ้องมองไปที่ใบหน้าอันสงบนิ่งของน้องชาย เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มขี้โมโหและดื้อดึงอีกต่อไปแต่เขากลายเป็นคนเด็กเงียบขรึมไปเสียแล้ว 
“ธาร นายต้องเล่าทุกอย่างให้พี่ฟัง เราเป็นพี่น้องกันนะ เราเหลือกันอยู่เพียงแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น นายต้องเชื่อใจพี่” น้ำพยายามจะคะยั้นคะยอน้องชายด้วยคำพูดที่อ่อนโยนลง 
เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังออกมาจากธาร เขาเดินวนไปวนมาอย่างกระวนกระวายใจ เหมือนเขากำลังชั่งน้ำหนักว่าควรจะเปิดเผยเรื่องราวของเขาดีหรือไม่ น้ำยังคงยืนนิ่งพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปยังน้องชาย เธอต้องการรู้ความจริงที่เกี่ยวกับตัวเธอและน้องชาย ที่สำคัญที่สุด ณ เวลานี้เธอต้องการปกป้องและช่วยเหลือเขาไม่ว่าเขาจะเป็นตัวประหลาดอะไรก็ตาม
“ธาร พี่รักนายนะ นายคือคนสุดท้ายในครอบครัวที่พี่ยังเหลืออยู่ พี่ไม่อยากจะเสียนายไป พี่ขอร้องละ อย่าปิดบังอะไรพี่อีกเลย” น้ำพยายามอ้อนวอน 
“สองปีก่อน” ในที่สุดธารก็ตัดสินใจเริ่มเล่าเรื่องราวที่เขาปิดบังเอาไว้ยาวนานถึงสองปีให้พี่สาวได้รับรู้สักที แววตาของเขาเหม่อลอยเหมือนกำลังนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวันนั้น 
“ตอนนั้นผมอายุได้แค่ 13 ปี นายบ้าและนายใบ้ได้มาหาผมที่บ้านชวนผมนั่งเรือข้ามฟากไปที่ฝั่งลาว นายบ้าบอกว่าในถ้ำที่พวกเราจะไปนั้นมีสมบัติที่เป็นเพชรนิลจินดาอยู่มากมาย” 
“ผมไม่ได้สนใจสิ่งมีค่าพวกนั้นเลยแต่สิ่งที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจไปด้วยคือความลับสุดยอดของพ่อ นายบ้าบอกว่าเขารู้ความลับสุดยอดของพ่อ ความอยากรู้อยากเห็นทำให้ผมห้ามใจตัวเองไม่ได้” ธารหยุดนิ่งไป สายตาของเขาเหม่อมองออกไปยังริมแม่น้ำโขง 
“ผมสงสัยมาตลอดทำไมพ่อต้องหายตัวไปทุกปี ในช่วงเข้าพรรษายาวไปจนถึงออกพรรษา ทำไมพ่อถึงได้เย่อหยิ่งและไม่ยอมก้มหัวให้กับใคร ไม่เกรงกลัวใคร และทำไมผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างพ่อถึงได้มาแต่งงานกับผู้หญิงธรรมดาอย่างแม่ นายบ้าบอกว่าที่ถ้ำแห่งนั้นมีคำตอบ” ธารเล่าในลักษณะที่ยังคงเหม่อลอยเหมือนเขากำลังหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตวันนั้น ความเจ็บปวดแผ่ซ่านเข้าสู่สีหน้าของเขาชัดเจนขึ้น 
ธารหลับตานิ่งสนิทเหมือนภาพที่เคยเกิดขึ้นนั้นมันคือฝันร้ายตลอดกาลของเขาและมันยังคงเป็นเหมือนบาดแผลที่ฝั่งลึกลงไปในจนไม่อาจจะลืมเลือนได้ ธารเอื้อมมือออกสัมผัสกับมือของพี่สาวทั้งสองข้าง 
**************** เหตุการณ์เมื่อสองปีที่ผ่านมา ********************
“ความอยากรู้อยากเห็น ทำให้ผมตัดสินใจนั่งเรือไปกับสองพ่อลูกนั่น พวกเราสามคนเดินเข้าไปในถ้ำ เราเดินกันไปเรื่อย ๆ จนถึงส่วนที่ลึกสุดของในถ้ำ ถ้ำนั้นสว่างไสว ด้วยแสงไฟจากคบเพลิง และจริงอย่างที่นายบ้าบอกไว้ ถ้ำแห่งนั้นมีเพชรนิลจินดาวางอยู่เรียงรายเต็มไปหมด” เสียงของธารดังก้องอยู่ในโสตประสาทของหญิงสาว 
หญิงสาวรู้สึกเหมือนเธอกำลังเดินทางผ่านกาลเวลาย้อนกลับไป ณ เหตุการณ์วันนั้น เธอเห็นวิวทิวทัศน์สองฝั่งโขงอย่างชัดเจนเหมือนเธอได้นั่งเรือลำนั้นไปพร้อมกับธาร นายบ้าและนายใบ้ เธอเห็นเพชรนิลจินดาเรียงรายอยู่อย่างมากมายในถ้ำแห่งนั้น แต่เธอกลับไม่ต้องการแตะต้องมันเพราะสิ่งที่เธอต้องการรู้คือความจริงที่อยู่เบื้องหน้า 
“แต่สิ่งที่สะกดสายตาและจิตใจของผมเอาไว้ คือชายคนหนึ่งกำลังร้องอย่างโหยหวน เขากำลังแปลงร่างจากร่างกายมนุษย์ผู้ชายสู่ร่างกายของพญานาคราช ผมหยุดนิ่งเหมือนถูกสะกดเอาไว้ ส่วนนายบ้านั้นไม่สนใจอะไรเลยนอกจากถือกระสอบวิ่งไปกอบโกยเอาเพชรนิลจินดาพวกนั้นอย่างคนโลภมาก” 
ภาพเบื้องหน้ายังคงปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจนเหมือนหญิงสาวได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์วันนั้นด้วยตัวเอง เพียงแต่เธอยืนอยู่ในถ้ำด้วยร่างกายที่โปร่งแสง ธารในอดีตคือเด็กน้อยวัย 13 ปีที่มีท่าทีตื่นกลัวอยู่เบื้องหน้า ส่วนธารในปัจจุบันยังคงจับมือเธอไว้ทั้งสองข้างอย่างไม่มีวันจะยอมปล่อยให้เธอหลุดลอย 
พญานาคตนนั้น หันมามองชายทั้งสามคนด้วยแววตาที่ลุกเป็นไฟ มีเสียงร้องอย่างเกรี้ยวโกรธดังขึ้นจนแสบแก้วหู นายบ้าล้มตัวลงไปกองกับพื้นได้เพียงแค่ชั่วครู่เดียว ก็ลุกขึ้นมากอบโกยเอาของมีค่าใส่กระสอบต่อ ส่วนนายใบ้ก็เอะอะโวยวายอย่างตกใจขีดสุด 
“มึง บังอาจมาขโมยทรัพย์สมบัติของกู มึงอยากได้เท่าไหร่ กูจะให้มึงขนไป เอาไปเท่าที่มึงขนได้!” เสียงของพญานาคตนนั้นดังสะท้อนไปทั่วทั้งถ้ำ 
“แต่มึง .. จะได้ไปแค่ก้อนกรวดกับก้อนทรายเท่านั้น ไอ้พวกละโมบโลภมาก” สิ้นเสียงตวาดของพญานาคตนนั้น เพชรนิลจินดาที่กองเรียงรายทั้งหมดก็มลายหายไป กลายเป็นอากาศธาตุเหลือเพียงเศษดิน เศษทราย กับก้อนกรวดเท่านั้น นายบ้าก็ยัดเศษดิน เศษทรายและก้อนกรวดเหล่านั้นใส่กระสอบอย่างบ้าคลั่งเพราะยังมองเห็นเป็นเพชรนิลจินดามูลค่ามหาศาล 
“ส่วนมึง อยู่ดีไม่ว่าดี ดันเสือกมาสู่รู้เรื่องของกู ก็อย่าได้ออกไปพูดจา บอกเล่าเรื่องของกูให้ใครรับรู้ให้ใครได้ยินอีกเลย” พญานาคตนนั้นหันไปชี้หน้าพร้อมกับตวาดนายใบ้ ทันใดนั้นนายใบ้ก็ร้องเสียงโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมาน เอามือกุมคอหอยไว้อย่างทุกขเวทนา 
เสียงร้องโหยหวนของนายใบ้เริ่มจบลง นับจากนาทีนั้นเป็นต้นมา นายใบ้ก็พูดจากภาษามนุษย์ไม่ได้อีกต่อไป น้ำตาไหลรินออกมาจากเบ้าตาทั้งสองข้างของนายใบ้ มือยังคงกุมคอหอยไว้อย่างเจ็บปวดแสนสาหัส แววตาที่หวาดกลัวนั้นมันเกินที่จะเยียวยาได้อีกต่อไป 
ในที่สุดพญานาคตนนั้นก็หันมามองมาที่ธารอย่างเชื่องช้า เขาคือคนสุดท้ายที่รอลงอาญา แววตาที่เกรี้ยวโกรธจนลุกเป็นไฟได้ดับลงเหมือนกับเพิ่งเจอพายุฝนที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง ความโกรธแค้นได้เปลี่ยนเป็นแววตาที่แสนเจ็บปวด 
“อะแฮ่ม! ท่านจะจัดการกับเด็กน้อยผู้นี้อย่างไรให้สาสมกับโทษทัณฑ์ของมัน” เสียงกระแอมดังมาจากชายหนุ่มผู้มีตาสีเขียวคนหนึ่งที่ยืนพิงผนังถ้ำ เขามาถึงถ้ำแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครรู้ ทุกคนเพิ่งมาเห็นว่าเขาอยู่ตรงนั้นก็เมื่อเขาส่งเสียงเตือนมา  
ธารยังยืนนิ่งเหมือนหินไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวเองได้จะเพราะด้วยมนต์สะกดหรือเพราะอาการตกใจขีดสุดก็ไม่อาจจะบอกได้  “พ่อ!” มันคือเสียงของธารที่พยายามเปล่งออกมาแต่มันกลับดังเพียงแผ่วเบาคล้ายกับเขาเพียงแค่รำพึงรำพันกับตัวเองเท่านั้น
พญานาคตนนั้นเลื้อยใกล้เข้ามาจนถึงตัวธารแล้วเลื้อยวนไปจนรอบตัวเขา โอบกอดร่างกายของธารไว้ภายใต้ลำตัวอันใหญ่มหึมานั้น เสียงร้องก้องกัมปนาทก็ดังกระหึ่มไปทั่วทุกพื้นที่ภายในถ้ำ คบเพลิงที่ถูกจุดไว้ดับวูบลงพร้อม ๆ กัน แล้วมันก็ถูกจุดติดขึ้นมาใหม่อีกครั้งอย่างพร้อมเพรียง พญานาคสีดำสนิท ตามลำตัวมีเกล็ดเหมือนปลาได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยเหลือทิ้งไว้เพียงคราบขนาดใหญ่ที่ลอกออกจากลำตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว 
ร่างกายมหึมาที่เคยโอบรัดธารก็ได้อันตรธานหายไปเช่นเดียวกัน เหลือไว้เพียงชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กำยำ ใบหน้าที่คุ้นเคยนั้นคมเข้ม หล่อเหลาอย่างไม่อาจจะคาดเดาอายุของเขาได้มีเพียงแววตาของเขาเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่า กาลเวลาที่เขาเดินทางผ่านมา มันช่างยาวนานเหลือเกิน 
“ธาร ลูกพ่อ ลูกไม่ควรมาที่นี่ มันไม่ใช่ที่ของลูก” เสียงนั้นแม้จะดังก้องกังวานแต่มันก็ยังคงอ่อนโยน 
“ลูกควรจะรอจนกว่าลูกจะอายุครบ 18 ปี แล้วลูกจะรู้ว่าแท้จริงแล้วลูกเป็น 'มนุษย์ครึ่งนาค' มีบิดาเป็นพญานาคราช มีมารดาเป็นมนุษย์ เมื่อถึงกำหนดเวลาลูกจะได้สิทธิ์เลือกว่าลูกต้องการจะเป็นมนุษย์หรือนาคหรือคงไว้ซึ่งความเป็นมนุษย์ครึ่งนาค” 
“การมาพบเจอพญานาคตอนกำลังแปลงกายในที่รโหฐานโดยตั้งใจหรือมีเจตนาร้าย ในขณะที่ลูกยังไม่ได้รับรู้ชาติกำเนิดของตนเองแบบนี้ มันถือเป็นความผิดที่มหันต์นัก ลูกเอย” นี่คือเสียงว่ากล่าวตักเตือนจากบิดาที่มีต่อบุตร แม้ว่าบุตรชายจะทำผิดมหันต์ เขาก็มิอาจจะลงโทษทัณฑ์ขั้นรุนแรงได้ เขาทำได้เพียงแค่กล่าวตักเตือนเท่านั้น 
“ในเมื่อบุตรของท่านได้กระทำผิดมหันต์เช่นนี้ ท่านควรจะต้องลงทัณฑ์บุตรชายของท่านมิใช่รึ? ท่านพญานาคราช” ชายหนุ่มผู้มีตาสีเขียวคนเดิมพูดขึ้น 
“ท่านอนาคิน! บุตรชายของเราถูกล่อลวงมา” พ่อของน้ำพูดขึ้น 
“ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไม่อาจจะลดหย่อนผ่อนโทษได้ ท่านก็รู้กฎของบาดาลดีมิใช่รึ? ท่านสมันตราพญานาคราช!”  ชายหนุ่มผู้มีตาสีเขียวนามว่าอนาคินยืนยันอย่างหนักแน่น 
“เราจะลบความทรงจำให้บุตรชายท่าน เขาจะจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้ เขาจะไม่สามารถนำเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปบอกเล่าให้ใครฟังได้อีก” ชายหนุ่มผู้มีตาสีเขียวอีกคนปรากฏกายขึ้น เขามีรูปลักษณ์ภายนอกที่ใกล้เคียงกับชายคนแรก เพียงแต่ใบหน้าของเขานั้นอ่อนเยาว์กว่าและแววตาคู่นั้นก็อ่อนโยนกว่า 
“เราขอบใจท่านมาก ท่านอนันดา เหตุการณ์ครั้งนี้เราจะมิลืม ว่าเราติดค้างท่านอยู่” ชายหนุ่มวัยกลางคนหันไปจ้องมองใบหน้าที่ยังคงอ่อนเยาว์ของอนันดา แววตาสีเขียวเป็นประกายคู่นั้นสดใสแม้จะมีแววแห่งความเศร้าหมองซ่อนอยู่ 
“ช้าก่อน! เรายอมรับไม่ได้ นั่นมันผิดกฎมหันต์” อนาคินทักท้วงขึ้นอย่างรวดเร็ว
"ท่านเองก็รู้อยู่แก่ใจดี ว่าการลบความทรงจำจะทำได้เฉพาะกรณีที่มนุษย์มาพบเจอนาคโดยบังเอิญแบบไม่ได้ตั้งใจหรือเป็นประสงค์ของนาคเองที่ต้องการปรากฏร่างให้มนุษย์ แต่ต่อมาค้นพบว่าการพบเจอครั้งนั้นอาจจะทำให้เกิดโทษร้ายแรง ก็จะทำการลบความทรงจำ"   
“ส่วนบุตรชายของท่าน เป็นการพบเจอโดยการค้นหา โดยมีเจตนาที่ต้องการจะพบเจอ เราเรียกคนพวกนี้ว่าพวกอยากเจอดีหรือพวกอยากลองของ ฉะนั้น ท่าน! จะต้องมีบทลงโทษที่สาสม เหมือนเช่นที่ท่านได้ลงโทษคนโลภให้เป็นบ้า คนพูดมากให้เป็นใบ้" อนาคินยังคงยืนกรานให้ที่จะธารต้องรับโทษ 
ธารยังคงยืนนิ่งตัวสั่นเทาอย่างหวาดกลัวในอ้อมกอดของผู้เป็นพ่อ เขาเพิ่งได้รับรู้ว่าอะไรคือความลับสุดยอดของพ่อ มันคือความลับที่เขาเองจะได้รู้ถ้าเพียงแค่เขาอดทนรอคอยให้ถึงเวลานั้น แต่ในเมื่อความลับนี้ถูกเปิดเผยออกมาก่อนเวลาอันควร เขาจึงต้องรับโทษทัณฑ์จากความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ซึ่งมันไม่คุ้มค่าเลย
 “ถ้าท่านมิอาจลงโทษบุตรชายท่านอย่างสาสม เราจะยื่นเรื่องไปยังสภาพญานาคว่าท่านเป็นผู้ทำผิดกฎเสียเอง ท่านเองก็รู้อยู่แก่ใจดี ว่าไปมีเรื่องกับพวกสภาพญานาคมันเป็นเรื่องราวรุนแรงใหญ่โตแค่ไหน” อนาคินกล่าวเสริมอย่างเย้ยหยัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แฝงไว้บนใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน 
“ท่านอนาคิน! ระหว่างเรากับท่าน เคยมีเรื่องราวบาดหมางกันอยู่ก็จริง ท่านควรเล่นงานเรา มิใช่บุตรชายของเรา” ชายวัยกลางคนเอ่ยปากขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว 
“นี่ละ คือการเล่นงานที่แสนเจ็บปวด บุตรชายของท่านคนนี้ มันคือเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน มันคือจิตวิญญาณของท่าน มันยังน้อยกว่าที่ท่านเคยเล่นงานเรากับอนันดา!!!” แววตาโกรธเกรี้ยวและเจ็บปวดปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของอนาคิน 
“เราผิดพลาดไปแล้ว ครั้งนั้นเราก็เจ็บปวดไม่แพ้ท่าน” ชายวัยกลางคนกล่าว 
“เอาล่ะ ความเจ็บปวดในอดีตระหว่างท่านกับเราสองพี่น้อง ค่อยมาสะสางกันวันอื่น เวลานี้ท่านควรลงทัณฑ์บุตรชายของท่าน ตามแต่เห็นจะสมควรเทอญ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีแก่บุคคลอื่น” อนันดาที่ยืนนิ่งอย่างสงบและเยือกเย็นมานานเสนอแนะขึ้นก่อนที่คู่ปรับเก่าทั้งสองจะสาดอารมณ์ใส่กันจนบานปลาย 
“ต้องสาสมด้วยใช่มั้ย ถึงจะสาแก่ใจพวกท่าน” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม 
“ก็แล้วแต่ท่านจะเห็นสมควร มิฉะนั้นก็ให้เป็นหน้าที่ของสภาพญานาคเป็นคนตัดสินใจเอง” อนันดาชี้แจงด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ 
“ธาร ลูกมาเห็นพ่อแปลงกายโดยเจตนา มันคือความผิดมหันต์ พ่อจำเป็นต้องลงทัณฑ์ลูก เพื่อไม่ให้ลูกนำเรื่องนี้ไปกลับบอกเล่ากับใครได้อีก” ชายวัยกลางคนหลับตาสนิท มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของบุตรชายไว้อย่างแสนเจ็บปวด 
“พ่อขอตัดสิทธิ์การเลือกชีวิตของลูก ลูกจะไม่สามารถเข้าพิธีเลือก ว่าลูกจะเลือกเป็นมนุษย์หรือนาคหรือมนุษย์ครึ่งนาค แต่ลูกจงกลายเป็นนาค ณ บัดนี้ ด้วยอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ที่พ่อได้สะสมไว้ ..” 
“ช้าก่อน ท่านสมันตราพญานาคราช ท่านปรานีบุตรชายของท่านมากเกินไปนะ” อนาคินทักท้วงขึ้น 
“การเป็นนาคก่อนวัยอันควรนี่คือเป็นการผิดขั้นร้ายแรงแล้ว” ชายวัยกลางคนแย้ง 
“ยังมิสาสมกับความผิด ท่านควรให้บุตรชายของท่านเป็นนาคชั้นต่ำ ถึงจะสาสม” อนาคินเสนอแนะพร้อมกับส่งยิ้มเย้ยหยันไปยังพญานาคราชผู้ยิ่งใหญ่ 
“การเป็น 'นาคชั้นต่ำ' นั่นคือปราศจากซึ่งอิทธิฤทธิ์และ ปาฏิหาริย์ทั้งปวง รวมทั้งทรัพย์สมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ บุญบารมีที่เราสะสมมาก็มิอาจจะถ่ายทอดให้บุตรชายของเรา” ชายวัยกลางคนคัดค้านอย่างเกรี้ยวกราด 
“นั่นละสาสมที่สุด” อนาคินยิ้มอย่างมีชัย 
“แม้จะกำเนิดจาก 'นาคชั้นต่ำ' บุตรชายของท่านก็ยังสามารถสร้างเสริมบารมีได้ด้วยตนเองจนกลายเป็นนาคชั้นสูงได้เช่นกันมิใช่รึ?” อนันดาเหลือบตามามองชายวัยกลางคนด้วยแววตาที่เยือกเย็น 
“ท่านก็เคยสาปให้พวกเราเป็น 'นาคชั้นต่ำ' มาก่อน เราแค่เตือนความทรงจำท่าน เผื่อท่านลืมเรื่องราวเมื่อหลายพันปีก่อนไปแล้ว” อนันดายังคงมีแววตาที่เยือกเย็นจ้องกลับไป ใบหน้าของเขานั้นขาวซีด และแววตาคู่นั้นช่างดูเลือดเย็น 
“เรามิเคยลืม ว่าเราเคยสาปพวกเท่าน มนุษย์เชื้อสายนาคทุกคนที่สมสู่กับนาคี ให้ถือกำเนิดเป็น 'นาคชั้นต่ำ' แต่ธาร บุตรชายของเรา เขาคือมนุษย์ครึ่งนาค ผู้มีบิดาเป็นพญานาคราช มารดาเป็นมนุษย์ ซึ่งมีศักดิ์สูงกว่าพวกที่มีมนุษย์เป็นบิดาและมารดาเป็นนาคี” 
“ถึงเช่นนั้นก็เถอะ เราจะสะใจมาก ถ้าบุตรชายของท่านเป็น 'นาคชั้นต่ำ' เหมือนเช่นพวกเราเคยเป็น ถ้าท่านยังชักช้า รีรอ เราจะเสนอเรื่องนี้ขึ้นสู่สภาพญานาค เดี๋ยวนี้” อนาคินยืนยัน ใบหน้านั้นยังคงยิ้มเยาะอย่างเย้ยหยัน 
“แล้วพวกท่านจะเสียใจ ที่บังอาจมาเล่นงานเรา ต่อให้มีนาคราชเช่นพวกท่านนับร้อยนับพัน ก็มิอาจหาญมาสู้เรา ... เพียงแค่หนึ่งเดียวได้” พญานาคราชผู้ไม่เคยก้มหัวให้ใครได้กล่าวทิ้งท้ายและคำพูดนี้ก็ทำให้ อนาคินถึงกับแสดงสายตาที่หวาดกลัวออกมา ส่วนอนันดานั้นยังคงนิ่งเฉยอยู่เหมือนเช่นเคย 
“ธาร ลูกพ่อ นับจากนี้ไป ลูกจงกลายเป็น 'นาคชั้นต่ำ' ผู้ซึ่งปราศจากอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์ทั้งปวง สิ่งเดียวที่ลูกทำได้คือการแปลงกายเป็นนาค จำไว้ ลูกเกิดบนบกห้ามลงไปแปลงกายในน้ำเด็ดขาด!! ลูกจงแปลงกายบนบกแล้วค่อยเลื้อยลงไปสู่แม่น้ำโขงโดยห้ามมิให้มนุษย์ผู้ใดพบเห็น” 
“ในทุก ๆ 7 วันลูกต้องลงไปแช่ตัวในแม่น้ำโขง เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นและมีชีวิตชีวา ต้องทำเช่นนี้จนกว่าลูกจะอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ เมื่อนั้นร่างกายมนุษย์ของลูกก็จะสูญสลายไป ลูกจะต้องลงสู่เมืองบาดาลในร่างกายของ 'นาค' เพื่อร่ำเรียน บำเพ็ญเพียร เสริมสร้างบารมีให้กับตนเองจากเหล่าปรมาจารย์นาคราชทั้งหลาย” 
“เมื่อวันนั้นมาถึงลูกจะไม่ได้กลับสู่โลกมนุษย์อีกเลย จนกว่าลูกจะเรียนรู้วิธีแปลงกายเป็นมนุษย์ได้อีกครั้งหนึ่ง” 
หญิงสาวยืนนิ่งคล้ายรูปปั้นสาวแสนสวยในเทพนิยายกรีก สิ่งเดียวที่เคลื่อนไหวได้คือเส้นผมยาวสลวยของเธอที่ยังคงปลิวไสวไปตามแรงลม เธอกลับคืนสู่สถานที่ปัจจุบันและธารได้เล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้เธอฟังไม่ใช่ด้วยคำพูดแต่มันคือการสัมผัสและดึงจิตวิญญาณของเธอเข้าสู่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น เธอมองเห็นทุกอย่างเหมือนเธอยืนอยู่ตรงนั้นหรือไม่ก็เหมือนเธอกำลังดูภาพยนตร์จอใหญ่ที่มองเห็นทุกอย่างได้ครบ 360 องศา โดยมีธารเป็นจุดศูนย์กลาง ธารเริ่มปล่อยมือจากพี่สาว รอยยิ้มจาง ๆ เริ่มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ยังคงเจ็บปวดรวดร้าวและทุกข์ทรมาน 
“นายทำแบบนี้ได้ยังไง นายเล่าเหตุการณ์ด้วยวิธีนี้ได้ยังไง ในเมื่อนายไม่มีอิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์” น้ำเอ่ยถามน้องชายอย่างสงสัย 
“บางอย่างพ่อเป็นคนสอน แต่บางอย่างผมก็เรียนรู้ด้วยตัวเอง ในถ้ำของพ่อมีตำราบางอย่างถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ผมแอบไปเอามาเรียนรู้ ฝึกฝน ผมจำเป็นต้องมีอิทธิฤทธิ์บ้าง เพื่อป้องกันตัวเองและต่อสู้กับศัตรู” 
“เรียนรู้ด้วยตัวเอง? นี่นายเอาเวลาเรียนที่โรงเรียนไปแอบฝึกวิชาคาถาอาคมพวกนี้นะเหรอ?” 
“ใช่ ผมจำเป็นต้องมีไว้เพื่อป้องกันตัว ยิ่งตอนนี้พ่อไม่อยู่ปกป้องผมแล้ว ผมยิ่งต้องเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองจากพวกศัตรู” 
“ศัตรูของนายคือใคร” น้ำเอ่ยถามน้องชายอย่างเป็นห่วง 
“ครุฑ นาค อมนุษย์ต่าง ๆ เมื่อพี่ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป พี่ก็จะมองเห็นพวกมัน และมันก็อาจจะเป็นมิตรหรือศัตรูที่คอยเล่นงานพี่” ธารตอบพลางมองดูรอยเขียวคล้ำตามร่างกาย 
“บาดแผลพวกนี้ เกิดจากศัตรูที่เป็นอมนุษย์เหรอ” น้ำเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย เธอจับมือน้องชายขึ้นมาพลางสำรวจตามแขนขาและใบหน้าของน้องชายที่เป็นรอยแดงจ้ำหรือไม่ก็ก็รอยขีดข่วน 
“ใช่” ธารตอบห้วน ๆ 
“นายไม่ได้ทะเลาะกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนใช่มั้ย ทำไมถึงมีรายงานจากทางโรงเรียนมาว่านายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อน ๆ ตลอดเลย” น้ำยังคงซักไซ้น้องชาย 
“พ่อเป็นคนสร้างภาพให้เป็นแบบนี้เพราะบางทีบาดแผลก็เยียวยาตัวเองไม่ทัน” ธารตอบ 
“หมายความว่ายังไง พ่อเป็นคนสร้างภาพพวกนี้ แล้วบาดแผลเยียวยาตัวเองไม่ทันหรือว่าบาดแผลของนายหายเองได้โดยไม่ต้องรักษา” 
“บาดแผลของผมจะหายเองได้และเร็วกว่ามนุษย์หลายร้อยเท่า แต่บางครั้ง บางบาดแผลก็รุนแรงเกินไปที่จะเยียวยาได้ในเวลาที่รวดเร็ว บางทีก็มีรอยฟกช้ำหรือรอยเลือด รอยกรีด รอยฉีกปรากฏให้เห็นก่อนแผลจะหายดี พ่อจำเป็นต้องสร้างภาพให้ผมเป็นเด็กเกเร ในสมองของทุกคน เขาจะได้เลิกสงสัย ว่าบาดแผลเหล่านี้เกิดจากอะไร” ธารตอบ 
“แล้วอนันดากับอนาคินพวกเขาเป็นใคร พวกเขาเข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้ยังไง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกตาสีเขียวสองคนนั้น นายคงไม่ถูกพ่อสาปให้เป็น 'นาคชั้นต่ำ'” 
“ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร จู่ ๆ พวกเขาก็โผล่มาปรากฏตัวที่ถ้ำนั่น เขาไม่เคยเป็นมิตรกับผมแต่ก็ไม่ได้เป็นศัตรู พวกเขาคงเป็นศัตรูเก่าของพ่อ แต่พวกเขาเป็นมิตรกับพี่” 
“มิตรกับพี่? เขาจะมาเป็นมิตรกับพี่ได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นศัตรูเก่าของพ่อ” 
“พี่จำไม่ได้เพราะพี่ถูกลบความทรงจำ แต่เมื่อไหร่ที่พี่กลายร่างเป็นนาค เมื่อนั้นความทรงจำที่เคยถูกลบเลือนไปจำกลับคืนมาจนหมด พี่ก็จะจำได้ว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นมิตรกับพี่” 
“พี่จะกลายร่างเป็นนาคได้ยังไง หรือพี่ต้องเข้าพิธี 'เลือก'? เพราะพี่อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์แล้ว แต่ พี่ยังไม่ได้เลือกเลย" น้ำพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น นี่คือความรู้ใหม่สำหรับเธอเช่นกัน เธอคือมนุษย์ครึ่งนาค เธอควรจะเลือกเป็นอะไรดี เธออยากเป็นมนุษย์หรือเธออยากเป็นนาคหรือยังคงไว้ซึ่งมนุษย์ครึ่งนาค 
“พี่น้ำเองก็ไม่มีสิทธิ์เลือก พ่อและแม่เลือกให้พี่แล้ว” 
“หมายความว่ายังไง พ่อกับแม่เลือกให้พี่แล้ว?” 
“ผมไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงของทั้งคู่ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมให้พี่เลือก ผมรู้แค่ว่า ... พ่อกับแม่ยอมตายเพราะปกป้องพี่ มีนาคอีกหลายตัวเข้ามาช่วยเหลือพี่ในวันนั้น มีครุฑด้วย... แต่ผมไม่รู้ว่าพวกมันมาช่วยพี่หรือมาเล่นงานกันแน่ มันก้ำกึ่งมาก” 
“นายรู้เรื่องทั้งหมดมาโดยตลอดแต่พี่กลับคิดว่าวันนั้นนายทำตัวกบฏ ไปทะเลาะกับเพื่อน ๆ ที่โรงเรียนจนได้รับบาดเจ็บแล้วถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเลยไม่ได้เดินทางไปกับพวกเรา” 
“ผมไม่ได้ทะเลาะกับเพื่อนที่โรงเรียน วันนั้นผมถูกนาคตนหนึ่งเล่นงาน มันจ้องจะเล่นงานผมมานานแล้ว แต่เพราะพ่อคอยช่วยเหลือและปกป้องผมมาตลอด” 
“เป็นเพราะพี่แท้ ๆ ตอนนี้นายเลยไม่มีใครคอยปกป้องและให้ช่วยเหลือ” น้ำเริ่มรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้พ่อและแม่ต้องเสียชีวิต 
“ตั้งแต่พ่อตายไปก็มีนาคอยู่ตัวหนึ่งคอยช่วยเหลือและปกป้องผม มันคอยปกป้องพี่ด้วยเช่นกัน รวมทั้งวันที่เราทะเลาะกัน นาคตัวร้ายมันพุ่งเข้ามาเล่นงานแต่ผมต้านมันเอาไว้ ผมสู้มันไม่ได้ นาคตัวนั้นก็โผล่เข้ามาช่วยเหลือผม ผมจึงถือโอกาสหลบหนีไปได้” 
“ผมไม่รู้ว่านาคตัวนั้นเป็นใครกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ ผมเชื่อว่าแม่ต้องรู้ เพราะผมแอบได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกันใหญ่โต แม่เอ่ยถึงนาคตนนั้นแล้วแม่ก็บอกว่าให้ตายแม่ก็ยอมขอแค่ให้พี่ได้เป็นมนุษย์ แม่สัญญาไว้แล้ว ว่าจะไม่ยอมให้พี่เลือก พี่ต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น” 
“แม่เองก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” 
“ใช่ แม่รู้เรื่องทุกอย่าง แต่แม่ต้องการปกป้องพี่จากทุกสิ่ง แม่อยากให้พี่ปลอดภัยอยู่ในโลกมนุษย์” 
“พี่ปลอดภัยในโลกมนุษย์? แล้วนายล่ะ? ตลอดเวลานายต้องตกอยู่ในอันตราย พี่ต้องทำยังไงถึงจะปกป้องและช่วยเหลือนายได้ ในเมื่อพี่มองไม่เห็นว่าใครทำร้ายนาย” 
“พี่น้ำไม่ต้องปกป้องผมหรอก เพราะชีวิตพี่ตกอยู่ในอันตรายมากกว่าผม พี่บอกว่าพี่มองเห็นครุฑ ไหนบอกผมซิ ครุฑที่พี่เห็นรูปร่างหน้าตามันเป็นอย่างไร” 
“เหมือนในตำนานได้กล่าวไว้ ตัวใหญ่มาก สูงเกือบสองเมตร ครึ่งบนเป็นมนุษย์ เปลือยอก ครึ่งล่างเป็นนก ส่วนหัวเป็นมนุษย์แต่มีปากเหมือนนก มีปีกขนาดใหญ่มาก พอจะปิดบังแสงอาทิตย์ได้เลย” น้ำพยายามจะนึกภาพที่เธอมองเห็น 
“งั้น ตอนนี้พี่ก็ไม่ปลอดภัยบนโลกมนุษย์แล้ว” ธารจ้องมองพี่สาวด้วยแววตาห่วงใย นี่เป็นครั้งแรกที่น้ำมองเห็นแววตาเช่นนี้จากน้องชายของเขา 
“ครุฑ เป็นสัตว์ชั้นสูงที่ไม่เคยปรากฏตัวให้มนุษย์เห็น ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ การที่พี่มองเห็นครุฑ ย่อมไม่ใช่ลางดีแน่”
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา